I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง - ตอนที่ 901
สุสานเต่า
ตอนที่โจวเหวินเดินทางมาถึงตระกูลหลู ทางตระกูลหลูก็ได้เข้ามาทำการต้อนรับอย่างอบอุ่น แต่ถึงอย่างนั้นพอโจวเหวินพูดถึงเรื่องสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำตระกูลหลูที่มาต้อนรับเขาก็เล่าสถานการณ์คร่าวๆจากนั้นก็บอกกับโจวเหวินว่าให้รออยู่ที่ตระกูลหลู2วัน หลังจากที่คนอื่นๆมาถึงแล้ว ทางตระกูลจพาทุกคนไปที่จุดเกิดเหตุพร้อมกับเล่าทุกอย่างให้ทันที
หลังจากที่ได้ยันแบบนั้นโจวเหวินก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนที่ตระกูลหลูส่งคำเชิญไปนั้น ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว แต่รวมไปถึงตระกูลเสี่ยกับตระกูลฉางด้วย รวมไปถึงนักล่าอิสระชื่อดังอีกหลายๆคนด้วย
ตระกูลหลูตั้งใจจะรอพวกเขามาให้ครบทุกคน ก่อนที่จะพาพวกเขาไปทีเดียว ใครก็ตามที่สามารถฆ่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติตัวนั้นได้ คนๆนั้นก็ได้จะรางวัลที่ตระกูลหลูจัดไว้ให้
โจวเหวินรู้สึกว่าแบบนี้มันก็แฟร์ดี เพราะยังไงตระกูลหลูก็ต้องการแค่คนมาจัดการกับปัญหา ตราบใดที่สิ่งมีชีวิตต่างมิติโดนฆ่าตาย พวกเขาก็ไม่สนใจอะไรอย่างอื่นแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น โจวเหวินก็ไม่ได้คิดจะรออยู่ที่ตระกูลหลู2วันเต็มๆหรอก ในเมื่ออีกตั้ง2วันกว่าจะได้ออกไป เขาจึงออกจากตระกูลหลูเดินทางไปตามพื้นที่ต่างมิติรอบๆดู เผื่อว่าจะมีรูปสลักรูปมือ
เมืองหวางไหนั้นมีพื้นที่ต่างมิติอยู่4-5ที่ ในบรรดาพื้นที่ต่างมิติทั้งหมด ที่โด่งดังที่สุดนั้นเป็นพื้นที่กึ่งชายฝั่งกึ่งทะเล เป็นพื้นที่ต่างมิติที่เรียกกันว่า “สุสานเต่า”
เอาจริงๆสุสานเต่านั้นมันไม่ใช่สุสานจริงๆหรอก แต่มันเป็นพื้นที่ต่างมิติที่อยู่กึ่งกลางระหว่างชายหาดกับพื้นที่น้ำตื้น เหตุผลที่มันเรียกว่าสุสานเต่านั้นแท้จริงแล้วมันเกี่ยวข้องกับตำนานโบราณมากกว่า
เพราะว่าคนโบราณนั้นไม่เข้าใจหลักการไหลเวียนของกระแสน้ำ พวกเขาเห็นน้ำในแม่น้ำไหลทั้งวันทั้งคืน แต่น้ำในทะเลนั้นนอกจากคลื่นก็ไม่เห็นเคลื่อนไหวใดๆเลย พวกเขาเลยคิดว่าโพ้นทะเลนั้น มีหลุมขนาดยักษ์ที่ไร้ก้นบึ้งและน้ำทะเลทั้งหมดนั้นไหลลงไปในหลุมนั้นเรื่อยๆ
หลุมลึกที่ว่านั้นถูกเรียกว่าเป็นซากทะเลแต่โบราณ
เหนือน่านน้ำทะเลนั้น ว่ากันว่ามีเทพภูเขา5ตนประกอบไปด้วย ไต้หยู หยวนกั๋ว ฟางหู หยิงโจว และเปิงไหล และเพราะว่าเทพภูเขาเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากน้ำทะเล ทำให้พวกเขาไหลตรงไปยังซากทะเล ห้วงลึกที่ไร้ก้นอย่างช้าๆ ทำให้พวกเขาเริ่มกังวล
เทพแห่งท้องทะเลกังวลว่าเทพภูเขาทั้ง5นั้นจะตกลงไปในซากทะเล จึงส่งเต่ายักษ์ไป15ตัว ผูกเชือกและลากเข้ากับเทพภูเขาทั้ง5 ทำให้เทพภูเขาไม่ไหลตกลงไปยังซากทะเล
ตอนแรกทุกๆอย่างก็ดูดีแหล่ะ แต่หลังจากผ่านไปนานหลายปีผ่านไป จู่ๆก็มียักษ์หลายตนปรากฏขึ้นมาบนชายหาดแล้วจับเอาเต่า6ตัวกินเป็นอาหารแล้วปลดเชือกที่ล่ามเทพภูเขาไว้
ตอนนั้นเองที่หายนะได้เกิดขึ้น เทพภูเขา2ตน คือไต้หยูกับหยวนกั๋วหลุดออกจากเชือกแล้วจมลงไปในซากทะเล เหลือไว้เพียงเทพภูเขาฟางหู หยิงโจว และเปิงไหลเท่านั้น
สุสานเต่าที่ว่านั้น คือจุดที่ยักษ์กินเต่าทั้ง6ตัวแล้วทิ้งกระดองของเต่าไว้ที่ริมทะเล เมื่อน้ำทะเลยกตัวขึ้นสูง กระดองเต่าก็จะจมลงไป เมื่อน้ำลงกระดองก็จะโผล่ขึ้นมา
ตำนานจะจริงหรือไม่โจวเหวินไม่รู้ แต่ในสุสานนี้ หลังจากที่น้ำลงแล้ว ประการังขนาดใหญ่จะปรากฏออกมาเหมือนกับเกาะเล็กๆ6เกาะ แล้วก็จะมีสิ่งมีชีวิตต่างมิติเต่าหลากหลายชนิดโผล่ออกมา
สถานะสวมใส่ของสัตว์อสูรทุกตัวที่อยู่ในสุสานเต่านั้นจะมีแค่เกราะเท่านั้น แถมการป้องกังยังมหาศาลมากอีกด้วย ในสัตว์อสูรระดับเดียวกันเรียกได้ว่ามีการป้องกันเป็นระดับท๊อปเลยก็ว่าได้
เกราะเต่าบางประเภทยังมีพลังป้องกันมีมากกว่าแค่ป้องกันอย่างเดียวด้วย
ยิ่งกว่านั้นยังมีสกิลที่โด่งดังที่มีแค่ที่นี้เท่านั้น อย่างสกิลลมหายใจเต่า ซึ่งเป็นสกิลที่สามารถใช้ได้ตั้งแต่ระดับตัวอ่อนยันระดับมหากาพย์ หลังจากที่มีสกิลนี้แล้ว เราสามารถหยุดลมหายใจและหัวใจที่เต้นอยู่ได้ เป็นสกิลที่จำเป็นมากในการแกล้งตาย
หลิวหยุนเองก็มีสกิลนั้นเหมือนกัน แล้วเขาก็ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากๆด้วย
แน่นอนว่าเอาจริงๆแล้วสกิลลมหายใจเต่านั้นไม่เพียงแต่จะใช้แกล้งตาย แต่มันยังใช้กลบลมปราณของตัวเองได้อีกด้วย เพราะสิ่งมีชีวิตต่างมิติบางตัวนั้นจะสามารถจับลมปราณหรือลมหายใจได้ ทำให้พวกมันรู้ถึงตัวตนและตำแหน่งของมนุษย์ที่อยู่แถวๆนั้น การที่ไม่ปล่อยลมปราณหรือลมหายใจออกมานั้น หมายความว่าจะโดนจับได้ยากขึ้นนั้นเอง
ซึ่งจริงๆแล้ววิชาลมหายใจเต่าระดับเร้นลับนั้น บางคนก็บอกว่าเคยดรอปออกมาได้ แต่ไม่มีใครเคยได้เห็นมันจริงๆ
ตอนที่โจวเหวินมาถึงสุสานเต่านั้นเอง มันก็บ่ายกว่าๆแล้ว โจวเหวินเห็นคนหลายๆคนกำลังสู้กับเต่าอยู่ที่ชายหาด และในทะเลไม่ไกลจากตรงนั้น โจวเหวินก็เห็นเกาะปะการังหลายแห่ง ซึ่งคนน้อยกว่าบนชายฝั่งมาก
เต่าบนชายหาดนั้นระดับของมันไม่สูงมาก ส่วนมากจะเป็นระดับตัวอ่อน ซึ่งคนที่มาล่าเต่าแถวนี้นั้นจึงเป็นพวกมือใหม่ไม่ก็คนทีพึ่งฝึกมาได้ไม่นาน
โจวเหวินเองไม่สนใจเรื่องเต่า แต่เขาเดินไปตามชายหายช้าๆพยายามหารูปสลักรูปมือระหว่างทาง
ก่อนมาที่นี่ อาเซิงเคยเล่าเรื่องให้โจวเหวินฟังว่ามีใครบางคนเห็นว่ากระดองเต่าที่ลอยอยู่กลางทะเลนั้นจู่ๆก็ขยับลึกเข้าไปในทะเล เหมือนกับว่ามันจะไปทำภารกิจที่เคยได้รับไว้ กลับไปหาเทพภูเขา ว่ากันว่าถ้าตามมันไป ก็มีโอกาสที่จะได้เจอเทพภูเขาไต้หยูและหยวนกั๋วที่จมอยู่ที่ซากทะเล
“ทำไมเขามาอยู่ที่นี้ได้เนี่ย” บนชายหาดสุสานเต่านั้นเอง ชาย2คนเห็นโจวเหวินและคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ตระกูลอันน่าจะส่งเขามาเพื่อสู้กับสิ่งมีชีวิตต่างมิติเพื่อแย่งสัมปทานผงเวทมนตร์ให้กับตระกูลอันละมั้ง
ชาย2คนนี้เอาจริงๆแล้วไม่ใช่ผู้ชาย แต่เป็นอุเอซึกินาโอะ กับบอดี้การ์ดหญิงของเธอ ที่ใช้วิชาแปลงกาย การจะใช้ร่างปรกติอยู่กลางทะเลนั้นมันไม่ค่อยสะดวกเท่าไร พวกเธอจึงใช้วิชาจำแลงกายแล้วเปลี่ยนร่างของตัวเองแอบมาที่เมืองหวางไห
และก็เหมือนกับโจวเหวิน พวกเธอต้องอยู่ที่เมืองหวางไหเพื่อรอคนอื่นๆมาเหมือนกัน พวกเธอเลยว่างไม่มีอะไรทำเลยมาแวะสุสานเต่าแล้วกำลังจะกลับกัน
สุสานเต่านั้นเป็นพื้นที่ต่างมิติแบบเปิด ทุกคนสามารถเข้าและออกได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีเอกสาร ตอนแรกพวกเขาตั้งใจจะมองหาเกาะปะการังแล้วตั้งใจที่จะขึ้นไปบนเกาะเต่านั้น แต่พวกเขาไม่คิดว่าจะมาเจอโจวเหวินมาก่อน
นาโอะกรอกตาแล้วพูด “เราเข้าไปทักทายเขาหน่อยดีกว่า”
“ทำไมละคะ?”บอดี้การ์ดหญิงพูดแบบไม่ค่อยอยากไป
“เขามาที่นี้ในฐานะคู่แข่งของเราไม่ใช่เหรอ การดึงข้อมูลจากฝั่งคู่แข่งมาได้ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ของเราไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันมีวิธีล้วงข้อมูลเขามาอยู่แล้ว”นาโอะพูดแล้วเดินตรงไปหาโจวเหวิน
ถึงแม้ว่าบอดี้การ์ดจะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร แต่เธอก็ทำได้แค่เดินตามไป
“สวัสดี ใช่โจวเหวินรึเปล่า”นาโอะเข้าหาโจวเหวินในเสียงของผู้ชาย
โจวเหวินที่รู้สึกได้มานานแล้วว่ามีใครบางคนกำลังมองเขาอยู่ แล้วเขาก็พบนาโอะกับบอดี้การ์ดหญิง แต่โจวเหวินจำพวกเขาไม่ได้ เขาแค่รู้สึกคุ้นๆเท่านั้น
พอเห็นพวกเขาเข้ามาทัก โจวเหวินจึงสงสัยเล็กน้อย แล้วพูด “ผมโจวเหวิน พวกคุณคือใครกัน”
“โจวเหวินจริงๆด้วย เยี่ยมไปเลย พวกเราเป็นแฟนคลับของคุณหน่ะ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้เจอคุณที่นี้”นาโอะหยิบเอากระดาษสมุดออกมากับปากกาแล้วยื่นให้โจวเหวินด้วยท่าทีตื่นเต้น “ขอลายเซนหน่อยได้ไหมครับ”
“ไม่”โจวเหวินพูดแล้วเมินเดินผ่านทันที
ตั้งแต่ที่โจวเหวินเคยเจอย่าเค่อ เขาก็มีความรู้สึกฝังใจทันที ว่าการเซนชื่อนั้นเป็นเหมือนเป็นการยื่นชีวิตให้ไปอยู่ในอันตราย ตั้งแต่วันนั้นมาโจวเหวินไม่เคยคิดจะเซนชื่ออีกเลย และจะไม่ให้รายเซนกับคนที่ไม่รู้จักเด็ดขาด