I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง - ตอนที่ 870
มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณ
ตอนที่หลิวหยุนเข้าไปดูใกล้ๆ เขาเองก็รู้ทันทีว่าสัตว์อสูรที่โจวเหวินเรียกออกมามันคือตัวอะไร ไม่ใช่แค่รู้ แต่เขาเองยังเคยเป็นเจ้าของมันอีกด้วย ก่อนที่เขาจะเอาคืนให้โจวเหวิน
“ไม่นะ นายจะใช้มันรับการโจมตีของรูปปั้นทองคำจริงๆเหรอ นี้นายบ้าไปแล้วเหรอ”หลิวหยุนเคยขโมยสิงโตเกราะเวทไปจากโจวเหวินแล้วครั้งนึง แล้วเขาก็รู้มาว่ามันเป็นแค่สัตว์อสูรระดับมหากาพย์เท่านั้น การที่โจวเหวินจะใช้สิงโตเกราะเวทมารับการโจมตีของรูปปั้นทองคำนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย
“ลองดูละกัน มันอาจจะใช้ได้ผลก็ได้”โจวเหวินอุ้มหยาเอ๋อแล้วพุ่งตัวไปมารอบๆเมืองเพื่อหลบการโจมตี
ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของรูปปั้นทองคำพวกนี้ไม่ใช่พลังแต่เป็นความอึดที่มหาศาลขนาดที่เบม่อนที่เปิดสุดยอดพลังยังทำอะไรมันไม่ได้แม้แต่น้อย
ทันทีที่มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณลงมานั้น มันก็โดนห้อมล้อมไปด้วยทหารทองแดงตามท้องถนนทันที แต่มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก มันพุ่งทะลุฝ่าทหารทองแดงทันที เหมือนกับพุ่งตัวเข้าใส่กองกระดาษ มันทำลาย มันฟัน มันฉีกกระฉากทุกอย่างกลางอากาศ
ตอนนี้มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณเหมือนกับเสือที่อยู่กลางฝูงแกะ พลังป้องกันมากแค่ไหน สุดท้ายโดนการโจมตีเข้าไปดอกเดียวก็ตายกันไปเป็นฝูง
รูปปั้นทองคำพอเห็นแบบนั้น พวกมันก็พุ่งเข้าใส่มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณแล้วต่อด้วยกำปั้นทองคำทันที
มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณไม่ถอยและไม่มีท่าทีจะยอมแพ้ มันพุ่งตัวเข้าใช้ปืนเจาะเกระยิงเข้าใส่มือของรูปปั้นทองคำทันที
ตู้ม!!
มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณไม่ขยับแต่รอบนี้เป็นฝ่ายรูปปั้นทองคำเองที่กระเด็นถอยหลังออกไป ถ้าเกิดเป็นการต่อสู้แบบ1ต่อ1 ยังไงมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณก็แกร่งกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้าโดนรุมก็อาจจะไม่ไหวเหมือนกัน
“เป็นไปได้เหรอ”ดวงตาของหลิวหยุนแทบจะหลุดออกจากเบ้า เขาเคยขโมยสิงโตเกราะเวทมาก่อนหน้านี้แต่เขาไม่คิดว่ามันจจะแกร่งขนาดนี้
หลังจากที่มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณลงถึงพื้นแล้ว มันก็พุ่งเข้าใส่เหล่าทหารทองแดงต่อพร้อมเปลวเพลิงสีม่วงที่เผาผลาญอยู่ในร่างกาย
โจวเหวินรู้ดีว่าตอนนี้มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณกำลังกลายเป็นเครื่องจักรสังหาร มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณนั้นเดิมทีแล้วเป็นสัตว์อสูรที่จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆตราบใดที่มันยังฆ่าได้ พอมันเริ่มฆ่ามันจะยิ่งแกร่งขึ้น ความชั่วร้าย เปลวเพลิงอาฆาตก็จะยิ่งสุมให้มันแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าเกิดรูปปั้นทองคำเอาชนะมันไม่ได้ในหมัดเดียว มันก็จะแกร่งขึ้นแกร่งขึ้นและบางทีมันตัวเดียวอาจจะสู้รูปปั้นทองคำ12ตัวได้เลยก็ได้ แต่โจวเหวินเองก็ยังไม่มั่นใจว่ามารพยัคฆ์เกราะวิญญาณจะแข็งแกร่งไปได้ถึงขั้นนั้นไหม ตอนนี้ที่เขาทำได้ ก็มีแค่ลองต่อไปเรื่อยๆเท่านั้น
ตอนที่มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณกำลังแสดงศักยภาพของมันนั้นเอง มันยิ่งดึงดูดความสนใจของรูปปั้นทองคำมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้แรงกดดันที่โจวเหวินกับหลิวหยุนมีนั้นมันน้อยลงมาก หลิวหยุนเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อ เขาแทบไม่เชื่อสายตาเลย หลังจากที่เขาได้ขโมยมาแล้วส่งคืนให้โจวเหวินมันจะกลายเป็นสัตว์อสูรที่แกร่งได้ขนาดนี้ ตอนนี้มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณตัวเดียวกำลังบวกไม้ยั้งกับรูปปั้นทองคำที่แม้แต่เบม่อนยังสู้ไม่ได้ 5ตัว
“รู้งี้ฉันไม่น่าสงคืนให้โจวเหวินเลยโว้ย”โจวเหวินรู้สึกเสียดายในใจ
“เติมไฟไปหน่อยเป็นไงละ”โจวเหวินอัญเชิญราชินีเตาเพลิงมาเพิ่มอีก3ตัวแล้วให้มันร่ายทะเลเพลิงขนาดยักษ์พร้อมกันในตำแหน่งที่มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณอยู่
เดิมทีโจวเหวินมีแค่ตัวเดียว แต่ฟาร์มไปเรื่อยๆ โจวเหวินก็ได้เพิ่มมาเป็น3ตัว
มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณที่ได้รับบัฟจากเปลวเพลิงก็แข็งแกร่งขึ้นไปอีก ไฟสีม่วงรอบตัวของมันลุกโชนมากๆ เหมือนกับว่ามันเป็นปีศาจที่ผุดมาจากขุมนรก
รูปปั้นทองคำต้องมารุมกัน7-8ตัวถึงจะพอจะต้านทานพลังของมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณได้ แต่ยิ่งมันโจมตีมากมากเท่าไรมันก็ยิ่งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น และไม่นาน รูปปั้นทั้ง12ตัวก็เข้ามารุมมันตัวเดียว
“บ้าหน่ะ ไอ้นั้นมันแกร่งกว่าเบม่อนอีกงั้นเหรอ”หลิวหยุนรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองพึ่งเอามีดแทงใจตัวเอง เขาขโมยสัตว์อสูรที่แกร่งขนาดนี้มาแต่กลับคืนให้โจวเหวินไป พอคิดแบบนั้นแล้วเขาแทบอยากจะเอาหน้าเขกพื้นดินแรงๆยังไงอย่างงั้นเลย
ภายใต้การรุมของรูปปั้นทองคำทั้ง12ตัวมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณ โดนอัดซ้ายขวาหน้าหลัง แต่มันก็ยังคงสู้แบบสุดใจมันคำรามและโกรธแค้นบ้าคลั่ง ถึงแม้ว่ามันจะดูน่าสะเทือนใจ แต่มันก็เปป็นชะตาที่กำหนดไว้แล้ว เพราะแม้แต่เบม่อนยังไม่ไหวเลย
พอเห็นมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณโดนรุมยำแบบนั้นแล้ว โจวเหวินกลับไม่ได้รู้สึกตกใจ แต่ดีใจซะมากกว่า เพราะถ้ารูปปั้นทองคำเอาชนะมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณตั้งแต่แรกนั้นบางทีรูปปั้นทองคำอาจจะไม่ได้มารุมยำแบบนี้ก็ได้
แต่ตอนนี้สกิลของมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณเริ่มทำงานแล้ว ยิ่งมันสู้มากเท่าไร มันก็ยิ่งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น ตอนนี้รูปปั้นทั้ง12นั้นฆ่ามันไม่ลงแน่ๆแล้ว ตราบใดที่ร่างกายของมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณยังคงทนไหวอยู่ บางทีมันอาจจะแกร่งขึ้นมากกว่ารูปปั้นทองงคำทั้ง12ตัวซะอีก
“เอ้า รออะไรอยู่ละ รีบไปเปิดประตูซิ”โจวเหวินพูด
หลิวหยุนสะดุ้งตื่นขึ้นมา แล้วมองมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณ ก่อนจะส่ายหัวสลัดความคิดทั้งหมด วิ่งไปที่ประตูปราสาททันที
มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณวิ่งข้ามเมืองล่อความสนใจของรูปปั้นทองคำทุกตัวเอาไว้ ทำให้มันไม่มีเวลามาสนใจโจวเหวินกับหลิวหยุน มีรูปปั้นทองแดงบางตัวเห็นแล้ววิ่งเข้ามาขัดขวางพวกเขาไม่ให้เข้าใกล้ประตู
โจวเหวินใช้พลังของสดับวานรตรวจดูภายในปราสาทแต่ภายในปราสาทนั้นถูกครอบคลุมไปด้วยพลังบางอย่างทำให้สดับวานรฟังเสียงไม่ได้ยิน
ถ้าเกิดโจวเหวินไม่ให้สดับวานรใช้นิพพานออเวจีก็ยากที่จะฟังทะลุเข้าไปในม่านพลังได้
“เปิดได้แล้ว” หลังจากผ่านไปซักพัก หลิวหยุนที่ยุ่งอยู่กับประตูก็ร้องออกมาด้วยความดีใจก่อนจะผลักประตูขนาดใหญ่ออกทั้ง2
โจวเหวินมองเข้าไปในประตูนั้นแล้วเห็นภาพด้านในแล้วก็ต้องอึ้ง
ตอนเรกพวกเขาคิดว่าผู้วิเศษจิงเต้าจะออกไปตามหาสมบัติในปราสาท แต่ความเป็นจริงนั้นกลับไม่ใช่เลยเพราะตอนนี้ ผู้วิเศษจิงเต้าก็ยังคงยืนอยู่แถวๆประตู กำลังถือกระจกหยินหยางร่างกายเหงื่อแตกซกเหมือนไปดำน้ำมายังไงอย่างงั้น
ที่กระจกหยินหยางเองก็มีแสงส่องสว่างออกมา ก่อนจะปล่อยลำแสงออกมาปะทะกับอีกฝากนึงของกระจกหยินหยาง คือดาบที่ยาวประมาณ5ฟุตลอยอยู่กลางอากาศ
แสงดาบกับลำแสงของกระจกนั้นกระแทกเข้าใส่กัน ถึงแม้ว่ามันจะดูสูสีกัน แต่เขาก็รู้สึกได้เลยว่าแรงกดดันมหาศาลตกอยู่กับฝั่งกระจกหยินหยาง
“เดี๋ยวก่อนซิ ดาบบ้าอะไรวะเอาชนะกระจกหยินหยางได้ด้วยเหรอ”หลิวหยุนตกใจ เขาไม่กล้าเข้าไปในปราสาท แต่ยังคงมองดาบเล่มนั้นอยู่ภายนอก
โจวเหวินเองก็มองดาบแล้วก็ตกใจ เพราะกระจกหยินหยางจัดว่าเป็นสัตว์อสูรระดับความกลัวแล้ว ไม่มีทางที่ดาบธรรมดาจะเอาชนะได้เลย
ดาบโบราณเล่มนั้นก็ไม่ได้ดูโดดเด่นอะไร รูปร่างของมันธรรมดา เป็นดาบหินที่ไม่ได้ดูสะดุดตา ไม่ได้มีเพรชพลอยมาประดับแต่รัศมีของมันนั้นน่าหวาดกลัวเหลือเกิน