ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar - ตอนที่ 1362
วันต่อมา
บนเวยป๋อทั้งหมดล้วนเป็นการแชร์!
ในกระดานข่าววีแชตเองก็ระเบิดแล้ว!
บทสัมภาษณ์ของจางเย่ดังแล้ว!
กลอนบทนั้น เพลงเพลงนั้น ประทับจิตใจผู้คนแล้ว!
คนจำนวนมากมีภาพจำว่าจางเย่เป็นคนบ้า วันๆ เอาแต่ก่อเรื่อง วันๆ เอาแต่ยั่วโมโหชาวบ้าน สนแต่ตอกหน้าคนอื่น สร้างความบันเทิงให้ผู้คนอยู่บ่อยๆ แล้วก็ยังผลิตผลงานสะเทือนฟ้าออกมาบ่อยๆ บางทีก็มีเสน่ห์ บางทีก็ขำกลิ้ง บางทีก็แปลกประหลาด มักนำพาเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขมาให้ผู้คนอยู่เสมอ ดังนั้นทุกคนแค่เห็นจางเย่ก็อยากยิ้มแล้ว จึงคิดไปโดยอัตโนมัติว่าชีวิตของจางเย่เองก็คงเป็นแบบนี้
ทว่าตอนที่ได้ดู ‘นัดกับเหยียนเหมย’
ตอนที่ได้เห็นชีวิตจริงหนึ่งวันของจางเย่
ตอนที่กลอนไต่ถามตัวเองบทนั้นถูกเอ่ยออกมา
ชั่วขณะที่เพลงนั้นได้เสียงอันเจ็บปวดขับขานขึ้น
คนมากมายก็เงียบงันไป แล้วก็มีคนมากมายที่หลั่งน้ำตาออกมา เพลงเพลงหนึ่งที่จางเย่ร้องไปเรื่อยเปื่อยโดยไม่ได้เตรียมการอะไรที่อยู่สตูดิโอ ได้สร้างความประทับใจให้ผู้คนมหาศาล!
……
ที่สตูดิโอ
ทุกคนกำลังดูบทสัมภาษณ์เมื่อวานซ้ำ ไม่รู้ว่าดูกันไปกี่รอบแล้ว
พอจางเย่มาถึง ทุกคนก็รุมล้อมเข้ามาแล้วส่งเสียงเซ็งแซ่
“ผู้กำกับจาง อรุณสวัสดิ์!”
“ผู้กำกับจางมาแล้ว ผู้กำกับจางมาแล้ว!”
“คุณดูสัมภาษณ์เมื่อวานหรือยัง?”
“ผลลัพธ์ยอดเยี่ยมมากเลย!”
“เมื่อวานฉันร้องไห้ไปตั้งสองรอบ ตอนฟังคุณร้องสดร้องไปรอบหนึ่ง ตอนเย็นกลับไปดูในโทรทัศน์ก็ร้องอีกรอบ เพลง ‘โจ๊กเกอร์’ นั่นร้องได้วิเศษที่สุดไปเลย!”
“ใช่ ประทับใจมาก!”
“บนอินเทอร์เน็ตเองก็พูดคุยกันใหญ่!”
“เมื่อคืนนี้ดารามากมายก็ออกมาแชร์กัน”
“สัมภาษณ์นี้ของคุณผลตอบรับสุดยอดมากเลย”
“การปรากฏตัวของสตาร์คิงของพวกเราประสบความสำเร็จอย่างงดงาม!”
ความจริงแล้วจางเย่เองก็ไม่ได้คิดว่าสัมภาษณ์เมื่อวานจะเป็นกระแสถึงขนาดนี้ ในโลกเดิมของเขา เขาชอบเพลง ‘โจ๊กเกอร์’ มาก แต่เพลงนี้ก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักอะไรมากนัก ระดับความโด่งดังไม่เท่าเพลงคลาสสิคพวก ‘เพราะความรัก’ ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ อะไรพวกนี้ ตอนที่ได้ยินเหยียนเหมยถามว่า ‘ดาราคืออะไร’ เขาก็เกิดความประทับใจอยากถ่ายทอดออกมา แล้วก็นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาได้ ถึงได้ร้องให้พวกเขาฟัง ใครจะไปคิดว่าจะเกิดปฏิกิริยาตอบรับยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้
จางเย่ตอบยิ้มๆ “ถ้ารู้เร็วกว่านี้หน่อยว่าจะเป็นแบบนี้ ผมจะตั้งใจร้องให้ดีๆ”
ฮาฉีฉีเอ่ย “ดีมากอยู่แล้วล่ะค่ะ”
“ดีอะไรกัน” จางเย่ยักไหล่ “ผมยังไม่ได้ตั้งเสียงกีตาร์เลย ไม่ได้ดีดแบบตั้งใจขนาดนั้นด้วย ก่อนร้องก็ยังไม่ได้วอร์มเสียงเลย”
จางจั่วกลับไม่เห็นด้วย “แต่ว่านี่สิครับถึงเป็นของจริง”
เสี่ยวหวังเห็นด้วย “ใช่ค่ะ แบบนี้ถึงได้ประทับใจคนไง!”
ฮาฉีฉีเอ่ย “ถูกต้อง เพลงนี้เดิมทีก็ไม่เหมาะกับการร้องแบบ ‘พิถีพิถัน’ อยู่แล้ว”
จางเย่ยิ้ม “ก็ได้” เขาดูนาฬิกา “มอบรางวัลกี่โมง?”
ฮาฉีฉีตอบ “ยังเช้าอยู่เลย แต่ว่าพวกเรามาแต่งหน้าก่อน ช่างแต่งหน้าของทางฝั่งผู้มอบรางวัลน่ะไม่ไหว พวกเราแต่งไปเลยแล้วกัน”
จางเย่ร้องเฮ้อออกมา “ผมไม่ใช่ไอดอลสักหน่อย จะแต่งหน้าไปทำไมกัน”
เสี่ยวหวังรีบตอบว่า “แบบนั้นได้ที่ไหนกันคะ ตอนนี้คุณเป็นสตาร์คิงแล้วนะ สถานะไม่เหมือนเดิมแล้ว”
ฮาฉีฉีเองก็ตอบยิ้มๆ “ใช่ค่ะ รู้ว่าคุณไม่ชอบการแต่งหน้า แต่ว่าเรื่องนี้มันช่วยไม่ได้จริงๆ งานประกาศรางวัลช่วงนี้ล้วนสำคัญมาก จำเป็นต้องแต่งตัวหรูหราไปออกงานนะคะ คุณเป็นที่เคารพนับถือนะ”
จางเย่หัวเราะเหอๆ “ก็ได้ พวกคุณจัดการเถอะ”
ทีมของสตูดิโอนับวันยิ่งขยายใหญ่ มีช่างแต่งหน้าของตัวเองเรียบร้อยแล้วด้วย
ช่างแต่งหน้าเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง มาอยู่ในทีมของจางเย่ได้สักพักแล้ว ทว่าตลอดมาก็ไม่ค่อยได้ทำประโยชน์อะไร เธอเพิ่งเคยพบดาราที่ไม่ชอบแต่งหน้าเป็นครั้งแรก ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ชอบถึงขั้นแค่ยกเรื่องแต่งหน้าขึ้นมาบางทีก็ถลึงตาใส่คุณแล้ว ทำให้ช่วงนี้เธอแทบไม่ได้ทำงานอะไรเลย ตลอดวันได้แต่นั่งทึ่มทื่ออยู่ตรงนั้น นั่งจนใกล้จะซื่อบื้ออยู่แล้ว จนตอนนี้ในที่สุดก็มีโอกาส ดวงตาเธอเป็นประกายทันที
แต่งหน้า
ลบเครื่องสำอาง
แต่งหน้าใหม่อีกรอบ
เปลี่ยนทรงผมอีกรอบ
ทำประมาณสามสี่รูปแบบ
ช่างแต่งหน้าหญิงถึงพอใจ
จางเย่กลอกตา อดทนให้เธอดึงผมไปมา
ฮาฉีฉีมองอยู่ด้านข้างแล้วพูดกับเขาว่า “ผู้กำกับจาง สัมภาษณ์เมื่อวานถือว่าเป็นฝนที่ตกลงมาทันเวลา ช่วยดับไฟที่ไหม้หางคิ้วอยู่ให้พวกเราพอดี คืนก่อนหน้านั้นคุณขึ้นสู่จุดสูงสุดเป็นดาราระดับเอส ฉันดูทำเนียบความนิยมแล้ว สำหรับดาราระดับเอสในประเทศ พวกเราถูกจัดไว้ลำดับท้ายสุด ซึ่งก็คืออันดับที่เจ็ด สตาร์คิงคนนั้นที่ถูกคุณขึ้นมาแทนที่ ความจริงก็ไม่ได้อยู่ต่ำกว่าพวกเราสักเท่าไหร่ แค่เล็กน้อยเท่านั้น ถ้าเขาเคลื่อนไหวแรงๆ ก็มีโอกาสที่จะตามทันได้ ดังนั้นตอนนี้ตำแหน่งนี้ยังถือว่าสุ่มเสี่ยงมากอยู่ ไม่ปลอดภัย เลยยังผ่อนคลายไม่ได้จริงๆ ถึงในประวัติศาสตร์จะไม่เคยมีเหตุการณ์ที่ดาราเพิ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดได้แป๊ปเดียวแล้วก็ตกอันดับ เพราะว่ายังมีปัจจัยอื่นๆ อยู่ แต่ใครจะกล้ารับรองละคะ”
เสี่ยวหวังกะพริบตา “พวกเราจะไม่กลายเป็นดาราระดับเอสที่อายุสั้นที่สุดหรอกนะคะ?”
ถงฟู่มองค้อนเธอทางสายตาแวบหนึ่ง “ปากพาซวยของเธอนี่นะ!”
เสี่ยวหวังเองก็รีบถุยทิ้งไปสองที “ดูปากฉันนี่สิ!”
จางเย่ร้องเอ้อออกมา ไม่ได้คิดถึงจุดนี้เลย “ห่างกันเท่าไหร่?”
“ไม่มากค่ะ” ฮาฉีฉีตอบ “แต่ว่าสัมภาษณ์เมื่อวานดังแล้ว ช่วยจุดไฟเพิ่มให้พวกเราได้ ก่อนหน้านี้ก็ผลักดันไปรอบหนึ่ง ดึงระยะห่างให้เพิ่มขึ้น แต่ว่าถ้าอยากให้มั่นคงล่ะก็ ยังไงก็ต้องคุมให้ระยะห่างอยู่ที่แปดสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไปถึงจะใช้ได้ ดังพวกเราเลยต้องคว้ารางวัลจากช่วงงานมอบรางวัลมาให้ได้มากๆ”
จางจั่วเอ่ยยิ้มๆ “ดีว่าผลงานในปีนี้ของผู้กำกับจางค่อนข้างเยอะ”
ฮาฉีฉีพูด “ใช่ พวกเราเลยเข้ารอบรางวัลมากมาย มีโอกาสไปท้าชิงมาได้สักหน่อย”
จางเย่ตอบ “รางวัลพวกนี้ยังเป็นกุญแจสำคัญจริงๆ สินะ ก็ได้ ชิงมาได้ก็เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น ยังไงพวกเราก็ไม่เสียหายอะไร!”
ช่วงตรุษจีนเป็นช่วงเวลาแห่งการประกาศรางวัล รางวัลสูงสุดมากมายจะประกาศในช่วงนี้ เกียรติยศของรางวัลสูงสุดมีมากแค่ไหนไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว นี่เป็นการรับรองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของดาราคนหนึ่ง บนทำเนียบความนิยมจะนับรวมรางวัลเข้าไปด้วย ดังนั้นช่วงเวลานี้อาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นได้จริงๆ อย่างเช่น ถ้าหากอดีตสตาร์คิงคนนั้นคว้ารางวัลสูงสุดมาได้สองสามรางวัล เพิ่มเปอร์เซ็นต์ความนิยมขึ้น หากเพิ่มสักสามสิบเปอร์เซ็นต์ ก็อาจจะก้าวข้ามความนิยมของจางเย่ และคว้าบัลลังก์สตาร์คิงของเขากลับมาได้อีกครั้ง! แน่นอนว่าเรื่องรางวัลนี้เพิ่มความนิยมเฉพาะในประเทศเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับทำเนียบดาราของเอเชียกับระดับโลกด้วย ทำเนียบเอเชียเองจะเพิ่มความนิยมกับรางวัลระดับเอเชียหรือรางวัลที่ระดับสูงกว่านั้นเท่านั้น
……
อีกด้านหนึ่ง
ทีมของอดีตสตาร์คิงคนนั้น
ตอนนี้กลายเป็นทีมดาราของดาราอันดับหนึ่งในระดับเอไปเสียแล้ว
“ยังสามารถขึ้นไปได้อยู่ไหม?”
“ยังมีหวัง!”
“ใช่ ยังมีโอกาสอยู่!”
“ถ้าหากสามารถคว้ารางวัลมาได้สักสองสามรางวัล พวกเราก็คว้าตำแหน่งกลับมาได้แล้ว!”
“รางวัลละครและภาพยนตร์จางเย่ไม่มีผลงาน!”
“ทุกคนสู้!”
“จะต้องไม่มีปัญหาแน่!”
“ไปสู้กับจางเย่กัน!”
“จะต้องคว้าระดับเอสคืนมาให้ได้!”
……
การประชันเพื่อรางวัลสูงสุดเริ่มขึ้นแล้ว!
สื่อ ประชาชน คนในวงการ ทุกคนต่างล้วนตั้งตาคอย!