I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง - ตอนที่ 861
เทพภูเขา
โจวเหวินสั่งการให้เบม่อนนั้นช่วยทีมขนส่งเคลื่อนย้ายรถบรรทุกไปอีกฝั่งทันที
รถบรรทุกพวกนั้นโดนหยิบแล้วยกไปอีกฝั่งได้ง่ายเหมือนของเล่น และเมื่อย้ายรถเสร็จ เบม่อนก็เปลี่ยนไปย้ายคนข้ามไปอีกฝั่งต่อ
“ฉันยังไม่รู้ชื่อของนายเลย”เจ้าหน้าที่คนนึงพูด
“โจวเหวินครับ”โจวเหวินตอบแล้วพูดต่อ “ไปเถอะครับ ที่อยู่ข้างใต้นั้นมันไม่น่าจะเป็นแค่สิ่งมีชีวิตต่างมิติธรรมดา แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวกว่านั้นมาก บางทีคุณอาจจะเป็นอันตรายได้นะครับ”
เจ้าหน้าที่วันธยาหัตรให้โจวเหวินก่อนจะออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกคนขึ้นรถแล้วไปต่อ
“ผู้กองจินครับ ไม่คิดเลยนะครับว่าเบม่อนจะเป็นสัตว์อสูรของพวกเราเขตตะวันออก แถมยังเป็นของนักศึกษาอีกด้วย โจวเหวินคนนั้นยอดเยี่ยมไปเลยนะครับ ไม่ได้มีดีแค่สัตว์อสูรแต่พลังของเขาเองก็มีมากมายด้วยถ้าเกิดมีคนอย่างเขาอยู่ละก็ พวกสิ่งมีชีวิตต่างมิติคงไม่ได้น่ากลัวสำหรับเราต่อไปแล้วซินะครับ”
ผู้กองจินส่ายหัวแล้วยิ้มเจื่อนๆ “คนแบบนี้ที่นายว่าเนี่ย ร้อยล้านคนจะมีซักคนนึงนะ การจะคาดหวังให้เขาปกป้องมวลมนุษยชาติทั้งหมดคงจะเป็นไปไม่ได้หรอก ทหารอย่างพวกเราถึงได้สำคัญไงละ เพราะงั้น พวกเราเองก็ต้องแข็งแกร่งขึ้นเหมือนกัน ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อปกป้องประชาชนและคนที่อ่อนแอกว่า”
“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะครับ แต่พลังแบบนั้น ตลอดชีวิตของพวกเราจะไปถึงขั้นนั้นได้รึเปล่ายังไม่รู้เลยครับ”ทหารถอนหายใจ
ผู้กองจินพูด “ก็ถ้าทุกคนคิดแบบนาย มนุษยชาติก็คงจะสูญพันธ์ไปแล้วละ ตอนนี้เราอาจจะยังทำไม่ได้ แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าอนาคตของเราจะทำไม่ได้ไปด้วย มนุษย์เมื่อสมัยก่อนเคยคิดไหมละว่าตัวเองจะได้มีโทรศัพท์มือถือหน่ะ คิดว่าคนยุคโบราณคิดไหมว่าตัวเองจะได้สู้ด้วยปืน คนอย่างโจวเหวินน่ะถือว่าเป็นผู้บุกเบิก และวันหนึ่งผู้บุกเบิกเนี่ยละจะเป็นคนนำพาเอาเหล่าสัตว์อสูร สกิล และวิชาลมปราณที่เก่งกาจมาสู่ทุกๆคน จากนั้นมนุษย์ก็จะเปลี่ยนโลกอีกครั้ง พวกเราเองก็ต้องพยายามอย่างหนักให้แกร่งขึ้น ถ้าวันนึง ยุคนั้นมาถึงจริงๆ พวกเราเองก็จะได้มีพลังมากพอที่จะควบคุมอะไรพวกนั้นได้ ไม่ใช่ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง”
“ผู้กองครับ ผมเข้าใจที่ผู้กองจะสื่อนะครับ แต่พอมามองด้วยสายตาของตัวเองแล้วผมก็อดตกใจไม่ได้อยู่ดีละครับ คนหนุ่มแบบนั้นแต่มีพลังมากมหาศาลขนาดนั้น พรสวรรค์ของมนุษย์นี้มันต่างกันลิบลับจริงๆนะครับ”เจ้าหน้าที่พูด
โจวเหวินตอนนี้ยังคงตรวจสอบป่าเบื้องล่างของภูเขาดู การที่ถนนบนภูเขานั้นถล่มแบบนี้ได้ มันไม่น่าจะใช้ฝีมือของสิ่งมีชีวิตต่างมิติตัวเมื่อกี้แน่ๆ มันต้องเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่แข็งแกร่งกว่านั้นหลายเท่า
แต่เขาใช้สดับวานรตรวจสอบหาในป่าแล้วแต่ก็ไม่เห็นจะเจออะไรเลย
เขาเลยตัดสินใจเดินหน้าต่อ เขาสวมผ้าคลุมล่องหนไว้กับตัวเองและหยาเอ๋อจากนั้นก็เดินไปตามเส้นทางที่ตะขาบตัวนั้นเดินมา
ป่านั้นรกทึบมาก ภายใต้แสงจันทร์นวลๆแบบนี้โจวเหวินไม่กล้าที่จะเข้าป่ามืดๆแบบนั้นไป เขาเลยบินขึ้นมาเหนือป่านั้น โจวเหวินห่อตัวด้วยผ้าคลุมล่องหนแถมเขาเองยังเตรียมเรียกอสูรปฐพีมาตลอด เขาสามารถหนีออกไปได้ทุกเมื่อ อย่างน้อยถ้าเขาสู้ไม่ได้ แต่เขาหนีออกไปได้มันก็น่าจะพอ
แต่ตลอดทางที่บินไปนั้นโจวเหวินไม่เจออะไรเลย แต่กลิ่นอายของตะขาบตัวนั้นยังอยู่ ทำให้โจวเหวินสามารถตามกลิ่นนั้นไปเรื่อยๆจนกระทั้งพบเข้ากับอะไรบางอย่าง ที่สุดปลายของกลิ่นอายนั้น มีภูเขาย่อมๆอยู่ ภูเขานั้นสูงแค่2-300เมตรเท่านั้น แต่มันค่อนข้างชัน และด้านบนของเขานั้นมีสิ่งก่อสร้างบางอย่างเหมือนวัดอยู่ที่นั้น รูปร่างหน้าตาของมันเหมือนวัดเทพธรณียังไงอย่างงั้น
มีวัดเทพธรณีอยู่ในที่แบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย”โจวเหวินตกใจเล็กน้อยก่อนจะสังเกตุดูรอบๆภูเขาแล้วเขาก็พบว่ามันไม่มีบันไดทางขึ้นภูเขานี้
“แปลกแหะ ถ้าไม่มีบันไดแล้วคนโบราณเขาขึ้นไปทำวัดบนนั้นได้ไงกันล่ะ”โจวเหวินสังเกตุที่วัดนั้นดีๆแล้วพบว่ามีกลิ่นของกำยานอยู่ในนั้นด้วย
ป้ายหน้าวัดขนาดเล็กๆเขียนสลักเอาไว้ด้านบนด้วยคำสามคำ “วัด ภู เขา”
“มันไม่ใช่วัดเทพธรณี แต่เป็นวัดภูเขาแทนงั้นเหรอ”โจวเหวินขมวดคิ้วเล็กน้อย
ถ้าเป็นวัดเทพธรณีโจวเหวินก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรมาก เพราะวัดเทพธรณีนั้นมีให้เห็นทั่วไปในเขตตะวันออก โดยปรกติแล้วมันไม่มีอันตรายอะไรมีแต่ประโยชน์ที่จะได้กลับมาด้วย แต่วัดภูเขานั้นต่างออกไป วัดภูเขานั้นจะแบ่งออกเป็นสองประเภท คือวัดเทพภูเขา กับวัดมารภูเขา ถ้าวัดเทพภูเขาก็จะเป็นแบบเดียวกับวัดเทพธรณี มันไม่มีอันตรายอะไร แต่ถ้าวัดมารภูเขาละก็ จะมีเทพมารอาศัยอยู่ในนั้น
เทพภูเขาบางตนนั้นจริงๆแล้วเป็นอสูรกายที่ยึดครองภูเขาลูกนั้นๆ อสูรกายตัวนั้นอาจจะเป็นตัวดีหรือตัวร้ายก็ได้ แต่เพราะว่าพลังอันมหาศาลของพวกมันทำให้มนุษย์เคารพบูชาพวกมันเป็นเทพภูเขา
แต่ถึงอย่างนั้นต่างจากเทพธรณี เทพภูเขาไม่จำเป็นต้องให้พรกับมนุษย์ เทพภูเขาบางตนนั้นได้รับความเคารพบูชาจากมนุษย์เพราะว่าพวกมันฆ่ามนุษย์มามากมายเกินไปจนมนุษย์หวาดกลัวแล้วต้องกราบไหว้เพื่อให้หยุดการฆ่าแกงนี้
ถึงแม้ว่าวัดภูเขาที่นี้จะไม่ได้ใหญ่มาก แต่โครงสร้างของมันก็ดูแปลกตาสุดๆ โครงของมันทำจากไม้สักอย่างดี มีกลิ่นของกำยานลอยอบอวน และเพราะคำสามคำบนป้ายนั้นเขียนไว้แบบก่ำกึ่งทำให้โจเวหวินไม่รู้ว่าเทพภูเขาที่จุติอยู่ที่นี้นั้น เป็นแบบไหนกันแน่ๆ
“ตะขาบนั้นน่าจะออกมาจากวัดภูเขานี้แน่ๆ ดูเหมือนว่าเทพภูเขาแห่งนี้จะเป็นมารเทพซินะ แล้วการที่ถนนภูเขาพังทลายแบบนั้นบางทีก็อาจจะเกี่ยวกับมารเทพตนนี้ด้วยก็ได้”โจวเหวินคิดกับตัวเอง
โจวเหวินใช้พลังของสดับวานรฟังเสียงภายในวัดเทพภูเขา โจวเหวินอยากจะรู้ว่าอะไรกันแน่ที่สถิติอยู่ในวัดภูเขานั้น
แต่เพราะว่ามันมีพลังงานอะไรบางอย่างมาปกคลุมวัดภูเขาแห่งนี้เอาไว้ทำให้โจวเหวินไม่ได้ยินอะไรข้างในเลย แต่พอลองเงี่ยหูฟังดีๆ ภาพภายในวัดภูเขาแห่งนั้นก็ปรากฏขึ้นมาในสมองของโจวเหวิน
ภายในตำหนักของวัดนั้นมันเรียบง่าย ภายในนั้นมีบทสวดอยู่ มีธูปกำยานจุดอยู่ และมีเทียนปักอยู่ทั้ง2ข้าง ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอาธูบเทียนไปวางเอาไว้ โจวเหวินสังเกตุเข้าไปด้านในของวัดแล้วหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีทันที
“โอเค เห็นชัดๆแล้วว่าวัดภูเขานี้เป็นวัดมารภูเขา แต่ฉันเคยเห็นมารอสรพิษ มารจิ้งจอก มารหมาป่ามาแล้ว แต่เจ้านี้เป็นมารคางคกงั้นเหรอ ครั้งแรกที่เห็นเลยนะเนี่ย”โจวเหวินมองดูรูปร่างของเทพภูเขาแล้วอดคิดสงสัยไม่ได้
รูปปั้นของเทพภูเขาแห่งนี้เป็นคางคกขนาดใหญ่ตัวอ้วน นอนอยู่บนแท่น มันหลับตาเหมือนกำลังเพลิดเพลินกับชีวิตอยู่ยังไงอย่างงั้น
ร่างกายของมันถูกหล่อมาจากทองแดง มีปุ่มจุดๆบนตัวมันมากมายดูน่าเกลียดน่ากลัว ถ้าเป็นโจวเหวินเขาคงไม่มาสักการะบูชาเทพภูเขาวัดนี้แน่ๆแต่โจวเหวินมองไปดีๆ เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีบางอย่างผิดปรกติ
คางคกตนนั้นนอนเหมือนเป็นรูปปั้นตรงนั้นก็จริงแต่ถ้าดูดีๆมันต่างจากคางคกปรกติออย่างเห็นได้ชัด
แต่ในตอนนั้นเอง คางคกตนนั้นก็ลืมตาขึ้นมาแล้วหันมามองทางที่โจวเหวินอยู่