I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง - ตอนที่ 921
ฝึกก่อนอาวุธจะตามมาเอง
ขอแค่ตึกเปิด นักศึกษามหาลัยซีหยางก็สามารถเข้าและออกห้องคลังอาวุธได้อย่างอิสระใช้แค่บัตรนักศึกษาเท่านั้น
เพราะงั้นทันทีที่ประตูตึกเปิด โจวเหวินเลยรูดบัตรนักศึกษาและเข้าไปทันที
ปรกติแล้วที่นี้มักจะไม่ค่อยมีใครมาอยู่แล้ว ยิ่งตอนเช้าแบบนี้ ตอนที่โจวเหวินเข้ามาในห้อง เจ้าหน้าที่ยังจัดของกันอยู่เลย นักศึกษาไม่มีซักคน
ในเมื่อมาถึงที่แล้ว โจวเหวินก็ไม่ได้รีบร้อนไปดูมีดแต่อย่างใด เขาค่อยๆไล่ดูแต่ละนิทรรศการ
อาวุธที่นำมาโชว์ที่นี้นั้นทั้งหมดเป็นอาวุธแร่เงินพิเศษที่ผลิตขึ้นมาโดยมนุษย์หลังจากเกิดเหตุการณ์พายุต่างมิติ แต่ส่วนมากนั้นเป็นแค่ของตั้งโชว์ ทำได้แค่ดูอย่างเดียว ของส่วนมากจะเป็นมีด ตามมาด้วยปืนกับหน้าไม้ดาบและอื่นๆจะไม่ค่อยนิยมกัน แล้วก็จะมีโล่และชุดเกราะเงิน แต่มีน้อยมาก ผลที่ได้ไม่ค่อยดีเท่าไร
ตามมาด้วยกระสุนเงินหลากหลายชนิด ส่วนมากจะเป็นกระสุนเงินผสมไม่ก็กระสุนเงินเคลือบ กระสุนเงินบริสุทธ์นั้นหาค่อนข้างยากและจะใช้แค่ในเจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้น
มีเครื่องยิงจรวดและจรวดหัวปลี รวมไปถึงปืนครกที่ทำมาจากแร่เงิน แต่มันใช้ยิงทำความเสียหายเป็นวงกว้างเท่านั้น ไม่เหมาะกับการต่อสู้ปรกติ ส่วนมากมีไว้ใช้กำจัดศัตรูที่มีจำนวนเยอะมากๆ ไม่ก็ต้นไม้ที่ขยับไม่ได้
แล้วก็ของมีคมชนิดอื่นๆ ตัวอย่างเช่นมีดสั้นที่ขนาดเท่าฝ่ามือ มีดโค้ง มีดชก เยอะจนละลานตาไปหมด แต่ยังไงที่โจวเหวินเห็นมันก็เป็นแค่เครื่องมืออยู่ดี มันไม่ต่างอะไรเท่าไร ถึงมันจะดูอลังการณ์แต่ยังไงมันก็สู้ดาบไม้ไผ่ของโจวเหวินไม่ได้
โจวเหวินพยายามลองนึกถึงดาบไม้ไผ่ในความคิดของตัวเองตอนพัฒนาวิญญาณชีวิตแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ผล
“มันจะมีอาวุธแบบไหนที่แบบ เข้าตาตั้งแต่แรกเห็นเลยไหมนะ”โจวเหวินรู้สึกสิ้นหวังนิดหน่อย เขาไม่ใช่คนที่บ้าเลือดขนาดที่ว่าเอาชีวิตไปแขวนไว้กับอาวุธอันเดียว เรื่องแบบนั้นเขาทำไม่ได้จริงๆ
ไม่ว่าอาวุธจะดีแค่ไหน จะล้ำค่าเพียงใด แต่ในจังหวะที่ชีวิตกำลังอยู่ในอันตราย โจวเหวินก็จะยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อแลกกับชีวิตเขาทันที
“ไอ้หนุ่ม มันไม่มีอาวุธเทพบนโลกหรอก มีแค่คนเจนสนามเท่านั้นละ”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ได้ยินโจวเหวินพูดกับตัวเองพูดขึ้นมา
โจวเหวินหันไปมองแล้วพบว่าคนที่พูดนั้นเป็นชายวัย40 ถึงจะใส่แว่นกันแดดแต่โจวเหวินก็สังเกตุเห็นว่าชายคนนั้นตาบอดและใส่ขาเทียม
“ช่วยอธิบายประโยคนั้นให้เข้าใจหน่อยจะได้ไหมครับ”โจวเหวินถามตอนที่มองเขา
ชายคนนั้นเช็ดอาวุธบนชั้นแล้วพูด “อาวุธหน่ะ เป็นสิ่งที่คนส่วนมากเกลียดมัน มันฆ่าสังหารคนที่เรารัก แต่ในยามคับขัน เราเองก็ต้องการมันเพื่อใช้ปกป้องพวกพ้องและครอบครัว ยกเว้นแต่จะเป็นผู้ที่รักในอาวุธนั้นจริงๆเท่านั้น แต่สำหรับคนปรกติแล้ว ดาบนั้นมันเป็นแค่เครื่องมือ”
โจวเหวินพยักหน้า พยายามคิดตามที่ชายคนนั้นพูด
“แต่รู้อะไรไหม”ชายแก่เช็ดมีดจนสะอาดแล้วค่อยๆเอามันไปวางไว้บนแท่นโชว์ก่อนจะพูด “เมื่อไรก็ตามที่คนเราจับอาวุธและสู้ไปกับมัน ไม่ว่าเราจะรัก หรือเกลียด ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบยังไง อาวุธชิ้นนั้นจะกลายเป็นคู่หูที่สำคัญที่สุด มันคือสิ่งที่สำคัญซะยิ่งกว่าแฟนหรือพี่น้องซะอีก มันเป็นสิ่งเดียวในสนามรบที่เราไว้ใจได้”
“ครับ”โจวเหวินพยักหน้า
ชายคนนั้นพูดต่อ “เพราะงั้นในสนามรบ ไม่ว่านายจะชอบหรือไม่ ไม่ว่านายจะภูมิใจในตัวเองมากแค่ไหน สุดท้ายนายก็ต้องพยายามเข้าใจอาวุธนั้น คุ้นชินกับมัน ฝึกฝนมัน นายต้องฝึกให้หนักซะยิ่งกว่าไล่ตามจีบสาวซะอีก ไม่เช่นนั้น ในสนามรบ อาวุธพวกนี้ละที่จะเป็นสิ่งที่จบชีวิตของนายลง ถ้านายอยากจะมีชีวิตอยู่รอดในฐานะทหารเจนศึกละก็ นายจะต้องเข้ากับอาวุธของนายให้ได้ ไม่ว่ามันจะห่วยแตกแค่ไหน แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆนายจะพบว่าอาวุธนั้น มันจะกลายเป็นแขนขาให้กับนาย หรือพูดอีกอย่าง มันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตนาย มันจะไม่ใช่เครื่องมือที่จะทิ้งกันลงง่ายๆ เพราะว่าถ้าไม่มีมัน ร่างกายของเราก็จะไม่สมประกอบ เหมือนกับคนพิการที่ขาดแขนหรือขา โอกาสที่คนพิการจะตายในสนามรบนั้น ย่อมมีมากกว่าคนปรกติมากๆอยู่แล้ว”
โจวเหวินฟังแล้วคิดตามในใจ
“จงไปฝึกฝนซะ ไม่ว่าจะอาวุธอะไร ดาบ โล่ปืน ฝึกก่อนแล้วอาวุธจะตามนายไปเอง ไอ้หนุ่ม จงฝึกให้หนักซะ”ชายคนนั้นแตะไหล่ของโจวเหวินแล้วทำความสะอาดต่อ
“ขอบคุณมากครับ คุณชื่ออะไรเหรอครับ”โจวเหวินถาม
“ก็แค่ทหารแก่ที่พิการหน่ะ ไม่ควรค่าแก่การจดจำชื่อหรอก”ชายคนนั้นหยุดพูดกับโจวเหวินแล้วทำงานต่อ
พอได้ฟังแบบนั้นโจวเวหินก็เริ่มรู้สึกผิดเล็กน้อย สงครามนั้นเป็นเรื่องที่มีแต่การสูญเสียสำหรับคนส่วนมาก ไม่มีใครชอบมันหรอก แต่บางครั้งสงครามก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
โจวเหวินเลิกเดินดูงานนิทรรศการ เขารู้ดีว่าทำยังไงเขาก็ไม่ใช่คนที่รักอาวุธพวกนี้อยู่ดี เพราะงั้นไม่ว่าเขาจะมองมันมากแค่ไหน สุดท้าย มันก็เป็นแค่เครื่องมือที่เอามาเทียบกับชีวิตไม่ได้
ก็อย่างที่ชายคนนั้นพูด จงฝึกอาวุธ แล้วอาวุธจะตามมาเอง
โจวเหวินเข้าใจความคิดนั้นทันทีแล้วออกจากตึกก่อนจะกลับไปที่หอ
ระหว่างทางกลับ เขาได้เจอกับหลี่ซวนเชดี้ และกรีฟที่บังเอิญกำลังเดินไปทางกลุ่มซวนเหวินพอดี
“อ้าวโจวเหวิน บังเอิญจังเลย ไปไหนมาเนี่ย”หลี่ซวนเดินเข้ามาทักทาย
โจวเหวินเห็นหลี่ซวนแล้วเขาก็เบิกตาขึ้นมา ก่อนจะเข้าไปดึงตัวโจวเหวินแล้วพูด “ไป ไปฝึกกับฉันหน่อย”
“เห้ยๆๆ อะไรของนายวะ ไปหาคนอื่นนู้น วันนี้ฉันมึนๆอยู่เลย ไม่ไหวหรอก”หลี่ซวนพูดแล้วจับหน้าอกของตัวเอง
เขาไม่ได้กลัวโดนซ้อมหรอก แต่สภาพร่างกายเขาตอนนี้เหมือนจะยังไม่ไหว โจวเหวินเองก็คงไม่ยอมรับแน่ๆ
“โค้ชอยากจะฝึกอะไรเหรอคะ”เชดี้ถถาม
“ฝึกดาบหน่ะ”โจวเหวินพูด
“ถ้าไม่รังเกียจ ให้ฉันเป็นคู่มือให้ได้นะคะ”เชดี้พูดกับโจวเหวิน
“โอเคงั้นไปห้องฝึกกันเลย”โจวเหวินพยักหน้า
ความสามารถในการต่อสู้จริงของเชดี้นั้นออกจะไม่ดีเท่าหลี่ซวน ถ้าต้องสู้จริงๆ ยังไงเธอก็ไม่ใช่คู่มือของหลี่ซวนด้วย แต่ในการฝึกเธอมีดวงตาแห่งโอดินที่ทำให้มองเห็นทุกการเคลื่อนไหว แถมคะแนนการต่อสู้เชิงเทคนิคนั้นยังสูงกว่าหลี่ซวนด้วย ทำให้เธอเหมาะกับการฝึกกับโจวเหวินมากกว่า
เพราะยังไง ด้วยดวงตาแห่งโอดินทำให้เชดี้นั้นมองออกทุกการโจมตีตั้งแต่อีกฝ่ายยังไม่เริ่มโจมตีเลยด้วย ไม่จำเป็นต้องเข้าไปแลกหมัดเหมือนหลี่ซวน
ทั้ง4คนตามกันไปที่ห้องฝึกซ้อมพร้อมกัน และเชดี้ก็เลือกหยิบดาบออกมา
ปรกติดาบของทางเหนือนั้นจะมีอยู่2แบบ แบบแรกเป็นดาบเอเป้ขนาดใหญ่ กับอีกแบบเป็นดาบเรเปียร์ ทรงตรงแหลมคม ใช้สำหรับเจาะเกราะ ทั้ง2แบบนั้นมีรูปแบบการใช้ที่ต่างกันมากๆ
ปรกติแล้วเชดี้จะชอบใช้ดาบเรเปียร์มากกว่าเพราะด้วยดวงตาแห่งโอดินทำให้เธอสามารถหาจุดอ่อนของศัตรูและโจมตีจุดตายได้ทันที
แต่ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาในมหาลัยซีหยาง เธอก็เริ่มเรียนรู้วิชาดาบสายตะวันออกมาขึ้นและปรับใช้วิชาดาบเขตตะวันออกเข้ากับวิชาดาบของตัวเอง
แต่เพราะว่าเธอไม่เคยลองเจอกับนักดาบสายตะวันออกที่แท้จริงมาก่อนทำให้เธอไม่รู้ว่าวิชาดาบที่เธอใช้มันอยู่ในระดับไหน พอเธอได้ยินว่าโจวเหวินอยากฝึกดาบ เธอเลยตอบรับทันที เธอเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าวิชาดาบของเธอนั้นมันเก่งแค่ไหนแล้ว
ดาบที่เธอเลือกในการฝึกจึงเป็นดาบเรเปียร์แบบเขตเหนือ แต่ตัวใบดาบนั้นเรียวและผอมกว่าดาบในเขตเหนืออีก