ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar - ตอนที่ 1411 : จะเป็นพ่อคนแล้ว!
ชั้นบน
ห้องทำงานของคุณอู๋
จางเย่ผลักประตูเข้าไป เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ก็หยิบกาชาขึ้นมา โรยใบชาลงไปแล้วชงชาให้ตนเองหนึ่งแก้ว จากนั้นก็นั่งลงจิบชา
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตู
จางเย่ตะโกนตอบ “เข้ามาได้”
ไป๋ลี่เดินเข้ามา “คุณจาง ได้ยินว่าคุณอยู่ที่นี่”
“พอดีเลย” จางเย่หยิบเอกสารออกมา “ที่อู๋ต้องการ”
ไป๋ลี่หัวเราะคิกคักก่อนรับไป “ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันเอาให้รองบังคับการอู๋เองค่ะ ตอนนี้เธอกำลังประชุมอยู่ คาดว่าคงใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วโมง คุณก็รออีกสักครู่นะคะ”
จางเย่เบ้ปาก “คุณอู๋ก็เถอะ ทำไมช่วงนี้ถึงลืมนั่นลืมนี่บ่อยนักก็ไม่รู้”
ไป๋ลี่คิดแล้วคิดอีก ก่อนจะพูดอย่างกังวลว่า “ดูเหมือนว่าช่วงนี้ร่างกายรองบังคับการอู๋จะไม่ค่อยดีค่ะ”
จางเย่ตกใจ “จริงเหรอ?”
ไป๋ลี่ “หลายวันนี้ไม่สบายบ่อยๆ ค่ะ”
จางเย่ส่งเสียงอืมตอบ “ทำไมผมถึงไม่รู้ล่ะ?”
ไป๋ลี่ “รองบังคับการอู๋คงกลัวคุณจะเป็นห่วงเลยไม่ได้บอก”
จางเย่โมโห “เฮ้อ อู๋นี่นะ!”
ไป๋ลี่ “ถ้างั้นฉันขอเอาเอกสารไปให้เธอก่อนนะคะ”
เลขานุการไป๋เดินออกไปและปิดประตู จางเย่อดตำหนิตัวเองไม่ได้ วันๆ เขาสนใจแต่เรื่องทะเลาะกับคนอื่น สนใจแต่เรื่องจะขึ้นสู่ระดับ S ของเอเชีย แม้แต่เรื่องที่คุณอู๋ไม่สบายก็ดูไม่ออก เขานี่มันเป็นสามีที่ไร้ความสามารถจริงๆ ทบทวน เขาต้องทบทวนตัวเองแล้ว!
เป็นหวัดเหรอ?
หรือเป็นโรคอื่น?
แต่จางเย่กลับไม่กังวลแม้แต่น้อย ในมือเขายังมี ‘น้ำแร่เพื่อสุขภาพ’ ที่สุ่มได้จากลอตเตอรี่ครั้งที่แล้วอยู่ ไม่ต้องพูดถึงอาการไม่สบายเป็นไข้หรือโรคร้ายแรงอย่างอื่น แม้ว่าคุณจะเหลือแค่ลมหายใจสุดท้าย เขาก็สามารถช่วยชีวิตกลับมาได้ อย่างมากก็แค่เอา ‘น้ำแร่เพื่อสุขภาพ’ นี้ให้คุณอู๋กินต่างยาแก้หวัดไปแล้วกัน!
สำหรับภรรยาสุดที่รักของตนเอง จางเย่ไม่เคยขี้เหนียว
กรี๊งกรี๊งกรี๊ง
เสียงมือถือดัง มีสายโทรเข้า
จางเย่หยิบมือถือขึ้นมามอง เมื่อเห็นเบอร์โทรก็หัวเราะออกมา เป็นสายจากสตาร์ควีนฉีเหม่ยหลัน
จางเย่ “ฮัลโหล? พี่สาวหลัน”
ฉีเหม่ยหลัน “ขอบคุณนะ”
จางเย่ “สำเร็จแล้วเหรอ?”
ฉีเหม่ยหลัน “เหอะๆ มีคุณออกหน้าให้ เรื่องไหนในสมาคมสื่อฯ จะไม่สำเร็จบ้างล่ะ? จัดการเรียบร้อยแล้ว อนุมัติในตอนนั้นเลย คุณช่วยพวกเราครั้งใหญ่ ถ้าไม่ได้คุณ กำหนดการสำคัญในอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้คงทำไม่ได้แล้ว ถ้าหนังถูกตีกลับ บ็อกซ์ออฟฟิศและชื่อเสียงของเราคงโดนถล่มเละ สูญเสียกันทุกฝ่ายแน่นอน”
จางเย่ “โอเค จัดการเรียบร้อยดีก็ดีแล้ว คุณก็ด้วย สายก่อนหน้านี้ก็คือเรื่องนี้ใช่ไหม?”
ฉีเหม่ยหลัน “ใช่แล้ว แต่พอมาคิดดู ก็เกรงใจเกินไปที่ไปขอให้คุณช่วย”
จางเย่ “เฮ้อ เรื่องแค่นี้เอง มีอะไรต้องเกรงใจ”
ฉีเหม่ยหลันหัวเราะ “ฉันเพิ่งรู้จากเสี่ยวหยาง คุณเท่มากตอนอยู่ที่ SARFT เสี่ยวหยางบอกว่าเธอเข้าไปถึงก็เบลอไปแล้ว ไม่กล้าพูดสักประโยค แล้วยังบอกอีกว่าเพราะคุณมีสถานะสูงส่ง ขอให้ฉันมาขอบคุณคุณให้ดีๆ ด้วย”
จางเย่ “ฮ่า เป็นเพราะสถานะของภรรยาผมทั้งนั้น คนในครอบครัวอย่างผมก็เลยพลอยได้รับเกียรติไปด้วย”
ฉีเหม่ยหลัน “ยังไงฉันก็ติดหนี้บุญคุณคุณครั้งใหญ่ คุณหาเวลาว่าง ฉันจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงข้าวคุณเอง”
จางเย่ “เรื่องเล็กน้อยน่า ไม่ต้องเกรงใจ”
ฉีเหม่ยหลัน “ไม่ได้หรอก ตกลงตามนี้นะ”
จางเย่ “โอเค เอางั้นก็ได้ครับ”
หลังจากวางสาย เขาก็นั่งรออยู่ตรงนั้น
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ในที่สุดเสียงก้าวเดินของรองเท้าส้นสูงก็ดังขึ้นด้านนอกประตู
อู๋เจ๋อชิงเปิดประตูเดินเข้ามา มองเห็นสามีที่นั่งบนโซฟาก็ยิ้มออกมา “มาแล้วเหรอ?”
จางเย่กลอกตา “ผมมาได้หนึ่งชั่วโมงแล้ว”
อู๋เจ๋อชิงปิดประตู “ฉันนึกว่าเธอกลับไปนานแล้วเสียอีก”
“ผมกลับไปเมื่อไรกันล่ะ” จางเย่ลุกขึ้น “เลขาฯ ไป๋บอกผมว่าหลายวันมานี้คุณไม่ค่อยสบาย เป็นอะไรหรือเปล่า? ไม่สบายตรงไหน?”
อู๋เจ๋อชิงอึกอัก “ไม่เป็นไร”
จางเย่หรี่ตา “ไม่เป็นไรยังไง”
คุณอู๋หัวเราะ “ก็รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ปวดหัวนิดหน่อย”
“ยังจะบอกว่าไม่เป็นอะไรอีกเหรอ?” จางเย่ฟังจบก็ร้อนรน “ไปๆๆ ไปตรวจที่โรงพยาบาลกัน!”
คุณอู๋โบกมือ “ไม่ต้องหรอก เรื่องเล็กน้อยจะไปโรงพยาบาลทำไมกัน”
จางเย่ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น “ไม่ได้ ต้องไป คุณไปกับผมเลย!”
อู๋เจ๋อชิงกลับพูดว่า “งั้นก็ได้ เธอรอวันพรุ่งนี้เถอะ รอฉันทำงานให้เสร็จก่อน”
จางเย่เสียงดัง “ต้องวันนี้ ตอนนี้เท่านั้น คุณรีบเลย!”
อู๋เจ๋อชิงอดหัวเราะไม่ได้ “เธอนี่นะ ตัวเองป่วยให้ตายยังไงก็ไม่ยอมไปหาหมอ คนอื่นปวดหัวตัวร้อนนิดหน่อย นายก็จะพาเขาไปให้ได้ โอเค ก็ได้ ไปกันเถอะ เชื่อฟังสามีของฉัน”
จางเย่ล้วงกุญแจรถออกมา “นั่นก็ถูกต้องแล้ว ไปกันเถอะ”
พวกเขาขับรถออกไป ทั้งสองคนก็มาถึงโรงพยาบาล
ระหว่างทางจางเย่โทรศัพท์ไปไหว้วานคนผู้หนึ่ง ญาติของเหยาเจี้ยนไฉคนหนึ่งเป็นหัวหน้าแผนกอยู่ที่โรงพยาบาล จึงไม่จำเป็นต้องรอคิว
ตรวจร่างกาย
วินิจฉัยโรค
ทำครบทุกกระบวนการเสร็จเรียบร้อย
เมื่อเห็นผลตรวจ ทั้งจางเย่และอู๋เจ๋อชิงต่างก็ตกตะลึง!
คุณอู๋ตั้งครรภ์!
จางเย่กะพริบตา “หา?”
อู๋เจ๋อชิงลูบท้องของเธออย่างระมัดระวัง “แน่ใจเหรอคะ?”
หมอหัวเราะ “แน่ใจสิครับ ยินดีด้วยครับ”
จางเย่ร้องตะโกนออกมา “วู้ฮู้ว!”
อู๋เจ๋อชิงก็ยิ้มออก “เบาเสียงลงหน่อย นี่โรงพยาบาลนะ”
จางเย่รีบหุบปากลงแต่กลับคุมความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ เขาตบขาตัวเองไม่หยุด ไม่รู้จะดีใจยังไงแล้ว “งั้นภรรยาผมไม่มีอาการป่วยจากสาเหตุอื่นแล้วใช่ไหมครับ?”
หมอหัวเราะ “ไม่ได้ป่วยครับ ภรรยาคุณสุขภาพแข็งแรงมาก อาการอ่อนเพลียและเวียนศีรษะเป็นอาการปกติของการตั้งครรภ์ จากนี้ต้องพักผ่อนให้ดี แล้วก็ใส่ใจเรื่องอาหารการกินด้วยนะครับ”
จางเย่จับมือของหมอเอาไว้ “ขอบคุณมาก ขอบคุณมากครับคุณหมอ!”
หลังจากออกจากโรงพยาบาล
จางเย่ก็ขับรถพาคุณอู๋กลับบ้าน
ระหว่างทางเขาก็หัวเราะอย่างมีความสุข แล้วก็รีบโทรแจ้งข่าวดีกับพ่อแม่
ทางด้านอู๋เจ๋อชิงเองก็ยิ้มแย้ม ก่อนจะโทรไปหาพ่อแม่ของเธอเช่นกัน
……
ตอนกลางวัน
ที่คฤหาสน์
ทั้งสองคนเพิ่งก้าวเท้าเข้าประตูไป พ่อแม่ของทั้งคู่ก็มาถึงพร้อมกัน ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความปีติยินดี!
อู๋ฉางเหอดีใจมาก “ท้องจริงเหรอ?”
จางเย่กลอกตา “พ่อครับ เรื่องแบบนี้พูดเล่นได้เหรอ?”
หลี่ฉินฉินรีบพูด “แม่ขอดูผลตรวจหน่อย ให้แม่ดูหน่อย!”
แม่ของจางเย่คว้าใบผลตรวจไปดูพร้อมหลี่ฉินฉิน
จากนั้นทั้งคู่ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างเบิกบานใจ “จริงๆ ด้วย!”
พ่อของจางเย่ก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน “ดี! ดี! ดี!”
ดวงตาหลี่ฉินฉินแดงเรื่อ น้ำตาใกล้จะไหลออกมาอยู่รอมร่อ “เจ๋อชิงของฉันอายุมากกว่าเย่น้อยหลายปี นับปีกันแล้ว ฉันยังกลัวว่าเธอจะตั้งครรภ์ยาก ตอนนี้สบายใจแล้ว! ตอนนี้สบายใจแล้วจริงๆ!”
ข่าวนี้กะทันหันเกินไป จางเย่และอู๋เจ๋อชิงไม่ได้เตรียมตัว พ่อแม่ของทั้งสองก็ไม่ได้เตรียมใจเช่นกัน เรื่องน่ายินดีที่ส่งมาจากสวรรค์ ทำให้ทุกคนในครอบครัวทั้งตกใจทั้งดีใจ!
หลังจากนั้นคุณอู๋ก็ถูกห้อมล้อมแล้ว
“เจ๋อชิง ลูกต้องระวังเรื่องการกินให้ดีนะ!”
“ถูกต้อง อย่ากินอาหารรสจัด!”
“ลูกอายุมากแล้ว ช่วงสามเดือนแรกสำคัญมาก!”
“ตั้งแต่วันนี้ไปลูกไม่ต้องทำงานล่วงเวลาแล้ว!”
“ไม่ต้องอยู่หน้าคอมทั้งวันอีกแล้วนะ รังสีมันมากเกินไป!”
พ่อแม่สองครอบครัวต่างผลัดกันพูดอยู่รอบตัวอู๋เจ๋อชิง จางเย่ไม่สามารถแทรกได้เลย หมอนี่ไม่รู้อะไรสักอย่าง ได้แต่ฟังอยู่เงียบๆ และจดจำสิ่งที่พ่อแม่บอกไว้อย่างดี
อู๋เจ๋อชิงยิ้ม “ค่ะ หนูเข้าใจแล้ว”
แม่ยังคงปลาบปลื้ม “เยี่ยมไปเลย นี่มันเยี่ยมที่สุด!”
หลี่ฉินฉินหัวเราะ “ยินดีด้วยนะคะพี่ พี่จะเป็นคุณย่าแล้ว”
แม่ตอบ “พี่ต้องยินดีกับเธอสิ จะได้เป็นคุณยายแล้ว”
อู่เจ๋อชิงนั่งลงตรงนั้นอย่างนุ่มนวล ดูออกว่าในใจของเธอเองก็มีความสุขมากเช่นกัน จากนั้นเมื่อดูเวลา เธอก็ลุกขึ้นยืน “เที่ยงแล้ว ต้องไปทำกับข้าวแล้วล่ะค่ะ”
จางเย่ตะโกนขึ้นมาทันที “คุณหยุดอยู่ตรงนั้นเลย!”
อู๋เจ๋อชิงหันกลับมา “หืม ทำไมเหรอ?”
จางเย่จ้องเขม็ง “นั่งลงเถอะ ไม่ต้องขยับแล้ว วันนี้เป็นต้นไปคุณไม่ต้องทำงานแล้ว เรื่องงานบ้านให้ผมจัดการเอง ถึงเวลาที่ลูกพี่คนนี้ต้องแสดงออกบ้างแล้ว!”
อู๋เจ๋อชิง “ฉันยังทำได้น่า เพิ่งจะกี่เดือนเอง”
จางเย่ “ไม่ได้ ผมทำกับข้าวเอง!”
อู๋เจ๋อชิง “ฉันทำเอง เธออยู่คุยกับพ่อแม่เถอะ”
จางเย่ “คุณไม่ต้องทำ ผมทำเอง!”
อู๋เจ๋อชิง “เธอพอได้แล้วน่า”
ทั้งสองยื้อแย่งกัน
แม่ร้องไอ้หยาคำหนึ่ง “พอแล้ว แม่ทำเอง”
ฟังดังนั้น จางเย่ก็พูดอย่างไม่ลังเลสักนิดว่า “โอเค ให้แม่ผมทำเถอะ”
แม่แทบจะเป็นลม “โอย ไอ้ลูกชายตัวดีมันหลอกขายฉันเหรอนี่?”
ทุกคนต่างหัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆๆ!”