ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar - ตอนที่ 1385
ตอนกลางวัน
เวลาเที่ยงตรง
ภายในคฤหาสน์
จางเย่ผลักประตูเข้ามา ก่อนตะโกนเสียงดัง “ผมกลับมาแล้ว”
เขามองไปที่ห้องนั่งเล่น เห็นพ่อแม่และคุณอู๋ที่กำลังเตรียมอาหารกันอยู่
คุณอู๋หันมามองเขาแล้วยิ้ม “กลับมาแล้วเหรอ? ดื่มชาอะไรดี? เดี๋ยวฉันชงให้”
จางเย่โบกมือ “ไม่ต้องหรอก ผมดื่มมาแล้ว”
แม่ถาม “ทำไมกลับมาช้าแบบนี้? เครื่องถึงปักกิ่งตั้งแต่แปดโมงแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ถึงตั้งแต่แปดโมงแล้ว” จางเย่เดินไปนั่งที่โซฟา เขาเหนื่อยแทบตายแล้ว “ผมลงเครื่องมาก็ถูกคนขวางไว้น่ะสิ ผมแจกลายเซ็นจนมืออ่อนหมดแล้ว” เขายกมือขวาขึ้น “ดูสิ ดูมือผมสิ จะยกไม่ขึ้นอยู่แล้ว พวกนั้นก็ทรมานคนเกินไปจริงๆ”
พ่อถาม “ลูกไม่เซ็นไม่ได้เหรอ?”
จางเย่น้ำตาไหลอาบแก้ม “ผมให้สัมภาษณ์ไว้ตอน ‘นัดกับเหยียนเหมย’ คำพูดมันดันหลุดออกไปแล้ว ผมบอกว่าขอเพียงมีแฟนคลับมาขอลายเซ็น ผมก็จะไม่ปฏิเสธ ตอนนี้ซวยแท้ รู้แต่แรกผมไม่พูดบ้าๆ แบบนั้นหรอก”
แม่ส่งเสียงอืมตอบคำหนึ่ง “เจ้าหน้าที่ที่สนามบินไม่สนใจเลยหรือไง?”
จางเย่ “สนใจสิ”
แม่ “ใช่แล้วไง ปล่อยให้พวกเขาวุ่นวายต่อไปก็กระทบกับระเบียบของสนามบินน่ะสิ”
จางเย่พูด “ใช่แล้ว ดังนั้นสนามบินจึงจัดห้องรับรองแยกต่างหากสำหรับแจกลายเซ็นให้ผม พนักงานภาคพื้นดินและพนักงานต้อนรับบนเครื่องก็มาเข้าแถวด้วย”
เจ้าหน้าที่สนามบินพวกนี้ชั่วร้ายเกินไปแล้ว!
จางเย่อยากด่าบรรพบุรุษพวกนั้นเหลือเกิน
แม่ “…”
พ่อ “…”
อู๋เจ๋อชิงทำกับข้าวไปหัวเราะไป “นั่นก็เพราะตัวอักษรของเธอดังมาก บนแพลตฟอร์มการซื้อขายในประเทศเรา ลายเซ็นเธอถูกขายไปในราคาหนึ่งแสนหยวนเลยนะ ซื้อขายกันเสร็จสมบูรณ์แล้วด้วย”
อีกนิดเดียวจางเย่ก็จะกระโดดขึ้นมาแล้ว “อะไรนะ? หนึ่งแสน? เชี่ย ผมก็สงสัยอยู่ว่าพวกนั้นกำลังทำอะไร! งั้นวันนี้ผมเซ็นออกไปเท่าไรแล้วเนี่ย? ห้าแสน? หนึ่งล้าน?”
อู๋เจ๋อชิงพูดอย่างนุ่มนวล “คิดมากไปแล้ว การทำธุรกรรมนั้นแค่บังเอิญ ไม่ใช่ราคาท้องตลาด เธอคิดว่าจะหากินด้วยการขายลายเซ็นจริงๆ น่ะเหรอ? คิกๆ”
แม่เพิ่งนึกขึ้นมาได้ “จริงสิ เรื่องการเขียนอักษรของลูก มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
พ่อก็แปลกใจ “ใช่แล้ว ตอนลูกยังเด็กพ่อกับแม่ก็ไม่เคยส่งลูกเรียนการคัดลายมือเลยนี่?”
อู๋เจ๋อชิงยิ้ม “คุณพ่อ ระดับการเขียนอักษรนี้ ไม่ใช่แค่ระดับคัดลายมือเริ่มต้นแล้วค่ะ”
จางเย่หัวเราะฮาๆ “เรียนด้วยตัวเองน่ะ ผมเรียนรู้ด้วยตัวเอง”
“ตัวอักษรของเย่น้อยเมื่อก่อนก็ดีมากแล้วค่ะ” อู๋เจ๋อชิงพูด “‘โคลงมู่หลาน’ ยังแขวนไว้อยู่ที่บ้าน แต่ก็ยังเทียบกับ ‘หลานถิงซวี่’ ไม่ได้ ตอนที่ฉันดูถ่ายทอดสดก็คิดว่า ‘หลานถิงซวี่’ คือผลงานการเขียนอักษรตัวบรรจงกึ่งหวัดที่ชวนให้คนตกตะลึงที่สุดตั้งแต่ที่ฉันเคยเห็นมา เป็นหนึ่งไม่มีสองอีกแล้ว”
จางเย่หัวเราะ “หลายปีแล้ว ผมก็ต้องพัฒนาขึ้นบ้างสิน่า”
พ่อ “เมื่อวานนี้สื่อมวลชนในประเทศแทบจะระเบิดแล้ว พาดหัวหน้าแรกมีแต่เย่น้อย ยังบอกว่าผลงานบรรจงกึ่งหวัดอันดับหนึ่งชั่วนิรันดร์อะไรสักอย่าง พ่อก็ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร”
แม่พูดทิ่มแทง “เหอะ ก็หมายความว่าลูกชายโง่เง่าของเราเอาผลงานการเขียนอักษรราคาหกถึงเจ็ดร้อยล้านหยวนบริจาคให้สภากาชาดไง ผลงานบรรจงกึ่งหวัดอันดับหนึ่งชั่วนิรันดร์? คนโง่อันดับหนึ่งชั่วนิรันดร์ล่ะสิไม่ว่า!”
พ่อ “…”
จางเย่ “…”
อู๋เจ๋อชิงหัวเราะคิกอยู่อีกด้าน
อาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ครอบครัวนั่งทานอย่างพร้อมหน้า
พูดถึงทริปเกาหลีครั้งนี้ จางเย่ก็กินข้าวไปพลางคุยโวอย่างหน้าชื่นตาบาน “พ่อ แม่ อู๋ นี่ผมไม่ได้โม้นะ สถานการณ์ตอนนั้นค่อนข้างวิกฤตเลยล่ะ ผมไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือกับมิยาโมโตะเซ็นเซด้วยซ้ำ อืม เขาบีบคั้นคนอื่นอย่างเอาเป็นเอาตาย ในใจผมก็คิดว่านายแม่งจะมาโอ้อวดอะไรฟะ! ยังจะมาคุยเรื่องการเขียนอักษรกับฉันเหรอ? ฉันปิดตาก็ยังเอาชนะนายได้เลย! ฉันต้องทนนายเหรอ? ตอนนั้นผมก็ถลกแขนเสื้อเดินขึ้นไป สะบัดพู่กันขีดเขียนเสร็จเรียบร้อยก็มองลงไปด้านล่างเวที ช่วงเวลานั้นมีแต่ความเงียบ มิยาโมโตะเซ็นเซเซ่อไปเลย เขาหนีหัวซุกหัวซุน ไม่กล้าแม้แต่จะผายลมต่อหน้าผมอีก!”
พ่อหมดคำพูด “ทำไมเวลาทะเลาะกับคนต่างชาติ ลูกถึงได้มีชีวิตชีวาขนาดนี้?”
จางเย่หัวเราะ “ผมเป็นแบบนั้นเหรอ?”
แม่มองเขา “ใช่!”
จางเย่ “เอาเถอะ ใช่ก็ใช่สิ ผมก็ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนไง สู้กันในหมู่คณะมันไม่มีความหมาย ผมเบื่อจะสู้กันเองแล้ว ตอนนี้วงการบันเทิงจีนมันแตกแยกกันเกินไป วันวันมีแต่นายเหยียบฉันฉันกระทืบนาย พอออกนอกประเทศก็ใบ้กิน มีเรื่องมีราวก็ตายเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ต้องร้อนใจไป วงการบันเทิงจีนมีท่านปู่จางอยู่ พี่ชายคนนี้เคยกลัวใครที่ไหน? สงครามระหว่างประเทศผมก็สู้ได้! ดาหน้าเข้ามาเลย!”
“ดี นี่สิถึงจะเป็นลูกชายของฉัน!” แม่คีบเนื้อให้เขาหนึ่งชิ้น ก่อนจะถามต่อ “ตอนนี้ในระดับเอเชีย แกถือว่าเริ่มเดินแล้วหรือยัง?”
จางเย่กลอกตา “อะไรเรียกว่าเริ่มเดินกัน? ผมน่ะบินไปแล้ว!”
แม่เบ้ปาก พูดเอออออย่างหมั่นไส้ “ใช่ๆๆ บินจ้า บิน”
อู๋เจ๋อชิงเตือนทันที “เย่น้อย เธออย่าเพิ่งดีใจเกินไป ก่อนหน้านี้เธอก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับญี่ปุ่นและเกาหลี เคยชกต่อยและทะเลาะกันมาก่อน แม้จะทำให้เธอได้รับความสนใจ และอันดับทำเนียบดาราของเอเชียในปัจจุบันของเธอเองก็สูงมาก แต่ถ้าต้องการก้าวขึ้นไปอีกขั้น ไปอยู่ระดับเอสของเอเชีย เรื่องที่เธอก่อไว้เมื่อก่อนอาจจะเป็นอุปสรรคได้”
จางเย่ “เมื่อก่อนคุณก็เคยพูดประโยคนี้กับผมแล้ว”
อู๋เจ๋อชิงส่งเสียงอืม “เธอต้องเตรียมตัวให้ดี”
จางเย่หัวเราะ “ไม่เป็นไร ไม่ว่าจะมาวิธีไหนผมก็รับมือได้หมดนั่นละ”
หลังทานอาหาร
มีสายเข้าไม่หยุด
ตอนอยู่ที่เกาหลีบางครั้งสัญญาณก็ใช้ไม่ได้เพราะอยู่ต่างประเทศ แต่ตอนนี้จางเย่กลับมาแล้ว เพื่อนของเขาจึงพากันติดต่อมาหา
……
สายจากเหยาเจี้ยนไฉ
“จางเอ้อร์ นายทำได้นี่!”
“ฮ่าๆ ธรรมดาน่า”
“เมื่อไรจะมาบ้านฉันอีก?”
“ทำไมล่ะ?”
“นายเขียนตัวอักษรให้ฉันอีกสักสองแผ่นสิ”
“เชี่ย! ไม่ว่าง!”
……
สายจากคุณย่าจางเสีย
“จางน้อย กลับมาแล้วเหรอ?”
“ใช่ครับ เพิ่งถึงเลย”
“ครั้งนี้เธอถือว่าตั้งมั่นในเอเชียได้แล้วนะ”
“ฮ่าๆ ผมก็ไม่คิดว่ามันจะราบรื่นแบบนี้”
“เธอคือทองคำ อยู่ที่ไหนก็เปล่งประกาย”
……
สายจากสมาคมการเขียนตัวอักษร
“อาจารย์จาง”
“สวัสดีครับ ประธานซุน”
“ไม่พูดเยอะแล้ว คุณเข้าสมาคมการเขียนตัวอักษรเถอะ ผมจะจัดการให้ทันทีเลย!”
“หา? ไม่เป็นไรครับ”
“ไม่ได้ ถ้าไม่มีปรมาจารย์ด้านการเขียนตัวอักษรเช่นคุณอยู่ในสมาคม พวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะ? คุณจำเป็นต้องเข้าร่วมนะ ผมให้คุณเป็นรองประธานกรรมการ รอผมเกษียณปีหน้า คุณจะเป็นประธานหรือประธานกิตติมศักดิ์ก็ได้ อาจารย์อู๋เองก็เห็นด้วย!”
“ประธานซุน เอาไว้ค่อยคุยกันเถอะครับ”
“ไม่ต้องคุยวันหลังแล้ว! ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอคุณอยู่นะ!”
“ผมเป็นดารา จะเพิ่มความยุ่งยากให้คุณเอานะครับ”
“ดาราการเขียนอักษรก็คือดารานะ! ตอนนี้พวกเราก็ยืนอยู่ในวงการบันเทิงแล้ว!”
“พรูด คุณอย่าล้อเล่นสิครับ”
……
ช่วงบ่าย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกแล้ว
แต่สายนี้ทำให้จางเย่ตะลึง
อีกฝ่ายคือคนจากสภากาชาดของเอเชีย
“ใช่อาจารย์จางเย่ไหมครับ?”
“ผมเองครับ”
“สวัสดีครับ ผมโทรจากสภากาชาดนะครับ”
“สวัสดีครับ”
“สำหรับผลงานที่โดดเด่นของคุณ เรารู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งอย่างมาก มีมติเป็นเอกฉันท์จากที่ประชุมผู้บริหารแล้ว เราตัดสินใจเชิญคุณมาเป็นทูตสันถวไมตรีแห่งเอเชียคนใหม่ โปรดทำงานเพื่อการกุศลร่วมกับเรา คุณยอมรับคำเชิญไหมครับ?”
“หา?”
“อาจารย์จางครับ?”
“อา ผมฟังอยู่”
“พวกเราเชิญคุณอย่างเป็นทางการ คุณคิดว่ายังไงครับ?”
“ได้สิครับ ผมขอถามสักหน่อยนะครับ มีทูตกี่คนเหรอครับ?”
“ทั่วทั้งเอเชียมีแค่คนเดียวครับ”
“ต้องได้รับการคัดเลือกไหม?”
“ไม่ต้องครับ ถ้าคุณตกลงคุณก็ได้เป็นทันที”
“แน่นอนว่าผมตกลงครับ คะแนนนิยมนี้…เอ้ย เรื่องที่ทำเพื่อการกุศลนี้ เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”
“ขอบคุณคุณมากครับ งั้นพวกเราจะรีบมอบหนังสือแต่งตั้งให้คุณ จากนั้นจะแจ้งให้สื่อมวลชนเอเชียให้รับทราบ และจัดงานแถลงข่าวเลยนะครับ”
วางสายเรียบร้อย
จางเย่ยังคงอึ้งอยู่
ทูตสันถวไมตรีแห่งเอเชีย?
นี่คือรางวัลพิเศษที่สภากาชาดเอเชียบอกไว้เหรอ? รางวัลนี้ใหญ่มากจริงๆ! ก่อนหน้านี้จางเย่ไม่ได้คาดหวังอะไรเลย เขาไม่ได้คิดถึงผลที่องค์กรการกุศลจะตอบแทนด้วยซ้ำ! ใครจะรู้ว่าวันต่อมาก็จะได้รับรางวัลใหญ่ขนาดนี้!
Comments for chapter "ตอนที่ 1385"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
เจ้าแมวเหมียวๆ
เจ้าหน้าที่สนามบินว่าขำแล้วแต่แม่จางเย่ขำกว่า 55