ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar - ตอนพิเศษ : คำตาม 2 หนึ่งเดือนให้หลัง
- Home
- ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar
- ตอนพิเศษ : คำตาม 2 หนึ่งเดือนให้หลัง
หนึ่งเดือนให้หลัง
ในตอนเช้า
ณ เรือนจำแห่งหนึ่ง
เป็นห้องขังเดี่ยวที่เครื่องมือเครื่องไม้เก่าเต็มที แต่ว่ากลับสะอาดไม่เลว ภายในไม่มีคนนอก มีเพียงแค่จางเย่ นี่เป็นวันที่สามแล้วที่จางเย่มาอยู่ที่นี่ ไม่มีใครรบกวน ไม่มีทีวี ไม่มีอินเตอร์เน็ต โคตรเงียบสงบเลยจริงๆ เสียอย่างเดียวคือวันเวลาผ่านไปอย่างน่าเบื่อไปหน่อย หลายวันนี้นอกจากนอนแล้วก็คือนอน ไม่มีอะไรทำทั้งนั้น คนอื่นๆ เป็นอย่างไรเขาไม่รู้ แต่สำหรับจางเย่ที่ไม่ได้ต่อยตีกับคน ไม่ได้ด่าคนอื่นสักวันแล้วอยู่ไม่ติดนี่ เขารู้สึกเบื่อแทบตายจริงๆ
ข่าว?
แฟนคลับ?
สื่อ?
ทุกสิ่งในโลกภายนอกถูกแยกขาดไปด้วยลูกกรงเหล็ก
จางเย่เองก็หาเรื่องทำอะไรสักอย่าง พอว่างมากๆ เขาก็ร้องเพลง
ซึ่งความจริงก็คือ…ไอ้หมอนี่ร้องเพลงอีกแล้ว
“ประตูเหล็กลูกกรงตรวนโลหะ
จับลูกกรงมองออกไปนอกรอบ
ชีวิตด้านนอกนั้นช่างงดงาม
วันใดจะได้กลับคืนบ้านเรา
วันใดจะได้กลับคืนบ้านเรา
โซ่ตรวนแท่งเหล็กกักฉันไว้
เพื่อนเอ๋ยฟังฉันร้องสักเพลง…”
ด้านนอกนั้น พัศดีหนุ่มเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มฝืดเฝื่อน “อาจารย์จาง ทำไมร้องเพลงนี้อีกแล้วล่ะครับ? เปลี่ยนเพลงได้ไหม? หลายวันนี้ร้องมายี่สิบกว่ารอบแล้วนะ”
เพลงเพลงนี้เป็นเพลงดังจากยุค 80 ในโลกของจางเย่ ‘น้ำตาหลังลูกกรง’ ทุกวันต้องทรมานเหล่าพัศดีรอบหนึ่ง
จางเย่ผายมืออย่างเบื่อหน่าย “ไม่ร้องเพลงจะให้ผมทำอะไรล่ะ?”
พัศดีหนุ่มสนับสนุน “แต่งนิยายดีไหม? เขียนบทละครโทรทัศน์ก็ได้? หรืออะไรก็ได้ ผมชอบงานเขียนคุณมากเลย”
จางเย่รับคำ “บทละครโทรทัศน์จะลองคิดๆ ดูนะ”
พัศดีหนุ่มตื่นเต้น “อยากเขียนเรื่องแบบไหนล่ะครับ?”
จางเย่ถาม “อ้อ เรื่องแหกคุกมีคนเขียนไว้รึยังล่ะ?”
พัศดีหนุ่มแทบร่วงลงไปทรุกกองกับพื้น “คุณร้องไอ้น้ำตาหลังลูกกรงต่อเถอะ!”
“ฮ่าๆๆ ล้อเล่นน่า” จางเย่ขำ
พัศดีหนุ่มเปิดประตูให้ “อย่าขู่ผมแบบนี้สิ มีคนมาเยี่ยมแน่ะ คุณเตรียมตัวด้วยนะครับ”
“ใครกัน?” จางเย่ฟังแล้วก็ตื่นเต้น
พัศดีหนุ่มนั้นยิ้ม “พ่อแม่กับพ่อตาแม่ยายคุณน่ะ”
จางเย่ได้ยินเข้าก็โบกมือปฏิเสธทันที “งั้นผมไม่ไปละ”
พัศดีหนุ่ม “เอ๋”
แต่ถึงจะพูดอย่างนี้ จางเย่ก็ยังลุกขึ้นเดินออกมา “เฮ้อ พวกเขามายังจะมีเรื่องดีอีกเหรอ? พนันกับคุณเลย คุณเชื่อไหมว่าต้องมารุมด่าผมแน่!”
พัศดีหนุ่มได้แต่หัวเราะ “อาจารย์จาง พูดจริงๆ นะ ผมอยู่ในคุกนี้มาก็หลายปี เจอนักโทษมาก็มาก คุณเป็นคนที่สภาพจิตใจดีที่สุดเลย หลายคนมาที่นี่แล้วนิสัยก็เปลี่ยนไปทั้งนั้น ไม่เคยเห็นใครมาร้องเพลงเล่นตลกสบายใจอย่างคุณสักคน คุณนี่เป็นไอดอลของผลเลย”
จางเย่เหลือกตาใส่ “ผมร้องเพลงน้ำตาหลังลูกกรง คุณยังจะบอกว่าสภาพจิตใจยังดีได้อีกเรอะ ไปกันเถอะ”
ด้านนอก
หลังจากเลี้ยวเจ็ดแปดรอบก็มาถึงห้องเข้าเยี่ยม
จากกันยาวนาน ในที่สุดจางเย่ก็ได้เห็นครอบครัวของตน
ไม่มีการตะโกนโวยวาย
ไม่มีการร้องไห้คร่ำครวญ
ผ่านมาหนึ่งเดือน ทุกคนสงบลงแล้ว
แม่ยังไม่รอให้บุตรชายนั่งลงก็ฮึ่มใส่ “ก็ดูสิ แกวุ่นวายไปมา ฉันจะมาดูซิว่าแกยังจะไปตีกับชาวบ้านได้ยังไง ไหนลองทำให้ฉันดูหน่อยสิ”
“หา?” อู๋ฉางเหอโมโห “แกยังจะหาเรื่องวุ่นวายกับเค้าอีกเรอะ?”
จางเย่ถาม “พ่อ เมียผมล่ะ? ทำไมมีแต่พวกคุณมากันเนี่ย”
อู๋ฉางเหอเคือง “แกไม่อยากให้พวกเรามากันหรอกเรอะ?”
“แน่นอน”
แน่นอนว่าคำนี้จางเย่ไม่กล้าพูดออกจากปากหรอก
หลี่ฉินฉินเอ่ย “เจ๋อชิงบอกว่าอยากมาด้วย”
พ่อเขาถลึงตาใส่ “เจ๋อชิงใกล้คลอดแล้ว เวลาแบบนี้ใครกล้าให้เธอไปไหนมาไหนกัน? ยังไงพวกเราก็ต้องห้ามสิ”
“เธอสบายดีใช่ไหม?” จางเย่กังวล
แม่ฮึ่ม “นอกจากแกแล้วคนอื่นๆ ก็สบายดีทั้งนั้นแหละ”
จางเย่ยิ้ม “งั้นผมก็สบายใจแล้ว”
หลี่ฉินฉินวิจารณ์ “เธอนี่นะ คราวนี้ทำพวกเราใจหายจริงๆ นะ เจ๋อชิงก็ใจกว้าง ไม่กังวลอะไรสักนิด เธอรู้ไหมว่าฉันกับพ่อแม่เธอกระวนกระวายแค่ไหน? ก่อนพิจารณาคดียังมีสื่อบอกว่าอาจจะให้เธอจำคุกตลอดชีวิต ทำพวกเรานอนไม่หลับไปตั้งสองวัน”
จางเย่ถอนใจคำหนึ่ง “แม่ สื่อเจ้าไหนเขียนเนี่ย? บอกผมหน่อย พอผมออกไปได้จะไปจัดการ ตลอดชีวิตอะไรกันเล่า ไม่ได้ฆ่าคนวางเพลิงสักหน่อย ผมสู้เพื่อชาติเพื่อประชาชน พ่อแม่อยู่กันให้สบายเถอะ ถ้าไม่มีเรื่องพวกนี้ผมจะได้ขึ้นระดับท็อปของวงการเหรอ? ต่อให้ทำได้ก็คงอีกปีสองปีโน่น รึอาจจะสามถึงห้าปีก็ยังไม่แน่ นี่น่ะเรียกว่าประหยัดแรงเลยนะ แค่ไม่กี่ปีหรอก ผมนอนๆ เก็บแรงไว้ในนี้ ออกไปแล้วจะขึ้นเป็นระดับท็อปของโลกเลย!”
แม่เบ้ปาก “แกอย่าโม้เหม็นหน่อยเลย”
หลี่ฉินฉินมองนาฬิกา “เวลาเยี่ยมใกล้หมดแล้วเหรอ?”
“แม่ ไม่ต้องกังวลหรอก” จางเย่โบกมือ “ผมชินกับที่นี่แล้ว คุยต่ออีกกี่ชั่วโมงก็ไม่มีใครว่า แต่ว่าพ่อกับแม่ถ้าไม่มีอะไรก็ไม่ต้องเข้ามาหรอก ทางอู๋กำลังอยู่ในเวลาสำคัญ พ่อแม่มานี่ให้อู๋อยู่บ้านคนเดียวเหรอ? รีบกลับไปเถอะ ผมสบายดี ไม่ต้องห่วง”
เหล่าผู้ใหญ่ล้วนมองเขา ดูดีอย่างยิ่ง เปรียบกับตอนอยู่ข้างนอกแลัวยังดูคึกคักยิ่งกว่า ก่อนมาพวกเขายังกังวลใจว่าจะเห็นจางเย่ที่ไร้พลังงานไร้ชีวิตชีวา แต่ดูเหมือนพวกเขาจะคิดมากไป เด็กคนนี้มีลมฝนครั้งไหนไม่เคยผ่านมาบ้าง ที่ล้มเขาลงได้มีไม่มากจริงๆ ดูสิ เพิ่งอยู่ที่นี่มาสามวันก็คุ้นเคยกับพัศดีสนิทกับพวกผู้คุมแล้ว ตอนเข้ามา พัศดีถึงกับมารับเขาด้วยตนเองด้วยซ้ำ
ดีมาก
อืม ดีแล้วล่ะ