I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง - ตอนที่ 816
ชินกับความตาย
แต่น่าประหลาดใจตรงที่จู่ๆ ฉางหยูฉีดันตอบกลับมาซะอย่างนั้น “นายไม่รู้จักที่มาของเทพวิหกทมิฬเหรอ
“ฉันรู้แค่ว่ามันเป็นสัตว์อสูรของวีรบุรุษตระกูลเธอหน่ะ”โจวเหวินตอบ
“ไม่ใช่ว่าบ้านเกิดนายอยู่ที่กุ๋ยเต๋อเหรอ แต่นายกลับไม่รู้จักเทพวิหกทมิฬเนี่ยนะ”ฉางหยูฉีดูจะประหลาดใจเล็กน้อย
“แล้วมันแปลกเหรอ หรือว่าเทพวิหกทมิฬมันจะไปอยู่ที่แถวๆกุ๋ยเต๋อเหรอ”โจวเหวินถามด้วยความตกใจ
“เทพวิหกทมิฬมันอยู่ในเมืองโบราณของกุ๋ยเต๋อเลยละ”ฉางหยูฉีพูด
“บ้าหน่า เป็นไปไม่ได้”โจวเหวินตอบกลับทันที เมืองโบราณแห่งกุ๋ยเต๋อหรือที่เรียกกันว่าอาณาจักรโบราณในเกมส์นั้น โจวเหวินฟาร์มที่นั้นมาเป็นพันครั้งได้แล้ว ที่นั้นไม่มีระดับเร้นลับซักกะตัว อย่าว่าแต่จะเป็นถึงระดับเทพวิหกทมิฬเลย
“จะเป็นไปไม่ได้ได้ยังไงกันละ นายไม่รู้เหรอว่าเทพวิหกทมิฬนั้นจริงๆแล้วมันเป็นตัวแทนของการค้าขายหน่ะ แล้วที่กุ๋ยเต๋อเองก็มีสถานที่ ที่ชื่อว่าตลาดวิหกดำด้วยนะ แล้วแบบนี้นายจะมาบอกว่าเทพวิหกทมิฬไม่ได้อยู่ที่กุ๋ยเต๋อได้ไงกัน”ฉางหยูฉีพิมกลับมารัวมากๆ
โจวเหวินตกใจสุดๆ เขาลืมเรื่องแบบนี้ไปได้ยังไงกัน
เทพวิหกทมิฬนั้นเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลฉาง เป็นนกเทพที่ว่ากันว่าตามตำนานแล้วเทพวิหกทมิฬก่อกำเนิดพ่อค้าคนแรก แล้วพ่อค้านั้นก็กลายมาเป็นตระกูลฉางถึงปัจจุบัน ว่ากันว่าตระกูลฉางนั้นคือลูกหลานเทพวิหกทมิฬ แต่โจวเหวินไม่เคยสังเกตุเลยว่าเทพวิหกทมิฬที่ว่ากับเทพวิหกทมิฬของตระกูลฉางนั้นจะเป็นตัวเดียวกัน
“…แต่ว่าที่เมืองโบราณกุ๋ยเต๋อนั้น ฉันไปที่นั้นบ่อยมากๆเลยนะ ไม่เห็นจะมีเทพวิหกทมิฬซักตัว แค่นกสีดำยังไม่มีเลย ไม่ซิ แค่ระดับเร้นลับยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ”โจวเหวินส่งข้อความกลับ
ในเมืองโบราณกุ๋ยเต๋อนั้นยังไงก็ไม่มีแน่ๆ โจวเหวินไม่มีทางผิดพลาดได้เลย
ฉันเองก็ฟังมาจากผู้อาวุโสมาอีกทีเหมือนกัน ปู่ของฉันที่เป็นราชาวีรบุรุษนั้นพูดออกมาเองเลยว่า ครั้งนึง ตอนที่เขาเดินผ่านเมืองโบราณกุ๋ยเต๋อ เขาพาภรรยาของเขาเข้าไปในนั้น และบนแท่นนั้นเอง เขาก็ได้เจอกับเทพวิหกทมิฬ ปู่ของฉันได้เข้าปะทะกับมัน และเขาก็ได้สัตว์อสูรของมันกลับมาจนถึงทุกวันนี้เรื่อยมา แต่ฉันเองก็ได้ยินมาว่านับแต่นั้นมาก็แทบจะไม่มีคนเคยเห็นเทพวิหกทมิฬปรากฏตัวขึ้นมาแถวกุ๋ยเต๋ออีกเลย ตระกูลฉางเองก็เคยไปลองหาดูแล้วเหมือนกัน แต่ก็ไม่เจอ”ฉางหยูฉีอธิบาย
“นั้นเท่ากับว่ามันมันไม่มีถูกไหม”โจวเหวินพิมแบบกุมขมับ
“จะว่าไปแล้วทำไมถึงถามแบบนั้นละ คงไม่ได้มีความคิดว่าจะมาชิงเทพวิหกทมิฬของเราไปใช่ไหม”ฉางหยูฉีพูดหยอกเล่น
“สัตว์อสูรมันชิงเอามาไม่ได้นี้ ถึงฉันจะอยากได้มันแต่ก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี”โจวเหวินตอบ
“แล้วถ้านายบอกว่านายอยากจะได้มันน่ะ นายจะเอามันไปทำอะไรกันแน่”ฉางหยูฉีถาม
“เทพวิหกทมิฬมีความสามารถในการวาปใช่ไหมละ ฉันอยากจะขี่มันแล้ววาปหนีปัญหาหน่ะเวลาจำเป็น เธอก็น่าจะรู้นี้ว่ามีคนหมายหัวฉันเยอะจะตาย โดยเฉพาะกรมควบคุมพิเศษหน่ะ”โจวเหวินพยายามหาเหตุผลมาพูด
“ฉันคงช่วยนายไม่ได้หรอก แต่นายจะลองไปที่เมืองโบราณกุ๋ยเต๋อก็ได้นะ ไปลองเสี่ยงดวงดู บางทีนายอาจจะโชคดีก็ได้ แต่ถ้านายเจอมันขึ้นมาแล้ว นายจะสู้มันได้ยังไงละ สกิลวาปมันโกงมากเลยนะ ไม่ว่าดาบนายจะเร็วแค่ไหนแต่ถ้าฟันไม่โดนก็หมดสิทธิแล้วนะ”
“ดวงฉันไม่มีหรอกเอาจริงๆ แต่เดี๋ยวฉันจะลองหาทางอื่นดู “โจวเหวินเปลี่ยนเรื่อง “จะว่าไปแล้วเธอมีแผนว่าจะออกไปไหนไหมช่วงนี้ เธอจะมาเที่ยวที่ลั่วหยางก็ได้นะ”
“ฉัน ออกไป ไม่ได้”เธอส่งข้อความนี้มาแล้วเงียบหายไปทันทีโจวเหวินลองส่งข้อความกลับก็ไม่ตอบกลับมาแล้ว
“เทพวิหกทมิฬของตระกูลฉางได้มาจากเมืองโบราณที่กุ๋ยเต๋อจริงๆเหรอ ถ้าจริงแสดงว่าเมืองโบราณนั้นอาจจะมีดีมากกว่าที่คิดก็ได้”โจวเหวินเริ่มคิดถึงมีดหินในระเบียงเทพแห่งไฟ
เทพวิหกทมิฬเองก็ถูกพบบริเวณระเบียงเทพแห่งไฟเหมือนกัน มีดหินเองก็อยู่ในนั้นด้วย ถ้าเราดึงมีดหินออกละก็ พื้นที่ต่างมิติเมืองโบราณทั้งเมืองก็จะถูกทำลายและเชื่อมต่อกับโลกมนุษย์อย่างสมบูรณ์
โจวเหวินเองก็ตื่นเต้น ไม่ซิกลัวเรื่องที่จะดึงมีดหินออกมา
เพราะโจวเหวินลองคิดๆดูแล้ว ในกุ๋ยเต๋อเองก็มีคนเก่งๆน้อยคนมากๆ ถ้าเกิดมีดหินโดนดึงออกมา แล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ ถึงตอนนั้น คนนับหมื่นคงได้โดนฆ่าตายแน่ๆ
“ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางเอาเทพวิหกทมิฬมาได้เลยแหะ ช่วยไม่ได้คงต้องหาแผน2แล้วละ”โจวเหวินนั้นมีทางไปต่อเสมอ แต่ทางที่ว่านั้นมันเชื่อถือไม่ค่อยได้เท่าไร ถ้าเลือกได้โจวเหวินก็ไม่ค่อยอยากเลือกทางนี้ เพราะมันไม่รู้ว่าจะสำเร็จไหม
การวาปนั้นเป็นความสามารถในทางมิติ ในทางทฤษฎีแล้ว ดวงตากระจกของมังกรเทียนก็นับว่าเป็นการวาปเหมือนกัน แต่การวาปของที่อยู่ตรงหน้าเข้าไปในมิติกระจกของมังกรเทียน ประเด็นคือถ้าวาปเข้าไปแล้วก็จะตายในนั้น เพราะงั้นโจวเหวินเลยไม่ค่อยอยากจะลองเท่าไร
วิธีของโจวเหวินก็คือ การให้ตัวละครในเกมส์ของโจวเหวินเป็นคนตายแทนแล้วให้มังกรเทียนฉายดวงตากระจกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยใช้ตัวละครของโจวเหวินเป็นคนวาปแทนทำให้พัฒนาวิญญาณชีวิตได้เหมือนกัน
หลังจากที่เข้ามาในเกมส์แล้วโจวเหวินก็ขี้เกียจไปที่ปราสาทมังกรเทียน เขาเลยอัญเชิญมังกรเทียนออกมาดื้อแล้วให้มังกรเทียนของเขาใช้ดวงตากระจกกับตัวละครของเขาหลังจากที่มองแล้วเกมส์ก็ดำมืดทันที
โจวเหวินหยดเลือดลงไปใหม่ และฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะให้มังกรเทียนใช้ดวงตากระจก ซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าโจวเหวินเสียเลือดไปมากแค่ไหนแล้ว
แต่เขารู้สึกได้จริงๆว่าวงแหวนมิติสูญหายนั้นตอนนี้กำลังเติบโต แต่อัตราการเติบโตนั้นจัดว่าช้ากว่าการวาปด้วยตัวเองพอสมควร อาจจะต้องตายแบบนี้อีกประมาณ1000 – 2000ครั้งโดยประมาณกว่าจะได้เลื่อนเป็นระดับพัฒนาได้ซึ่งนั้นหมายความว่าโจวเหวินต้องตายอีกประมาณหมื่นกว่ารอบ
โชคยังดีที่โจวเหวินมีไข่แห่งความวินาศในการรักษาไม่งั้นละก็โจวเหวินอาจจะต้องกังวลกับปริมาณเลือดในร่างบ้างแหล่ะ
โจวเหวินนั้นเดินไปตายอย่างบ้าคลั่งอยู่ในหอ ทุกๆครั้งที่เขาตาย ความตายจะกลายเป็นเองที่เฉยชาและชินชามากๆ แต่ผลที่ออกมาก็ยังอีกยาวไกล
“ถ้าเกิดมีเทพวิหกทมิฬนะ จะดีแค่ไหนกันเชียว ทำไมเทพวิหกทมิฬถึงไม่มีในเมืองโบราณนะ”โจวเหวินแอบๆเครียด ตอนนี้โจวเหวินนั้นเริ่มเข้าใจแล้วว่าการที่มนุษยจะไปถึงระดับเร้นลับได้นั้นมันยากเย็นเสียเหลือเกิน
มันไม่มีทางเลยที่คนธรรมดาจะสามารถฝึกวิชาลมปราณ8วิชาได้ในรวดเดียว และมันก็เป็นไปไม่ได้เลยด้วยที่พวกเขาจะพัฒนาค่าความสามารถไปถึงขั้น41 เพราะงั้น พวกเขาไม่มีโอกาสเป็นระดับเร้นลับเลย
ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะหาทางเรียน8วิชาลมปราณได้ก็จริง แต่วิธีการฝึกของแต่ละวิชานั้นต่างกันมาก หากไม่ได้พลังของโทรศัพท์ประหลาดช่วยละก็ ยังไงก็ไม่มีทางทำได้
แบบเดียวกับที่ไข่แห่งความวินาศทำได้เหมือนกัน ที่ต้องการบาดแผลมารักษาจะได้หายเร็วขึ้น คนส่วนมากก็อาจจะตายก่อนไม่ก็ฝึกจนเป็นบ้าไปก่อนแน่ๆ
วิญญาณชีวิตฆาตกรของโจวเหวินนั่นยิ่งแล้วใหญ่เลย เขาต้องฆ่าผู้พิทักษ์ ตัวแบบนั้นคนธรรมดาที่ไหนเขาฆ่าได้กัน ถึงแม้ว่าจะมีสัตว์อสูรระดับเร้นลับแต่ถ้าเจอผู้พิทักษ์เข้าไปก็สู้ไม่ไหวเหมือนกัน
ยกเว้นแต่ว่าจะเป็นแบบเสี่ยจิวชวน ที่ดูดกลืนเอาพลังของคนจำนวนมากมาใช้คนเดียว เพราะงั้นการพัฒนาขึ้นมาเป็นระดับเร้นลับได้นั้น มันเป็นเรื่องที่ยากมากๆเช่นกัน โจวเหวินคิดว่าเขาอาจจะต้องฝึกวิชาลมปราณเพิ่มมากกว่านี้ด้วย ซึ่งมันทำให้เขาปวดหัวมากยิ่งกว่านั้น วิชาลมปราณของโจวเหวินเองก็ยังไม่ครบ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีค่าความเร็วกับพลังงานลมปราณแล้ว โจวเหวินยังมีวิชาเลือดอสูรอีกด้วย ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่ามันเสริมค่าความสามารถอะไร
ถ้าเลือดอสูรเสริมค่าพลังหรือร่างกาย โจวเหวินก็ยังขาดวิชาลมปราณอีกแค่1เท่าน้น
โจวเหวินตอนนี้เริ่มชินกับการตายแล้ว โจวเหวินชินชามากๆ ตอนนี้เขาอยากพัฒนาวิญญาณชีวิตไปมากกว่านี้มากกว่า