I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง - ตอนที่ 857
ฆาตกรขั้นสมบูรณ์
เพราะว่าเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดเต็มไปด้วยพลังชีวิตของจักรพรรดิยักษ์เทพนั้นถูกระเบิดด้วยพลังที่อัดแน่นมหาศาล ทำให้เมสซิสไม่มีโอกาสจะได้ร้องด้วยซ้ำ
การตายของมันทำให้โจวเหวินรู้สึกได้ถึงพลังงานที่ไหลเข้ามาในร่างจนวิญญาณชีวิตของเขาเริ่มพัฒนาขึ้นอีกครั้ง
“ในที่สุด ขั้นสมบูรณ์แล้วซินะ”โจวเหวินถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาฆ่าผู้พิทักษ์มาหลายตัวแล้ว ถ้าเกิดเขายังไม่พัฒนาอีกละก็ โจวเหวินก็ไม่รู้ว่าจะไปหาผู้พิทักษ์ฆ่าได้ที่ไหนแล้วเหมือนกัน
วิญญาณชีวิตฆาตกรของโจวเหวินห่อหุ้มตัวของเขาไว้ เดิมทีมันไร้รูปไร้เงาเหมือนกับว่าไม่มีตัวตน พอมาเป็นขั้นพัฒนา มันทำให้โจวเหวินรู้สึกได้ถึงตัวตนของมันเล็กน้อยและสามารถใช้งานมันในรูปแบบวิชาเทพสังหารได้
แต่ความเข้าใจของโจวเหวินที่มีต่อวิญญาณชีวิตนี้ก็ยังน้อยอยู่ดีโจวเหวินสามารถใช้งานมันได้แค่ตอนวิชาเทพสังหารเท่านั้น
ขั้นพัฒนานั้นโจวเหวินสามารถเห็นภาพลางๆของวิญญาณชีวิตได้แล้ว ต่างจากที่ไม่รู้สึกอะไรเลยเหมือนแต่ก่อน ไม่รู้ว่ามันแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหน
วิญญาณชีวิตของเขาค่อยๆผสานกันกันไปมาเรื่อยๆ จนโจวเหวินเริ่มเห็นเค้าโครงของมันอย่างชัดเจน รูปร่างของมันค่อนข้างคุ้นตาเหมือนกับว่าเคยเห็นที่ไหนซักแห่ง โจวเหวินไม่เห็นหน้าของมัน และไม่ได้เห็นร่างของมันชัดๆ แต่แค่ความรู้สึกมันบอกว่ามันคุ้นเฉยๆ
“หรือว่าจะเป็นผู้หญิงที่ฉันเห็นในความฝันหรือนิมิตรเมื่อนานมาแล้ว”โจวเหวินนึกขึ้นได้ทันที ผู้หญิงที่โจวเหวินเคยฝันถึงตอนที่เขาโดนผีอำช่วงแรกๆที่เขาฝึกวิชานี้ก็ให้ความรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน
ตอนที่การพัฒนาร่างเสร็จสิ้นลง วิญญาณชีวิตของโจวเหวินก็ยังทำได้แค่เห็นเป็นเงารางๆ วิญญาณชีวิตของเขาไม่ได้ปรากฏออกมาอย่างชัดเจนหรือเป็นตัวเป็นตนจริงๆ
โจวเหวินอ่านข้อมูลในเกมส์แล้วพบว่าวิญญาณชีวิตฆาตกรนั้น ได้กลายเป็นขั้นสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว แต่ชื่อกับคำอธิบายของมันไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
สิ่งที่เปลี่ยนอย่างเดียวคือ เขารู้สึกได้ว่าวิญญาณชีวิตของเขามันเติบโตขึ้นจริงๆ ตอนนี้เขาสามารถรับรู้ได้ถึงตัวตนของวิญญาณชีวิตได้แล้ว ส่วนความสามารถอื่นๆ เดี๋ยวค่อยไปลองดูทีหลังก็ได้
“แค่นี้เหรอ นี้คือร่างที่แท้จริงของวิญญาณชีวิตฆาตกรจริงๆเหรอ”โจวเหวินมองแสงและเงาที่สะท้อนอยู่ที่ตัวของเขาเอง เขายังไม่เชื่อเท่าไรว่าสุดท้ายแล้ววิญญาณชีวิตของเขาจะมีแค่นี้ แต่ถึงโจวเหวินจขะไม่เชื่อยังไง ความเป็นจริงมันก็ชัดเจน ว่าวิญญาณชีวิตขั้นสมบูรณ์นั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับขั้นสุดท้ายของระดับชีวิตแล้ว
หลังจากเก็บกวาดซากการระเบิดเรียบร้อยโจวเหวินก็พาหยาเอ๋อขี่อสูรปฐพี รอบนี้เขาไม่ได้รีบเดินทางแล้วแต่เขาก็ไม่ได้ลดความเร็วลงแต่อย่างใด ถนนที่เขาเลือกเดินทางนั้นก็ไม่ใช่ถนนเส้นที่กลับลั่วหยางด้วย
โจวเหวินไม่ได้ตั้งใจจะกลับลั่วหยางตอนนี้ เขาตั้งใจจะเดินอ้อมไปรอบๆพื้นที่คนอยู่ซักพักก่อนเพื่อให้วิญญาณชีวิตธุลีดวงดาวพัฒนาได้ หลังจากทที่เดินทางมาเป็นเวลา2วันวิญญาณชีวิตธุลีดวงดาวก็เริ่มพัฒนา เหล่าผงธุลีทั้งงหลายเริ่มประกายแสงเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่าง ถึงโจวเหวินจะไม่รู้ว่ามันทำอะไรอย่างอื่นได้ไหม แต่เดิมทีมันก็ช่วยเพิ่มความสามารถให้โจวเหวินอยู่แล้ว และตอนนี้มันก็แกร่งกว่าเดิมซะอีก
วิญญาณชีวิต ประกายดาว ขั้นพัฒนา
“การพัฒนาวิญญาณชีวิตนี้มันโคตรง่ายเลยแหะ ถ้าทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ อีกไม่นานก็คงจะเป็นขั้นสมบูรณ์ได้แน่ๆ ต่างจากอารยมิติที่ตอนนี้ต้องวาปอีกเยอะมากเลยกว่าจะพัฒนาได้ เอาไงดีวะเนี่ย”โจวเหวินคิดไม่ตก
เทพวิหกทมิฬของตระกูลฉางมันวาปได้ไม่จำกัดก็จริงแต่ตระกูลฉางก็ฟักมันออกมาแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะโอนมาให้โจวเหวิน แล้วโจวเหวินก็ไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับตระกูลฉางขนาดนั้นด้วย
“ค่อยๆเป็นค่อยๆไปละกัน”โจวเหวินเองก็ไม่ได้นิ่งดูดายตอนอยู่ระหว่างทาง เขาก็ได้ศึกษาวิชาเลือดอสูรไปด้วยระหว่างทาง เขาอยากจะรู้ให้ได้ว่ามันเป็นวิชาลมปราณแบบไหนแล้วทำยังไงเขาถึงจะสกัดพลังและวิญญาณชีวิตออกมาได้ การจะสกัดพลังชีวิตออกมานั้นมันไม่ยาก มันคือการรวมเอาวิชาลมปราณที่มีกับพรสวรรค์ของบุคคลๆนั้นมารวมเข้าด้วยกัน ขอแค่มีความเข้าใจในวิชาได้มากพอ เขาก็สามารถทำสำเร็จได้ไม่ยาก
แต่วิญญาณชีวิตนั้น จำเป็นต้องมีพื้นฐานก่อนถึงจะสกัดวิญญาณชีวิตออกมาได้ ซึ่งพื้นฐานที่ว่านั้นสามารถใช้เลือดของผู้พิทักษ์เป็นพื้นฐานได้เหมือนกัน แต่เลือดของผู้พิทักษ์ที่ว่านั้น ต้องเป็นผู้พิทักษ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับวิชานี้
“ไม่รู้ว่าเลือดของจักรพรรดินีจะใช้เป็นพื้นฐานของวิญญาณชีวิตวิชาเลือดอสูรได้ไห””โจวเหวินคิดกับตัวเอง
จนถึงตอนนี้โจวเหวินก็ยังไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของจักรพรรดินีแห่งยอดเขาฉีซือนั้นเป็นอะไรกันแน่ๆ เธออาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติ ผู้พิทักษ์ หรืออาจจะมากกว่านั้นก็ได้
แต่ถึงอย่างนั้น ที่แน่ๆคือ จักรพรรดินีนั้นอาศัย (หรือโดนขัง) อยู่ที่ภูเขาฉีซือ แล้ววิชาเลือดอสูรนั้นก็เป็นวิชาที่ได้มาจากที่นั้น มันจึงมีความเป็นไปได้สูงว่านางจะมีความเกี่ยวข้องกันได้
“แต่จะว่าไปการจะเอาเลือดจากจักรพรรดินีนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเลย ถ้าเทียบกับผู้พิทักษ์ตัวอื่นที่ต้องสู้หรือขโมยเลือดมา จักรพรรดินีอย่างน้อยก็ยังพอ (เจรจา) ได้อยู่บ้าง เพียงแค่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไรนี้ซิไม่มีทางรู้ได้เลย”โจวเหวินตอนนี้ยังไม่รีบขนาดนั้นเพราะพลังชีวิตของเขาก็ยังไม่ได้เลย
ตอนที่โจวเหวินเดินทางไปนั้นเขาก็ศึกษาไปเรื่อยๆ แต่เขาไม่ได้ฝึกไปด้วย เพราะถ้าเกิดจะฝึกเขาก็ต้องสลับวิชาลมปราณไปมาซึ่งมันก็จะทำให้วิญญาณประกายดาวนั้นไม่พัฒนาไปด้วย
หลังจากที่ทำอยู่แบบนั้นเรื่อยๆไม่กี่วันเขาก็ประสบความสำเร็จและสกัดพลังชีวิตออกมาได้ในที่สุด
พลังชีวิต เลือดอสูร
โจวเหวินรู้สึกได้ว่าพลังชีวิตเลือดอสูรนั้นทำให้ค่าความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก และมากเป็นพิเศษในค่าร่างกาย
“ดูเหมือนว่าวิชาเลือดอสูรจะเป็นวิชาลมปราณที่เสริมค่าร่างกายซินะ แบบเดียวกับวิชาจุลปรัชญาเลย แต่จุลปรัชญาตอนนี้วิญญาณชีวิตเป็นขั้นสมบูรณ์ไปแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำให้วิญญาณชีวิตของวิชาเลือดอสูรเป็นขั้นสมบูรณ์แค่นี้ก็เรียบร้อย”
โจวเหวินตอนนี้กังวลเรื่องเลือดที่โจวเหวินจะต้องใช้เพื่อสกัดวิญญาณชีวิตมากกว่า
“จักรพรรดินี ฉันมีข้อเสนอมาให้พิจารณา”โจวเหวินตัดสินใจถามจักรพรรดินีดีๆก่อนว่าเธอจะให้เลือดกับเขาได้ไหม
“มาแปลกแหะ จู่ๆนายก็ทักมาหาฉันเรื่องข้อเสนอก่อนเลยแบบนี้ ไม่กลัวตายบ้างเหรอ ไม่ใช่ว่าพยายามหลบหน้าฉันอยู่ไม่ใช่รึไง”จักรพรรดินีตอบกลับข้อความมา
“จะไปหลบหน้าได้ไงกันละ ช่วงนี้ฉันยุ่งมากๆเลย เลยไม่มีเวลาหน่ะ ถ้ามีเวลาฉันก็คงกลับไปเยี่ยมเยียนเธอที่ภูเขาฉีซือแล้วละ”โจวเหวินพยายามไหลให้ได้มากที่สุด
“อะ โอเค ถ้างั้นก็มาหาฉันซิ ฉันรอฟังอยู่”จักรพรรดินีพูด
“ตอนนี้ฉันอยู่แถบเขตแดนใต้หน่ะ คงกลับไปตอนนี้ไม่ได้ แต่ถ้ากลับไปจะไปหาแน่ๆนะ”โจวเหวินพิมพ์ต่อ “ส่วนเรื่องข้อเสนอหน่ะ ฉันอยากจะขออะไรจากเธอหน่อยจะได้ไหม”
“จะเอาอะไรละ”จักรพรรดินีพิมพ์ตอบสบายๆ
“ฉันอยากได้เลือดของเธอหน่ะ”โจวเหวินกัดฟันแล้วพิมพ์ออกมา เขากังวลใจมากๆ เขาไม่รู้ว่าจักรพรรดินีจะรู้สึกยังไงถ้าได้อ่านประโยคนี้