I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง - ตอนที่ 900
เนตรกระจก
ตอนที่เลือดถูกดูดซึมเข้าไปนั้นเอง วิชาลมปราณเลือดอสูรก็เริ่มทำงานอย่างบ้าคลั่ง วิญญาณชีวิตของวิชาเลือดอสูรเองก็เริ่มก่อตัวขึ้นเช่นกัน
วิญญาณชีวิตนั้นค่อยๆก่อตัวขึ้นมา แต่มันไม่ได้เป็นวิญญาณชีวิตที่ปรากฏมาเป็นตัวเป็นตน แต่มันผสานเข้ากับดวงตาของโจวเหวิน ทำให้ดวงตาของเขาเริ่มใสกลายเป็นเหมือนแก้วผลึก
แต่มันไม่ใช่แค่ใสอย่างเดียวมันกลับสะท้อนทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเข้ามาในดวงตาเหมือนกับดวงตากระจกของมังกรเทียน
ตอนที่ดวงตาของโจวเหวินกลายเป็นกระจกอย่างเต็มรูปแบบวิญญาณชีวิตก็ได้ก่อตัวเสร็จสมบูรณ์โจวเหวินกระพริบตา1รอบแล้วตาของเขาก็กลับมาเป็นปรกติ
“เป็นไปได้รึเปล่าที่วิชาเลือดอสูรมันจะมีความสามารถแบบเดียวกับมังกรเทียนน่ะ”โจวเหวินเริ่มคิดในใจ แต่เขาก็ยังไม่กล้าเข้าไปดูในโทรศัพท์ตอนนี้
เพราะไม่ว่ายังไงตอนนี้เป้าหมายของโจวเหวินก็สำเร็จแล้ว วิญญาณชีวิตของวิชาเลือดอสูรพัฒนาสมบูรณ์แล้ว ซึ่งโจวเหวินค่อนข้างมั่นใจว่ามันต้องเป็นวิญญาณชีวิตที่เสริมค่าร่างกายแน่นอนและมันจะไม่ซ้ำกับวิชาลมปราณอื่นแน่ๆ
“ถ้างั้น ท่านจักรพรรดินี เดี๋ยวฉันจะกลับมาใหม่ในอีก1เดือนข้างหน้านะ”โจวเหวินออกจากภูเขาฉีซือไปพร้อมกับหยาเอ๋อแต่ก็ยังคิด “ร่างจริงของจักรพรรดินีจริงๆแล้วคือจิ้งจอก9หางเหรอ ทำไมรู้สึกว่ามันไม่ใช่เลยละ”
หลังจากกลับมาที่มหาลัยแล้ว โจวเหวินก็เปิดโทรศัพท์ออกมาดูข้อมูลของวิญญาณชีวิตใหม่
วิญญาณชีวิต เนตรกระจก (ขั้นเริ่มต้น)
“วิญญาณชีวิตของจุลปรัญชาเองก็เสริมร่างกายเหมือนกัน แถมรูปแบบของมันยังมาเป็นรูปแบบดวงตาด้วย แต่มันเป็นตาที่3ที่โผล่ขึ้นมากลางหน้าผาก แต่ดวงตากระจกมันแทนที่ดวงตาของฉันจริงๆเลย ไม่รู้ว่ามันทำอะไรได้”โจวเหวินเปิดเกมส์ออกมาแล้วคิด เขาอยากจะไปลองดูในเกมส์ว่ามันจะใช้ได้เหมือนกับที่มังกรเทียนใช้รึเปล่า
แต่แล้วโจวเหวินก็ต้องผิดหวัง เพราะเขามองไปที่สิ่งมีชีวิตต่างมิติด้วยเนตรกระจกก็แล้ว แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ไม่ได้มีความสามารถแบบเดียวกับดวงตากระจกของมังกรเทียนแม้แต่น้อย
อย่าว่าแต่เป็นดวงตากระจกเลย แม้แต่แสงอย่างอื่นที่เข้าตามา โจวเหวินยังไม่รู้สึกถึงความต่างเลยด้วยซ้ำว่ามันต่างจากตาธรรมดายังไง
ไม่มีทั้งความสามารถในการมองไกล ไม่มีความสามารถในการฆ่า สาปก็ไม่ได้ มนต์สะกดก็ไม่มี โจวเหวินลองทุกอย่างเท่าที่ตัวเองนึกออกแล้วแต่ผลปรากฏมันก็ออกมาชัดเจนว่าไม่ได้อะไรซักอย่าง
“แล้ววิญญาณชีวิตนี้มันใช้ทำอะไรได้กันละ หรือว่ามันจะใช้สะท้อนอะไรบางอย่างได้งั้นเหรอ”โจวเหวินลองไปหาเมดูซ่าที่วิหารอาคมสาป
โจวเหวินไม่ได้รีบเข้าไปฆ่าเมดูซ่าแต่ เขาจ้องมองเมดูซ่าด้วยเนตรกระจกของเขา
เมดูซ่าร่างสาวงามใช้สกิลดวงตาหลงใหลทันที ทันทีที่สบตาเข้าซึ่งกันและกัน ตัวของโจวเหวินที่ควรจะกลายเป็นหิน กลับไม่เป็นหิน แต่กลับกัน คนที่กลายเป็นหินกลับเป็นเมดูซ่าซะเอง
“แบบนี้นี่เอง”โจวเหวินดีใจ ถึงแม้ว่ามันจะดูเป็นความสามารถที่ใช้ประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ แต่ในโลกนี้มันมีวิชาเนตรน่ากลัวมากมาย ถ้าเกิดสามารถเอาชนะวิชาเนตรแล้วสะท้อนกลับได้ทั้งหมดละก็ มันก็นับว่าเป็นวิญญาณชีวิตที่ดีทีเดียว
เมดูซ่าร่างหญิงสาวนั้นเริ่มกลายเป็นหินก่อนที่นางจะกลายร่างเป็นร่างปีศาจหัวงู แล้วใช้ดวงตาหินกับโจวเหวินอีก
แต่โจวเหวินก็ยังคงใช้เนตรกระจกในการต่อกร และผลที่ออกมาคือแม้แต่เมดูซ่าร่างปีศาจก็ยังเหมือนกับว่าได้รับผลจากดวงตาหินของนางเอง แต่มันไม่ได้ชัดเจนอะไรมากขนาดนั้น
“แม้แต่สกิลดวงตาหินก็สะท้อนกลับได้เหรอเนี่ย ไม่รู้ว่ามันจะสามารถใช้กับดวงตากระจกของมังกรเทียนได้ไหมนะ”โจวเหวินรีบฆ่าเมดูซ่า พอเห็นว่ามันไม่มีอะไรดรอปออกมา เขาเลยไม่รอช้าเปลี่ยนเกมส์เข้าไปในจงลู่แล้วไปที่ปราสาทมังกรเทียนหวังจะลองความสามารถใหม่ ตอนที่โจวเหวินยืนอยู่หน้ามังกรเทียนนั้นเอง เขาก็ได้สู้กับมังกรเทียนแล้วบังคับให้มังกรเทียนใช้ดวงตากระจก
โจวเหวินเองก็ใช้เนตรกระจกสะท้อนกลับไป โจวเหวินรู้สึกได้เลยว่าเขาไม่โดนดึงเข้าไปในโลกกระจก แต่มันก็ใช้ได้แค่ไม่นาน สุดท้าย ตัวละครของโจวเหวินก็โดนดูดเข้าโลกกระจกแล้วหน้าจอเกมส์ก็ดับไป
ถึงแม้ว่าตัวของโจวเหวินจะตายอยู่ดีแต่โจวเหวินก็ยังตกใจมาก
เพราะว่าเนตรกระจกนั้นสามารถต้านทานพลังของดวงตากระจกได้จริง แต่ที่ตายเพราะว่าพลังของเนตรกระจกยังอ่อนเกินไปทำให้รับพลังของดวงตากระจกไม่ไหว
“ถ้าเกิดเนตรกระจกไปถึงขั้นสมบูรณ์ละก็ บางทีอาจจะสู้กับดวงตากระจกได้ก็ได้”โจวเหวินคิดถึงงความเป็นไปได้แล้วเริ่มคิดค้นหาทางพัฒนาวิญญาณชีวิตเนตรกระจก
แต่ถึงอย่างนั้นโจวเหวินก็ลองมาหลากหลายวิธีแล้ว เนตรกระจกก็ไม่พัฒนาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะลองใช้เนตรกระจกกับพลังเนตรที่แกร่งๆหรือลองใช้เนตรกระจกหลายๆแบบก็ไม่มีผลอะไรทั้งนั้น
ตอนนี้โจวเหวินหาทางพัฒนาวิญญาณชีวิตเนตรกระจกไม่ได้ ทำให้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากการไปนั่งอ่านข้อมูลของวิชาเนตรในเน็ตเผื่อว่าเขาจะได้หาแรงบรรดาลใจบางอย่างมาพัฒนาวิญญาณชีวิตเนตรกระจกได้
โจวเหวินยุ่งอยู่2วัน เขาใช้ทุกวิธีที่นึกออกแล้ว แต่มันก็ยังไม่ได้ผล
“แบบนี้ต่อไปไม่ได้การละ ตอนนี้คงต้องไปจัดการกับสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำนั้นก่อนแล้วละ จะได้พัฒนาวิญญาณชีวิตประกายดาวด้วย เผื่อไว้ว่าถ้าฆ่าสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำตัวนั้นได้แล้ว จะได้สัตว์อสูรสายมิติกลับมาหน่อย”โจวเหวินพาหยาเอ๋อออกเดินทางอีกครั้ง
โจวเหวินคิดว่านักเล่นแร่แปรธาตุที่อ้างตัวเองว่าเป็นราชาหยินฟูนั้นคงจะไม่มาตามรังควานเขาอีกซักพัก โจวเหวินไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าราชาหยินฟูนั้นจะกลัวจักรพรรดินีมากขนาดนั้น และไม่กล้าเข้ามาถึงตัวเขาเลย แต่ถึงอย่างนั้น ราชาหยินฟูที่เสียแขนไปข้างนึงเองก็ดูไม่บาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย แผลแบบนั้นอีกไม่นานก็คงจะรักษาหายแน่นอน
“น่าเสียดายที่เราไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเขาเลยแหะ สกิลต่างๆที่เขาใช้ถ้าได้รู้ละก็คงจะดีไม่น้อยเลย”โจวเหวินคิดกับตัวเอง
การต่อสู้ระหว่างจักพรรดิเหลืองกับฉีหยูนั้น ตอนนี้เขารู้แล้วว่าจริงแล้วมันคือสงครามผู้พิทักษ์ ซึ่งทั้งฝั่งจักพรรดิเหลืองแล้วฉีหยูเองก็คงทำสัญญากับผู้พิทักษ์ระดับเทพด้วยเช่นกัน
“ฟังจากที่ราชาหยินฟูกับจักรพรรดินีพูดกันแล้ว หยินฟูคนนั้นน่าจะเป็นคนจากตระกูลของจักรพรรดิเหลืองซินะถึงได้มีผู้พิทักษ์แบบนั้น แล้วถ้าผู้พิทักษ์ของฉีหยูละจะเป็นแบบไหนกัน”โจวเหวินคิด
โจวเหวินออกเดินทางไปนั้นเขาไม่ได้อ้อยอิ่งอยู่บนถนนนาน เขาเดินทางรวดเดียวไปยังเขตแถบน่านน้ำทะเลจีนตะวันออก เขาตั้งใจที่จะไปรีบจัดการแล้วรีบกลับ ถ้ามีไข่สัตว์อสูรอะไรดรอป เขาก็จะได้พัฒนาวิญญาณชีวิตอารยมิติต่อซักที
ระหว่างทางโจวเหวินระแวงมากๆ เขาเฝ้าระวังการโจมตีของราชาหยินฟูทุกทิศทาง แต่โชคดีที่หยินฟูไม่ปรากฏตัวออกมาเลย ทำให้โจวเหวินเดินทางมาได้อย่างราบรื่น
เมืองหวางไหนั้นเป็นเมืองที่ตระกูลหลูอยู่ พวกเขาอพยพกันมาหลังจากเกิดพายุต่างมิติ เพราะว่าแถบนี้นั้นมีทรัพยากรที่เกิดจากพื้นที่ต่างมิติมากมาย ทำให้หลายๆตระกูลนั้นย้ายกันมาอยู่ที่นี้ ทำให้หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ กลายเป็นเมืองท่าหวางไหแบบทุกวันนี้
ตระกูลหลูเองก็เป็น1ในตระกูลที่อพยพมา แต่ทุกวันนี้เรียกว่าเมืองหวางไหเป็นของตระกูลหลูแต่เพียงผู้เดียวแล้ว