I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง - ตอนที่ 848
สู้เพื่อโอกาส
ว่ากันว่าพื้นฐานดั้งเดิมทางด้านการเงินของ6ตระกูลและตระกูลใหญ่ๆพวกนี้รวยมาก เพราะงั้นวิธีการของพวกเขาจึงหลากหลายมาก มากซะจนเปิดหูเปิดตาโจวเหวินได้เลย
บางคนก็ให้สัตว์อสูรของตัวเองออกมาใช้งาน ตระกูลเคปเรียกอัญเชิญสัตว์อสูรรูปร่างเหมือนตำราออกมา แล้วเปิดหน้าหนังสือออกก่อนจะเปลี่ยนตัวหนังสือให้กลายเป็นของจริง
สัตว์อสูรบางตัวก็สามารถใช้งานบนหินเวทมนตร์ได้โดยที่ไม่กลายเป็นหิน ทุกๆคนต่างกันหาทางแก้ปัญหานี้
“คนพวกนี้นับว่ามีฝีมือจริงๆ แต่ปัญหาของสุสานมารคงไม่ได้แก้ง่ายๆหรอกมั้ง”โจวเหวินคิดขึ้นมา
เขาพยายามอย่างหนักมาหลายวัน เล็งหวังไปที่อสูรปฐพี ถ้าเกิดมีใครแย่งไปได้ก่อนมันก็คงจะกระอักกระอ่วนหน้าดู โจวเหวินคิดก่อนจะเดินตรงไปหาฉางชุนชิวก่อนจะถามเสียงเบาๆ “ฉันหาทางแก้ปัญหาในสุสานมารได้แล้วแต่ฉันต้องขุดสุสานมารหน่ะ”
ฉางชุนชิวส่ายหน้า “สุสานมารขุดไม่ได้เด็ดขาด ถึงฉันจะเห็นด้วย แต่เหล่าผู้เฒ่าในตระกูลไม่ยอมแน่ๆ”
“ฉันก็คิดไว้แล้วละว่ามันต้องมีปัญหา แต่การจะแก้ปัญหานี้ได้โดยไม่ขุดหน่ะมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยนะ แต่นายไม่ต้องเป็นห่วงฉันตรวจสอบมาดีมากๆแล้ว ภายในสุสานนั้นมันมีสิ่งมีชีวิตต่างมิติมากกว่า1ตัว และมี2ตัวในนั้นที่เป็นต้นเหตุของปัญหา เราแค่ต้องขุดบางส่วนของหลุม และจัดการกับสิ่งมีชีวิตต่างมิติพวกนั้น ฉันมั่นใจได้เลยว่ามันจะไม่ชิบหายแน่นอน”โจวเหวินพูด
ฉางชุนชิวพูดด้วยเสียงเข้ม “ถึงฉันจะเชื่อนายแต่มันก็เท่านั้นละ ที่นี้มันคือสถานที่ตกทอดมาจากยุคบรรพบุรุษเลยนะ ตระกูลฉางเฝ้าปกป้องที่นี้มาหลายต่อหลายรุ่นแล้ว พวกเขาไม่กล้าหรอก ไม่งั้นตระกูลฉางก็เสี่ยงถูกทำลาย ถึงจะทำเพื่อตระกูลฉางเองก็เถอะ แต่พวกผู้อาวุโสไม่มีทางยอมให้ใครมาทำแบบนั้นแน่นอน”
“แต่ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่างกับสุสานมารในตอนนี้ ตระกูลฉางก็ล้มสลายอยู่ดีนะ ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นละ ทำไมไม่ลองดูซะเลยละ”โจวเหวินพูดพยายามเกลี่ยกล่อมฉางชุนชิวให้สนับสนุน
ฉางชุนชิวมองหน้าโจวเหวินแล้วถาม “มั่นใจเหรอ เรื่องนี้มันผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวไม่ได้เลยนะ ถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา ตระกูลฉางของเราเองก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกะนนะ”
โจวเหวินรู้ดีว่าฉางชุนชิวต้องการหลักฐานที่มันหนักแน่นมากกว่านี้แต่จะให้โจวเหวินควักหลักฐานออกมาได้ไงกัน จะให้เขาควักมือถืออกมาโชว์เลยว่ามีเกมส์นี้อยู่ก็คงไม่ใช่เรื่อง โจวเหวินเลยคิดไปซักพักใหญ่ๆแล้วพูด “ คืองี้ ฉันหน่ะมีสกิลตรวจสอบแบบพิเศษที่ทำให้มองเห็นสถานการณ์ภายในสุสานมารได้หน่ะ เลยมั่นได้มากขนาดนี้ไงว่าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้”
“นายมองเห็นทะลุผ่านสุสานมารได้จริงๆเหรอ”ฉางชุนชิวมองหน้าโจวเหวินอย่างตกใจ
เอาจริงๆตระกูลฉางก็มีสัตว์อสูรที่มองทะลุหรือตรวจสอบได้ และมีมากกว่าตัวเดียวด้วย แต่ถ้าอยู่ในสุสานมาร ปรกติแล้ว ไม่ว่าสกิลจะดีแค่ไหน ก็จะไม่มีทางมองส่องทะลุเข้าไปได้
ไม่ได้บอกว่าสัตว์อสูรสายตรวจสอบพวกนั้นสกิลไม่ดี แต่เทพีที่หลับไหลอยู่ในสุสานมารนั้นมีพลังแกร่งกล้าที่สามารถปิดบังวิสัยทัศน์ทุกอย่างที่อยู่ใต้สุสานได้ แม้แต่สัตว์อสูรบางตัวที่มีความสามารถในการทำนาย ยังทำนายได้แค่ส่วนบนที่เป็นหน้ากากวิญญาณมารเลย แถมภาพที่ทำนายออกมาก็ย่ำแย่มากจนดูไม่รู้เรื่อง
“สุสานมารหน่ะมี3ชั้นด้วยกัน ชั้นแรกนั้นมีหน้ากากเฝ้าอยู่ มันน่าจะเป็นเหตุผลที่มีใบหน้าโผล่ขึ้นมาบนหินเวทมนตร์และทำให้หินเวทยมนตร์มีพลังในการงอกใหม่อย่างรวดเร็ว ทั้งหมดเป็นเพราะมัน ส่วนชั้นที่สองเป็นสัตว์ประหลาดลูกครึ่งปลางูมังกร ที่คนของตระกูลฉางอยู่ๆก็กระโดดลงไปในสุสานนั้นทั้งหมดเป็นเพราะมัน ส่วนชั้นสามนั้นคือเทพีที่ตระกูลฉางพยายามปกป้องและเฝ้าไม่ให้มันหลุดออกมาได้ แต่ที่เราจะทำนั้นไม่ได้เป็นการรบกวนเธอแต่อย่างใด เราแค่ขุดสุสานเพื่อจัดการเจ้า2ตัวก่อนหน้านั้นแล้วปัญหาของตระกูลฉางก็จะหมดไป”โจวเหวินอธิบายที่เขาจะทำอย่างละเอียด
เขาไม่ได้กลัวตระกูลฉางขโมยข้อมูลของโจวเหวินไปหรอก เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าข้างในนั้นมีอะไร แต่การจะจัดการกับหน้ากากวิญญาณมารกับมารแล้งนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย ขนาดตัวโจวเหวินยังต้องใช้ทั้งเบม่อน ทั้งสดับวานร ทั้งผ้าคลุมล่องหนในการฆ่าทั้ง2ตัวเลย
ฉางชุนชิวมองโจวเหวินที่พูดออกมาละเอียดขนาดนั้น แล้วก็เชื่อขึ้นมา ก่อนจะคิด “แต่ถึงยังไง ก็ไม่มีใครการันตีได้อยู่ดีว่าถ้าขุดสุสานแล้วมันจะไม่กระทบกับชั้นที่อยู่ล่างสุด แถมสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่อยู่ด้านบนทั้ง2ตัว เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันทำอะไรได้ การจะฆ่ามันคงจะไม่ง่ายแน่ๆ”
หลังจากหยุด ฉางชุนชิวก็พูดต่อ “เรื่องที่ปัญหาทั้งหมดนี้มันเกิดมาจากสิ่งมีชีวิตต่างมิติในสุสานนั้นอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ เพราะทางตระกูลฉางของเราเองก็เคยคำนวณเอาไว้อยู่ แต่ประเด็นคือไม่มีใครกล้าขุดลงไปในสุสานมารซักที แต่ขอเวลาฉันซักพักนะ เดี๋ยวฉันจะลองดู ฉันจะหาทางคุยกับผู้อาวุโสให้”
“ได้เลย” โจวเหวินตอนนี้ทำได้แค่รอข่าวจากฉางชุนชิว
ตอนนี้ฉางชุนชิวเป็นคนใหญ่คนโตของตระกูลก็จริง แต่ตอนนี้คนที่เป็นใหญ่ในตระกูลจริงๆแล้วคือลุงของฉางชุนชิว ฉางซือหยู ที่ตอนนี้กำลังคุยกับคนของตระกูลเคปกับคนของตระกูลก๊อตอยู่
“ชุนชิว มาพอดีเลย คุณชาลีกับคุณเมสซิสตอนนี้หาวิธีการกำจัดปัญหาในสุสานมารกันได้แล้ว ลองมาฟังพร้อมกันดูซิ”
ถึงแม้ว่าเขาจะอยากพูดเรื่องที่โจวเหวินพึ่งเล่ามา แต่การจะพูดต่อหน้าคนเยอะๆแบบนี้ก็คงไม่ได้ เขาจึงได้แต่รออย่างใจเย็น
“ซือหยู ก็อย่างที่ฉันบอกก่อนหน้านี้ไง ว่าปัญหาทั้งหมดในสุสานนี้มันเกิดขึ้นมาจากหน้ากากนั้น การจะทำลายหน้ากากนั้นโดยไม่ขุดสุสาน มีแต่จะต้องใช้อาคมเทพพยากรณ์ขั้นสูงของตระกูลเคปเท่านั้น….”ชาลีพูดขึ้นมาช้าๆ
ฉางซือหยูฟังเงียบๆแต่ยังไม่ออกความเห็นใดๆ หลังจากที่ฟังจบเขาก็หันไปมองเมซซิสต่อ
เมซซิสพูด “แต่ผมไม่เห็นด้วยกับวิธีการของชาลีนะครับ ก็จริงอยู่ที่มันมีหน้ากากอยู่ในนั้นจริง แต่วิชาเทพพยากรณ์อะไรนั้นมันอาจจะใช้ไม่ได้ผลนะครับ ถ้าให้ผมเป็นคนจัดการเรื่องนี้ละก็ ผมรับรองเลยครับว่าคุณจะไม่มีทางผิดหวัง”
“แล้วคุณมีวิธีการแบบไหนกันละที่ดีกว่าวิธีของผมน่ะ”ชาลีพูดขึ้นมา
เมซซิสไม่พูดแต่อัญเชิญอะไรบางอย่างออกมา มันคือยักฆ์ขนาดใหญ่ที่น่ากลัว
แตกต่างจากยักษ์ปรกติที่ดูป่าเถื่อนยักษ์ตนนีสวมชุดเกราะที่หรูหราและให้อารมณ์เหมือนเป็นเทพมากกว่า เหมือนกับว่ามันสามารถเหยียบพื้นให้โลกแตกได้
“ขอแนะนำ นี้คือผู้พิทักษ์ของผม จักรพรรดิยักษ์เทพ ด้วยพลังของเขา การจะฆ่าหน้ากากนั้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่ยากเลย”เมสซิสพูด
สายตาของทุกคนหันไปมองที่จักรพรรรดิยักษ์เทพ ถึงแม้ว่าจะมีหลายๆคนที่รู้ถึงการมีอยู่ของผู้พิทักษ์แล้ว แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเคยเห็นผู้พิทักฆ์ตัวเป็นๆ
“ไม่ว่าผู้พิทักษ์จะแกร่งแค่ไหน แต่มันก็ไม่มีทางจะทำลายหน้ากากในสุสานนั้นได้หรอกครับ คุณมั่นใจได้ไงกันว่ามันจะไม่ส่งผลร้ายแรงต่อสุสานหน่ะ”ชาลีไม่หวั่นเขาพูดต่ออย่างคาดคั้น
เมซซิสพูด “พลังของผู้พิทักษ์ตนนี้เหนือกว่าจินตนาการของมนุษย์ปรกติมากครับ ถึงแม้จะไม่ได้ขุด แต่ผมก็สามารถทำลายหน้ากากที่อยู่ใต้ดินได้ ผมมั่นใจด้วยครับว่า สุสานมารจะไม่มีทางเสียหายด้วย ถ้าเสียหายแม้แต่นิดเดียว คุณไม่จำเป็นต้องให้ไข่อสูรปฐพีกับผมก็ได้ครับ”