I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง - ตอนที่ 851
คนเดียวก็พอ
โจวเหวินพอเห็นชาลีแบบนั้นแล้วก็รู้สึกได้ถึงลางไม่ค่อยดี
พลังของหนังสือกับกางเขนนั้นรุนแรงมากก็จริง แต่เขาไม่ได้รู้จักหน้ากากนั้นเลยแม้แต่น้อย เขาไม่รู้ว่าการทำลายหน้ากากนั้นมันเปล่าประโยชน์ มันรังแต่จะทำให้เขาซวยมากยิ่งขึ้น
ซึ่งก็แน่นอนทันทีที่หน้ากากแตกเป็นเสี่ยงๆๆแล้ว ฝุ่นควันพวกนั้นจู่ๆก็พุ่งเข้าใส่ชาลี ชาลีพอเห็นฝุ่นพวกนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนสีทันที ทั้งสมุดและกางเขนของเขาส่องแสงอีกครั้งพยายามจะยับยั้งฝุ่น แต่ฝุ่นพวกนั้นเป็นเหมือนควัน ไม่ว่าจะฟันจะยิงยังไงก็ไม่ได้ สุดท้ายฝุ่นพวกนั้นก็พุ่งเข้าหน้าของชาลีอยู่ดี ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากๆ แม้แต่คนของตระกูลเคปเองยังตามไม่ทัน รู้ตัวอีกที ฝุ่นควันพวกนั้นก็ก่อตัวกันจนเป็นหน้ากากบนหน้าของชาลีแล้ว
ตอนนั้นเองที่คนของตระกูลเคปพุ่งเข้าไปช่วยชาลี แต่จู่ๆกางเขนในมือของชาลีก็ส่องแสงแล้วแทงทั้ง2คนที่เข้าไปช่วย
ทั้ง2คนนั้นไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจตั้งรับใดๆทั้งสิ้น พอโดนแทงแล้วพวกเขาก็สิ้นกำลัง ร่วงตกลงไปที่พื้นที่เต็มไปปด้วยหินเวทมนตร์จนร่างของพวกเขากลายเป็นหินเวทย์มนตร์ไปในที่สุด ในตอนนั้นทุกๆคนสั่นกลัวกันขึ้นมาทันที
ชาลีตอนนี้โดนหน้ากากวิญญาณมารเข้าสิงแล้ว มันไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น มันตวัดกางเขนและหนังสือพุ่งเข้าใส่เหล่ามนุษย์ที่อยู่บนแท่นหิน
ฉางชุชิวเองก็ตอบสนองทันที เขาใช้ดาบพุ่งฟันสวนหน้าของชาลีทำให้หน้ากากแตกเป็น2ซีกอย่างแม่นยำโดยที่หน้าของชาลีไม่เป็นไรแม้แต่น้อย แต่มันก็ไร้ผล เพราะสุดท้าย หน้ากากก็จะงอกกลับขึ้นมาบนหน้าของชาลีอย่างรวดเร็ว และในตอนนั้นทุกอย่างก็โกลาหลไปหมด
จนสุดท้ายฉางซือหยูต้องใช้ยันอาคมแปะเข้าไปที่กลางหน้ากากเพื่อสะกดวิญญาณเอาไว้ ทำให้ชาลียืนิ่งอยู่กับที่แต่หน้ากากก็ยังไม่หลุดออกจากหน้าของเขา
คนจากตระกูลเคปคิดหาหลายวิธีการแต่สุดท้ายก็กระชากหน้ากากนั้นไม่ออก พวกเขาเลยขอความช่วยเหลือจากฉางซือหยู
ฉางซือหยูพูด “ยันอาคมเร้นลับของฉันสามารถสะกดวิญญาณไว้ได้เท่านั้น มันไม่มีทางกำจัดมันทั้งหมดได้ แถมหน้ากากนี้มันประหลาดมากๆด้วย การทำลายตัวหน้ากากนั้นไม่ได้ผล ฉันเองก็ทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้เหมือนกันคงต้องลองคิดหาทางอื่น..”
ผลที่ออกมานั้นเป็นไปตามที่โจวเหวินคาดการณ์ไว้เป๊ะ ตัวจริงของหน้ากากนั้นไม่ได้อยู่ที่หน้ากาก ถ้าโจมตีที่หน้ากากไม่ว่าจะโจมตีแรงแค่ไหน ก็ไม่มีทางฆ่ามันได้ ทางเดียวที่จะฆ่ามันได้คือการขุดสุสานแล้วทำลายต้นทางของมันที่อยู่ใต้ดิน
คนจากตระกูลฉางตอนนี้หันเหความสนใจมาหาเมสซิส พวกเขาหวังว่าจะให้เมสซิสช่วยจัดการกับหน้ากากนั้นให้ที แต่เมสซิสกลับส่ายหัวแล้วพูด “ถ้าให้ฉันจัดการมันตั้งแต่แรกบางทีฉันอาจจะยังมีโอกาส แต่ตอนนี้หน้ากากมันอยู่ที่หน้าของชาลีแล้ว ผู้พิทักษ์ของฉันมันมีพลังรุนแรงเกินไป ถึงจะทำลายหน้ากากได้ แต่ชาลีก็คงไม่รอดไปด้วยแน่ๆๆ”
ทั้งตระกูลฉางและตระกูลเคปตอนนี้ตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่มีใครสามารถแก้ไขปัญหาหน้ากากบนหน้าของชาลีนี้ได้โดยที่ไม่ทำร้ายชาลีไปด้วยแต่ถ้าไม่ทำลายหน้ากากนี้ทิ้ง ปัญหาในสุสานมารก็จะไม่จบ
ฉางชุนชิวมองดูเหตุการณ์ทุกอย่างแล้วมองโจวเหวินที่ยืนอยู่ข้างๆเขา แต่หน้าตาของโจวเหวินตอนนี้นั้น สงบนิ่งและดูเหมือนกับว่าคิดไว้อยู่แล้ว เขาเลยตัดสินใจถามโจวเหวินด้วยเสียงที่ดังพอที่จะเรียกความสนใจของคนอื่นได้ “โจวเหวิน นายสามารถจัดการหน้ากากนั้นโดยที่ไม่ทำร้ายชาลีได้ไหม”
ตอนนั้นเองที่ความเงียบเข้าครอบงำ ตอนที่พวกเขาได้ยินคำถามของฉางชุนชิว ทุกคนต่างก็หันมาสนใจทันที
โจวเหวินตอบ “ได้ แต่ฉันก็ต้องบอกอีกเหมือนกัน ว่าฉันไม่ได้มีสกิลเหมือนของชาลีดังนั้น ถ้าอยากจะให้ฉันแก้ปัญหานี้ ฉันต้องขุดสุสานมารให้ได้”
“เวลาแบบนี้แล้ว นายยังคิดจะมาพูดจาไร้สาระอีกเหรอ หน้ากากนั้นถูกดึงออกมาแล้ว นายจะขุดลงไปที่ใต้สุสานอีกทำไมกันละ”ลุงฉางพูด
ในฐานะคนที่เป็นอนุรักษ์นิยมที่สุดในตระกูลฉาง เขาเป็นคนที่ไม่ยินยอมให้ขุดสุสานแบบสุดตัว
โจวเหวินเองก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน เพราะเรื่องแบบนี้มันเกิดจากข้อมูลที่มีไม่เท่ากัน สำหรับลุงฉางและตระกูลฉางแล้ว สุสานมารนั้นเป็นสถานที่ลึกลับและมีพลังที่ไม่อาจคาดเดาได้ พวกเขาจึงกลัวสุสานมารและกลัวที่จะขุดสุสานมาร กลัวว่าทำไปแล้ว ตระกูลฉางจะถึงกาลอวสาน พวกเขาเลยแย้งสุดตัว
“ลุงครับ โจวเหวินเขาไม่ใช่คนร้ายนะครับ เขาต้องมีเหตุผลแน่ๆถึงได้พูดออกมาแบบนี้”ฉางชุนชิวกับตู่กู๋ซงนั้นเคยเห็นพลังของโจวเหวินกับตาตัวเองมาแล้วด้านนอกของพระราชวังต้องห้าม ทำให้รู้ว่าโจวเหวินนั้นมีพลังที่มหาศาล ยิ่งกว่านั้น ทุกคนรู้ดีอีกว่าโจวเหวินกับจ้าวตระกูลเสี่ยนั้นติดอยู่ในพระราชวังต้องห้ามด้วยกัน และไม่มีใครกลับออกมาได้ แต่โจวเหวินจู่ๆก็กลับมาอยู่ที่ลั่วหยางแบบปลอดภัยโดยที่จ้าวตระกูลเสี่ยหายตัวไป ความสามารถระดับนี้ แม้แต่ฉางชุนชิวยังทำไม่ได้เลย
“สิ่งที่นายพูดหน่ะเป็นแค่ข้อสันนิฐานไม่ใช่ความเป็นจริงไม่ใช่เหรอ”ลุงฉางพูด
“ท่านจ้าวตระกูล ผลของสุสานมารที่มีต่อตระกูลฉางของเรานั้นมันเพิ่มมากขึ้นและมากขึ้นทุกที ถ้าเราไม่สามารถจัดการมันให้เด็ดขาดตอนนี้ ผมกลัวว่าในอนาคตอีกไม่กี่ปีตระกูลฉางของเราจะเหลือเพียงแค่ชื่อนะครับ ถ้าไปถึงจุดนั้น แทนที่จะรอความตาย ผมยอมให้โจวเหวินลองดูจะดีกว่าครับ ผมเชื่อว่าเขาสามารถแก้ปัญหาได้โดยที่ไม่ทำร้ายชาลี ผมจึงขอ ขอความกรุณาจากท่านจ้าวตระกูล โปรดให้โอกาสเขา แล้วก็ให้โอกาสผมคนรุ่นผมและต่อจากผมให้มีอนาคตด้วยเถอะครับ”ฉางชุนชิวก้มลงแทบพื้นต่อหน้าจ้าวตระกูลฉางซือหยูแล้วพูด
“ชุนชิว ทำอะไรของนายวะ ขายขี้หน้าหมด เราไม่จำเป็นต้องขุดสุสานเพื่อทำลายหน้ากากนี้ เรื่องที่เราต้องแคร์มีแค่ชีวิตของชาลีก็พอแล้วส่วนเรื่องอื่น…”คนในตระกูลฉางหงุดหงิดกับการกระทำของฉางชุนชิว
“ถึงตอนนี้ไม่ต้องสนใจอะไรแล้วละ ถ้าท่านจ้าวตระกูลยอมให้ผมใช้ผู้พิทักษ์ ผมสัญญาเลยว่าจะทำลายหน้ากากให้สิ้นซาก แต่ผมไม่รับประกันชีวิตของชาลีหรอกนะ”เมสซิสพูด
“เมสซิส แกกล้าดียังไง….”คนตระกูลเคปมองหน้าเมสซิสเขม่น
“หยุดเถียงกันซักที”หลังจากที่ฉางซือหยูพูดแล้วทุกคนก็เงียบลง ในที่นี้คำพูดของฉางซือหยูถือเป็นจุดสิ้นสุด
“โจวเหวิน นายมั่นใจแค่ไหน”ฉางซือหยูมองฉางชุนชิวที่ก้มอยู่ที่พื้นแล้วถามโจวเหวิน
“ตอนแรกก็70%แต่พอเห็นพลังของหน้ากากแล้ว ตอนนี้มั่นใจ90%เลยครับ”โจวเหวินพูด
“แล้วต้องการอะไรไหม”ฉางซือหยูถามอีก
“ไม่ต้องการครับ ผมคนเดียวพอ”โจวเหวินตอบ
“ถ้างั้นก็ได้ เอาเลย ถ้าทำสำเร็จ ไข่อสูรปฐพีจะเป็นของนาย”ฉางซือหยูพยักหน้า
“ท่านครับ แต่สุสานมาร…”ลุงฉางพูด
“ฉันตัดสินใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้อีก
ลุงฉางไม่พอใจ “ท่านลืมกำพืดลืมสิ่งที่บรรพบุรุษเฝ้าสั่งสอนไปหมดแล้วเหรอครับ ว่าการขุดสุสานนั้นมันคือหายนะของตระกูลฉาง!!”
“โจวเหวินเอาเลย!”ฉางชุนชิวไม่สนใจคำพูดของลุงตัวเอง เขาลุกขึ้นแล้วดันหลังโจวเหวิน
โจวเหวินไม่ลังเลอีกแล้ว เขาอัญเชิญเบม่อนออกมา ขนาดตัวเบม่อนขนาดยักษ์ตกลงมากระแทกกับพื้นของสุสานมารทันที
“จอมทรราชเบม่อน มันคือสัตว์อสูรของโจวเหวินหรอกเหรอเนี่ย” นอกจากตระกูลฉางที่รู้อยู่แล้ว คนอื่นๆต่างตกใจมากๆ เพราะว่าครั้งล่าสุดในการจัดอันดับนั้น ถึงแม้ว่าเบม่อนจะอยู่แค่ที่ 4 แต่ถึงอย่างนั้นเบม่อนก็เป็นที่4แบบไม่เคยแพ้ใครเลย