I Was Kidnapped By The Strongest Guild - ตอนที่ 16 คำขอโทษที่สำคัญที่สุดไม่เคยเกิดขึ้น
ฉันวิ่งแบบไม่หยุดพักในพื้นที่ล่า
แม้จะวิ่งมาสิบสองนาทีแล้ว ฉันก็ยังไม่เหนื่อยเลย
หัวใจและปอดของฉันเองก็แข็งแรงขึ้นด้วยเหมือนกันงั้นเหรอ?
ในขณะที่ฉันจับบริเวณตรงหน้าอกของฉันเพื่อหยุดคิด ร่างทั้งสามร่างที่ฉันคุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นมาจากด้านหลังของฉัน
“ออกมาล่าตั้งแต่เช้าเลย”
“ท่านอยากเห็นเลือดใช่ไหมล่ะ!”
“ละ…เลือด? ไม่ใช่อะไรแบบนั้นหรอก…”
พวกเขาทำแบบนี้โดยตั้งใจงั้นเหรอ?
หรือว่าพวกเขาไม่เข้าใจจริง ๆ ?
แต่ไม่ว่าจะในกรณีใด ๆ สมองของพวกเขาจะต้องไม่ปกติอย่างแน่นอน
ฉันตัดสินใจเมินพวกเขาและโฟกัสไปที่การล่ากระต่ายมีเขา
ในขณะที่ฉันกำลังจับหนังสติ๊กในกระเป๋าของฉัน หมาป่าสาวก็ยื่นคันธนูที่อยู่บนหลังของเธอมาให้ฉัน
“ท่านคยออุล ใช้สิ่งนี้สิคะ มันเป็นคันธนูที่ถูกปรับให้เข้ากับร่างกายที่ยังเยาว์วัยของท่านค่ะ”
“อ-อันนี้น่ะเหรอ…?”
“ใช่ค่ะ หนังสติ๊กเป็นอาวุธที่ดี แต่มันเบาเกินไปค่ะ หากเทียบกับพลังทำลายของธนูแล้ว ถือว่าห่างชั้นกันมากเลยค่ะ”
ธนู
ฉันไม่อยากรับของอะไรที่มาจากพวกเขาทั้งนั้น แต่ฉันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างง่าย ๆ เช่นกัน
ฉันไม่อยากพลาดโอกาศที่จะอาวุธที่เหมาะสมกับตัวเอง
“ถ้างั้น ฉันควรลองยิงมันดูสักครั้งหรือเปล่า…?”
ฉันพยักหน้า เนื่องจากไม่สามารถปฏิเสธข้อเสนอของพวกเขาได้
จากนั้นหมาป่าสาวก็ยื่นธนูมาให้ฉัน
“นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านใช้ธนูใช่ไหมคะ?”
“ใช่…”
“ถ้างั้น ฉันจะสอนวิธีการใช้ให้ท่านเองค่ะ”
หมาป่าสาวเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น
เพื่อที่จะสอนฉัน จำเป็นต้องมีการสัมผัสร่างกาย
เธอจับมือฉันเพื่อช่วยฉันจับลูกศรพาดคันธนู และจับหลังกับหน้าท้องของฉันเพื่อแก้ไขท่าทางของฉัน
เพีงแค่นั้นก็ทำให้ฉันหัวใจเต้นแรงมาก
เป็นความรู้สึกแปลก ๆ แบบว่าไม่ชอบแต่ก็รู้สึกสนุก
ฉันฝืนยิ้มและสังเกตเห็นเห็นกระต่ายมีเขากำลังกระโดดอยู่ในทุ่งหญ้าอันห่างไกล
“ฉันยิงมอนสเตอร์ที่อยู่ตรงนั้นได้ไหม…?”
“ได้ค่ะ ถ้าหากท่านทำตามที่ฉันสอน ท่านก็จะยิงมันโดนแน่นอนค่ะ”
นั่นไม่น่าเป็นไปได้เลย
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้ยิงธนู มันไม่มีทางที่ฉันจะยิงโดนอยู่แล้ว
ฉันยิงธนูตามที่หมาป่าสาวสั่งสอนโดยที่ไม่คาดหวังอะไร
ชวิ้ง!
ลูกธนูถูกปล่อยออกมาจากความตึงของสายธนู
แม้มันจะเร็วจนน่าเหลือเชื่อ แต่ด้วยสายตาของฉันที่ได้รับการอัปเกรดมาแล้ว ก็ทำให้ฉันมองเห็นวิถีของลูกธนูได้
ลูกธนูที่กำลังสั่นพุ่งผ่านใบไม้ที่กำลังพลิ้วไหวไป
นอกจากใบไม้ที่แยกออกจากกันแล้ว กระต่ายมีเขาก็ยกหูของมันขึ้นมา
เดี๋ยวนะ
มันกำลังจะโดนแล้ว
อย่างที่คิดเลย
ฉึก!
ลูกธนูพุ่งเจาะทะลุผ่านหัวของกระต่ายมีเขาไปจากอีกด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งเลย
“โอ๊ะ…?”
ฉันยิงโดนมันจริง ๆ เหรอ?
นี่เป็นการยิงธนูครั้งแรกของฉัน
ในขณะที่ฉันกำลังมองดูกระต่ายที่กำลังล้มลงด้วยความงุนงง ก็มีคนเอามือมาจับหัวของฉัน
“สุดยอดเลยคยออุล!”
“อะ…อืม…?”
มันเป็นสัมผัสที่อ่อนโยน ราวกับกำลังปลอบโยนเด็ก
แม้ว่ามันจะรู้สึกดี แต่ฉันก็รู้ว่าเธอแค่แกล้งทำ
เธอรู้ว่าฉันอยู่คนเดียว เธอเลยพยายามชักจูงอารมณ์ของฉันด้วยวิธีแบบนี้
ยิ่งฉันมีประสบการณ์การโดนเธอชักจูงมากขึ้นเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งรู้สึกผิดหวังมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อศีรษะของฉันก้มต่ำลง ฉันก็เริ่มถอยหลังอย่างระมัดระวัง
จากนั้นหญิงสาวก็รีบปล่อยมือของเธอออก
“โอ๊ะ พี่ขอโทษ พี่ล้ำเส้นเกินไปไหม?”
ล้ำเส้นงั้นเหรอ?
เธอรู้ตัวดีว่าตัวเองทำอะไรลงไป แล้วยังกล้าพูดแบบนั้นอยู่อีกงั้นเหรอ?
ฉันเตะก้อนกรวดที่อยู่บนพื้นด้วยความหงุดหงิด
“ใช่ มันมาเกินไป…”
“อ-อะไรนะ? นี่พี่ทำอะไรผิดงั้นเหรอ…?”
หญิงสาวกระพริบตาอย่างใสซื่อ ราวกับไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองทำอะไรผิด
ท่าทางเจ้าเล่ห์ของเธอทำให้ฉันตัวสั่นด้วยความโกรธ
แต่ยังไงซะ ฉันก็ทำได้แต่อดทนเอาไว้
ฉันตัดสินใจที่จะระบายมันออกมานิดหน่อย แค่นิดหน่อยจริง ๆ จากความขับข้องใจทั้งหมดที่ฉันมี
“คุณเอาแต่ทรมานฉัน…”
ฉันกัดริมฝีปากของตัวเองเล็กน้อย หลังจากโพล่งคำพูดนั้นออกไป
ฉันรู้ว่ามันเป็นคำพูดที่บุ่มบ่ามเกินไป แต่ฉันก็รู้สึกโล่งใจที่ได้พูดมันออกไป
ปฏิกิริยาของหญิงสาวจะเป็นยังไงกัน?
ฉันก้มหน้ามองพื้นและใช้แค่สายตามองขึ้นไป ฉันคาดเดาการตอบสนองของหญิงสาวไม่ได้เลย
“พี่ทรมานคยออุล…งั้นเหรอ…?”
“ใช่?”
ท่าทางของเธอดูสับสนมาก
ฉันบอกไม่ได้เลยว่ามันเป็นการแกล้งทำหรือเป็นจริง ๆ
“โอ๊ะ จริงด้วย พี่รู้คยออุลต้องทนทุกข์เพราะพี่ แต่จริง ๆ แล้วพี่ก็อยากทุบตัวเองที่ทำเรื่องแบบนั้นลงไป”
“ท-ทุบ? มันมากเกินไป…”
นี่เป็นกลยุทธ์เพื่อกดดันไม่ให้ฉันพูดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีกใช่ไหม?
ด้วยความสับสนกับสถานการณ์ ฉันจึงละสายตาลง และหญิงสาวก็งอเข่าลงเพื่อให้มีความสูงพอดีกับฉัน
“คยออุลช่วยฟังพี่หน่อย คยออุลช่วยให้โอกาศพี่อีกสักครั้งหนึ่งได้ไหม? พี่สัญญาเลยว่าพี่จะทำให้คยออุลเห็นเองว่าพี่สามารถเป็นคนที่ดีกว่านี้ได้”
“น-นั่นมัน…”
ดีขึ้นได้
ฉันไม่รู้ว่าเธอตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ถึงได้พูดคำพวกนี้ออกมา
“พี่เสียใจจริง ๆ กับสิ่งที่พี่ทำกับคยออุลลงไป ช่วยให้โอกาศพี่อีกสักครั้งหนึ่งได้ไหม?”
เธอกดดันให้ฉันให้โอกาศเธอ เลยเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธ
ด้วยสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ฉันจึงรีบวิ่งหนีโดยสัญชาตญาณ และตระโกนออกมา
“คุณยังไม่ได้ขอโทษเลย!”
—————————————————————————
“ขอโทษ…?”
ยอรึมไม่ได้ตามคยออุลที่กำลังวิ่งหนีไป เธอได้แต่ยืนอยู่นิ่ง ๆ ราวกับถูกแช่แข็งไว้โดยคำตระโกนสุดท้ายของคยออุล
‘ฉันยังไม่ได้ขอโทษ…?’
ยอรึมคิดย้อนกลับไปในวันที่คยออุลตื่นขึ้นมา
เธอตั้งใจจะขอโทษคยออุลทันที แต่ก็ต้องพลาดโอกาศนั้นไปเนื่องจากคยออุลวิ่งหนีไปซะก่อน
ส่วนหลังจากนั้น ยอรึมก็พยายามหาโอกาศแล้ว แต่ด้วยชีวิตที่น่าตกใจของคยออุลทำให้ยอรึมหัวโล่งไปหมด
ในที่สุดยอรึมก็ตระหนักได้หลังจากที่ประติดประต่อเรื่องราวในความทรงจำของเธอ
เธอไม่เคยขอโทษหรืออธิบายอะไรให้คยออุลฟังเลย
“แย่แล้ว…!”
บ้าเอ้ย!
นี่เธอลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดไปได้ยังไงกัน!
ยอรึมตบแก้มของตัวเอง
แม้ว่าเธอจะตบแก้มของตัวเองอย่างแรงจนมากพอที่จะทำให้เกิดรอยแดงที่แก้ม แต่ยอรึมก็ไม่ได้สนใจความเจ็บปวดนั้นเลย
เนื่องจากเธอไม่เคยขอโทษหรืออธิบายอะไรให้คยออุลฟังเลย คยออุลเลยต้องเก็บความสงสัยนั้นไว้ใจตลอดเรื่อยมา
คยออุลคงจะสงสัยเรื่องที่อยู่ดี ๆ ร่างกายของเธอก็เปลี่ยนไป แต่เพราะเธอกลัวผู้ใหญ่เธอก็เลยไม่ได้ถามมันออกมา
ทั้งหมดเป็นความผิดของเธอเอง
เธอยืนขึ้นด้วยความตกใจ และอ้าปากพะงาบ ๆ
“เอ่อ คุณยอรึม…?”
“อ๊ะ?! ค่ะ!”
“ทำไมอยู่ ๆ ท่านคยออุลถึงได้ทำท่าทางแบบนั้นละคะ…?”
“ผู้นำกำลังโกรธ!”
ยอรึมกลับมาสู่ความเป็นจริงเมื่อมนุษย์สัตว์พูดกับเธอ
เธอสามารถตำหนิตัวเองในภายหลังได้ แต่โอกาศขอโทษถ้าพลาดครั้งนี้ไปก็จะไม่โอกาศขอโทษอีกแล้ว
ดังนั้นการไล่ตามคยออุลไปเพื่อพูดขอโทษจากใจจริงจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้
“พวกคุณทั้งสองช่วยรออยู่ตรงนี้สักเดี๋ยวหนึ่งได้ไหม?”
“ท่านคยออุลจะไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ค่ะ ฉันขอสานบานด้วยชีวิตเลยค่ะ ว่าจะต้องไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับคยออุล”
คำสาบานด้วยชีวิตเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่มนุษย์สัตว์จะทำได้
เอนเซียกับอาร์โก้พยักหน้าอย่างเข้าใจ
จากนั้นยอรึมก็วิ่งไปทางที่คยออุลวิ่งหนีไป
มันเป็นป่าที่มีก็อบลินปรากฏตัว ซึ่งเป็นส่วนที่มีความอันตรายนิดหน่อยในพื้นที่ล่าของนักผจญภัยมือใหม่
แต่ด้วยสภาพในปัจจุบันของคยออุลแล้ว เธอคงจะไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนด้วยซ้ำ เพราะงั้นยอรึมเลยไม่กังวลเรื่องนั้น
—————————————————————————
‘ฉันเกลียดเธอมาก ๆ เลย’
แขวก— แขวก—
ฉันแทงดินด้วยกิ้งไม้ราวกับว่าดินคือหญิงสาว
ฉันระบายความไม่พอใจของฉันลงบนดิน โดยคิดว่ามันเป็นเธอ
“ชิ”
เมื่อมองพื้นดินที่ถูกขุด ความโกรธของฉันก็ลดลง
ทางที่ดีที่สุดคือควรเลิกระบายอารมณ์ที่นี่
ฉันลุกขึ้นและมองไปรอบ ๆ
ฉันวิ่งลึกเข้าไปในป่า เป็นป่าที่ฉันเคยวิ่งหนีหญิงวัยกลางคนก่อนหน้านี้
เนื่องจากปอดกับหัวใจและความเร็วในการวิ่งของฉันดีขึ้น ฉันเลยมาจบลงในพื้นที่ที่ค่อนข้างลึก
‘นี่มัน…’
ป่าที่มีก็อบลินอยู่
มันเป็นสถานที่ที่ฉันไม่เคยเข้าไปเพราะมันอันตราย
ฉันรู้สึกตกใจ ฉันเลยรีบวิ่งไปยังสถานที่ที่ฉันคิดว่าจะไม่มีใครเห็น
“แค่ก”
ฉันกำธนูเอาไว้ด้วยความระมัดระวัง แต่ลูกศรนั้นอยู่กับหมาป่าสาว
ในขณะที่ฉันลดคันธนูที่ดูเหมือนไร้ประโยชน์ลง เสียงดังกรอบแกรบก็ดังขึ้นมาจากป่าอันเขียวขจี
“……!”
ผู้หญิงคนนั้นตามฉันมาเหรอ?
ฉันฟังเสียงอย่างตั้งใจ แต่สิ่งเดียวที่ฉันได้ยินคือเสียงแปลก ๆ ของสัตว์ป่า
นั่นคือเสียงของก็อบลินในตอนที่พวกมันร้องไห้
ฉันตัวแข็งทื่อด้วยความกลัวตรงต้นไม้ จากนั้นก็อบลินสามตัวก็เริ่มออกมาจากพุ่มไม้และมุ่งหน้ามาทางฉัน
‘อึก’
ฉันคงเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ
ถึงได้วิ่งหนีเข้าป่าก็อบลินแบบนี้
ฉันรีบซ่อนตัวในพุ่มไม้
“ค๊าก”
พวกมันตามหาฉันเพราะเสียงขุดงั้นเหรอ?
ก็อบลินปรากฏตัวขึ้นในที่ที่ฉันเคยอยู่และมองไปรอบ ๆ
มันยกหูยาว ๆ ของมันขึ้นและดมกิ้งไม้ที่ฉันใช้ขุดดิน
‘พวกมันมีประสาทการรับกลิ่นที่ดี…!’
ฉันไม่แน่ใจว่ามันเป็นเรื่องดีหรือเปล่า แต่การไดเห็นพวกมันติดตามกลิ่นไป มันก็หมายความว่าพวกมันค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้าของกลิ่นอยู่ตรงไหน
ฉันรีบโรยดินที่อยู่บนพื้นให้ทั่วร่างกายของฉัน
เพื่อที่จะกลบกลิ่นให้ได้อย่างมิดชิด ฉันควรจะถูมันบนร่างกายด้วย แต่เนื่องจากก็อบลินเข้ามาใกล้เกินไป
เนื่องจากฉันกลัวว่าการถูตัวด้วยดินมันจะทำให้ตำแหน่งของฉันถูกเปิดเผย ดังนั้นฉันเลยมำแค่โรยดิน
“ค๊าก?”
“ค๊ากคุ๊?”
ก็อบลินที่พูดด้วยภาษาที่ไม่สามารถเข้าใจได้ เริ่มล่าถอยออกไปตามทางที่พวกมันจากมา
พวกมันแสร้งร้องไห้เพื่อหลอกล่อฉัน โดยการหลบซ่อนตัวเองไว้ในพุ่ม แต่พอฉันไม่หลงกลกับวิธีนั้น พวกมันเลยล่าถอยออกไป
ถ้าไม่ใช่เพราะหูที่ได้รับการพัฒนาขึ้นของฉัน ฉันคงถูกมันหลอกไปแล้ว
“เฮ้อ”
ก็อบลิน
พวกมันแข็งแกร่งและเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่ากระตายมีเขาซะอีก
ในขณะที่ฉันถอนหายใจและก้าวออกมาจากที่หลบซ่อนของฉัน
ชิ้ว—
มีใครบางคนกำลังวิ่งผ่านป่ามาหาฉันด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อมาก ราวกับว่าคน ๆ นั้นรู้ว่าฉันอยู่ตรงนี้
“อึก”
เสียงที่คุ้นเคยดังออกมาจากด้านหลัง
“คยออุล…?”
มันสายเกินไปที่จะซ่อนร่างกายทั้งหมด มีเพียงแค่หน้าของฉันเท่านั้นที่อยู่ในพุ่ม ส่วนร่างกายที่เหลือของฉันก็อยู่นอกพุ่มแบบเห็นได้อย่างชัดเจน
ฉันรู้สึกเหมือนกับไก่ที่กำลังซ่อนหัวอยู่ในฟางและคิดว่าตัวเองซ่อนตัวอย่างมิดชิดแล้ว
มีแต่พวกโง่เท่านั้นแหละที่คิดว่าแค่ตัวเองปิดหน้าเอาไว้ก็ไม่มีใครเห็นแล้ว
แต่ในตอนนี้ ฉันกำลังทำสิ่งที่คนโง่เหล่านั้นทำอยู่
ฉันรู้สึกว่าตัวเองโง่เง่ามาก ดังนั้นฉันจึงไม่กล้าแสดงหน้าออกไปและทำแค่นอนอยู่ตรงนั้น
มีเพียงแค่หางของฉันที่เคลื่อนไหวอย่างอ่อนแรง
—————————————————————————