I Was Kidnapped By The Strongest Guild - ตอนที่ 1 ลักพาตัว (1)
มันเป็นเพดานสีขาว
บ้านของฉันคือเต็นท์ขาด ๆ เพราะงั้นแล้วที่นี่คือที่ไหนกัน?
ในขณะที่ฉันกำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างเหม่อลอย ฉันก็นึกถึงเหตุการณ์ที่ฉันโดนแรบบิทฮอร์นแทงขึ้นมาได้
“โอ้ย!”
ฉันเอามือไปจับที่ท้องอย่างเร่งรีบ แต่มันไม่มีรอยแผลอยู่เลย
บางทีผู้หญิงที่ฉันเห็นก่อนสลบไปจะเป็นคนรักษาให้
“เฮ้อ…”
ฉันสร้างปัญหาอีกแล้วสินะ?
ขณะที่ฉันกำลังถอนหายใจด้วยความรู้สึกผิด ก็มีคนทักฉันขึ้นมา
“ตื่นแล้วเหรอ?”
ฉันหันหน้าไปด้านข้าง และฉันก็เห็นผู้หญิงคนที่ช่วยฉันเอาไว้นั่งอยู่บนเก้าอี้
ฉันพยายามที่จะกล่าวขอบคุณเธอ แต่มีบางอย่างแปลกไป
ฉันได้ยินเสียงของเธอมาจากด้านบนหัวของฉัน
“ฮืม?”
ด้วยความแปลกใจ ฉันเอื้อมมือขึ้นไปบนหัวของฉันและค้นพบอะไรบางอย่างที่ทั้งนุ่มและมีขน มันคล้าย ๆ กับหูของสัตว์
มันเป็นความรู้สึกที่ฉันไม่เคยได้สัมผัสถึงมันมาก่อน ไหล่ของฉันยักขึ้น
“เอ่อ…”
นี่ฉันมีหูสัตว์เหรอ?
ทำไมฉันถึงมีและมันเป็นไปได้ไง?
ฉันมองไปที่ผู้หญิงด้วยดวงตาที่สั่นเครือและรีบวิ่งหนีไปที่อีกด้านหนึ่งของเตียง
ฉันรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้
“เดี๋ยวก่อนสิ!”
“อย่าเข้ามา”
ฉันเคยได้ยินข่าวลือว่ามีกลุ่มโจรลักพาตัวผู้คนไปและดัดแปลงร่างกายของพวกเขา
บางทีผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นหนึ่งในสมาชิกของคนกลุ่มนั้น
“ช่วยใจเย็น ๆ และมาทางนี้ได้ไหม?”
ใจเย็น?
ในขณะที่คุณกำลังจะจับฉันเนี่ยนะ?
ฉันวิ่งไปรอบ ๆ ห้อง เพื่อไม่ให้เธอจับตัวฉันได้
“อย่าตามฉันมานะ”
ฉันพยายามที่จะหนีไปจากผู้หญิงคนนี้ แต่สุดท้ายฉันก็ไปจบลงที่มุมห้อง
ในขณะที่ฉันกำลังแนบติดอยู่กับกำแพง ฉันก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่ง
หญิงสาวที่ในตอนนั้นสูงพอ ๆ กับฉัน แต่ตอนนี้เธอสูงกว่าฉันแล้ว
ไม่ใช่เพราะว่าส่วนสูงของเธอเพิ่มขึ้น แต่เป็นฉันเองต่างหากที่ส่วนสูงหดลง
“อึย”
มันเป็นเรื่องจริง ถ้างั้น นี่คือกลุ่มดัดแปลงมนุษย์ใช่ไหม?
มันไม่ยุติธรรมมาก ๆ เลย
“ไม่ต้องกลัวนะ พวกเรามาคุยกันหน่อยไหม?”
“ฉันไม่อยากคุย…”
ฉันไม่ชอบร่างกายที่อ่อนแอและไร้พลังของฉันเลย
ในขณะที่ฉันกำลังก้มหน้ามองพื้นด้วยความอับอาย ฉันก็สังเกตเห็นสิ่งบางอย่างที่มีความยาวและมีขนติดอยู่ตรงท้องของฉัน
มันดูเหมือนกับหางของแมว แต่ในห้องนี้มันไม่มีแมว
ในขณะที่ฉันลองจับขนยาว ๆ ที่ว่านั่นดู เอวของฉันก็กระตุก
ฉันรู้สึกราวกับว่าขนยาว ๆ อันนี้คือส่วนหนึ่งในร่างกายของฉัน
“เอ๊ะ?”
ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าหลังของฉันถูกดึงล่ะ?
ฉันมองไปที่หลังของฉันอย่างเร่งรีบ ฉันก็เห็นว่ามีขนยาว ๆ ติดอยู่ที่ก้นกบของฉัน
“…หาง?”
ตอนแรกก็หู ตอนนี้มาหาง
ร่างกายของฉันถูกดัดแปลงไปมากแค่ไหนกัน?
ด้วยความตกใจ ฉันก็เลยจ้อมมองไปที่หญิงสาว
“ช่วยใจเย็นลงก่อนสักแปปหนึ่งได้ไหม? เดี๋ยวฉันจะอธิบายทุกอย่างให้ฟังเอง”
คนที่ลักพาตัวและดัดแปลงร่างกายของฉันกำลังขอให้ฉันใจเย็นและยื่นมือของเธอออกมา
มันเป็นสถานการณ์ที่ไร้เหตุผลที่สุดเลย แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับมัน
“บอกสิ่งที่คุณต้องการมา แบบสั้น ๆ ”
“เอ่อ… แต่ก่อนหน้านั้น ฉันขอถามอะไรหน่อยสิ”
“ถามอะไร?”
“เธอชื่ออะไรและอายุเท่าไหร่เหรอ?”
เธอต้องการจะรู้ชื่อของฉันและอายุของฉัน
เธออยากจะรู้ข้อมูลของหนูทดลองใช่ไหม?
จุดประสงค์ของเธอมันชัดเจนเกินไป ฉันจะไม่บอกเธอเด็ดขาด
“ฉันไม่รู้อายุของฉัน”
“โอ้ งั้นเหรอ? จำไม่ได้เลยเหรอว่าตัวเองมีชีวิตอยู่มากี่ปีแล้ว?”
“ใช่ ฉันจำไม่ได้เลย”
ฉันใช้ชีวิตอยู่ข้างถนนมาอย่างยาวนาน
มันก็ไม่แปลกหรอกที่ฉันจะจำชื่อและอายุของตัวเองไม่ได้
“ถ้างั้น จำได้ไหมว่าตัวเองเคยเรียนอยู่ที่โรงเรียนไหน?”
“ฉันไม่เคยไปโรงเรียน”
เธอคิดว่าฉันโง่หรือไง?
เธอคงพยายามจะล้วงข้อมูลภูมิหลังของฉันผ่านทางโรงเรียนของฉัน
แต่ที่โลกแห่งนี้น่ะ ฉันไม่เคยเข้าสถานศึกษาใด ๆ เลยสักครั้ง เพราะงั้นฉันจึงตอบอย่างมั่นใจได้ว่าฉันไม่เคยไปโรงเรียน
“โอ้ งี้นี่เอง! คุณไม่เคยไปโรงเรียน!”
“อ่า…?”
หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกโล่งใจ ราวกับมั่นใจในอะไรบางอย่าง
ฉันเพิ่งตระหนักในสิ่งที่ฉันทำลงไป
ฉันโพล่งออกไปว่าฉันเป็นคนโง่ที่ไม่รู้อายุของตัวเองและไม่เคยเข้าเรียนมาก่อน
ในคำพูดของฉัน ฉันได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าฉันคือหนูทดลองที่ไม่มีความเสี่ยงใด ๆ
ฉันเกือบนํ้าตาไหลให้กับความโง่ของตัวเอง
“เอ่อ ฉันชื่อ…”
โครก~
ก่อนที่หญิงสาวจะพูดจบ ท้องของฉันก็เรียกร้องว่าหิวแล้วออกมาอย่างเสียงดัง
ฉันคุ้นเคยกับความหิวดี เพราะงั้นฉันเลยไม่ค่อยสนใจมันมากเท่าไหร่ แต่หญิงสาวก็จ้องมองมาที่หน้าท้องของฉันสักพักหนึ่ง
“ไปหาอะไรลงท้องกันไหม?”
“ม-ไม่เป็นไร”
เธอวางแผนจะให้ฉันกินอะไร?
ฉันส่ายหัวด้วยความวิตกกังวล แต่เธอก็ไม่สนใจคำปฏิเสธของฉันราวกับว่ามันไม่มีอะไร
“อย่าปฏิเสธเลย เราไปหาอะไรกินด้วยกันดีกว่า”
เธอยื่นมือของเธอออกมาอย่างระมัดระวัง
เธอค่อย ๆ เอื้อมมือของเธอมาจับแขนของฉัน นี่เธอกำลังรู้สึกสนุกกับการที่เห็นฉันต่อต้านเธอไม่ได้ใช่ไหม?
“ฉ-ฉันไม่หิวจริงๆ…”
“อาหารของที่นี่อร่อยมากเลยนะ ลองกินดูสักคำ โอเคไหม?”
เธอพาฉันออกประตูไป
เธอคงจะมองเห็นฉันเป็นเพียงแค่ของเล่น
ถึงมันจะน่ากลัว แต่เพื่อเอาตัวรอดแล้ว ฉันต้องตามเธอไป
ถ้าฉันอดทนต่อไปเรื่อย ๆ ได้ หนทางหนีก็คงจะมาเอง
——————————————————————————————————————————
สถานที่ที่ฉันคิดว่ามันคือบ้านของหญิงสาว มันกลับกลายเป็นห้องพักในโรงแรม
น่าจะเป็นโรงแรมระดับห้าดาวเห็นจะได้
มันเป็นโรงแรมระดับห้าดาวที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
“ทางนี้”
เธอพาฉันไปที่โรงอาหารของโรงแรม
ฉันพยายามขอความช่วยเหลือจากคนที่เราเดินผ่านไป แต่ฉันก็ต้องยอมแพ้อย่างรวดเร็วเมื่อมีคนที่ฉันคุ้นหน้าอยู่
“……”
ผู้หญิงผมสีแดงจ้องมาที่ฉันจากหางตาของเธอ
เธอคือผู้หญิงที่หัวเราะฉันเมื่อเดือนที่แล้วในตอนที่ฉันกำลังถูกแรบบิทฮอร์นวิ่งไล่
และผู้หญิงที่อยู่ถัดไปจากเธอ ก็คือผู้ชายที่ถุยนํ้าลายใส่ฉันและบอกให้ฉันไสหัวไป
ทุกคนในโรงแรมแห่งนี้เป็นพวกเดียวกัน
“อึ้ย”
สถานการณ์ในตอนนี้มันแย่ยิ่งกว่าแย่ซะอีก
ด้วยความสิ้นหวัง ฉันจึงจับหางของฉันและรวบมันมาไว้ที่ท้องของฉัน
การถืออะไรที่มันนุ่มนิ่มมันน่าจะช่วยปลอบโยนใจฉันได้
“อย่ามัวแต่ยืนสิ มานั่งตรงนี้มา”
หญิงสาวที่พาฉันมาที่โรงอาหารดึงเก้าอี้ออกมาจากใต้โต๊ะ
เป็นมันเก้าอี้ที่หรูหรามาก มันเป็นสิ่งที่ต่อให้ฉันทำงานทั้งปีก็ซื้อไม่ได้
“ม-ไม่เป็นไร เดี๋ยวเก้าอี้จะสกปรก…”
เมื่อหลายวันก่อน ฉันถูกตบเข้าที่หลังหัวโดยนักผจญภัยที่นั่งอยู่บนม้านั่งในพื้นที่ล่ามอนสเตอร์ของนักผจญภัยหน้าใหม่
ฉันถูกกล่าวหาว่า ฉันทำให้สิ่งอำนวยความสะดวกสกปรกด้วยร่างกายของฉัน
แค่ไปนั่งบนม้านั่งฉันก็โดนตบเข้าที่หลังหัวแล้ว แต่จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ถ้าหากฉันไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่หรูหราเช่นนี้?
ฉันไม่อยากรับรู้เรื่องนั้น ฉันเลยยืนอยู่เฉย ๆ
“หมายความว่าไงที่มันจะสกปรก? เธอไม่ได้สกปรกเลยเพราะงั้นมานั่งเถอะ”
แปะ แปะ—
หญิงสาวตบไปที่เก้าอี้
มันเป็นการเชิญนั่งที่เต็มไปด้วยภัยคุกคาม ราวกับจะบอกว่าเลิกเล่นและมานั่งได้แล้ว
ยัยแม่มดใจร้าย
เธอวางแผนที่จะทรมาณฉันมากแค่ไหนกัน?
ฉันพยักหน้าพร้อมนํ้าตาที่ไหลออกมาจากดวงตาของฉัน
“ถ้างั้น หลังจากที่ฉันนั่งเสร็จแล้ว ฉันจะทำความสะอาดให้นะ”
ฉันพูดออกอย่างเสียงดังพอที่จะทำให้คนในโรงอาหารได้ยิน
มันเป็นการอ้อนวอนที่บอกว่า ฉันจะทำความสะอาดให้หลังจากที่ฉันนั่งเสร็จเพราะงั้นอย่าตีฉันเลย
“เอ่อ โอเค… ถ้างั้นนั่งลงเลยไหม?”
“โอเค…”
ถึงแม้เธอจะเป็นคนบอกให้ฉันนั่ง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันหายกังวลใจเลยสักนิด
คนที่ดูเหมือนว่าจะเป็นพนักงานเสิร์ฟก็นำจานหลายจานมาวางไว้บนโต๊ะโดยที่ตัวเขาแทบจะโดนเก้าอี้อยู่แล้ว อาหารที่เขานำมาเสิร์ฟคือขนมปังและซุปสุดหรูที่ฉันไม่ได้กินมาแล้วแปดปี
“เอ่อ…?”
แต่ฉันยังไม่ได้สั่งอาหารเลย เพราะงั้นทำไมเขาถึงได้วางขนมปังและซุปมาไว้ตรงหน้าของฉันล่ะ?
ด้วยความสับสน ฉันจึงมองหญิงสาวสลับกับพนักงานเสิร์ฟไปมา
“ฉันคิดว่าเธอคงจะหิวแล้ว เพราะงั้นฉันก็เลยสั่งอาหารเรียกนํ้าย่อยมาให้ก่อน แล้วค่อยให้เธอสั่งอาหารจานหลักเอง”
ในแวบแรกของความคิด นํ้าเสียงและรอยยิ้มของเธอดูใจดีมาก
แต่ฉันรู้ว่ามีเจตนาร้ายอยู่เบื้อหลังรอยยิ้มและนํ้าเสียงนั่น
เธอคงจะวางแผนให้ฉันสั่งอาหารแพง ๆ ที่ฉันไม่สามารถจ่ายไหว แล้วหลังจากนั้นเธอก็จะบังคับให้ฉันเป็นลูกหนี้และเป็นทาสของเธอ
ฉันจะไม่เล่นไปตามเกมของเธอหรอก
“คือว่า คุณเห็นกระเป๋าของฉันไหม?”
“เอ่อ… กระเป๋าสีนํ้าตาลน่ะเหรอ? รอแปปหนึ่งนะ”
หญิงสาวเรียกคนที่ดูเหมือนว่าจะเป็นพนักงานโรงแรมเข้ามา
เขาถือกระเป๋าที่ลํ้าค่าของฉันอยู่ในมือ
ฉันกังวลแทบแย่ว่าพวกเขาจะไม่คืนมันมาให้ฉัน
ฉันโล่งใจที่ได้กระเป๋าเก่า ๆ ของฉันคืนมา ฉันล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าและดึงถุงสีดำกับขวดนํ้าเก่า ๆ ของฉันออกมา
ด้วยสิ่งนี้ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องสั่งอาหารแพง ๆ แล้ว
“มันคืออะไรเหรอ?”
“อาหารของฉัน”
สิ่งที่อยู่ในถุงคือแป้งข้าวโพดที่ราคาแค่ 2,500 วอนต่อหนึ่งกิโล [TL / ประมาณ 67 บาท]
เพียงแค่เอานํ้าและแป้งข้าวโพดไม่กี่ช้อนมาผสมกัน มันก็ทำให้ฉันอิ่มไปตลอดทั้งวันแล้ว
มันเป็นสุดยอดอาหารของคนไม่มีเงิน
“แป้งข้าวโพด”
“ใช่ ฉันจะกินสิ่งนี้ ส่วนคุณก็สั่งอาหารที่คุณอยากกินได้เลย”
ฉันจะไม่แคะขนมปังและนํ้าซุปเด็ดขาด
เพราะฉันไม่มีเหตุผลที่จะต้องใช้เงินไปกับมัน
แทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะได้ยิ้มอย่างผู้ชนะ
แต่ยังไงฉันก็ยังไม่ได้เป็นอิสระจากเธอ
“เอ่อ… อาหารของที่นี่มันอร่อยมากเลยนะ จะไม่สั่งอะไรหน่อยเหรอ?”
“ไม่ละ ขอบคุณ”
ก่อนที่เธอจะบังคับให้ฉันสั่งอาหาร ฉันก็เลยชิงผสมแป้งข้าวโพดกับนํ้าก่อน
เพื่อให้ดูไม่สะทกสะท้าน ฉันเลยเพิ่มแป้งข้าวโพดลงไปอีกหนึ่งช้อน
หลังจากปิดฝาขวดและเขย่ามันแรง ๆ เพียงเท่านี้นํ้าข้าวโพดสีเหลืองก็พร้อมทานแล้ว
สีมันเข้มกว่าปกติ เพียงแค่มองมันนํ้าลายฉันก็ไหลแล้ว
‘ว้าว’
ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ฉันจะได้ดื่มดํ่าไปกับความรู้สึกที่หรูหราเช่นนี้
ฉันไม่สามารถต่อต้านมันได้เลย ดังนั้นฉันจึงดื่มนํ้าข้าวโพดลงไปอย่างไม่ลังเล
อึก อึก—
นํ้าข้าวโพดมีรสถั่วที่มากกว่าปกติ มันเลยทำให้นํ้าข้าวโพดในวันนี้อร่อยกว่าปกติ
ฉันดื่มมันต่อไปในขณะที่มองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามฉันไปด้วย
“อ่า…”
หน้าของเธอซีดลง
เธอคงจะรู้สึกผิดหวังสินะที่แผนไม่เป็นไปตามที่เธอต้องการ
ฉันเยอะเย้ยเธอในใจ
สำหรับฉันแล้ว ผู้ที่ผ่านความอยุติธรรมบนโลกใบนี้มาอย่างมากมาย แผนของยัยแม่มดคนนี้ดูออกได้ง่ายจะตายไป