I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง - ตอนที่ 850
สังหารหน้ากากวิญญาณมาร
(เมสซิสอยู่ตระกูลก๊อต)
“ท่านจ้าวตระกูล ผมคิดว่าไม่เห็นจะต้องทำให้เสียเวลาเพิ่มเลยนี้ครับ สุสานมารนั้นเดิมทีมันเป็นไปไม่ได้ที่จะขุดอยู่แล้ว ตัวเลือกในครั้งนี้นั้นเหลือแค่ผมกับคุณชาลีก็พอแล้วครับ”เมสซิสพูด
หลังจากที่ฟังเมสซิสพูดแล้ว โจวเหวินก็พูดทันที“”ท่านครับ ถ้าผมเป็นท่าน ผมจะไม่เลือกใช้พลังของผู้พิทักษ์นะครับ”
“โจวเหวิน หมายความว่าไงกัน”เมสซิสและเหล่าตระกูลก๊อตมองหน้าโจวเหวิน
“ทำไมละ”ฉางซือหยูถาม แล้วมองโจวเหวินอย่างสนใจ
“เหตุผลนั้นเป็นอะไรที่ไม่สามารถบอกได้ในที่สาธารณะครับ แต่ผมได้บอกกับฉางชุนชิวไว้แล้ว แต่ยังไงผมก็ต้องขอให้เขาอธิบายให้ท่านฟังแบบส่วนตัวอีกทีครับ”โจวเหวินพูดแล้วมองหน้าเมสซิส
จริงๆแล้วเขามีวิธีการที่ดีกว่านี้ แต่เขาตั้งใจจะหักหน้าแล้วทำให้เมสซิสโกรธโดยเฉพาะ เพราะว่าเขาต้องการหาข้ออ้างในการฆ่าผู้พิทักษ์ของเมสซิสเอง
ซึ่งมันก็ได้ผล เพราะตอนนี้เมสซิสและตระกูลก๊อตนั้นมองโจวเหวินด้วยสายตาเขม่นมากๆ
ฉางชุนชิวใช้รหัสลับในการส่งข้อมูลเหตุผลของโจวเหวินให้กับฉางซือหยู หลังจากที่ฟังแล้ว ฉางซือหยูก็หันกลับมาถามโจวเหวินทันที “นายมั่นใจเรื่องนี้แล้วใช่ไหม”
“ผมไม่มีหลักฐานหรอกครับ แต่ถ้าเป็นผม ผมก็จะขอเลือกไม่เสี่ยงจะดีกว่าครับ”โจวเหวินพูด
“ท่านครับ อย่าไปฟังเหตุผลไร้สาระของเขานะครับ ผู้พิทักษ์ของผมนั้นผมรู้ดีที่สุด ยังไงก็ไม่มีปัญหาแน่นอนครับ”เมสซิสพยายามจะอธิบาย ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่รู้ว่าโจวเหวินนั้นพูดอะไรกับตระกูลฉางแต่มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
“ทำตัวตามสบายกันก่อนเถอะ เราต้องการเวลาที่จะหารือกัน เพราะงั้น รอซักครู่นะ”ฉางชุนชิวให้คนพาทั้ง3คนออกไปก่อนแล้วทิ้งไว้เพียงแค่คนของตระกูลฉางไว้ในห้อง
“โจวเหวิน เสร็จเรื่องนี้รับคำท้าของฉันเลยนะ”เมสซิสพูดแล้วมองโจวเหวินด้วยหางตา
“นายพึ่งแค่ผู้พิทักษ์อย่างเดียวจะไปเก่งอะไรซักเท่าไรกัน”โจวเหวินปากดี
“ถือว่าตกลงแล้วกันนะ รอบนี้แกหนีไม่พ้นแน่”เมสซิสพูด
“ฉันกลัวว่านายต่างหากที่จะหนีตอนถึงเวลาหน่ะ”โจวเหวินยังคงปากดีต่อ
เมสซิสไม่พูดอะไรต่อเพราะว่าที่นี้ยังคงเป็นเขตของตระกูลฉาง เขาสู้กับโจวเหวินที่นี้ไม่ได้ จะพูดไปก็เท่านั้น เขาทำได้แค่รอเวลาอย่างเดียว
ตระกูลฉางนั้นเริ่มการประชุมกันอย่างเดือด ฉางชุนชิวนั้นสนับสนุนโจวเหวินเต็มที่แต่เพราะว่าตอนนี้อำนาจอยู่ในมือของจ้าวตระกูลฉาง แถมเหล่าผู้อาวุโสเองก็ไม่เห็นด้วยกับการขุดสุสานอยู่แล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งลุงของฉางชุนชิว(คนละคนกับจ้าวตระกูล) ซึ่งเป็นผู้อาวุโสในตระกูล ที่ค้านหัวชนฝา
“ถ้าเขาอยากจะให้เราขุดสุสานละก็ ตระกูลฉางของเราคงทำไปนานแล้ว ทำไมต้องมายืมมือคนนอกด้วยละ” ตระกูลฉางส่วนมากคิดแบบนั้น
เหตุผลที่พวกเขาต้องยอมมอบอสูรปฐพีแล้วยืมมือคนนอกมาช่วยนั้นความจริงๆแล้วเป็นเพราะว่าเขาอยากจะจัดการเรื่องนี้โดยที่ไม่ต้องขุดมากกว่า
“โจวเหวินสามารถมองเห็นทะลุชั้นของสุสานได้เลยนะครับ มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าสามารถขุดที่ไหนได้บ้าง ตรงไหนขุดไม่ได้ อันตรายในสุสานมารนั้น คุณลุงน่าจะเห็นชัดกว่าผมนะครับ เราไม่ควรจะเสี่ยงแบบนั้นเลย”
“วิธีการที่จะไม่เสี่ยงมันก็มีไง อย่างของชาลีกับเมสซิสยังไม่เห็นต้องขุดเลย ไม่มีความเสี่ยงซักนิด แล้วถึงโจวเหวินจะบอกว่ามีผู้พิทักษ์อยู่ข้างล่างนั้นเราก็แค่เลือกวิธีของชาลีท่านั้นเองก็จบ อีกอย่างการที่เขาพูดว่ามีผู้พิทักษ์หลับอยู่ใต้สุสานนั้นก็ไม่มีมูลหรือมีหลักฐานอะไรเลยด้วย ตอนที่เขามาที่นึ้ครั้งแรกเขาก็ยังไม่เห็นจะเจออะไรเลยแม้แต่นิดเดียวแต่พอมาวันนี้เขากลับเข้าใจทุกอย่าง แบบนี้มันน่าเชื่องั้นเหรอ” ลุงฉางพูด
“ลุง….”ฉางชุนชิวอยากจะพูดอะไรซักอย่างแต่โดนขัด
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว สุสานมารเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ห้ามรื้อทุบขุดทำลายเด็ดขาด บรรพบุรุษของเราเองก็เคยบอกเอาไว้นี้ ว่าถ้าขุดสุสานนั้นขึ้นมาเมื่อไร ตระกูลฉางของเราก็ถึงคราวอวสารเมื่อนั้น ฉันไม่เห็นด้วยกับการขุดสุสาน”
ฉางชุนชิวพูดไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะพูดยังไงแต่ก็ยังเปลี่ยนความคิดของผู้อาวุโสในตระกูลไม่ได้เลย
หลังจากคุยผ่านไปซักพัก ตระกูลฉางก็ตกลงกันได้แล้วฉางซือหยูก็เดินออกมาแล้วพูดกับทั้ง3คน “หลังจากเราประชุมกันแล้ว เราตัดสินใจให้คุณชาลีเป็นคนที่จะช่วยเราคนแรก ถ้ามีปัญหาหรือคุณชาลีทำไม่ได้ พวกคุณจะได้รับการพิจารณาทีหลัง
“ท่านจ้าวตระกูลเลือกถูกแล้ว”ชาลียิ้มแต่สายตาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
เมสซิสมองเขม่นโจวเหวินอยู่เป็นพักๆ เขาคิดว่าโจวเหวินต้องการจะตัดสิทธิ์ของเขา ไม่งั้นเขาคงได้สิทธิ์นั้นไปแล้ว
“ขอโทษนะ ฉันทำเต็มที่แล้ว”ฉางชุนชิวเดินไปหาโจวเหวินแล้วพูดด้วยความรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรหรอก ตระกูลเคปอาจทำไม่สำเร็จก็ได้ บางทีเราอาจจะยังมีโอกาศอยู่”โจวเหวินรู้สึกได้ว่าชาลีมองไม่เห็นสัตว์ประหลาดที่อยู่ลึกลงไปด้วยซ้ำ โอกาสที่จะแก้ไขสถานการณ์ภายในสุสานได้นั้นมันแทบจะเป็น0เลย
อีกอย่างคือ บางทีเขาอาจจะเอาชีวิตไปทิ้งก็ได้ เพราะว่าหน้ากากวิญญาณมารกับมารแล้งนั้นมันมีพลังที่แปลกประหลาดมากๆ โจวเหวินเองยังเคยโดนฆ่าแบบจู่ๆก็ตายเลย ชาลีเองก็คงสภาพไม่ต่างกันเท่าไร
ตอนที่ทั้งคู่กำลังคุยกันนั้นเอง ลุงฉางเดินผ่านพวกเขาแล้วมองโจวเหวินก่อนจะพูดกับฉางชุนชิว “อย่ามาพูดเรื่องขุดสุสานให้ฉันได้ยินอีกนะ ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้มาทำลายตระกูลฉางเด็ดขาด”
“ลุง…”ฉางชุนชิวอยากจะพูดอะไรซักอย่างแต่ลุงฉางเดินจากไปแล้ว
“อย่าไปสนใจเลย ยุคนี้มันเป็นยุคของพวกลุงๆเขาน่ะ ลุงของฉันก็แค่กลัวว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตระกูลหน่ะ ไม่ได้จงใจจะเกลียดนายหรอกนะ”ฉางชุนชิวพูดกับโจวเหวิน
“ไม่เป็นไรหรอก แต่ฉันว่าลุงของนายเหมือนจะกำลังเข้าใจฉันผิดอยู่นะ ฉันกลัวว่าถ้าชาลีพลาดขึ้นมา พวกเขาจะให้โอกาสนั้นกับเมสซิสมมากกว่าฉันนี้ซิ”โจวเหวินพูด
“ฉันจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นแน่นอน”ฉางชุนชิวพูด
แต่โจวเหวินก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมคนแก่ถึงได้ดูถูกดูแคลนคนรุ่นใหม่กันนัก
ฉางชุนชิวคิดซักพัก ก่อนจะพูด “ก่อนหน้านี้นายก็เคยเจอลุงของฉันนี้ ตอนที่มาที่นี้ครั้งแรก ฉันคิดว่านี้อาจจะเป็นเพราะนายกลับไปโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวอะไรเลยว่าเจออะไรก็ได้มั้ง”
โจวเหวินนึกขึ้นมาได้เลย แล้วรู้เลยว่าลุงคนนั้นต้องกำลังคิดว่าเขามาดูเล่นๆไม่ได้มีความสามารถจริงๆ
ชาลีเดินเริ่มลงมือแล้ว โจวเหวินกับฉางชุนชิวจึงเข้าไปที่หน้าแท่นเพื่อดู โจวเหวินเองก็อยากจะเห็นเวทย์ที่ชาลีใช้เหมือนกัน
ปีกเทวดาปรากฏขึ้นมาที่หลังของชาลีก่อนที่เขาจะบินขึ้นไปเหนือสุสาน ก่อนจะหยุดตรงหน้าเส้นพอดี เขาอัญเชิญสัตว์อสูรออกมา2ตัว ตัวนึงเป็นกางเขนอีกตัวเป็นสมุด
ทันทีที่เขาเปิดสมุด อักษรอาคมในสมุดนั้นก็เริ่มส่องแสงก่อนจะพุ่งเข้าใส่สุสาน แล้วดึงตัวของหน้ากากวิญญาณมารออกมา ถึงจะมาแค่วิญญาณแต่โจวเหวินก็เห็นได้ชัดว่ามันคือหน้ากากอันเดียวกันแน่ๆ
“เก่งเหมือนกันนะเนี่ย”โจวเหวินคิด
ชาลีไม่ลังเล ทันทีที่วิญญาณของหน้ากากปรากฏขึ้นมากางเขนนั้นก็ส่องแสงสว่างเจิดจ้ากลายเป็นดาบแสงแทงทะลุหน้ากากทันที วิญญาณของหน้ากากวิญญาณมารแตกสลายออกเป็นฝุ่นควันเล็กๆน้อยๆ ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงแกร๊กที่ใต้สุสานมาร เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างแตก