ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar - ตอนที่ 1345
ที่บ้านแห่งหนึ่ง
ณ ครอบครัวที่มีอยู่ด้วยกันสี่ชั่วรุ่น
“ปู่ครับ รายการคืนส่งปีของปีนี้สนุกมากเลย”
“เซี่ยงเซิงก็ไม่เลวทีเดียว”
“ใช่ ขำจริงๆ”
“รายการคืนส่งปีปีนี้ ให้เหมือนความรู้สึกตอนฉันยังเป็นเด็กเลย”
“อ๊ะ ละครตลกอีกแล้ว”
“นี่เรื่องที่สองรึเปล่า?”
“ละครตลกเรื่องแรกทำมาตรฐานไว้ดี เรื่องที่สองต้องดีทำให้ได้ดีมากๆ ถึงจะพอไหว”
“ใช่ ‘อยากเต้นก็เต้น’ นั่นไม่เลวเลยนะ”
“ไม่ต้องคุยกันแล้ว รีบๆ ดูเถอะ”
……
บนจอโทรทัศน์
ฉากได้เปลี่ยนพร้อมแล้ว
นักแสดงละครตลกสองคนเดินออกมา
ผู้ชมหน้าจอโทรทัศน์หลายคนนึกสงสัย ละครตลกที่ยอดเยี่ยมอย่าง ‘อยากเต้นก็เต้น’ กลับถูกวางเป็นละครตลกเรื่องแรก ออกจะเกินไปหรือไม่ ละครตลกระดับนี้สมควรผ่านการเลือกให้เป็นเรื่องสุดท้ายได้ง่ายๆ การเอามาไว้ตอนต้นรายการอาจทำให้ผู้ชมตื่นตาตื่นใจ แต่เรื่องหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร? ยังจะแสดงให้ได้ตามความคาดหวังของผู้ชมได้อย่างไร? ผู้ชมต้องนึกเปรียบเทียบแน่ๆ ถ้าขืนเรื่องปิดท้ายแย่กว่าสักหน่อยจะไม่ยิ่งมีปัญหาหรือ?
จางเย่คิดอะไรอยู่?
หรือว่าเขามั่นใจมากว่าเรื่องต่อๆ ไปของเขาจะทำได้ดีกว่าเรื่องแรก?
คงไม่หรอกมั้ง?
แต่เมื่อละครตลกเริ่มแสดง ทุกคนก็ต้องพยักหน้าอย่างยอมรับ!
……
ละครตลก ‘ตัวเอกกับตัวประกอบ’
ตัวเอก : เกาหง
ตัวประกอบ : เฉียนหาว
เกาหงมีคิ้วหนาดวงตาโต
เฉียนหาวมีคางแหลมศีรษะล้าน
ทั้งสองเป็นนักแสดงละครตลกที่มีชื่อโด่งดังมากในประเทศ ก่อนนี้ไม่เคยได้ร่วมงานกันบ่อยนักเพราะอยู่คนละคณะ แต่ทว่าจางเย่ที่ผู้เป็นผู้กำกับหลักกลับจัดให้ทั้งสองมาร่วมงานกัน ดังนั้นชั่วขณะที่ทั้งคู่เดินขึ้นเวที ทั้งห้องจึงเต็มไปด้วยกลิ่นอายชวนขำจนทำให้ผู้ชมต้องประหลาดใจ
เฉียนหาว “ไม่ใช่แล้ว!”
เกาหง “อะไรไม่ใช่?”
เฉียนหาว “ชุดนี้ไม่ใช่ของผม”
เกาหง “ของคุณนั่นแหละ”
เฉียนหาว “คุณหยิบผิดแน่ ผมขอดูชุดคุณหน่อย”
เกาหง “ห้ามดู! นั่นนั่นแหละชุดคุณ คุณเป็นคนทรยศ”
เฉียนหาว “ผมเป็นคนทรยศเรอะ?! บทไหนกัน?”
เกาหง “ก็บทเรื่องนี้แหละ”
เฉียนหาว “อ้อ งั้นคราวนี้ คราวนี้ผมขอทรยศย้ายข้างอีกรอบแล้วกัน”
อีกรอบเรอะ?
ผู้ชม “ฮ่าๆๆๆ!”
ต่อมาในการแสดงท่อนหลัง
เกาหง “อย่าลืมนะ! พอผมชักปืนแล้วยกขึ้น – คุณล้มเลยนะ”
เฉียนหาว “ทำไม?”
เกาหง “เพื่อแสดงว่าผมยิงแม่นไงล่ะ!”
เฉียนหาว “ได้”
เกาหง “อืม คุณเป็นคนพาพวกญี่ปุ่นมาที่นี่ใช่ไหม?”
เฉียนหาว “กัปตัน กองทัพจักรพรรดิสั่งให้คุณวางอาวุธลงและยอม…”
เกาหง “หุบปาก! ฝันกลางวันไปแล้วไอ้คนทรยศ! ฉันจะฆ่าแก เพื่อประชาชน เพื่อรัฐชา…”
แต่ขณะที่เกาหงหันหน้ากลับไป เฉียนหาวก็ล้มลงไปบนพื้นแล้ว “หือ! ไหน? ไปไหนแล้ว?”
เฉียนหาวลุกขึ้นนั่ง “อยู่นี่”
เกาหง “ฉันยังไม่ยิงเลยทำไมนายล้มแล้วล่ะเฮ้ย?”
เฉียนหาว “อ้าว! ก็คุณบอกนี่ว่าคุณชักปืนยกขึ้นปุ๊บให้ผมล้มปั๊บ?”
เกาหง “แต่ฉันยังไม่ได้ยิงเลยนะ!”
เฉียนหาว “ไอ้หยา ก็ไหนคุณว่าคุณจะโชว์ฝีมือไง!”
ในฐานะตัวประกอบ เฉียนหาวแย่งซีนเกาหงครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนผู้ชมก็หัวเราะจนแทบบ้าแล้ว!
“ไอ้หยา!”
“ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว!”
“ฮ่าๆๆๆ!”
“ขำเป็นบ้าเลย!”
“ปวดท้องแล้ว!”
“แม่ง! แม่งโคตรขำเลย!”
“ขำกว่าเรื่องแรกอีก!”
“เชี่ย ที่แท้ไพ่ตายของละครตลกคือเรื่องนี้เอง!”
“ต้องขำขนาดนี้เลยเหรอ!”
“ยอดเยี่ยมมาก! ละสายตาไม่ได้เลยสักนิด!”
“ขำกลิ้งแล้วฉัน!”
“โอ๊ย ฮ่าๆๆ!”
……
ในห้องควบคุมการถ่ายทำ
จางเย่อยู่ในสภาวะสงบนิ่งไม่ลนลาน
ละครตลกของเฉินเผยซือกับจูสือเหมาถูกจางเย่นำมาใช้ในโลกนี้ นี่เป็นหนึ่งในละครตลกคลาสสิกในยุคแรกของคืนส่งปี ดังนั้นเขาจึงไม่แน่ใจว่าจะตกยุคไปหรือไม่ แต่เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วก็พบว่าคงไม่ขนาดนั้น เขาจึงหยิบมาใช้งาน แต่ปัญหาเดียวก็คือการเลือกนักแสดงเป็นไปได้ยากมาก นักแสดงสำหรับ ‘อยากเต้นก็เต้น’ นั้นเลือกง่าย น้าฉือกับอาจารย์เหลียนเหมาะสมกับบทแล้ว แต่นักแสดงอย่างจูสือเหมากับเฉินเผยซือนั้นมีความเป็นเอกลักษณ์ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาคนที่มีเอกลักษณ์เช่นพวกเขาสองคนมาแสดง แม้แต่จางเย่เองก็ทำไม่ได้ จูสือเหมาเหรอ? ตัวเขาเองไม่ได้มีกลิ่นอายเข้มแข็งขนาดนั้น เฉินเผยซือล่ะ? เขาก็แสดงแบบอีกฝ่ายไม่ได้ ดังนั้นจึงได้แต่หาคนที่น่าจะใกล้เคียงที่สุดขึ้นมาบนเวที
สุดท้ายก็เป็นนักแสดงละครตลกเกาหงและเฉียนหาวที่ทำให้จางเย่สนใจ
ภายใต้การชี้แนะของจางเย่ซ้ำๆ และซักซ้อมหลายครั้งหลายครานับไม่ถ้วน ละครตลกเรื่อง ‘พระเอกกับตัวประกอบ’ ก็ได้ปรากฏโฉมให้ผู้ชมในโลกนี้ได้รับชม
และเมื่อดูจากปฏิกิริยาของผู้ชมในห้องส่ง?
ก็เรียกได้ว่าพลิกโลกแล้ว!
……
ละครตลกจบแล้ว
ทว่าผู้ชมยังคงหัวเราะ
การแสดงต่อไปเริ่มต้นขึ้นแล้ว เป็นการเต้นระบำ
ผู้ชมเห็นแล้วก็ทราบว่านี่เป็นรายการคั่นเวลา หลังจากการแสดงที่ยอดเยี่ยมอย่างเซี่ยงเซิงกับละครตลกไป ย่อมต้องผ่อนคลายความตื่นตะลึงเหล่านั้นลงสักหน่อย อีกทั้งการแสดงเต้นหลายชิ้นก่อนนี้ ทั้ง ‘โบยบินสู่สรวงสวรรค์’ เอย ‘กวนอิมพันมือ’ เอย ล้วนแล้วแต่น่าตื่นตาตื่นใจทั้งสิ้น เมื่อคิดถึงมาตรงนี้ ทุกคนก็เห็นตรงกันว่าแม้การแสดงระบำต่อไปจะทำได้ดี แต่ก็คงถูกการแสดงช่วงแรกบดบังรัศมีไปหมดแล้วแน่ๆ
‘ยูงคู่รัก?’
คืออะไรเนี่ย?
แต่ไม่นานทุกคนก็พบว่าตนพลาดอีกแล้ว!
ถึงกับเรียกว่าผิดพลาดมหันต์!
……
เมื่อแสงไฟบนเวทีหรี่ลง
ชายหญิงคู่หนึ่งก็ขยับมือ เริ่มเคลื่อนไหวร่ายรำ พริบตานั้น ภาพของนกยูงตัวผู้ตัวเมียคู่หนึ่งก็มีชีวิตขึ้นมา!
ทุกท่วงท่า!
ทุกกิริยา!
ทุกความเคลื่อนไหว!
ล้วนแสดงออกมาราวกับมีชีวิตจริง!
ผู้ชมพอเห็นแล้วก็ต้องอ้าปากค้าง!
การออกแบบเวทีกลืนไปกับการแสดง แสงสีน้ำเงินบนจอด้านหลังให้ความรู้สึกดังบทกวี แสงจันทร์ค่อยๆ เคลื่อนคล้อยไปบนจอโค้งยิ่งสร้างประสบการณ์ทางสายตาที่ตื่นตาตื่นใจ เมื่อผีเสื้อโบยบินในป่าไผ่ เอฟเฟกต์แสงสีก็ค่อยๆ เรืองขึ้นอย่างช้าๆ สร้างบรรยากาศอันงดงามเหนือจริง ช่างสมกับเป็นการเกี้ยวพาราสีของนกยูง
ระหว่างที่คู่รักนกยูงกำลังเกี้ยวพากัน การเต้นรำก็เร่งเร้าไปถึงขีดสุด!
เมื่อนกยูงตัวผู้นอนลง นกยูงตัวเมียก็สยายปีก รำแพนหางแผ่ไปบนจอด้านหลังของเธอ ทำให้ทุกคนได้แต่ตกตะลึงและตื่นตาตื่นใจ!
สวย!
สวยไปจนถึงทุกอณู!
สวยจนซึมแทรกผ่านทุกรูขุมขนกำซาบไปจนถึงก้นบึ้งจิตใจ!
ทั้งกรีดร้อง!
เสียงปรบมือ!
ผู้ชมทุกคนต่างชื่นชมและตื่นตาตื่นใจแก่การแสดงนี้อย่างเก็บไว้ไม่ได้!
“ปรมาจารย์!”
“ฉันรู้จักผู้หญิงคนนั้น ฉางหัววัยสี่สิบกว่า เป็นนักเต้นชื่อดังในประเทศเมื่อหลายปีก่อน ได้รางวัลระดับนานาชาติด้วย ก่อนจะเกษียณจากวงการไปด้วยเหตุผลบางอย่าง ได้ยินว่าไปอยู่เมืองนอกแล้วนะ”
“นั่นฉางหัวเหรอ?”
“เชี่ย ฉันรู้จักเธอนะ!”
“ปรมาจารย์!”
“ทักษะของเธอมันของจริงแท้ๆ!”
“ความงดงามและศิลปะของการระบำชิ้นนี้น่าตื่นตาตื่นใจเกินไปแล้ว!”
“จางเย่มีความสามารถมาก ถึงกับเกลี้ยกล่อมเชื้อเชิญอาจารย์ฉางกลับมาจากต่างประเทศได้เลยจริงๆ”
“เป็นการเต้นที่ยอดเยี่ยมจนน่ากลัว!”
“ฉางหัวมีชื่อเสียงในการแสดงภาพท่วงท่าของสัตว์อยู่แล้ว การแสดงนี้ต้องเป็นเธอเท่านั้น เป็นคนอื่นไม่ได้เลย!”
“ท่าเต้นก็งดงามมาก!”
“จางเย่แม่งมีความสามารถมากจริงๆ!”
“ใช่ ฉากรำแพนหางนั่นดีจนตาฉันแทบบอดแล้ว!”
“เหมือนกัน รู้สึกเลยว่าใจเต้นตึกตักไปหมด!”
“อ๊ะ มีคำถามล่ะ”
“อะไร?”
“นกยูงตัวเมียไม่มีแพนหางไม่ใช่เหรอ?”
……
ในห้องควบคุม
จางเย่สั่งการลงไป
เรื่องที่นกยูงตัวเมียรำแพนหางนั้น ตอนนั้นในสมัยโลกของจางเย่ หลังจากที่หยางลี่ผิงและคู่เต้นของเธอทำการแสดงอันน่าตื่นตาตื่นใจชิ้นนี้เสร็จสิ้นก็มีคนออกมาวิจารณ์เช่นกัน เพราะปรมาจารย์ฉางหัวเองก็เป็นนักเต้นชั้นนำ บทนี้จางเย่จึงไม่เปลี่ยน ทั้งยังทิ้งไฮไลต์ในการรำแพนหางตอนจบไว้ให้ฉางหัว มีแต่เธอเท่านั้นที่เขาจะหวังเชื่อใจได้ ขณะที่คู่เต้นของเธอยังด้อยไปเล็กน้อย ส่วนเรื่องที่ว่านกยูงตัวเมียรำแพนหางได้หรือไม่ จางเย่เองก็มีคำอธิบายให้ตนเองแล้ว
คำอธิบายของเขาคือ
อีกฝ่ายอยากรำแพนหาง นายไปยุ่งอะไรด้วย!
ขนาดมนุษย์ยังมีตัวประหลาดกันตั้งหลายคน แล้วทำไมนกยูงเขาจะมีแบบแปลกแยกออกมาสักตัวสองตัวไม่ได้ล่ะ
……
การแสดงยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
เวลาเคลื่อนใกล้เข้าเที่ยงคืนทุกที