ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar - ตอนที่ 1392
ตอนกลางคืน
ใกล้ได้เวลาแถลงข่าวแล้ว คลื่นลมก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สื่อของญี่ปุ่นและเกาหลีกับประชาชนของพวกเขาต่างกำลังด่าจางเย่อยู่ ต่อมาถึงขึ้นว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐของเกาหลีและญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยที่เริ่มออกมาส่งเสียงด้วย ต่างประเมินค่าจางเย่ไว้ต่ำสุด เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังอย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายก็ทำให้ชาวเน็ตจีนที่ดูอยู่โกรธจนทยอยลุกขึ้นมาสนับสนุนจางเย่
“ทำอะไรน่ะ!”
“ดูไม่ออกหรือไงว่าข่าวปลอม?”
“เจ้าหน้าที่รัฐของเกาหลีกับญี่ปุ่นมาก่อปัญหาเพิ่มทำไมอีก?”
“ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐของทางฝั่งนั้นที่สร้างเรื่องก็ได้!”
“ใช่ เป็นไปได้!”
“เรื่องนี้ฉันยืนอยู่ฝั่งจางเย่!”
“ฉันด้วย คนพวกนั้นไม่มีเหตุผลเลย!”
“จะมาด่าจางเย่ได้ยังไง?”
“จางเย่หาเงินบริจาคมาให้พวกคุณ แล้วยังถ่ายทำโฆษณาการกุศลให้อีก นี่เป็นเรื่องดีที่ทั้งเอเชียได้ประโยชน์ ลงแรงไปกับพวกคุณไม่น้อย พวกคุณกลับตอบแทนเขาแบบนี้ แค่พริบตาเดียวก็ไม่รู้จักกันเสียแล้ว? แทงข้างหลังกันแล้ว? พวกคุณยังมีจิตสำนึกอยู่บ้างไหมหา? หมาแม่งกินไปหมดแล้วหรือไง?”
“ดูแล้วโกรธจริงๆ!”
“แถมดาราเกาหลีพวกนั้นยังช่วยโหมไฟเข้าไปอีก!”
“พวกสื่อเกาหลีญี่ปุ่นเองก็ด้วย เห็นได้ชัดว่าพุ่งไปที่จางเย่!”
“สนับสนุนจางเย่!”
“วุ่นวายแบบนี้ต่อไปจางเย่จะไม่ถูกฝั่งญี่ปุ่นเกาหลีแบนเอาเหรอ?”
“เชี่ย พวกเขากล้าเหรอ!”
“ดูว่าจางเย่จะพูดยังไงเถอะ!”
ชาวเน็ตล้วนติดตาม
ในวงการก็จดจ้อง
คนในวงการบันเทิงเองก็กำลังดูอยู่
การถกเถียงเล็กน้อยกับทางฝั่งเกาหลีและญี่ปุ่นในสมัยก่อนไม่เห็นจะเคยมีใครหยิบมาพูดเป็นประเด็นใหญ่โตมาก่อน ข่าวในปีนั้นก็มีลง แต่ความยาวของข่าวไม่มาก ผลกระทบเองก็นิดเดียว แต่นั่นเป็นเพราะตอนนั้นจางเย่ยังไม่มีชื่อเสียงอะไร เป็นแค่ศิลปินธรรมดาๆ คนหนึ่งในประเทศจีน ทว่าตอนนี้กลับไม่เหมือนกันแล้ว ช่วงนี้จางเย่ก้าวหน้าเกินไป โผล่มาที่เวทีระดับเอเชียหลายต่อหลายครั้ง เส้นกราฟการปรากฏตัวพุ่งขึ้นเป็นเส้นตรง ความนิยมในเอเชียเองนับวันก็สูงขึ้นเรื่อยๆ เรื่องราวมากมายในสมัยก่อนจึงถูกคนขุดกลับมาใหม่อีกครั้ง เพื่อใช้ตอบโต้และเป็นอาวุธที่จะดึงจางเย่ลงจากตำแหน่ง
คนมาเจตนาไม่ดี
คนเจตนาดีไม่มา
ในตอนนั้นเอง การถ่ายทอดสดงานแถลงข่าวก็เริ่มขึ้น!
……
ที่ญี่ปุ่น
“เชี่ย!”
“มาแล้ว!”
“จางเย่ออกมาแล้ว!”
“ด่าเขาเลย!”
“ให้เขาขอโทษ!”
“ใช่ ต้องขอโทษพวกเรา!”
……
ที่ประเทศเกาหลี
“เขายังมีหน้ามาถ่ายทอดสดอีก?”
“จางเย่! นายต้องขอโทษพี่อันซู!”
“ยังมีปาร์คแจซังด้วย!”
“นายต้องชดใช้ให้พวกอปป้าด้วย!”
“ใช่ ขอโทษเลยนะ!”
“ขอเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวทูตสันถวไมตรีขององค์กรการกุศล!”
“ใช่! เปลี่ยนทูตสันถวไมตรีองค์กรการกุศล!”
“ให้อันธพาลประเภทนี้ไสหัวออกไปจากวงการบันเทิงของเอเชีย!”
……
สถานที่จัดงาน
ระหว่างการถ่ายทอดสด
นักข่าวและสื่อจากแต่ละประเทศในเอเชียมาถึงแล้ว ที่หน้างานชุลมุนมาก
ขณะนี้เอง จางเย่ก็เดินเข้ามา
ที่ด้านข้าง ตัวแทนจากกาชาดแห่งเอเชียเอ่ยเสียงต่ำว่า “อาจารย์จางครับ วันนี้สื่อของญี่ปุ่นกับเกาหลีจะต้องพุ่งปลายหอกมาที่คุณแน่ คุณพยายามตอบคำถามให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับพวกเขามากเกินไป เรื่องข่าวผมเองก็ได้ยินมาแล้ว ส่วนมากเป็นข่าวปลอม จุดนี้ทุกคนล้วนเข้าใจ คุณวางใจเถอะ พวกเรายืนอยู่ข้างคุณ ข่าวลือยังไงก็เป็นแค่ข่าวลือ มันจะทำลายตัวมันเองแน่ๆ พวกเราทำการกุศล จะมากลัวสิ่เหล่านี้ไม่ได้”
จางเย่ยิ้ม “ครับ”
ตัวแทนเอ่ยว่า “อีกเดี๋ยวพวกเราพยายามหลีกเลี่ยงการตอบคำถามนักข่าวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือลดเวลาการตอบคำถามลง รอจนคุณเขียน ‘แดงทั่วธาร’ เสร็จพวกเราก็หมดธุระแล้ว”
จางเย่ตอบ “ครับ ไม่มีปัญหา”
แชะ แชะ เสียงกล้องถ่ายรูปดังระรัวไม่หยุด!
สายตาของเหล่านักข่าวเอเชียล้วนจับจ้องมายู่ที่เขา!
จางเย่เดินขึ้นไปบนเวที ยิ้มให้ทุกคนเล็กน้อย แล้วก็นั่งลง
ที่ด้านข้างมีคนขององค์กรทยอยเดินขึ้นมานั่งลงข้างจางเย่
สตาฟของกาชาดเอเชียจำนวนไม่น้อยและเหล่าอาสาสมัครที่อยู่รอบๆ ล้วนพากันกังวล
มีบางคนล้อมวงพูดคุยกันเสียงเบา
“ทำยังไงดี?”
“จริงๆ ก็รังแกกันเกินไปแล้ว!”
“อาจารย์จางเป็นคนดีมากนะ”
“ใช่ ฉันคิดไม่ออกเลยว่าคนทำการกุศลแบบนี้เองก็จะถูกคนเกลียดด้วย!”
“คนเขาบริจาคร้อยล้านดอลลาร์แล้ว ออกเงินออกแรงออกอุปกรณ์ของตัวเองช่วยพวกเราถ่ายโฆษณาการกุศลก็แล้ว ขอถามหน่อย มีสักกี่คนบ้างที่ทำได้ถึงขั้นนี้?”
“ยิ่งไปกว่านั้นคนของอาจารย์จางก็เยี่ยมมาก นิสัยดีสุดๆ”
“ฉันก็ไม่เคยเห็นเขาฉุนเฉียวมาก่อนเลย”
“อาจารย์จางเย่ทำงานการกุศลด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ”
“พวกคุณดูสิ ขนาดตอนนี้อาจารย์จางยังยิ้มอยู่เลย มีความอดทนมากเลย”
“ใช่ เรื่องใหญ่ขนาดนี้แต่ยังไม่โกรธ เขาจิตใจดีมากจริงๆ”
อาสาสมัครหนุ่มสาวของกาชาดเอเชียได้รู้จักกับจางเย่ไม่กี่วันก็รู้สึกเคารพนับถือเขา ต่างสนับสนุนเขาเป็นเสียงเดียวกัน ดังนั้นสายตาที่มองพวกนักข่าวเกาหลีญี่ปุ่นเหล่านั้นจึงไม่ค่อยดีนัก ใครบอกว่าอาสาสมัครที่ทำงานการกุศลจะโกรธไม่เป็นกัน?
ในที่สุดงานก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ตัวแทนจากองค์กรการกุศลหยิบไมโครโฟนบนโต๊ะ เอ่ยยิ้มๆ ว่า “สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้คืองานแถลงข่าวเปิดตัวทูตสันถวไมตรีขององค์กรการกุศลแห่งเอเชีย พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เชิญอาจารย์จางเย่มารับหน้าที่เป็นตัวแทนของพวกเรา และรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้แบ่งปันข่าวดีนี้แก่สื่อในเอเชีย อาจารย์จางเย่เองก็คงไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับพวกคุณแล้ว ก่อนหน้านี้ อาจารย์จางเองก็เป็นคนทำงานแนวหน้าในงานการกุศลมาตลอด อย่างเช่น โฆษณาการประหยัดไฟฟ้าที่ออกอากาศในประเทศจีนเมื่อไม่กี่ปีก่อน ทั้งโฆษณาเลิกบุหรี่ ไม่รู้ว่าทุกคนจะยังจำกันได้ไหม?”
อีกฝ่ายพูดอยู่นาน
ในที่สุดก็วนมาถึงคราวจางเย่พูดแล้ว
จางเย่ยิ้มเล็กน้อย เอ่ยว่า “ขอบคุณทุกคนมากนะครับ แล้วก็ขอบคุณองค์กรการกุศลแห่งเอเชียด้วยที่เชื่อมั่นในตัวผม ให้รับหน้าที่นี้ พูดตามตรงผมเองก็มีความกดดันอยู่ แต่ก็รู้สึกมีแรงขับเคลื่อนด้วย ผมจะทำสุดความสามารถ ทำให้เต็มที่ ช่วยเหลือคนที่ผมสามารถช่วยได้”
อาสาสมัครจำนวนไม่น้อยมองมาที่เขาด้วยความเคารพ
พอจางเย่พูดจบพวกเขาก็ปรบมือให้แบบเอาเป็นเอาตาย!
คนจากสื่อประเทศจีนเองก็ค่อยๆ ปรบมือดังขึ้น!
มีเพียงสื่อจากเกาหลีและญี่ปุ่นเท่านั้นที่ไม่ได้กระตือรือร้นอะไร ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ
ตัวแทนลังเลเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ลำดับต่อไปเป็นช่วงเวลาถามคำถามของนักข่าว” เขามองนาฬิกาแล้วเอ่ยต่อ “เนื่องจากเวลาถ่ายทอดสดมีจำกัด ดังนั้นให้เพียงแค่สามคำถาม”
ยังไม่ทันเรียกคน นักข่าวญี่ปุ่นคนหนึ่งก็พลันลุกขึ้นยืน นักข่าวเกาหลีมองแวบหนึ่งแล้วก็ทยอยถามคำถามเช่นกัน ไม่ได้สนใจกฎเกณฑ์อะไรแล้ว
“ขอถามว่าเป็นไปได้ไหมที่จางเย่จะขอโทษเรื่องที่เคยใช้ความรุนแรงในอดีต?”
“อาจารย์จางเย่ ทำไมคุณถึงลงมือโจมตีลีอันซู?”
“เรื่องที่คุณโจมตีปาร์คแจซัง คุณมีคำอธิบายอะไรไหม?”
“ฉันอยากถามคนของกาชาดว่าพวกคุณมีมาตรฐานอะไรในการคัดเลือกทูตสันถวไมตรี?”
“จางเย่ ขอให้คุณกล่าวคำขอโทษด้วย!”
“ตอนนี้เป็นการถ่ายทอดสดของเอเชีย คนทั้งเอเชียกำลังจับตาดูคุณอยู่ คุณรับหน้าที่เป็นทูตสันถวไมตรีของเอเชียแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ควรทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี ควรมีมารยาทสักหน่อย นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด คุณควรขอโทษอย่างเป็นทางการที่คุณเคยทำร้ายประชาชนชาวญี่ปุ่นและเกาหลี แบบนี้ถึงจะได้รับความเคารพและการให้อภัยจากทุกคน!”
นักข่าวเกาหลีและญี่ปุ่นล้วนลุกขึ้นต่อต้าน ภาพฉากนั้นประหนึ่งตกลงกันมาก่อนแล้วอย่างไรอย่างนั้น!
งานแถลงข่าวเหมือนจะกลายเป็นงานประณามไปเสียแล้ว!
……
ที่ญี่ปุ่น
“ใช่!”
“ขอโทษ!”
“ขอโทษ!”
……
ที่เกาหลี
“รีบขอโทษอย่างเป็นทางการเดี๋ยวนี้!”
“ขอโทษในงานถ่ายทอดสดเลย!”
“เร็วสิ!”
……
ที่จีน
“ขอโทษน้องสาวแกสิ!”
“เชี่ย!”
“ได้คืบจะเอาศอกเหรอ?”
“ทำไมจางเย่ไม่พูดอะไรเลยล่ะ!”
“เจ้าหมอนี่ยังมัวแต่วางท่าอยู่อีกเหรอ?”
“เฮ้อ อาจารย์จางทำงานการกุศลจนโง่งมไปแล้ว!”
……
ในงานแถลงข่าว
สถานการณ์ถูกควบคุมไว้อย่างรวดเร็ว
สื่อเกาหลีกับญี่ปุ่นชุลมุนวุ่นวาย อาสาสมัครและสตาฟจึงเข้าไปห้ามแต่ผลลัพธ์เองก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่
ตัวแทนตัดสินใจจบช่วงถามคำถามของนักข่าวอย่างรวดเร็ว “ลำดับต่อไปจะขอเชิญอาจารย์จางมาเขียนพู่กันให้พวกเราอีกครั้ง ผลงานการเขียนพู่กันนี้จะนำมาประมูลในงานประมูลภายในหนึ่งเดือน เงินที่ได้รับมาทั้งหมดจะนำมาใช้ในการทำการกุศลของเอเชีย พวกเราขอขอบคุณในความใจกว้างของอาจารย์จางเป็นอย่างมาก”
เสียงปรบมือดังขึ้นเปาะแปะ
ส่วนใหญ่เป็นเสียงปรบมือจากอาสาสมัคร
พู่กัน หมึก กระดาษ แท่นฝนหมึกถูกยกขึ้นมาแล้ว ทั้งหมดถูกเตรียมไว้เรียบร้อยก่อนหน้านี้
ตัวแทนรีบเอ่ยว่า “อาจารย์จาง เชิญ”
จางเย่พยักหน้า “ครับ”
คนส่วนมากรู้ว่าผลงานเขียนพู่กันที่จางเย่จะแสดงในวันนี้คือ ‘แดงทั่วธาร-ไร้ขอบเขต’ นี่เป็นกลอนที่มีชื่อเสียงอย่างมากในยุคใกล้[1] เนื้อหาแสดงถึงความรักอันยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต เข้ากับสถานการณ์มาก นำผลงานนี้มาแสดงเป็นอย่างสุดท้ายก็นับว่าเป็นการปิดฉากที่สวยงาม การกุศลไม่แบ่งแยกชนชาติแล้วก็มีเป้าหมายให้ทุกคนเปิดใจ ตัวแทนกาชาดเองก็หวังว่างานเขียนพู่กันของจางเย่จะสามารถทำให้เสียงด่าทอจากทางฝั่งเกาหลีและญี่ปุ่นสงบลงได้บ้าง
เหล่าอาสาสมัครเองก็เข้าใจ
คนอื่นๆ เองก็เข้าใจจุดประสงค์นี้
ทว่ากลับมีนักข่าวเกาหลีและญี่ปุ่นอีกสองสามคนโวยวายขึ้นมา
“ขอโทษ!”
“ขอโทษ!”
“ขอโทษเดี๋ยวนี้เลย!”
จางเย่จับพู่กันขึ้นมาแล้ว เขามองนักข่าวเกาหลีและญี่ปุ่นเหล่านั้นด้วยใบหน้าสงบนิ่ง จากนั้นก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง ปลายพู่กันจรดลงไป!
‘แดงทั่วธาร’
เหล่าอาสาสมัคร
“อักษรที่ดี!”
“ว้าว!”
“งดงามมาก!”
สื่อจีน
“อักษรสิงซู!”
“อักษรตวัดกึ่งบรรจงสิงซูอีกแล้ว!”
“จริงๆ แล้วแดงทั่วธาร – ไร้ขอบเขตก็ไม่เลวเลย!”
“ฉันเองก็ชอบกลอนบทนี้”
ทว่าตอนที่จางเย่จรดปลายพู่กันลงไปอีกรอบ คนจำนวนมากก็พากันงุนงง
“เล็กๆ?”
“อักษรสองตัวแรกเป็นตัวนี้เหรอ?”
“ไม่ใช่นี่?”
“ใช่ ฉันจำได้ว่าไม่ใช่”
“เอ๋ เขาเขียนผิดเหรอ?”
“เฮ้อ อาจารย์จางที่ยอดเยี่ยมในด้านวรรณกรรมไม่น่าผิดพลาดร้ายแรงในจุดเล็กๆ แบบนี้นะ?”
“แต่เขาเขียนผิดจริงๆ นี่นา!”
“แย่แล้ว กำลังออกอากาศอยู่ด้วย!”
ตัวแทนงุนงง!
เหล่าอาสาสมัครงุนงง!
นักข่าวเกาหลีญี่ปุ่นพากันหัวเราะ ท่าทางเหมือนกำลังดูเรื่องสนุก!
เขียนผิดเหรอ?
สมน้ำหน้า!
สมน้ำหน้าแกแล้ว!
ฮ่าๆๆๆๆๆ!
ทว่าปลายพู่กันของจางเย่ยังพลิ้วไหวต่อไป ตอนที่แสดงพลังผ่านการเขียนอักษรแต่ละตัว เสียงหัวเราะของสื่อเกาหลีญี่ปุ่นก็หยุดลงทันที สื่อจีนปากอ้าตาค้าง เหล่าอาสาสมัครของกาชาดตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก ประชาชนชาวจีน ญี่ปุ่น เกาหลีและประเทศอื่นๆ ที่กำลังดูอยู่หน้าจอโทรทัศน์เองก็ประหลาดใจจนผุดลุกขึ้น!
ทุกตัวอักษรล้วนทำให้ตกตะลึง!
ทุกตัวอักษรล้วนดุดัน!
“โลกใบเล็กจ้อย แมลงวันน้อยๆ พุ่งชนกำแพง”
“ร้องหึ่งๆ บ้างโศกเศร้า บ้างสะอื้นไห้”
“คนตัวเล็กจ้อยลำพองอวดโอ่ประเทศ คนยกตนสูงหรือจะพูดถึงความเปลี่ยนแปลง”
“ลมตะวันตกพัดใบไม้โปรยลงฉางอัน ลูกธนูนกหวีดลอยละล่อง”
“เรื่องมากมายเร่งเรื่อย ฟ้าดินหมุนเปลี่ยน เวลาผันแปร”
“หมื่นปีนานเกินไปไฉน เร่งคว้าไว้ทุกโมงยาม”
“สี่สมุทรป่วนเมฆน้ำกราดเกรี้ยว สั่นสะเทือนห้าแดนดิน”
“กวาดล้างคนชั่วให้สิ้น จึ่งไร้เทียมทาน”
จบแล้ว!
ปิดท้าย!
ทำสำเร็จลุล่วง!
ในปีนี้
ในวันนี้
ในนาทีนี้
‘แดงทั่วธาร – กับสหายกัวโม่รั่ว!’[2] ปรากฏบนเวทีอย่างสั่นสะเทือน!
—————————
[1] ยุคใกล้เป็นยุคตั้งแต่ 1849 – 1949 หลังสงครามฝิ่น เป็นยุคที่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เริ่มเสื่อมอำนาจ
[2] นักประพันธ์ชาวจีน