I Was Kidnapped By The Strongest Guild - ตอนที่ 15 ก่อนที่กษัตริย์จะถูกสังหาร
สักที่หนึ่งในภูเขาแทแบค
โซเฟีย ผู้อาวุโสของเหล่ามนุษย์สัตว์แห่งคาบสมุทรเกาหลี กำลังเดินไปตามป่าและกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างครุ่นคิด
“อึ๋ย…”
ใครสักคนหนึ่งในคาบสมุทรเกาหลีได้บริโภคพรแห่งเทพสัตว์ร้ายเข้าไป
เหล่ามนุษย์สัตว์ทั้งหมดทั่วทั้งโลกสามารถสัมผัสได้ว่าราชาของพวกเขาถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว
‘ลองคิดดูสิ พรจะต้องกลายเป็นไอเทมอย่างแน่นอน’
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเป็นเขาเป็นใครหรือเขาอยู่ที่ไหน แต่ในฐานะที่โซเฟียเป็นผู้รู้แจ้งในปัญญา ก็ย่อมมีหนทางตามหาราชา
[TL / overseeing wisdom แอดไม่รู้ว่ามันแปลว่าอะไร แต่แอดแปลเป็นผู้รู้แจ้งในปัญญา ถ้าใครรู้ว่ามันแปลว่าอะไร รบกวนช่วยพิมพ์ไว้ใต้คอมเมนต์หน่อย ขอบคุณ]
โดยการเข้าไปเยี่ยมเยือนกิลด์ระดับสูงและนักผจญภัยระดับสูงทั้งหมดในคาบสมุทรเกาหลี
มันอาจดูเหมือนเป็นวิธีที่ใช้แต่กำลัง แต่วิธีนี้ก็เป็นวิธีที่ได้ผลจนน่าเหลือเชื่อเลยละ
ท้ายที่สุดแล้ว ดันเจี้ยนก็ไม่ใช่วิธีเดียวที่จะได้รับพรมา
แต่อาจจะได้รับมาจากคนอื่นที่อยู่ในกิล์ระดับสูงก็ได้
ด้วยวิธีนี้ โซเฟียก็หาคนที่บริโภคพรเข้าไปได้ภายในวันเดียว
ในกิลด์ระดับสูงที่เป็นที่แรกที่เธอไป
‘เป็นคนที่เกี่ยวข้องกับกิลด์รุ่งอรุณ’
แม้ว่าเธอจะไม่สามารถลงโทษคนที่บริโภคพรเข้าไปแล้วได้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถต่อต้าน ‘โลก’ ได้เช่นกัน
เธอหวังว่าจะได้เลี้ยงดูเขาคนนั้นให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ในเมื่อเขาคือคนของกิลด์รุ่งอรุณ เธอก็ไม่สามารถทำตามอำเภอใจได้
มนุษย์สัตว์ทั่วทั้งโลกอาจต้องยอมจำนนอยู่ภายใต้ชื่อ ‘รุ่งอรุณ’
เธอควรจะพูดเรื่องนี้กับพวกเขาอย่างตรงไปตรงมา
มนุษย์สัตว์นั้นต้องการความแข็งแกร่งมากกว่าสติปัญญา เมื่อยึดหลักตามข้อเท็จจริงนั้น นักรบชั้นสูงทั้งสองคนของหมู่บ้านจึงถูกส่งไปแทนโซเฟีย
ความเชื่อที่ว่าคนที่กินพรเข้าไปจะต้องชื่นชอบการเป็นนักรบเป็นอะไรที่ไร้เดียงสามาก
‘นั่นคือปัญหาของพวกเรา’
ความงดงามของร่างกายและความแข็งแรง
สิ่งเหล่านั้นมันน่าดึงดูดสำหรับคนที่แต่เดิมแล้วก็เป็นมนุษย์งั้นเหรอ?
มีเพียงแค่โซเฟียที่เกิดมาพร้อมกับสติปัญญาที่หาได้ยากเท่านั้นที่รู้สึกหงุดหงิดกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
แกรก—
ในขณะที่โซเฟียกำลังกัดเล็บของเธอด้วยความวิตกกังวล เสียงริงโทนก็ดังออกมาจากประเป๋าของเธอ
มันคือโทรศัพท์มือถือ สัญลักษณ์แห่งอารยธรรมของโลกใบนี้
‘เอนเซีย!’
เอนเซียคงจะคุยกับคนที่บริโภคพรเข้าไปเสร็จแล้ว
โซเฟียรีบสไลด์ไอคอนรับสายไปทางขวา
“เอนเซีย การพูดคุยเป็นยังไงบ้าง…!”
“ผู้นำคือสัตว์ร้ายที่สมบูรณ์แบบ!”
“อาร์โก้…?”
เสียงปลายสายไม่ใช่ของเอนเซีย แต่เป็นเสียงของอาร์โก้
โซเฟียกระพริบตาให้กับความโง่เขลาของมนุษย์สัตว์กิ้งก่า
“เธอดุร้ายยิ่งกว่าสัตว์ร้ายใด ๆ ! เต็มเปี่ยมไปด้วยสเน่ห์อันดุร้ายอย่างล้นหลาม!”
“เงียบ ๆ หน่อยอาร์โก้ ฉันกำลังคุยกับผู้อาวุโสอยู่”
“โอเค”
แกรก—
ไม่มีใครพูดอะไรต่อเลย
เธอควรทำลายความเงียบนี้ใช่ไหม?
หลังจากที่หายใจเข้าลึก ๆ โซเฟียเริ่มถามคำถามที่สำคัญที่สุด
“คนที่บริโภคพรเข้าไปเป็นไงบ้าง?”
“โชคดีที่เธอเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่สูงมากค่ะ”
“ง-งั้นเหรอ?”
“ค่ะ ฉันคิดว่าเธอคือคนที่มีศักยภาพมากกว่าราชาคนไหน ๆ ในประวัติศาสตร์เลยค่ะ”
ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาราชาทั้งหมด
โซเฟียจินตนาการว่าเอนเซียกำลังส่ายหางไปมาที่อีกด้านหนึ่งของสาย
“เอนเซีย ถ้าเจ้าพูดแบบนั้นแล้วละก็…”
“ใช่ค่ะ คน ๆ นั้น…ดุร้ายยิ่งยิ่งกว่ามนุษย์สัตว์อย่างพวกเราอีกค่ะ”
“เรื่องจริงครับ ผู้อาวุโส! ผู้นำคนใหม่เป็นคนป่าเถื่อนที่น่าทึ่งมากเลยครับ! ผู้นำคนใหม่เป็นคนป่าเถื่อนที่น่าทึ่งมากครับ! แถมพรสวรรค์ก็ยังมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมเลยครับ!”
Wildness and charisma.
มีความดุร้ายและมีพรสวรรค์
ความดุร้ายเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับมนุษย์สัตว์
อย่างไรก็ตาม สำหรับโซเฟียผู้ที่ไม่ใช่สายพละกำลังแล้ว มันไม่ได้เป็นสิ่งที่สำคัญเลยสักนิด
ราชาที่แท้จริงควรควบคุมความดุร้ายของตัวเองได้
ต่อให้จะมีความดุร้ายมากเพียงใด แต่ถ้าหากควบคุมมันไม่ได้พวกเขาก็ไม่ได้แตกต่างไปจากสัตว์ร้ายนักหรอก
“เป็นเรื่องที่ดีที่ยินว่าเขามีศักยภาพ แต่จำได้ไหม พวกเราไม่ต้องการทรราช”
“จำได้ค่ะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นเลยค่ะ ท่านผู้อาวุโสโซเฟีย แม้ว่าจะไร้ซึ่งคำแนะนำ แต่เขาก็สามารถควบคุมความดุร้ายของตัวเองได้ค่ะ”
“เรื่องจริงเหรอ?!”
เขาเพิ่งจะเปลี่ยนร่างกายจากมนุษย์เป็นมนุษย์สัตว์
Moreover, a young one, at an age when it’s difficult to control their wildness.
ยิ่งกว่านั้น ช่วงวัยเด็กเป็นช่วงอายุที่ควบคุมความดุร้ายของตัวเองได้ยากที่สุดด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นแค่เด็กอยู่เลย เป็นวัยที่ควบคุมความดุร้ายของตัวเองได้ยากที่สุดแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น วัยเด็กเป็นวัยที่ควบคุมความดุร้ายของตัวเองได้ยาก
แต่เขากลับสามารถควบคุมมันได้โดยที่ไม่มีใครช่วยเลยเนี่ยนะ?
เป็นเรื่องยากที่โซเฟียจะเชื่อเรื่องนี้
“ในตอนแรก ฉันคิดว่าเขาเป็นแค่เด็กไร้เดียงสา พูดติดอ่างแถมยังพูดเบาไม่มีพลังในน้ำเสียงเลย”
“เจ้าคงผิดหวัง”
ราชาที่ขี้อายเป็นสถานการณ์ที่แย่ที่สุดสำหรับมนุษย์สัตว์
แต่โซเฟียรู้ว่าเรื่องมันยังไม่จบลงแค่นั้น
“ใช่ค่ะ แต่แล้วข้าก็ตระหนักได้เมื่อมองดูร่องรอยการใช้ชีวิตของเขา เหตุผลที่เขาสั่นไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เขาสั่นเพราะต้องระงับความดุร้ายอันยิ่งใหญ่ที่เกิดจากพรต่างหาก”
“เจ้าหมายความว่าไง…?”
แม้แต่มนุษย์สัตว์ตามธรรมชาติก็ไม่เคยตัวสั่นหลังจากดูดซับพรเข้าไปเลย
ตอนเป็นมนุษย์เขาจะต้องมีความดุร้ายมากแน่ ถึงได้ตัวสั่นเพื่อควบคุมมัน
มันเป็นสิ่งที่โซเฟียผู้ที่มีความดุร้ายน้อยโดยธรรมชาติ ไม่สามารถเข้าใจได้
“แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปค่ะ เขาใจดีมากแม้แต่ในตอนที่ดุร้าย เขาถึงกับถ่อมตัวเพื่อไม่ทำให้พวกเรากลัวค่ะ”
“เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก”
แม้ความดุร้ายของเขาจะมีมากเกินจนทำให้เขาตัวสั่น แต่เขาก็ควบคุมมันได้ดี
เขาแสดงความมีน้ำใจและถ่อมตัวต่อนักรบมนุษย์สัตว์
ถ้าหากสิ่งที่เอนเซียพูดเป็นเรื่อง เขาก็คงมีคุณสมบัติมากกว่าราชาองค์ไหน ๆ ในอดีต
‘ฉันต้องไปเจอพวกเขาสักหน่อยแล้ว’
สองนักรบเพิ่งกลับมาจากการพบกับราชาในอนาคต
ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วที่เธอจะพบกับพวกเขาอย่างอิสระ
โซเฟียพยักหัวและนำโทรศัพท์มือถือเข้ามาใกล้หน้า
“เข้าใจแล้ว พวกเจ้าทั้งสองคนก็อยู่ข้าง ๆ และคอยช่วยเหลือราชาในอนาคตด้วย เนื่องจากอาจมีพวกหัวรุนแรงโจมตีราชา”
“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ”
“เข้าใจแล้วครับ!”
ศักยภาพของราชามีอยู่อย่างมหาศาล แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงไม่ลืมความเมตตา
โซเฟียอยากเจอพวกเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
อย่างน้อยก็ก่อนที่ฝ่ายหัวรุนแรงที่เกลียดชังมนุษย์จะค้นพบและทำการฆ่าราชาในอนาคต
—————————————————————
เช้าวันรุ่งขึ้น
ฉันตื่นขึ้นมาบนเตียงกล่องและมองลงไปที่ฝ่ามือ
ไม่น่าเชื่อเลย แค่การพักผ่อนแค่วันเดียวจะทำให้รู้สึกสดชื่นมากขนาดนี้
ด้วยสภาพในปัจจุบันของฉัน ฉันอาจล่ากระต่ายมีเขาได้มากกว่าสามตัว
“ว้าว”
มันยากมากเลยที่จะระงับสัญชาตญาณการล่าที่เพิ่มขึ้น
ฉันคิดว่าฉันควรมุ่งหน้าไปที่พื้นที่ล่าในตอนเช้าตรู่นี้
ฉันเอื้อมมือไปหยิบหนังสติ๊กและลูกบอลเหล็กที่วางอยู่ใกล้ ๆ
กรอบแกรบ—
หญิงสาวใบหน้าคุ้นเคยเข้ามาในเต็นท์ของฉัน โดยการดันพนังไปด้านข้าง
“คยออุล! ดูนี่สิ!”
“ฮ…ฮะ?!”
ใบหน้าและเสื้อผ้าส่วนบนของเธอเปียกโชก ราวกับว่าเธอถูกน้ำในลำธารชำระล้าง
ในมือของเธอ เธอถือกับดักที่ฉันวางไว้ในภูเขาเอาไว้
“วันนี้คยออุลจับปลาซิลได้เยอะเลย!”
“ฉ…ฉันเหรอ?”
ฉันจับได้เยอะขนาดไหนกันถึงขนาดทำให้เธอตื่นเต้นขนาดนี้?
ฉันกำลังจะวิ่งไปเพื่อตรวจสอบกับดักแต่ฉันก็หยุดตัวเองเอาไว้
แม้จะมองจากระยะไกล ฉันก็ยังสามารถมองเห็นปลาซิวได้อย่างชัดเจน
หนึ่ง สอง สาม สี่
ในช่วงเวลาสั้น ๆ พวกมันกระโดดลงตกลง ฉันนับได้ประมาณห้าสิบตัว
‘ฮะ?’
การมองแบบไดนามิกของฉันดีขึ้นขนาดนี้เลยเหรอ?
ยิ่งฉันประหลาดใจมากขึ้นเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งกลัวผู้หญิงคนนี้มากขึ้นเท่านั้น
เธอสามารถเพิ่มพลังทางกายภาพให้กับคนที่ไม่มีมานามากขนาดนี้ได้ยังไงกัน?
ผู้หญิงคนนี้มีพลังมหาศาลมากแค่กันแน่?
ฉันเกือบถอนหายใจด้วยความไม่พอใจให้กับสถานการณ์ที่น่าหงุดหงิดนี้แล้ว แต่ฉันก็กลั้นไว้ได้
เนื่องจากฉันไม่อยากเริ่มเช้าวันใหม่ด้วยความรู้สึกในเชิงลบ
“มีปลาซิวทั้งหมดห้าสิบตัว…”
“ว้าว คยออุลนับพวกมันทั้งหมดได้ในทันทีเลยเหรอ?”
“อะ…อืม…”
ฉันพยักหน้าและตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเอง
เธอคงอยากรู้ว่าการมองแบบไดนามิกของฉันดีขึ้นแค่ไหนแล้ว เธอเลยแสดงปลาซิวให้ฉันดูเพื่อทดสอบฉัน
ฉันไม่ชอบถูกเล่นแบบนี้เลย ฉันจึงทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
ในตอนนั้นเอง ฉันก็ได้ยินเสียงของผู้ชายดังมาจากที่ไกล ๆ
“ผู้นำ! ผู้วน้ามมม!”
“แค่ก”
มนุษย์กิ้งก่าคนเมื่อวานใช่ไหม?
ถ้างั้น หมาป่าสาวก็ต้องอยู่กับเขาด้วย
“ผู้นำ เปิดประตูหน่อย!”
ตึง ตึง ตึง—!
มนุษย์กิ้งก่ากำลังทุบทางเข้าเต็นท์
เนื่องจากทางเข้าก็เป็นพนังเต็นท์ ฉันจึงสามารถเห็นมนุษย์กิ้งก่าและหมาป่าสาวที่อยู่ด้านหลังผ้าที่กระพืออยู่ได้
“ที่นี่ไม่มีประตู…เข้ามาได้เลย…”
“ว้าว! บ้านไม่มีประตู! เป็นความมั่นใจที่น่าเหลือเชื่อมาก! ป่าเถื่อนอย่างแท้จริง!”
“ใช่ มันหมายความว่าไม่ว่าใครก็เข้ามาได้”
มนุษย์สัตว์สองคนอยู่ ๆ ก็โพล่งคำพูดแปลก ๆ ออกมา
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าจิตใจของพวกเขาแปลกไปหลังจากโดนดัดแปลงร่างกาย
‘จริงสิ ฉันมีอะไรที่แปลกไปหรือเปล่า?’
ฉันทรยศต่อประเทศของฉันในชาติที่แล้วหรือเปล่า?
แต่ฉันยังจำทุกสิ่งทุกอย่างจากชาติที่แล้วของฉันได้อยู่ไหม?
ในขณะที่ฉันกำลังจมอยู่กับความคิดอันไร้สาระของตัวเองอยู่นั้น มนุษย์สัตว์ทั้งสองคนจู่ ๆ ก็คุกเข่าลงต่อหน้าฉัน
มันเป็นท่าที่ฉันเคยเห็นในหนังสือการ์ตูน เหมือนตอนที่อัศวินกล่าวคำสาบาน
“พวกเรามาแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการค่ะ จากนี้ไป พวกเราจะรับใช้คุณค่ะ ท่านคยออุล…”
“ท-ทำไมพวกคุณถึงทำแบบนี้…!”
มันน่าตกใจมากที่เห็นคนมาคุกเข่าต่อหน้าฉัน
ด้วยความตกใจ ฉันก็คุกเข่าลงไปหาพวกเขาเช่นกัน
“ท่านคยออุล ท่านไม่จำเป็นต้องคุกเข่าให้เราค่ะ”
“ใข่แล้วครับ! ผู้นำ! ผู้นำคือผู้นำ! ท่านไม่ควรลดเกียรติของตัวท่านเองให้ต่ำลง!”
“พูดอะไรของคุณ…! รีบลุกขึ้นเร็วเข้า…!”
ไม่ใช่ยุคกลางสักหน่อย
ที่จะมาคุกเข่าให้กับคนอื่น
ฉันรู้สึกสั่นไปทั่วทั้งร่างกาย ราวกับไปทำอะไรผิดมา
“แต่พวกเรา…”
“อย่าคุกเข่าเลย ฉันขอร้อง”
“อ๊ะ ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ”
หมาป่าสาวมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังแล้วจึงค่อยลุกขึ้น
เธอยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไม่เป็นสุขและเกาหลังศีรษะ
‘นี่เป็นกลยุทธ์แบบใหม่งั้นเหรอ…?’
หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉันก็ตระหนักได้
หญิงสาวกำลังสร้างภาพลักษณ์อันชั่วร้ายให้ฉัน โดยทำให้เห็นว่าฉันเป็นคนบังคับให้พวกเขาคุกเข่าลงต่อหน้าฉัน
การกระทำของเธอเจ้าเล่ห์มากจนฉันตระหนักรู้ช้าเกินไป
‘เธอเป็นผู้หญิงที่นิสัยไม่ดีจริง ๆ ด้วย’
เจ้าเล่ห์และเสแสร้ง
ด้วยความรำคาญ ฉันจึงจับหนังสติ๊กและรีบวิ่งออกไปยังพื้นที่ล่า
ฉันรู้ว่ายังไงพวกเขาก็ต้องตามฉันมา แต่ฉันแค่อยากทำให้พวกเขารู้ว่าฉันกำลังไม่พอใจอยู่ด้วยวิธีนี้
—————————————————————