I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง - ตอนที่ 874
ลมและไฟ
“ทำไมใต้ดินถึงมีฟ้าผ่าได้เนี่ย”หลิวหยุนสงสัย ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไป “ไม่ มันไม่ใช่สายฟ้า แต่เป็นลมตั่งหาก”
สายฟ้านั้นเป็นพลังที่รุนแรงมากๆก็จริง แต่ในทางกลับกัน คนส่วนมากไม่เข้าใจความน่ากลัวที่แท้จริงของลม แต่คนที่เคยเดินทางไปรอบโลกอย่างหลิวหยุนนั้น เขาใจดีว่าบางครั้ง ลมนั้นน่ากลัวกว่าฟ้าผ่าหลายเท่า
โจวเหวินเองก็รู้สึกได้ถึงกระแสลมที่แปรผันเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เขารู้สึกได้ถึงลมได้ดีกว่าหลิวหยุนหลายเท่าเลยด้วย ดังนั้นเขาจึงรู้ได้เลยว่าพายุที่กำลังจะเข้ามานั้นมันจะน่ากลัวขนาดไหน
ความสามารถของสดับวานรนั้นปลดจนถึงขีดจำกัดแล้ว แต่นอกเหนือจากภายในภูเขานี้ เขาก็ยังไม่เห็นอะไรอย่างอื่นอีกเลย เหมือนกับว่าไม่มีที่ให้หลบแล้วด้วย
“ไปที่หลังภูเขากันเถอะ”โจวเหวินพูดกับหลิวหยุนก่อนจะกระโดดลงมา สายลมนั้นรุนแรงขึ้นมากๆ และไม่รู้ว่าถ้าพายุมาจริงมันจะหนักขนาดไหน เพราะงั้นที่เขาควรทำคือเตรียมตัวให้พร้อม
หลิวหยุนก็กระโดดตามลงมา เขาใช้ตะขอล๊อคตัวเอง ก่อนจะไต่เชือกลงมาจากหน้าผา แล้วยึดตัวเข้ากับด้านข้างของภูเขา
ส่วนบนยอดเขานั้นดาบหินยังคงสู้กับตาแก่คนนั้นแบบไม่มีใครยอมใคร ทั้งคู่เป็นระดับความกลัวด้วยกันหมด รัศมีในการต่อสู้จึงเป็นในวงกว้างมากๆ มันไม่มีทางที่คนธรรมดาจะเข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ได้เลย
ฮึ่ม!!
พายุสายลมแรงกระหน่ำซัดคำรามลั่น สายลมที่พุ่งมาด้วยความเร็วระดับทำลายกำแพงเสียงได้ทำให้เกิดเสียงดังลั่นเหมือนฟ้าผ่าอยู่หลายครั้ง หลังจากที่พายุเริ่มซัดเข้ามา โจวเหวินกับหลิวหยุนที่อยู่หลังยอดเขาตอนนี้กำลังพยายามเต็มที่ เพื่อไม่ให้รับลมเต็มๆ เสื้อผ้าของเขาปลิวสะบัดไปมา แถมเขาแทบจะจับหินเอาไว้ไม่อยู่กระเด็นออกไปเลยซะด้วยซ้ำ เชือกของหลิวหยุนนั้นถูกผูกเข้ากับตัวและแขนของเขาทำให้เขายังไงก็ไม่ปลิวแน่ๆ ส่วนโจวเหวินนั้นอัญเชิญเบม่อนออกมาแล้วให้เบม่อนขยายร่างใหญ่แล้วกอดหลัดภูเขาเอาไว้เหมือนเป็นเพราะป้องกันลม
สายลมที่รุนแรงขนาดนี้มันแหลมคมซะยิ่งกว่าคมมีดซะอีก เกราะระดับมหากาพย์ของหลิวหยุนนั้นโดนสายลมฟันจนขาดเลือดออกมาแล้ว
“ออกมาเลยเจ้าแมวส้ม”หลิวหยุนพูดออกมาแล้วแมวสีส้มก็ปรากฏขึ้นมาข้างเขา ก่อนที่มันจะดูดอย่างแรงทำให้ลมที่เฉือนเนื้อของหลิวหยุนเข้าไปนั้นโดนดูดเข้าปากแมว ทำให้พุงแมวนั้นโตขึ้นมาเหมือนลูกโป่ง
ตอนที่โจวเหวินกำลังกังวลว่าเจ้าแมวส้มจะตัวแตก แต่แล้วแมวส้มนั้นก็กลับพ่นลมที่ดูเข้ามาในท้องเพื่อต้านกระแสลมที่พัดเข้ามา
เอาจริงๆที่ยังเป่าลมสู้ได้อยู่นั้นเป็นเพราะว่าภูเขาลูกนี้นั้นทำหน้าที่ป้องกันกระแสลมส่วนมากเอาไว้แล้ว ทำให้มันถูกลดทอนลงเยอะ แต่ถึงอย่างนั้น โจวเหวินกับหลิวหยุนก็ได้รู้ซึ้ง ว่าพวกเขานั้นคิดตื้นเกินไป พวกเขาพบว่าสายลมที่เป่าไปต้านนั้นโดนหอบพัดกลับมาอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นลมหมุนในพื้นที่ใต้ดิน ลมที่หมุนไปนั้นดูดเข้าหาจุดศูนย์กลางซึ่งขนาดของลมหมุนนั้นมันก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆด้วย
ดวงตาของหลิวหยุนกระพริบแสงดาวในทันที ก่อนที่ตัวของเขาจะกลายเป็นไอแล้ววาปเข้ามาอยู่ใต้เบม่อน ในตอนนี้เบม่อนพยายามยึดภูเขาเอาไว้แล้วสู้แรงลมที่อันตราย ขนของมันโดนสายลมเฉือนไปไม่ยั้ง
“”บ้าเอ้ย นี้มันลมบ้าอะไรกันเนี่ย ทำไมมันถึงได้แรงแบบนี้กัน”หลิวหยุนที่หลบใต้เบม่อนบ่น
“แต่ฉันว่าลมที่แรงจริงๆมันยังมาไม่ถึงเลยนะ”สีหน้าของโจวเหวินดูกังวลขึ้นมาทันที
สายลมหวนใต้ดินนั้นรุนแรงมากขึ้นทุกทีเหมือนกับว่ามันไม่มีวันหยุด เหมือนกับว่ากำลังลมมันเสริมกันและกันมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่เบม่อนเองก็เหมือนกับว่าจะทนไม่ไหว บนยอดภูเขานั้นเอง ชายแก่กับดาบหินยังคงสู้กันอยู่ต่อไป เหมือนกับว่าดาบหินเองจะมีความแค้นสะสมกับชายแก่คนนั้นมาตั้งแต่ชาติปางก่อนทำให้การต่อสู้ไม่ยอมเลิกลาไปได้ง่ายๆ บนยอดเขาจึงเป็นจุดกึ่งงกลางของพายุหมุน แต่ที่ยอดเขานั้นเอง ที่ความเร็วลมมันไม่แรง ทำให้ชายแก่กับดาบหินยังคงสู้ต่อไปได้ท่ามกลางลมที่แรงขนาดนี้
ส่วนเตาปรุงยานั้นไม่ว่าจะโดนโจมตีซักกี่ครั้งกี่หนมันก็ไม่มีวันพัง แต่สายลมที่หวนนั้นพอเข้าไปยังเตาแล้ว สายลมกลับหนุนเปลวเพลิงให้ลุกโหมแรงขึ้นเรื่อยๆจนกระทั้งปะทุออกมาเป็นไฟสีขาว
โจวเหวินกับหลิวหยุนก็เห็นว่าสายลมนั้นเป่าเตาปรุงยาจนไฟที่อยู่ในนั้นมันทะลักออกมา แล้วไฟก็โดนสายลมพัดพาไปจนเป็นเหมือนกับมังกรไฟ ไฟนั้นขยายตัวไปตามลมหมุนอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้พายุหมุน กลับกลายเป็นพายุไฟแล้ว
ถ้าแค่ลมอย่างเดียวเบม่อนก็ยังพอทนได้แห่ง แต่ตอนนี้มีทั้งไฟทั้งลมผสมกันไปมา ทำให้เบม่อนเองก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน
“ขึ้นไปที่ยอดเขากันเถอะ”โจวเหวินเก็บเบม่อนแล้วกอดหยาเอ๋อแน่นพยายามพุ่งขึ้นไปที่ยอดเขาอย่างทุลักทุเล
ตอนนี้พายุไฟที่ก่อตัวขึ้นมานั้นมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ยอดภูเขา เพราะงั้น บนยอดเขานั้นจะไม่มีลมหรือไฟอยู่ จะมีเพียงแค่ตาของพายุเท่านั้น
ลมที่พัดขึ้นที่ยอดเขานั้นจะโดนไฟที่อยู่ในเตาดูดกลับไปหมุน ทำให้ข้างๆกับเตาปรุงยานั้นมันมีพื้นปลอดภัยเล็กๆเพียงพอที่จะให้พวกเขาปลอดภัยจากพายุไฟและอันตรายจากการโดนลูกหลงได้
แต่ตอนนี้ก่อนที่จะขึ้นไปถึงยอดเขาได้นั้น ทุกอย่างมันลุกท่วมไปด้วยพายุไฟเต็มไปหมด ถ้าอยากจะไปให้ถึงที่นั้น ก็จะต้องผ่านกำแพงพายุไฟที่หนามากกว่า100เมตรซะก่อน
โจวเหวินใส่ชุดเกราะมังกรเลือดอสูรอยู่ ทำให้เขาพอจะทนได้บ้าง แต่หยาเอ๋อนั้นไม่มีอะไรป้องกันซักนิด เธอเองคงทนความร้อนของไฟระดับนั้นไม่ไหวแน่ๆ
แต่โจวเหวินเองก็ไม่มีทางเลือก เขาเปลี่ยนวิญญาณชีวิตเป็นอารยสูญหายก่อนจะใช้ความสามารถในการวาปที่มีทั้งหมด ในการวาปตรงเข้าไปที่ยอดเขา
หลิวหยุนที่สูญเสียการป้องกันจากเบม่อนไปแล้ว ตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่ตามโจวเหวินขึ้นไปบนยอดเขา เขาอัญเชิญเกราะใหม่ออกมาแล้วให้สัตว์อสูรมารวมร่างกับแขนของเขาก่อนจะใช้สกิลพุ่งอุกาบาตทะลุเปลวไฟไป
แต่ความร้อนนั้นมันเผาร่างของหลิวหยุนจนดำไหม้เกราะของเขาละลายไปในหลายส่วน ผมไหม้ มีสะเก็ดไหม้ไฟอยู่เต็มมร่างกายพร้อมตัวที่แดงเพราะความร้อน
ทันทีที่พวกเขามาถึงยอดเขาได้ พวกเขาก็เกือบตายเพราะโดนห่าแสงดาบ แต่โชคยังดีที่พวกเขาเร็วพอแล้วกลิ้งหลุนๆมาถึงเตาได้
โจวเหวินเองก็มาหลบภัยข้างๆกับเตาปรุงยาเช่นกัน ส่วนชายแก่กับดาบหินนั้นยังคงต่อสู้กันต่อไปโดยที่ไม่สนพายุไฟที่ก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรงรอบๆตัวเขาเลยแม้แต่น้อย
และไม่นานหลังจากนั้นไฟจากเตาก็แผ่ขยายไปทั่วพื้นที่ พายุไฟหมุนตัวเองวนรอบยอดเขา ความเร็วของลมยิ่งมาก ความแรงของไฟก็ยิ่งมากขึ้น ยิ่งไฟแรงขึ้นเท่าไร ความร้อนก็จะทำให้สายลมที่พัดหมุนอยู่นั้นกลายเป็นมังกรไฟที่บ้าคลั่ง
แต่ถึงอย่างนั้น ไฟนั้นก็ยังมีความประหลาดอยู่เหมือนกัน ถึงมันจะรุนแรงขนาดหลอมหินให้ละลายได้เพียงสัมผัส แต่กับเตาปรุงยาแล้ว ตัวเตาเองไม่มีทีท่าจะละลายแม้แต่น้อย
ภูเขาทั้งภูเขาเหมือนลุกไหม้ แต่เตายังคงเป็นเหมือนเดิม ไม่ว่าไฟข้างนอกหรือข้างในจะร้อนแค่ไหน สัมผัสบนเตาก็จะยังอุ่นเสมอ