I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง - ตอนที่ 826
ธุลีดาว
มันเป็นดวงดาวสีม่วงขนาดเล็กๆเหมือนฝุ่นผงที่สะท้อนแสงเรือนรางลอยอยู่บริเวณคิ้วของโจวเหวิน เหมือนเศษผลึก
วิญญาณชีวิต ธุลีดวงดาว ขั้นแรก
ธุลีดวงดาว ดวงดาวนับร้อยล้านบนจักรวาลอันกว้างใหญ่นั้นแท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่ฝุ่นผงธุลี แต่ธุลีเหล่านั้นคือสิ่งที่เหยียบอยู่เช่นกัน
โจวเหวินมองวิญญาณชีวิตธุลีดวงดาวแล้วรู้สึกได้ถึงพลังงานสายมิติที่แรงกล้าและข้อมมูลจำนวนหนึ่งที่ไหลเข้ามาในหัวของโจวเหวิน ทำให้โจวเหวินพอจะรู้ข้อมูลของมันอยู่บ้าง วิญญาณชีวิตธุลีดวงดาวนั้น จริงๆแล้วมันคือดวงดาวขนาดเล็กๆจริงๆ และความสามารถของมันนั้นคือการเคลื่อนย้ายข้ามมิติไปยังดวงดาวในจักรวาลแห่งนี้
ซึ่งเอาจริงๆมันก็คล้ายๆกับความสามารถของวิญญาณชีวิตอารยมิติมากๆ แต่ต่างกันตรงที่วิญญาณชีวิตธุลีดาวนั้นจะวาปไปได้แค่ระหว่างดวงดาวเท่านั้น ขอแค่มันเป็นดวงดาวที่มีอยู่จริงในจักรวาลน้อย หรือจักรวาลจริงๆ โจวเหวินก็สามารถวาปไปที่ไหนก็ได้
ยกตัวอย่างเช่น ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดวงจันทร์ ที่อยู่ใกล้ๆกับโลก รวมไปถึงดวงดาวทั้ง28กลุ่มดาว หรือดวงดาวที่ไกลกว่านั้น ขอแค่อยู่ในทะเลดวงดาวหรือจักรวาลน้อยของโจวเหวิน เขาก็สามารถวาปไปที่ไหนก็ได้
แต่ถึงอย่างนั้น คูลดาวน์ของสกิลนี้มันนานมากๆ การใช้ครั้งนึงกว่าจะใช้ได้อีกครั้งก็ต้องใช้เวลา1เดือนเต็มๆ
โจวเหวินตอนแรกก็อยากจะลองวาปไปดวงจันทร์ดู แต่พอลองมาคิดๆดูแล้ว เขาก็ยกเลิกแผนการของตัวเอง สภาพร่างกายของเขาในตอนนี้มันไม่มีทางอยู่รอดในอวกาศได้ แถมการจะไปนั้นเป็นเหมือนตั๋วเที่ยวเดียว กว่าจะกลับได้ก็อีก1เดือนเต็มๆ ถ้าเกิดเขาไปตอนนี้ก็อย่าหวังที่จะได้กลับมาเลย คงได้ขาดอากาศตายอยู่กลางอวกาศแน่ๆ
“ความสามารถนี้มันดูแกร่งมากก็จริง แต่เอาเข้าจริงแม่งโคตรไร้ประโยชน์เลยวะ มันมีความสามารถในการข้ามมิติระหว่างดวงดาวก็จริง แต่มันก็ไม่สามารถวาปไปมาภายในดวงดาวได้ จนถึงตอนนี้มนุษย์เองก็ยังหาดวงดาวที่เหมาะสมกับการไปอยู่นอกเหนือจากโลกไม่ได้ ถ้าขืนไปสดๆละได้ตายจริงๆแน่ๆ”โจวเหวินคิดเครียดๆ
โชคยังดีที่นอกจากความสามารถในการเคลื่อนย้ายระหว่างดาวได้ ธุลีดวงดาวยังเสริมพลังทั้งในด้านความเร็ว พลัง และพลังงานลมปราณอีกด้วย โดยเฉพาะยิ่งตอนกลางคืนเหมือนกับว่าได้รับพลังจากพรแห่งดวงดาวยังไงอย่างงั้น
เอาจริงๆตอนกลางวันก็ได้เหมือนกันแหล่ะ แต่เพราะว่าแสงอาทิตย์นั้นมันแรงเกินไปตอนกลางวันทำให้พรแห่งดวงดาวนั้นอ่อนแอลงมาก แต่พรที่ได้รับส่วนมากนั้นมาจากดวงอาทิตย์แทน
ว่ากันว่าหลังจากกลายเป็นระดับเร้นลับแล้ว เราจะมีความสามารถมากพอในการอยู่รอดในอวกาศได้ ซึ่งความสามารถนี้จะมีประโยชน์มากๆในอนาคตเลย
เท่าที่โจวเหวินรู้มันมีแค่นี้ ส่วนวิธีการใช้หรือความสามารถอื่นๆนั้นโจวเหวินต้องไปลองดูเอาเองอีกที
“จะว่าไปแล้วเราจะพัฒนาวิญญาณชีวิตนี้ยังไงละเนี่ย”โจวเหวินลองศึกษาหาวิธีการพัฒนาวิญญาณชีวิตธุลีดวงดาว
หลังจากเข้าเกมส์ไปแล้วโจวเหวินก็ลองใช้สกิลวาปข้ามดวงดาวของธุลีดวงดาว ฝุ่นผงที่คิ้วของเขาส่องประกายแสงทันทีก่อนที่ลำแสงจากตัวเขาจะส่งตัวของเขาพุ่งขึ้นไปบนฟ้า ทะลุข้ามมิติ ไปอีกฝากนึงของจักรวาลลงบนดาวดวงหนึ่ง
จากนั้นธุลีดวงดาวก็เข้าสู่ช่วงคูลดาว และจะใช้ได้อีกทีในอีก1เดือนข้างหน้า
“คูลดาวมันนานเกินไปจริงๆ”โจวเหวินรู้สึกว่าสกิลนี้มันดีมากๆก็จริง แต่การใช้ได้แค่เดือนละครั้งมันน่าเสียดายเกินไปหน่อย แต่ก็ดีหน่อยตรงที่โจวเหวินไม่เคยคิดจะใช้มันในโลกความเป็นจริงอยู่แล้ว ไม่งั้นถ้าต้องใช้ฉุกเฉินขึ้นมาแล้วใช้ได้เดือนละครั้งนี้มันก็โหดร้ายเกินไปหน่อย
โจวเหวินลองศึกษามาพักใหญ่ๆแล้ว แต่เขายังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงวิญญาณชีวิตธุลีดาวถึงจะพัฒนามาได้ เขาลองมาหลายวิธีแล้วแต่ก็ยังไม่มีวิธีไหนได้ผลเลยซักอย่าง
“โจวเหวิน ไปงานประมูลกันไหม”ฉางหยูฉีส่งข้อความมาหาโจวเหวิน
“ไปซิ”โจวเหวินตอบ
ถึงแม้ว่าวิญญาณชีวิตอารยมิติจะสามารถใช้ได้บ่อยขึ้นมากแล้วตอนนี้ แต่จำนวนครั้งในการวาปกว่าจะเลื่อนระดับก็มากขึ้นเหมือนกัน โจวเหวินต้องใช้เวลามหาศาลกว่าจะสามารถพัฒนามันได้สำเร็จ
แต่ภาพที่คนจาก6ตระกูลวีรบุรุษจะมารวมตัวกันได้นั้น เป็นภาพที่น้อยครั้งจะได้เห็น
“อย่าลืมบอกฉันก่อนล่วงหน้าก่อนที่นายจะมาถึงด้วยละ ฉันจะได้จัดแจงเรื่องต่างๆให้ รอบนี้มันมีคนมาเข้าร่วมการประมูลเต็มไปหมดเลย อาจจะไม่ค่อยสะดวกกับการพักข้างนอกเท่าไร ฉันเลยจะให้นายไปอยู่ในอีกบ้านนึงของคฤหาสต์ฉันหน่ะ”ฉางหยูฉีพูด
“ดีเลย”โจวเหวินเองก็ไม่เกรงใจ
ฉางหยูฉีนั้นจะติดต่อเขามาน้อยครั้งมากต่อวัน และจะติดต่อมมาแค่ไม่เกิน10นาทีเท่านั้น หลังจากนั้นจะไม่ตอบกลับอะไรมาอีกเลยเหมือนกับทิ้งโทรศัพท์ไปเลย
“หรือว่านางกำลังแอบตระกูลของนางเล่นโทรศัพท์กัน”โจวเหวินคิดว่าเป็นไปได้
สำหรับตระกูลฉางแล้ว ฉางหยูฉีเป็นบุคคลที่สำคัญมากๆ ทุกๆการเคลื่อนไหวของเธอจะถูกตระกูลฉางจับตาดูไว้เสมอ
“การเป็นคนพิเศษบางทีก็ไม่ใช่เรื่องดีซินะ คนอย่างฉางหยูฉีหรือหวางลู่ต่างก็มีความสามารถที่ใครๆก็ฝันหาทั้งนั้น แต่พวกเธออาจจะไม่ได้ดีใจที่มีมันก็ได้”โจวเหวินคิด
ในตอนเช้า โจวเหวินพาหยาเอ๋อออกไปสูดอากาศข้างนอก ตั้งแต่ได้เธอมา โจวเหวินพยายามพาเธอออกไปข้างนอกทุกเช้าเพื่อให้เธอชินกับสังคมมนุษย์ปกติ ในมหาลัยซีหยางมีนักศึกษาที่มีลูกแล้วอยู่หลายคน แต่ส่วนมากนั้นเป็นปีโตใกล้จบหรือจบการศึกษาไปแล้ว เด็กปี2ที่หิ้วกระเตงเด็กไปมาแบบโจวเหวินนั้นนับได้ว่าเป็นคนแรกก็ได้
แต่โชคดีที่ทุกคนในมหาลัยรู้เรื่องของโจวเหวินและอันหลานหยาง เลยไม่มีใครมาตัดสินหรือนินทาอะไร
“โจวเหวิน เสื้อผ้าที่ซื้อให้หยาเอ๋อมมันเล็กเกินไปนะ ได้เวลาไปซื้อให้ใหม่แล้วละ”โจวเหวินพาหยาเอ๋อไปที่ห้องชมรมของกลุ่มซวนเหวิน ฟางหลัวซีก็ชี้ไปที่เสื้อของหยาเอ๋อแล้วพูดขึ้นมา
โจวเหวินเองก็พบว่าเสื้อผ้าของหยาเอ๋อนั้นเล็กลงจริงๆ และตัวของเธอก็โตขึ้นอย่างไวมากด้วย หลังจากผ่านไปแค่เดือนกว่าๆเธอก็โตขึ้นมาเร็วมาก
“นายยังเป็นแค่นักศึกษาอยู่เลย จะดูแลอะไรเธอไหวเนี่ย ไปจ้างพี่เลี้ยงเล็กให้กับเธอไม”ฟางหลัวซีแนะนำ
“ไม่เอาอะ เดี๋ยวฉันจะค่อยๆเลี้ยงดูเธอเอง” แน่นอนละโจวเหวินจะให้ใครมาดูแลหยาเอ๋อไม่ได้เด็ดขาด เพราะคนๆนั้นอาจจะตายไม่รู้ตัวก็ได้
“นี้โจวเหวินนั้นลูกของนายเหรอ”เทียนเฉียงตงพูด
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีซิ”โจวเหวินพูด ถ้าเกิดเธอเป็นลูกสาวของเขาจริงๆ เขาคงจะขอให้อันหลานหยางเลี้ยงดู ไม่ต้องมาลำบากทำอะไรเองแบบนี้หรอก แต่ตอนนี้มีแค่โจวเหวินคนเดียวเท่านั้นที่ดูแลนางได้
“เด็กคนนี้อายุเท่าไรละ ลูกของญาติของฉันเองอายุน้อยกว่าเธออีก แต่เรียกพ่อเรียกแม่ได้แล้วนะ แต่ทำไมเธอถึงยังไม่เคยพูดอะไรเลยละ นายไม่สอนเธอบ้างเหรอ”เทียนเฉียงตงพูด ก่อนจะหยอกเย้าหยาเอ๋อ “หยาเอ๋อ เรียกลุงซิลูก เรียกลุงซิ”
แต่หยาเอ๋อนั้นทำหน้าตายใส่แล้วไม่ตอบโต้อะไรซักอย่างทำให้เขารู้สึกโง่อยู่คนเดียว เขาหัวเราะกลบเกลื่อนก็จะเลิกหยอกเธออีกเลย
“หยาเอ๋อ เธอรอฉันอยู่ที่นี้ซักพักนะเข้าใจไหม”โจวเหวินเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วไม่ได้พาหยาเอ๋อไปด้วย เขาคิดว่าปล่อยเธอไว้ตรงนี้ซักพักก็คงไม่เป็นอะไร ก่อนที่จะไปเขาเองก็ได้บอกกับฟางหลัวซีว่าให้ช่วยดูแลหยาเอ๋อด้วย แถมยังบอกอีกด้วยว่าอย่าให้ใครมาแกล้งเธอ
หลังจากที่โจวเหวินออกไปได้ไม่นานก็มีใครบางคนเข้ามาในห้องชมรมแล้วเห็นเด็กทารกคนนึงนั่งอยู่ ทำให้อดตกใจไม่ได้
“ทำไมถึงได้มีเด็กอยู่ตรงนี้ได้วะเนี่ย”ชายคนนั้นถามแล้วมองหยาเอ๋อ