I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง - ตอนที่ 815
ไข่ขั้นสมบูรณ์
โจวเหวินกลับไปที่หอก่อนจะใช้ไข่แห่งความวินาศรักษาอาการบาดเจ็บ แต่เขาก็ต้องพบว่า ไข่แห่งความวินาศนั้นพัฒนาไปได้แค่นิดเดียวเท่านั้น
“ดูเหมือนว่าพลังของมนุษย์มันจะอ่อนแอเกินไปซินะ ความเสียหายที่ทำได้ก็น้อยมากเกินกว่าจะพัฒนาวิญญาณชิวิตได้ ดูเหมือนว่าจะต้องไปตามหาพื้นที่ต่างมิติหรือหาพวกสิ่งมีชีวิตระดับเร้นลับซะแล้ว”โจวเหวินล้มเลิกความคิดที่จะไปสู้กับมนุษย์ ในบรรดามนุษย์ทั้งหมดนั้น มีมนุษย์ที่เป็นระดับเร้นลับอยู่แค่หยิบมือเท่านั้น ซึ่งส่วนมากก็ได้มาจากการทำสัญญากับผู้พิทักษ์ด้วย
แต่ ณ ตอนนี้ การจะหาพื้นที่ต่างมิติใหม่ๆนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โจวเหวินคิดแล้วคิดอีก แต่ทันใดนั้นเขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เดี๋ยวก่อนนะ ไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บที่ได้จากคำสาปมันจะนับรึเปล่า เพราะว่าถ้านับ แต่ละพื้นที่ต่างมิติมันก็มีคำสาปที่แตกต่างกัน แต่สุดท้ายมันก็นับเป็นอาการบาดเจ็บใช่ไหม”
พอคิดแบบนั้นโจวเหวินก็เข้าเกมส์ไปแล้วเข้าไปในวัดพระน้อยเพื่อลองดูทันที รอบนี้โจวเหวินเข้าไปในวัดพระน้อยโดยที่ไม่ใช้วิชาจุลปรัชญา และไม่ใช่สกิลช่วยป้องกัน จากนั้นเขาก็เริ่มเดินขึ้นไป
หลังจากเดินไปได้ไม่นาน โจวเหวินก็เริ่มรู้สึกแปลกๆกับร่างกาย เขาเริ่มกระอักเลือดแล้วล้มลงกับพื้น ตอนนั้นเองที่โจวเหวินรีบใช้วิญญาณชีวิตไข่แห่งความวินาศห่อหุ้มร่างกายของโจวเหวินไว้ด้านใน
ไข่แห่งความวินาศนั้นทำงานทันที ตอนที่โจวเหวินอยู่ในไข่นั้น คำสาปที่อยู่ด้านนอกนั้นทำอะไรเขาไม่ได้ ไข่แห่งความวินาศเริ่มซ่อมแรมร่างกายของโจวเหวินทันทีจนเขารู้สึกได้ พร้อมๆกับไข่แห่งความวินาศที่แข็งแกร่งขึ้นด้วย
“ได้จริงๆด้วย”โจวเหวินดีใจมาก หลังจากที่เขารักษาหายแล้วเขาก็เดินต่อไปเรื่อยๆ แล้วเขาก็บาดเจ็บอีกครั้ง แต่รอบนี้ถึงแม้ว่าไข่แห่งความวินาศจะรักษาเขาได้ แต่มันก็ไม่ได้พัฒนาต่อไปอีกแล้ว
“คำสาปนึงก็ใช้ได้ครั้งเดียวเหมือนกันซินะ ถ้างั้นไหนลองนับดูซิว่ามีพื้นที่ต่างมิติไหนมีคำสาปมั่ง”โจวเหวินลองคำนวณดู แต่ละพื้นที่ต่างมิตินั้นก็มีคำสาปเป็นของตัวเองแตกต่างกันออกไป
จากนั้นโจวเหวินก็เริ่มตระเวนไปเผชิญคำสาปต่างๆ ซึ่งไข่แห่งความวินาศก็พัฒนาไปได้ไวมาก คำสาปนั้นทำให้ไข่แห่งความวินาศพัฒนาไปได้เร็วกว่าตอนที่บาดเจ็บจากสิ่งมีชีวิตระดับเร้นลับซะอีก ตอนที่โจวเหวินเดินไปรอบๆเมืองหวงฉวนนั้นเอง ตอนที่คำสาปกำลังจะเริ่มทำงาน แล้วโจวเหวินกำลังจะโดนระเบิดหัว โจวเหวินก็กลับเข้ามาในไข่แห่งความวินาศแล้วรักษาร่างกายจนหาย
ขั้นตอนการรักษานั้นทำให้ไข่แห่งความวินาศเริ่มพัฒนาร่างอีกครั้ง ของเหลวภายในนั้นที่ดูคล้ายๆกับน้ำแร่ ตอนนี้เปลี่ยนไปในที่สุด
ของเหลวพวกนั้นจู่ๆก็ซึมเข้าสู่ร่างกายของโจวเหวิน ทำให้ร่างกายของโจวเหวินนั้นรู้สึกเหมือนกำลังหลอมเหลวเป็นของเหลวยังไงอย่างงั้น ความรู้สึกนี้มันชัดเจนมาก ถึงแม้ว่าของเหลวนั้นจะยังพอจับต้องได้ แต่พอเป็นของเหลวนี้แล้วโจวเหวินก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายได้ เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะอธิบายความรู้สึกของคนที่เหลวเป็นน้ำแล้วไหลกลิ้งไปมาอยู่ในไข่หิน ตอนนี้โจวเหวินรู้สึกแบบนั้นจริงๆ และมันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมสุดๆไปเลยด้วย
ตอนแรกนั้นไข่แห่งความวินาศเป็นเพียงแค่ไข่ที่มีเปลือกหนาอย่างเดียวเท่านั้น พอเป็นขั้นพัฒนา ของเหลวก็เริ่มไหลเข้ามา แต่ตอนนี้ทั้งไข่กำลังหลอมรวมกันกลายเป็นเนื้อเดียวกันจนไม่มีพื้นที่ด้านในแล้ว
ไข่แห่งความวินาศพัฒนาเป็นระดับสมบูรณ์แล้ว ข้อความในเกมส์ปรากฏขึ้นมา
“ไข่แห่งความวินาศพัฒนาเป็นขั้นสมบูรณ์ พลังงานลมปราณ +1”
โจวเหวินเห็นตัวอักษรคำว่าพลังงานลมปราณ+1 เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเปราะใหญ่มากๆ เขารีบไปอ่านค่าความสามารถของเขาทันทีแล้วพบว่าค่าพลังงานลมปราณของเขามันเพิ่มขึ้นเป็น41จริงๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงแค่นิดเดียว แต่มันก็คือก้าวที่ยิ่งใหญ่ที่โจวเหวินรอคอยมาเนิ่นนาน
การที่ค่าความสามารถทะลุขีด40ได้ ไม่ได้หมายความแค่ว่าค่าความสามารถเพิ่มขึ้นอย่างเดียว แต่นั้นหมายความว่าโจวเหวินสามารถดูดซับผลึกพลังงานได้ถึงระดับ41แล้ว
สกิลบางสกิลนั้นจะแรงขึ้นตามพลังงานลมปราณที่ใช้ หรือใช้ได้นานขึ้นตามพลังงานที่มี เพราะงั้น การที่มีค่าพลังงานเพิ่มขึ้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ
ไข่แห่งความวินาศ ขั้นสมบูรณ์
โจวเหวินมองดูคำอธิบายของไข่แห่งความวินาศแต่ก็ไม่พบการเปลี่ยนแปลงอะไร แต่การที่เป็นขั้นสมบูรณ์นั้นทำให้การฟื้นฟูร่างกายเพิ่มขึ้น แค่นั้นเอง
“ไข่แห่งความวินาศมันทำหน้าที่ได้แค่รักษาตัวเองจริงๆเหรอ”โจวเหวินไม่ค่อยเชื่อเท่าไร เพราะเดิมทีแล้วมันเป็นวิญญาณชีวิตที่เกิดมาจากวิชาลมปราณปฐมภาคีแห่งความวินาศ ซึ่งเป็นวิชาของเทพเคอัส มันไม่น่าจะมีแค่ความสามารถเดียวดาดๆแบบนี้ แต่โจวเหวินก็ลองแล้วลองอีกตั้งหลายครั้ง เขาก็พบว่านอกจากฟื้นฟูตัวเองแล้ว เขาก็ไม่เห็นจะใช้อะไรได้อีกเลย
ยังไงก็เถอะ ตอนนี้อย่างน้อยก็ต้องหาทางพัฒนาวิญญาณชีวิตให้สำเร็จเป็นขั้นสูงสุดให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าถ้าพัฒนาวิญญาณชีวิต 2 ดวงโดยที่มีค่าความสามารถเสริมกัน จะทำให้ค่าความสามารถทะลุขีดพิกัดได้ตอนนี้โจวเหวินเองก็เรียนรู้วิชาลมปราณมาเยอะมากแล้วด้วย แถมมันน่าจะมีวิชาที่เสริมค่าเดียวกันเยอะพอสมควรเลย” โจวเหวินเริ่มคำนวณในใจ
ตอนนี้โจวเหวินสามารถตัดวิชาลมปราณ เต๋ากับปฐมภาคีแห่งความวินาศได้แล้ว เพราะมันเพิ่มค่าพลังงานไปแล้ว
ตอนนี้เหลือวิชาจุลปรัชญาปารมิตาที่เพิ่มค่าร่างกาย วิชาจักรพรรดิโบราณที่เพิ่มค่าพลัง วิชาจ้าวปีศาจที่เพิ่มค่าความเร็ว นอกเหนือจาก3วิชานี้ โจวเหวินก็ยังมีวิชาอีก เช่นวิชาขโมยดวงดาว ซึ่งพึ่งได้เรียนรู้มาไม่นานนี้เอง จนถึงตอนนี้พลังชีวิตยังไม่ได้เลย
แต่โจวเหวินรู้สึกว่าวิชาขโมยดวงดาวนั้นมันคล้ายคลึงกับวิชาจ้าวปีศาจ แปลว่ามันก็น่าจะเป็นค่าความเร็วเหมือนกัน
“ถ้างั้นลองฝึกวิชาขโมยดวงดาวไปก่อนละกัน แล้วค่อยมาตามพัฒนาวิญญาณชีวิตมิติสูญหายทีหลัง โจวเหวินตัดสินใจที่จะพัฒนาวิญญาณชีวิตมิติสูญหายกับฝึกวิชาขโมยดวงดาวให้ได้วิญญาณชีวิต
วิญญาณชีวิตของจ้าวปีศาจตอนนี้คือมิติสูญหาย ซึ่งโจวเหวินศึกษามานานมากแล้วทั้งจากหนังสือจากการลงมือตายเองจริงๆ
เพียงแค่ว่าช่วงนี้มีอะไรให้ทำเยอะเกินไปทำให้โจวเหวินไม่มีเวลาได้ไปฝึกมันมากนักทำให้มันไม่พัฒนาซักที
ขั้นตอนการพัฒนาวิญญาณชีวิตนี้เรียกได้ว่าบอกได้ยากมาก เพราะโจวเหวินนั้นเรียกได้ว่าใช้วาปทุกวัน ทุกๆครั้งที่เขาวาป มิติสูญหายจะค่อยๆพัฒนาไปทีละน้อย แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความที่ว่าการวาปแต่ละครั้งนั้นใช้เวลาอย่างต่ำในการรี24ชั่วโมงเต็ม เพราะงั้น มันจึงค่อยๆพัฒนาได้อย่างช้าๆ ตามที่โจวเหวินคาดการณ์ไว้ เขาต้องวาปทั้งหมดอย่างน้อย 1000ครั้ง ถึงจะพัฒนาได้
ซึ่งจากที่คำนวณมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพัฒนาเป็นขั้นพัฒนาได้ในปีนี้ แล้วจากขั้นพัฒนาไปเป็นขั้นสมบูรณ์อีก จำนวนวันที่ต้องใช้มันต้องมากกว่าเดิมหลายเท่าแน่ๆ เพราะงั้นโจวเหวินเลยไม่อยากรอแล้ว
แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางออกอื่นเสมอไป เพราะเขาได้พบแล้วว่า ถ้ามีสัตว์อสูรระดับเร้นลับที่วาปได้ละก็ถ้าสัตว์อสูรตัวนั้นเป็นสัตว์ขี่ โจวเหวินเองก็สามารถวาปไปพร้อมๆกับสัตว์อสูรตัวนั้นได้เลย
แล้ววิธีการพัฒนาวิญญาณชีวิตมิติสูญหายง่ายๆ ก็คือการวาป ซึ่งจะวาปแบบไหนก็ได้ทั้งนั้นถ้าทำแบบนั้นแล้ว วิญญาณชีวิตของเขาจะสามารถพัฒนาไปได้ไวขึ้นกว่าเดิมมาก มันจะช่วยลดเวลาลงมากเลย
สัตว์อสูรระดับเร้นลับที่โจวเหวินพูดถึงนั้นมีชื่อว่าเทพวิหกทมิฬ ว่ากันว่ามันเป็นของวีรบุรุษคนแรกของรัฐบาลกลาง ซึ่งเขาได้ยินมาว่าจะถ่ายโอนให้กับทายาทของเขา ว่ากันว่าเทพวิหกทมิฬนั้นเป็นสัตว์อสูรที่ล้ำค่าที่สุดของตระกูลฉางเลยก็ว่าได้
โจวเหวินกับตระกูลฉางนั้นไม่ได้มีสัมพันธ์อันดีอะไรกันซักเท่าไร เขารู้จักแค่ฉางหยูฉีคนเดียวเท่านั้น และจู่ๆจะให้เขาไปยืมสัตว์อสูรสุดล้ำค่านั้นมาก็คงจะเป็นเรื่องที่เกินจริงเกินไปหน่อย
“เริ่มจากการลองถามฉางหยูฉีดูดีกว่าว่าเทพวิหกทมิฬนั้นมันดรอปออกมาจากที่ไหน ถ้ามีโอกาสฉันจะได้แอบลองเข้าไปในนั้นดู แต่ถ้าไม่มีโอกาส อย่างน้อยก็ได้ลองดูละนะ”โจวเหวินเลยพยายามส่งข้อความหาฉางหยูฉี แต่เขาเองก็ไม่แน่ใจว่านางจะเห็นหรือตอบไหม เพราะเอาเข้าจริงๆ ฉางหยูฉีอาจจะไม่เคยได้มีโอกาสใช้โทรศัพท์ด้วยซ้ำ