I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง - ตอนที่ 837
มารแล้ง
รูปสลักใบหน้าที่อยู่ตรงหินนั้นเป็นใบหน้าของคนเต็มๆหลับตา ไม่เหมือนกับใบหน้าหินอื่นๆ เพราะใบหน้าบนหินนั้น มันให้ความรู้สึกสุดชื่นและมีชีวิตแบบที่หน้ากากหินปรกติไม่มี เหมือนกับว่ามันสามารถลืมตาและตื่นขึ้นมามีชีวิตได้ตลอดเวลา
ทุกคนจ้องมองใบหน้าบนหินนั้นด้วยความตึงเครียด และทันใดนั้นก็มีจู่ๆก็มีคนกระโดดจากแท่นหิน ลงไปที่พื้น
ที่พื้นนั้นมันเต็มไปด้วยหินเวทมนตร์เต็มไปหมด ทันทีที่ขาแตะถึงพื้นแล้ว เท้าของเขาก็กลายเป็นหินเวทมนตร์ในทันที พร้อมๆกับน่องที่กลายเป็นหิน และอีก2วินาทีต่อมา ขาทั้งขาของเขาก็กลายเป็นหินเวทมนตร์
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากซะจนมีแค่ฉางชุนชิวคนเดียวที่ตอบสนองทัน เขาใช้สันมือฟันเข้าที่ขาของชายคนนั้นเหมือนดาบ อย่างรวดเร็ว ก่อนจะยื่นมือมาจับแล้วกระชากชายคนนั้นกลับขึ้นแท่นหิน
ชายคนนั้นเหมือนจะพึ่งรู้สึกตัวแล้วกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแล้วกุมขาที่เลือดไหลโชก
“ห้ามเลือดให้เขาซะ”ฉางชุนชิวออกคำสั่งแต่เขายังคงจ้องมองขาของคนๆนั้นที่ยังคงติดอยู่กับพื้น
ขานั้นแข็งกลายเป็นหินเวทมนตร์ และดูไม่ต่างอะไรจากหินเวทมนตร์แม้แต่น้อย
ถึงแม้ว่าโจวเหวินอยากจะถามอยู่หรอกว่าที่นี้มันเกิดอะไรขี้น แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาจะมาถามแล้ว เขาใช้สดับวานรฟังไปรอบๆสุสานและหินเวทมนตร์เหล่านั้น เต่เขาก็พบว่ามีพลังงานบางอย่างไหลวนเวียนอยู่ในหินเวทมนตร์ แล้วก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีกเลย
“โจวเหวินกลับไปก่อนเถอะ ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว อยู่ที่นี้มันอันตรายเกินไป”ฉางชุนชิวพบอกโจวเหวิน
ถึงแม้ว่าโจวเหวินจะอยากถ่ายรูปสลักรูปมือที่อยู่หลังสุสาน แต่ตอนนี้เขาทำไม่ได้แล้วแน่ๆ เขาเลยทำตามที่ฉางชุนชิวบอกแล้วออกจากที่นี้ไป
ปัญหาในสุสานมารนั้นมันใหญ่กว่าที่คิดไว้มาก ตอนที่ตระกูลฉางพาโจวเหวินกลับไป โจวเหวินก็เห็นตระกูลฉางอีกหลายๆคนโถมกันไปที่สุสานมารแห่งนั้น
โจวเหวินไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะงั้น ถึงเขาจะอยากช่วยก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี ตอนที่เขากลับถึงตำหนักเทียนฉี โจวเหวินก็เริ่มคิดถึงเรื่องสุสานมาร กับใบหน้าประหลาดที่ปรากฏขึ้นมาไม่รู้ว่ามันคืออะไร
โจวเหวินไม่แน่ใจว่าใบหน้านั้นมันเป็นส่วนหนึ่งของหินเวทมนตร์ หรือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติกันแน่
และการที่เกิดเหตุการณ์แบบนั้น มันเป็นแค่จุดเริ่มต้นของความชิบหาย ในอีก2-3วันถัดมา เขารู้สึกได้เลยว่าตระกูลฉางนั้นตอนนี้อยู่ในสภาวะตึงแครียด เหล่าปรมาจารย์ในตำหนักเทียนฉีต่างก็รีบเร่งไปที่สุสานมารกันทั้งนั้น
“หยูฉี เกิดอะไรขึ้นที่สุสานมารกันแน่ะหน่ะ”โจวเหวินอดที่จะถามฉางหยูฉีไม่ได้
“สถานการณ์ตอนนี้แย่มากเลย จากเมื่อวันก่อน ตอนนี้ทุกวันมีคนพยายามจะกระโดดลงไปในนั้นมากขึ้นไปอีก ถึงจะช่วยขึ้นมาได้แต่เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันเองก็ยังไม่รู้สาเหตุอะไรหรอก”
“ลองทำลายใบหน้าบนหินเวทมนตร์ดูรึยังละ”โจวเหวินถาม
“ลองเล้ว มันไม่ได้ผล ทำลายไปเดี๋ยมันก็งอกขึ้นมาใหม่ ทำลายหินทั้งก้อนไป หน้านั้นก็จะไปโผล่ที่หินก้อนอื่น ตอนนี้ทั้งสุสานมารมีใบหน้าโผล่มาแล้ว7หน้า”
โจวเหวินรู้ดีว่าตอนนี้ตระกูลฉางกำลังเจอปัญหาใหญ่ ถ้าไม่รีบแก้ละก็จะมีคนพิการหรือตายไปมากกว่านี้ และสุดท้ายตระกูลฉางก็จะถูกทำลาย
“นี้ ถามจริงๆนะ เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงพูดออกมาไม่ได้กัน”โจวเหวินถาม
“ฉางหยูฉีลังเล็กน้อยก่อนจะกระซิบ “ฉันจะบอกนายก็ได้ แต่นายห้ามไปบอกคนอื่นนะ ตำนานว่ากันไว้ว่าบรรพบุรุษของตระกูลฉางถูกฝังไว้ในถ้ำจักรพรรดิมังกรก็จริง แต่เอาจริงๆแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นหรอกที่ตระกูลฉางต้องไปฝังรวมกันอยู่ที่นั้นเพื่อไม่ให้อะไรก็ตามแต่ที่อยู่ในนั้นมันออกมาตั่งหากละ”
“หมายความว่าไงอะ จะบอกว่าเคยมีคนเคยถูกฝังไว้ในนั้นแล้วเหรอ”โจวเหวินถาม
“ถ้าจะเรียกให้ถูก มันไม่ใช่คนหรอก แต่เป็นพวกอมรณามากกว่า” ฉางหยูฉีพูด
“อมรณาเหรอ พวกซอมบี้งั้นเหรอ”โจวเหวินพยายามคิดถึงซอมบี้ขึ้นมา แต่เขาไม่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องกันยังไง
“คนปรกติอาจจะสับสนระหว่างอมรณากับซอมบี้ แต่เอาจริงๆแล้ว2อย่างนี้มันคนละอย่างกัน ตามตำนานแล้วอมรณาเป็นเทพที่ลงมาช่วยจักรพรรดิเหลืองเอาชนะฉีหยู แล้วพอเสร็จกิจก็หลับใหลอยู่ใต้พื้นดี รอคอยพลังเทพฟื้นคืนกลับมาจะได้กลับสวรรค์ ในตอนแรก เหล่าบรรพบุรุษของฉัน ได้เข้าต่อสู้กับอมรณาเหล่านั้นแต่ทำยังไงก็สู้ไม่ได้ บรรพบุรุษของฉันจึงเข้าไปปิดผนึกมันลงไปยังพื้นดิน แต่เมื่อไรก็ตามที่พลังเทพของมันกลับคืนมา มันจะตื่นขึ้นมาจากการหลับไหลอีกครั้ง หรือถ้ามีคนมาปลุกมันขึ้นมาละก็พลังของมันสามารถทำให้พื้นดินที่เคยอุดมสมบูรณ์นั้นแห้งเหือดกลายเป็นดินแดงได้ เราจึงเรียกมันว่ามารแล้ง เป็นตัวตนที่น่ากลัวมาก”
“ในตอนนั้นบรรพบุรุษของฉันได้ค้นพบว่าพวกมันหลับใหลอยู่ใต้พื้นดินเพื่อรอคออยการฟื้นพลัง พวกเขาจึงตัดสินใจฝังตัวเองไว้ที่นั้นเพื่อป้องกันไม่ให้มันกลับมา และเหตุการณ์ที่ถ้ำจักรพรรดิมังกรนั้น ทำให้เรื่องมันบานปลายเข้าไปใหญ่ ตลอดหลายปีมานี้ ตระกูลฉางของเราคอยเฝ้าระวังที่สุสานมารเพื่อป้องกันพวกอมรณามันกลับขึ้นมาบนโลก แต่พายุมิติมันทำให้พลังของอมรณามาแข็งแกร่งขึ้นเร็วกว่าที่คิดไว้มาก ตระกูลฉางของเราจะป้องกันได้อีกนานเค่ไหน เราเองก็ยังไม่รู้เลย”
“มันอยู่บนโลกนี้มาตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์พายุมิติอีกเหรอ มันมีอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ”โจวเหวินตกใจ
ถ้าเกิดหลังเหตุการณ์พายุมิติ การจะมีตัวอะไรแบบนี้โผล่มาเขาก็จะไม่ค่อยตกใจเท่าไร แต่ก่อนพายุมิตินั้นมันก็หลาย10ปีที่แล้ว ตอนนั้นตระกูลฉางก็เริ่มมาคุ้มกันที่นี้แล้ว
“ไม่รู้หรอกนะว่าจริงไหม แต่มันมีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากหลับใหลอยู่ในนั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมามันมักจะมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นในสุสานมาร อมรณาจะตต้องมีส่วนเกี่ยวข้องแน่ๆ”ฉางหยูฉีพูด
“หลังจากพูดจบ ฉางหยูฉีก็ลุกขึ้นแล้วเตรียมตัวจะออก “ฉันมีธุระต้องไปข้างนอกหน่อยนะ ตอนที่ฉันไม่อยู่ในตำหนักเทียนฉี นายก็อย่าไปไหนมาไหนคนเดียวละ เดี๋ยวคนอื่นจะสงสัยเอาได้
“จะไปไหนอะ”โจวเหวินแปลกใจที่ฉางหยูฉีต้องไปไหนด้วยตอนนี้
สถานการณ์ในสุสานมารตอนนี้มันอันตรายมาก ฉางหยูฉีที่เป็นคนสำคัญควรจะอยู่ในตำหนักเทียนฉีมากกว่า
“ฉันจะไปฆ่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติกับพี่ชายหน่ะ”ฉางหยูฉีพูด
พอนึกถึงเรื่องของฉางหยูฉี จู่ๆโจวเหวินก็พูดขึ้นมา “เอาจริงๆฉันมีแอปเปิลทองคำที่เปลี่ยนพลังชีวิตของคนได้อยู่นะ มันไม่มีผลข้างเคียงด้วย อยากจะลองดูไหม”
ฉางหยูฉีตอนแรกก็ดีใจ แต่เธอก็กลับส่ายหัว “ไม่เป็นไรหรอก ฉันหน่ะเดิมทีก็ทำอะไรไม่ค่อยได้อยู่แล้ว ตอนนี้ขอแค่ฉันได้ช่วยทุกคนก็พอแล้วละ”