I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง - ตอนที่ 939
I บทที่ 939 ได้รับพร
สิ่งก่อสร้างที่อยู่ตรงหน้านั้นแปลกประหลาดมาก ในแวบแรกมันดูเหมือนอารามหินธรรมดา แต่เมื่อประตูของอารามหินเปิดออก โจวเหวินไม่สามารถขี่มังกรเทียนเข้าไปได้ ดังนั้นตอนที่เขาไปถึงประตู เขาจึงต้องอัญเชิญมังกรเทียนกลับมาก่อน แล้วค่อยๆเดินเข้าไป
“ตี้ฉิน เขาเป็นคนยังไงกันนะ”โจวเหวินเองก็สงสัย และเพราะความสงสัยนั้นเองทำให้ความเหนื่อยล้าของเขานั้นลดลงไปเยอะมากๆ
และเพราะว่าความสามารถในการได้ยินของสดับวานรนั้นมันฟังได้จำกัดมากๆก่อนหน้านี้ แต่พอโจวเหวินเดินเข้าไปในอารามหินแล้วภาพที่ชัดเจนของอารามหินโบราณนี้ก็เริ่มปรากฏเด่นชัดขึ้น
“นี้มันอะไรกันเนี่ย” โจวเหวินมองภาพของอารามหินโบราณแล้วไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
โจวเหวินเห็นอะไรแปลกๆในอารามหินเต็มไปหมด ของส่วนมากนั้นโจวเหวินไม่รู้ว่ามันมีไว้เพื่ออะไร แต่โจวเหวินจำสัญลักษณ์สีแดง2อันที่สลักไว้เหมือนกับที่ใช้ในวันแต่งงาน
ยิ่งกว่านั้นยังมีเสาหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทั้ง2ด้านของโถงใหญ่ สลักไว้ด้วยอักษรที่ดูคล้องกับตัวอักษรสีแดง รูปแบบของอารามหินนี้ดูต่างจากที่โจวเหวินคิดไว้ว่าเป็นที่จองจำมากๆ
ถ้าเขาไม่รู้ว่าตี้ฉินอยู่ที่นี้ โจวเหวินเองก็คงคิดว่านี้มันต้องเป็นโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ หรือไม่ก็วัดเยว่เหลาเวอร์ชั่นโบราณแน่ๆ
“ขอโทษนะครับ ตี้ฉินอยู่ที่นี้รึเปล่า ผมได้รับการไหว้วานมาจากเพื่อนเก่าในหลู่ไท่เพื่อมาส่งมอบข้อความครับ”หลังจากที่โจวเหวินเข้ามาในอารามแล้วประสาทสัมผัสทั้ง5ของเขาก็กลับมาปรกติดีอีกครั้ง ตอนนี้เขาสามารถพูดและมองเห็นได้ปรกติแล้ว
โจวเหวินไม่กล้าบอกชื่อของจิ้งจอก9หางทันที เขาบอกว่าเป็นเพื่อนเก่าแทน
“เข้ามา”เสียงดังขึ้นมาจากในโถง
ตอนที่โจวเหวินได้ยินเสียงนั้น เขารู้สึกได้ถึงความมาดแมนและกำยำ เขาเลยเดินตรงเข้าไปในโถง
ไม่รู้ว่าโถงนี้มันมีพลังพิเศษอะไรรึเปล่าแต่เขารู้สึกได้เลยว่าเขาสามารถเดินเข้าไปได้อย่างง่ายดายมากๆ หลังจากที่เข้ามาในโถงแล้ว เขาก็เห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนแท่นหินในโถง
รูปร่างของเขาเหมือนกับเทพที่ประดิษสถานอยู่ แต่ที่นี้คือโลกต่างมิติ มันไม่มีเทพอยู่ที่นี่ ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้คือมนุษย์อย่างแท้จริง
“นี้เนะเหรอคือตี้ฉิน จอมทรราชผู้โด่งดังคนนั้น ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะยังอยู่มาถึงทุกวันนี้”โจวเหวินมองชายที่อยู่บนแท่นหินนั้นแล้วไม่ค่อยอยากเชื่อ
ชายคนนั้นดูต่างจากที่โจวเหวินคิดไว้มาก เขาไม่ได้ดูกล้ามโตกำยำดูแข็งแกร่ง ไม่ได้ดูแข็งแกร่งอะไรขนาดนั้น เขาดูสงบมาก หล่อเหลา ดูไม่ได้ผอมซีดแต่หุ่นดีสมชาย ดูมีความสุขุมอย่างบอกไม่ถูก
ถ้าเกิดโจวเหวินเจอชายคนนี้ข้างนอก เขาคงคิดว่าชายคนนี้น่าจะเป็นนักวิชาการหรืออาจารย์หนุ่มที่อนาคตก้าวไกล คงไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะเป็นจอมทรราชตลอดการคนนั้น
ตี้ฉินนั่งอยู่บนแท่นด้วยท่าทีสบายๆ มือพาดตัก มืออีกข้างถือแก้วเหล้า ดื่มโดยที่ไม่มองโจวเหวินก่อนจะพูด “นางส่งเจ้ามาเพื่อบอกข้อความกับข้า สารนั้นคืออันใดกัน”
“ขอโทษทีนะ แต่ถามเพื่อความแน่ใจก่อน ท่านคือตี้ฉินใช่ไหม”โจวเหวินถาม
ตี้ฉินเงยหน้าขึ้นแล้วมองหน้าโจวเหวิน “ในเมื่อเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว เจ้าก็ควรจะรู้ได้แล้วนะ มีแค่ข้าคนเดียวเท่านั้นละที่ถูกจองจำอยู่ที่นี้”
“นางฝากมาบอกกับท่านว่า อย่าอ่าน”โจวเหวินพูดตามคำที่จิ้งจอกเก้าหางบอกให้พูด
“อย่าอ่าน… อย่าอ่านงั้นเหรอ อย่าอ่านซินะ…หึหึหึ”ตี้ฉินหัวเราะออกมาทันทีเหมือนกับมีความสุขมากๆ
เมื่อตี้ฉินหัวเราะจบ โจวเหวินก็พูด “ผมมาส่งข้อความเรียบร้อยแล้ว ถ้างั้นผมขอตัวลาแล้วกลับก่อนนะครับ”
“รอก่อน”ตี้ฉินเรียก
โจวเหวินไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องหยุดมอง แต่ตี้ฉินจู่ๆก็เอื้อมมือไปหยิบอะไรบางอย่างก่อนจะเขวี้ยงมาให้โจวเหวิน “นี้ของรางวัลแก่เจ้า ฝากข้อความไปให้นางด้วยที”
“ด้วยความยินดี”โจวเหวินมองของที่ตี้ฉินโยนให้เขามา มันเป็นแผ่นหินขนาดเท่าฝ่ามือ ด้านในมีสลักตัวอักษรสีแดงเขียนว่า “ความสุข” เอาไว้ มีแค่นั้นจริงๆและโจวเหวินก็ไม่รู้ว่ามันไว้ใช้ทำอะไรด้วย
“รอก่อน”ตี้ฉินพูด
“อะไรนะ”โจวเหวินตามไม่ทัน
“รอก่อน”ตี้ฉินทวนซ้ำอีกครั้ง
โจวเหวินมองหน้าตี้ฉินแล้วพูด “จะฝากข้อความอะไรให้นางนานกว่านี้หน่อยก็ได้นะ”
“ไม่ละ กลับไปเสียเถิด ร่างมนุษย์ของเจ้านั้นอยู่ในโลกต่างมิติได้ไม่นานหรอก”ตี้ฉินพูด
โจวเหวินเลยกลับไปอย่างไร้ทางเลือกพร้อมความรู้สึกที่แปลกสุดๆในใจ
ตี้ฉินนั้นดูต่างจากที่เขาคิดเอาไว้มากๆ สถานที่ที่คุมขังเข้าไว้นั้นก็ดูต่างจากที่โจวเหวินคิดไว้มากเช่นกัน
ถ้าตี้ฉินเป็นนักโทษจริง ที่คุมขังแบบนี้มันก็หละหลวมสุดๆไปเลย ไม่มีผู้คุม มีแค่ตัวเขาคนเดียวอยู่ในนั้น และไม่เห็นอะไรอย่างอื่นเลยที่จะกีดกันเขาออกมา
ขนาดโจวเหวินที่เป็นแค่มนุษย์ธรรมดายังเข้าออกได้ตามใจเลย ที่แบบนี้มันไม่เหมือนคุกแม้แต่นิดเดียว
“เสร็จแล้วเหรอ”สาวหิมะถามตอนที่โจวเหวินเดินออกมา
“เรียบร้อย”โจวเหวินอยากจะพูด แต่หลังจากที่โจวเหวินออกมาจากอารามหินแล้ว เขาก็กลับไปเป็นสภาพเดิมทำให้เขาส่งเสียงไม่ได้ทำได้แค่เขียนตัวอักษรออกมา
“เขาบอกว่าไง”สาวหิมะถามอีกครั้ง
“เขาไม่ได้บอกอะไร ไม่งั้นฉันคงไม่ได้กลับออกมาเร็วแบบนี้หรอก”โจวเหวินไม่อยากบอกข้อความที่ได้ฟังมาจากตี้ฉินให้นางรู้
สาวหิมะเม้มปากแล้วพูด “ไม่ต้องกังวลหรอกน่ะ ข้าไม่ได้ตามหาความลับของตี้ฉินอยู่ซักหน่อย เอาจริงๆเขาไม่ได้มีความลับอะไรเลยตั่งหาก”
“ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ ใกล้จะหมดเวลาแล้วเรารีบกลับกันดีกว่า”โจวเหวินพูดแล้วอัญเชิญมังกรเทียนออกมา แต่ตอนที่เขากำลังจะเก็บแผ่นหินแล้วนั่งลงไปที่มังกรเทียนนั้น สาวหิมะก็จับมือของเขา
“นี้มันอะไรกัน”สาวหิมะถามโจวเหวินก่อนจะดึงมือที่ถือแผ่นหินของโจวเหวินขึ้น เพื่อดูแผ่นหินนั้นดีๆ
“แผ่นหินไง มันจะเป็นอะไรได้อีกละ”โจวเหวินดูตกใจ เขาไม่คิดว่าสาวหิมะจะออกอาการมากขนาดนี้
“ตี้ฉินมอบมันให้กับเจ้าเหรอ”สาวหิมะมอง
“ใช่ รู้หรอว่ามันคืออะไรหน่ะ”โจวเหวินเริ่มคิดในใจ “ดูเหมือนว่าแผ่นหินที่ตี้ฉินจะให้นี้มันเป็นของดีแหะ นางคงไม่ได้คิดอยากจะขโมยมันไปหลอกใช่ไหม”
ตอนที่โจวเหวินคิดแบบนั้นเอง สาวหิมะก็ปล่อยมือแล้ววมองโจวเหวินด้วยสีหน้าประหลาด ก่อนจะพูด “แน่นอนซิว่าข้ารู้ ในโลกต่างมิตินี้ ไม่มีใครไม่รู้จักหรอกนะ”
“อ้อ เจ้านี้ดูมีประวัติเยอะจังเลยแหะ มันใช้ทำอะไรละ”โจวเหวินถามทันที
สาวหิมะยิ้มแล้วพูด “ทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วย ถ้าเจ้าอยากรู้ก็ต้องแลกเปลี่ยนกันซิ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับราคาที่เจ้าจะจ่ายมานะ”
“ช่างมันเถอะ”โจวเหวินเก็บหินนั้นแล้วขี่มังกรเทียน
ในเมื่อมีหลายๆคนในโลกต่างมิติที่รู้ เขาไม่จำเป็นต้องถามสาวหิมะก็ได้ บางทีเขาค่อยกลับไปถามจักรพรรดินีตอนขากลับยังได้เลย
“นายได้รับพรแล้วละ”สาวหิมะไม่สนใจ เธอจู่ๆก็พูดขึ้นมาแล้วนำทางกลับไปยังปราสาทน้ำแข็ง
โจวเหวินเองก็เริ่มคิด ว่า”ได้รับพร”ที่ว่ามันหมายถึงอะไร แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี