ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar - ตอนที่ 1368
ณ สถานที่จัดงานเทศกาลดนตรี
เสียงเพลงกระหึ่ม แฟนคลับกรีดร้อง!
เอมี่สนุกมาก ร้องตะโกนไปพร้อมกับคนอื่น!
เสี่ยวตงก็โยกตัวและฮัมเพลงตามจังหวะ
มีเพียงสองคนเท่านั้นที่แปลกแยก หนึ่งคือหนิงหลัน เธอรับไม่ไหวกับเสียงเพลงประเภทนี้จนต้องเอามือปิดหูอยู่ตลอด อีกคนคือจางเย่ เขาไม่พูดอะไร ใบหน้าคล้ายหมดความสนใจแล้วอย่างไรอย่างนั้น
หลี่เสี่ยวเสียนถาม “อาจารย์จางไม่ชอบเหรอคะ?”
จางเย่มองเธอแล้วตะโกน “หา?”
เสียงเพลงดังเกินไป
หลี่เสี่ยวเสียนก็ตะโกนถาม “คุณไม่ชอบเหรอ?”
จางเย่เบ้ปาก “เป็นภาษาต่างชาติหมดเลย ฟังไม่เข้าใจ”
เอมี่หันหน้ามาตะโกน “นี่แหละคือเฮฟวี่เมทัลล่ะ!”
จางเย่ตอบกลับเพียง “เหอะๆ”
หนิงหลันก็หัวเราะตาม “เหอะๆ”
เอมี่ประหลาดใจ “เพราะมากเลยนะ!”
เห็นเอมี่เชียร์คนต่างชาติ จางเย่ก็คร้านจะสนใจเธอ
นี่เรียกเพราะเหรอ?
ธรรมดามากเลยต่างหาก!
ทันใดนั้นกลุ่มดาราจากจีนก็ร้องขึ้นมา
“เหล่าเฉินมาแล้ว!”
“ถึงคิวเหล่าเฉินแล้ว!”
“สู้เขา!”
“เยี่ยม ร้องได้ดี!”
“ยังไม่ได้ร้องเลย”
“ฮ่าๆ ฉันซ้อมไว้ก่อนไง”
ถึงตอนนี้จางเย่ถึงเงยหน้าขึ้น
หนิงหลันก็คลายมือที่ปิดหูของเธออยู่ออกเล็กน้อย
การแสดงของเฉินกวง แน่นอนว่าต้องฟังสักหน่อย
ความนิยมของเฉินกวงในเอเชียนั้นไม่เลว แม้ไม่สูงมากแต่ก็ไม่ได้ต่ำมากเกินไป มีแฟนคลับเกาหลีที่ชอบเพลงร็อกอยู่บ้าง นักเรียนแลกเปลี่ยนชาวจีนหลายคนก็ชอบเขา แต่แน่นอนว่ามันเปรียบเทียบไม่ได้กับดาราเกาหลีเจ้าถิ่นและดารานักร้องเพลงร็อกฝั่งตะวันตก ด้วยเหตุผลทางวัฒนธรรมก็ดี เหตุผลทางการเมืองก็ดี ในญี่ปุ่นและเกาหลียังนิยมคนผิวขาวและศิลปินดาราเจ้าถิ่นมากกว่า นี่เป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก
เสียงเพลงดังขึ้น!
วงดนตรีเป็นของที่นี่ เฉินกวงและจ้าวอู่ลิ่วต่างไม่ได้เอาวงดนตรีมาด้วย เดิมทีพวกเขาสองคนก็ไม่ใช่นักร้องแนวเฮฟวี่เมทัลอยู่แล้ว เพียงเป็นตัวแทนวงการเพลงร็อกของประเทศจีนมาออกงานเป็นแขกรับเชิญเท่านั้น
เฉินกวงตะโกนขึ้นมา
“If you look!”
“Around we’re like!”
“Stars!”
“In the sky!”
เอมี่พูดเสียงดัง “ไม่เลว ไม่เลว!”
เสี่ยวตงหัวเราะ “เพลงนี้นี่เอง!”
หลี่เสี่ยวเสียนก็เคยฟัง “เพลงเฮฟวี่เมทัลร็อกสุดคลาสสิกของอเมริกานี่เอง”
เจี่ยงฮั่นเวย “เสียงเหล่าเฉินใช้ได้เลย”
เดิมทีจางเย่ยังตั้งตารออยู่ พอได้ฟังก็ทำอะไรไม่ถูก
เสียงดี? ดีอะไรกันล่ะ เหล่าเฉินไม่เหมาะกับเพลงประเภทนี้ เขาเป็นนักร้องเพลงร็อก จะเหมือนคนอื่นเขาที่ร้องเพลงแนวเฮฟวี่เมทัลโดยเฉพาะได้อย่างไร
กลุ่มของพวกเขาหยิบ Wifi แบบพกพาออกมาด้วย
จางเย่ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเพลงเฮฟวี่เมทัลในโลกนี้บนอินเทอร์เน็ต และพบว่ายังมีไม่กี่ประเภท เริ่มช้าไปหน่อย การเติบโตทางประวัติศาสตร์นั้นแตกต่างจากโลกของเขาอย่างสิ้นเชิง อย่างน้อยก็ช้าไปยี่สิบปี ไม่น่าแปลกใจที่จางเย่ฟังแล้วรู้สึกอึดอัดในใจ ไม่น่าแปลกใจที่ประเทศจีนในโลกนี้ไม่มีดนตรีเฮฟวี่เมทัลเป็นของตัวเอง ที่แท้ก็เพราะแนวเพลงเฮฟวี่เมทัลของโลกนี้เริ่มช้าเกินไป ยังไม่เติบโตเต็มที่ เทศกาลดนตรีเฮฟวี่เมทัลนานาชาตินี้ก็เพิ่งจัดได้เพียงห้าปีเท่านั้น เมื่อเทียบกับเพลงในรูปแบบอื่น เพลงแนวเฮฟวี่เมทัลยังอายุน้อยอยู่มาก
อย่างไรก็ตาม คำวิจารณ์ ‘อายุน้อย’ นี้มีเพียงจางเย่ที่สามารถพูดได้ เพราะเขาเคยมีประสบการณ์ต่อการเติบโตและความสุกงอมของดนตรีเฮฟวี่เมทัลในโลกเดิม เคยได้ฟังเพลงสุดคลาสสิก และพบเจอวงดนตรีมามากมาย นั่นเป็นเหตุผลที่เขามีคุณสมบัติในการประเมิน แต่สำหรับคนในโลกนี้ รูปแบบเพลงเฮฟวี่เมทัลของที่นี่ในปัจจุบันเป็นฉบับล่าสุดและล้ำสมัยที่สุดแล้ว แน่นอนว่ายังไม่มีความรู้สึกที่ดนตรีสุกงอมอย่างเต็มที่ พวกเขาเองก็ไม่เคยเห็นเพลงเฮฟวี่เมทัลที่พัฒนาจนถึงขีดสุดอย่างแท้จริงมาก่อน บางทีอาจเป็นสองสามปีให้หลัง สิบปีให้หลัง พวกเขาถึงจะได้เห็น
เฉินกวงร้องจบแล้ว
จากนั้นวงดนตรีอื่นก็ขึ้นไปร้องเพลงบนเวที วงดนตรีก็เป็นวงเฮฟวี่เมทัลจากทั่วโลก บรรยากาศในงานร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
หนิงหลันฟังจนจะอ้วกอยู่รอมร่อ บ่นออกมา “เชี่ย! พวกเราจะกลับกันกี่โมงเนี่ย?”
เอมี่ “เพิ่งเริ่มไปแค่ครึ่งเดียวเองนะ! พี่หนิง ฟังไปอีกหน่อย ใช้ใจฟังสิคะ! พี่จะรู้สึกถึงจิตวิญญาณของดนตรีเฮฟวี่เมทัลอย่างแน่นอน!”
หนิงหลันกลอกตา “ใช่ใจฟัง? ต่อให้ใช้ไตฟังฉันก็ชื่นชมมันไม่ได้!”
จางเย่หัวเราะ เขาก็ไม่สามารถชื่นชมได้เช่นกัน
ผิดพลาด
หยาบกร้าน
เขาฟังแล้วมีแต่ข้อบกพร่องอยู่ทุกที่
และที่สำคัญที่สุด เขาฟังภาษาอังกฤษหรือเกาหลีไม่เข้าใจอยู่แล้ว นี่มีแม้กระทั่งวงที่ร้องเป็นภาษาสเปน สมองหมอนี่จึงคนนี้สับสนไปหมด เทศกาลดนตรีนานาชาติ ทุกประเทศต่างมีเพลงเฮฟวี่เมทัล มีภาษา และการร้องเพลงเฮฟวี่เมทัลของตัวเอง แต่จีนไม่มี? ประเทศสุดยิ่งใหญ่ต้องเลียนแบบและร้องเพลงของคนอื่น? แค่ได้ยินก็รู้สึกน่าเบื่อแล้ว ไม่รู้สึกมีส่วนร่วมเลยสักนิด
จางเย่เสนอขึ้นมา “พอประมาณแล้วก็กลับกันเถอะ”
หนิงหลัน “ใช่ๆๆ เสียงดังเกินไปแล้ว”
ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่ บนเวทีก็มีวงดนตรีเกาหลีร้องเพลงขึ้นมา
ต้าฉีตกใจ “‘BOBO’เหรอ?”
หลี่เสี่ยวเสียนก็ร้องเฮ้คำหนึ่ง “ตอนอยู่บนเครื่องเหล่าจ้าวบอกว่าเขาจะร้องเพลงนี้ไม่ใช่เหรอ?”
เอมี่ตะลึง “เขาบอกเหรอ?”
เสี่ยวตงก็นึกขึ้นมาได้ “น่าจะใช่นะ”
จางเย่ขมวดคิ้ว “เทศกาลดนตรีแบบนี้ ต้องเลือกเพลงไว้ล่วงหน้าแล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่สามารถให้สองวงร้องเพลงเดียวกันได้นี่?”
เอมี่ “ใช่ไง เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ฉีเหม่ยหลัน “หรือจะเกิดปัญหา?”
ทันใดนั้นโทรศัพท์ทุกคนก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น
เอมี่ตะโกน “ดูกลุ่มแชตในมือถือเร็ว!”
จางเย่ถาม “กลุ่มแชตอะไรกัน?”
เอมี่ “กลุ่มแชตที่พวกเราตั้งตอนอยู่บนเครื่องไง”
ทุกคนหยิบโทรศัพท์ออกมาดู มันเป็นข้อความจากจ้าวอู่ลิ่ว ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ด้านหลังเวที อีกไม่นานก็ถึงคิวเขาแล้ว!
ในกลุ่มแชต
จ้าวอู่ลิ่ว “เฮ้ มีใครอยู่ไหม?”
ฉีเหม่ยหลันถาม “เกิดอะไรขึ้นเหล่าจ้าว?”
เอมี่ “ทำไมเพลงของคุณถึงโดนคนอื่นเอาไปร้องล่ะ?”
จ้าวอู่ลิ่วด่าอย่างรุนแรง “เชี่ยแม่งเอ๊ย! วงดนตรีเกาหลีเปลี่ยนเพลงกะทันหันน่ะสิ ดันเลือกเพลง ‘BOBO’ แม้แต่ด้านผู้จัดงานพวกเขาก็ยังไม่ได้บอก ขึ้นเวทีไปแล้วถึงได้รู้ ผมเตรียมแต่เพลงนี้มา ไม่ได้เตรียมเพลงอื่นเลย ไม่มีเพลงให้ร้องแล้ว!”
เจี่ยงฮั่นเวยพิมพ์ข้อความ “เปลี่ยนเพลงได้ไหม?”
จ้าวอู่ลิ่ว “ไม่ทันแล้ว วงดนตรีก็ยืมมาแล้ว นัดแนะไว้เรียบร้อยว่าเป็นเพลงนี้ อีกอย่างผมก็ไม่ใช่นักร้องแนวเฮฟวี่เมทัลอยู่แล้ว ศึกษามาไม่กี่เพลงเอง ภาษาอังกฤษของผมก็ดีกว่าผู้กำกับจางแค่นิดหน่อย ถ้าเปลี่ยนเป็นเพลงอื่น ผมจะจำเนื้อเพลงได้ยังไง? ผมต้องฝึกการออกเสียงใหม่ทั้งหมด มันไม่ทันแน่นอน ไอ้วงดนตรีเกาหลีนั่นชั่วเกินไปแล้ว!”
ฉีเหม่ยหลันแนะนำ “ถ้าเป็นเหล่าเฉินล่ะ?”
จ้าวอู่ลิ่ว “เขาก็เตรียมมาแค่เพลงเดียว”
เอมี่ “งั้นทำยังไงดี?”
จ้าวอู่ลิ่ว “ดังนั้นตอนนี้ฉุกเฉินมาก ใครร้องเฮฟวี่เมทัลเป็นบ้าง? เพลงอะไรก็ได้ เพลงเดียวก็พอแล้ว รีบมาช่วยผมทีเถอะ! ช่วยผมด้วย!”
ฉีเหม่ยหลัน “เข้าใจแล้ว พวกเราปรึกษากันก่อน”
จ้าวอู่ลิ่ว “เหลืออีกสิบนาทีแล้ว!”
เมื่ออยู่ต่างประเทศทุกคนต่างสามัคคีกันอย่างดี
อีกอย่างเรื่องนี้ก็พูดได้ยากว่าคนเกาหลีไม่ได้จงใจขัดขวาง
ฉีเหม่ยหลันในฐานะผู้นำ ถามขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ “เรื่องนี้ทุกคนต่างรู้แล้ว ด้านเหล่าจ้าวเกิดปัญหาขึ้น เราจะจัดการเรื่องนี้ยังไงดี?”
หนิงหลันผายมือ “แค่เพลงป๊อปฉันยังร้องได้ไม่ดีเลยค่ะ เพลงเฮฟวี่เมทัลยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย”
เจี่ยงฮั่นเวย “ผมก็ร้องเพลงร็อกไม่เป็น”
ต้าฉีแสดงท่าที “ผมยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย ร้องไม่ตรงคีย์”
ฉีเหม่ยหลันมองไปทางเอมี่ “เอมี่ เธอได้นิดหน่อยใช่ไหม?”
เอมี่ใกล้ร้องไห้อยู่รอมร่อ “ฉันมีความรู้เล็กน้อยก็จริง แต่ร้องไม่เป็นนะคะ”
เสี่ยวตง “เฮฟวี่เมทัลไม่ค่อยมีคนร้องหรอกค่ะ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่พวกเราสปริงการ์เด็น เสียงก็ไม่ไหวแล้วค่ะ”
พวกเธอเป็นกลุ่มไอดอล ไม่ใช่วงร็อกด้วยซ้ำ
ฉีเหม่ยหลันมองคนสุดท้าย “อาจารย์จางล่ะ?”
จางเย่ทำปากยื่น “เฮฟวี่เมทัลเหรอ?”
ฉีเหม่ยหลัน “ได้ไหม?”
จางเย่หัวเราะ “พอได้ครับ”
หนิงหลันคนแรกที่ไม่เชื่อ “นายร้องเพลงเฮฟวี่เมทัลได้เหรอ?”
ต้าฉีก็ตะลึง “คุณไม่ได้ภาษาอังกฤษไม่ใช่เหรอ?”
เอมี่ “อาจารย์จาง พูดจริงหรือพูดเล่นคะ? คุณเคยฟังเพลงเฮฟวี่เมทัลเหรอ?”
จางเย่พูดในใจ ตอนที่ฉันฟังเพลงเฮฟวี่เมทัล เธออยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้เลยมั้ง