ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar - ตอนที่ 1416 : ฉันอยากฟาดสิบคัน!
ทั้งบริเวณวุ่นวายขึ้นมาแล้ว!
มีคนร้องโวยวาย!
“อ๊า!”
“โคตรเท่เลย!”
“ตาฉันบอดไปแล้ว!”
“ฮีโร่สาว! ฮีโร่สาว!”
“โคตรตื่นตาเลย!”
“เพิ่งเปลี่ยนเป็นกระจกกันกระสุนแผ่นใหม่ไม่ใช่เหรอ?”
“นี่มันใครกันเนี่ย!”
“สัตว์อสูร! อสูรแท้ๆ เลย!”
“อาจารย์จางกับเธอยังเป็นคนปกติรึเปล่าน่ะ?”
“เชี่ยเอ๊ย สองคนนี้แม่งประกอบขึ้นจากเหล็กเรอะ? แม่หนูน้อยนั่นก็เหมือนกัน เห็นแรงตอนเธอปาอิฐรึเปล่า? นั่นไม่ใช่กำลังของเด็กเก้าขวบเลยสักนิด! ลูกฉันสิบสี่แล้วยังไม่มีแรงขนาดนั้นเลย! แถมยังเป็นลูกชายด้วยนะ!”
“ครอบครัวนี้มาเพื่อตอกหน้าชาวบ้านจริงๆ!”
“ขอคารวะแล้ว!”
ฮาฉีฉีเองก็ตะลึง เธอเบือนหน้าไปด้านข้าง “ผู้กำกับจาง!”
จางจั่วเองก็ขาอ่อน “ผู้กำกับจาง เจ๊ เจ๊เหรา!”
เสี่ยวหวังเสี่ยวโจวเองก็ร้องลั่น “เจ๊เหราร้ายกาจมาก!”
จางเย่ใช้แค่สองฝ่ามือก็ฟาดจนกระจกกันกระสุนแตก เรื่องนี้พวกเขายังรับกันไม่ได้เลย แต่ตอนนี้ เหราอ้ายหมิ่นที่ปกติปากร้ายไม่สนใจใครก็ยังฟาดกระจกกันกระสุนแตกได้ด้วย ทั้งยังฟาดไปแค่ครั้งเดียวเท่านั้น! พวกเขาจึงได้แต่ตกตะลึง!
เกิดอะไรขึ้น!
นี่มันเรื่องอะไรกัน!
พวกเขายังเป็นมนุษย์โลกอยู่รึเปล่า?
มีแต่เฉินเฉินที่ไม่ได้ตกตะลึงไปด้วย ทั้งยังร้องเชียร์ “ป้า! เอาอีก! เอาอีก!”
เหราอ้ายหมิ่นเหลือบมองผู้จัดการที่ยืนเซ่อ “ฟาดหนึ่งฟรีหนึ่ง แล้วรถฉันล่ะ?”
ผู้จัดการคนนั้นมองเธออย่างโง่งม แล้วยื่นกุญแจรถคันใหม่ให้เธอโดยไม่รู้ตัว พนักงานคนอื่นๆ เองก็มองเหราอ้ายหมิ่นเหมือนเห็นเทพเซียนอย่างไรอย่างนั้น
แต่พริบตาต่อมา พวกเขาก็ต้องกระอักเลือด!
เหราอ้ายหมิ่นเก็บกุญแจไปด้วยความพึงพอใจ กำหมัดขึ้นแล้วประกาศลั่น “เอาอีก! ฉันจะฟาดอีกสิบคัน!”
ฟาดสิบคัน…
สิบคัน…
สิบ…
ผู้จัดการที่เพิ่งลุกขึ้นยืนขาอ่อนลงไปนั่งอีกรอบ!
น้องสาวเธอเซ่!
ยังจะฟาดอีก?
เธอยังฟาดได้อีก?
เสพติดไปแล้วงั้นเรอะ?
พวกเรามีรถไม่พอให้เธอฟาดหรอกนะ!
เหล่าพนักงานเองก็หน้าถอดสี!
“ไม่ได้แล้ว!”
“ฟาดไม่ได้แล้วครับ!”
“ใช่ค่ะ หนึ่งคนได้หนึ่งคันเท่านั้น!”
“เรื่องนี้พวกเราเขียนกฎไว้ชัดเจนนะคะ!”
พอฟัง เหราอ้ายหมิ่นก็เสียใจอย่างยิ่ง “อ้อ” คำหนึ่งก็เดินลงจากเวทีไป
ผู้จัดการกับเหล่าพนักงานจึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ชั่วขณะนั้นเอง มีผู้หญิงอีกคนเดินใกล้เข้ามา
หยางซูมาถึงแล้ว “ศิษย์พี่!”
จางเย่หันหน้ากลับไป พอเห็นเธอก็ยินดี “ทำไมเพิ่งมาถึงล่ะ?”
หยางซูบ่น “รถติดน่ะสิคะ พอข้าไปถึงที่ร้าน แต่พวกท่านทำไมกลับออกมากันแล้วล่ะ? เด็กเสิร์ฟบอกว่าท่านมาที่จัตุรัสนี่แล้ว เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?”
จางเย่ส่งเสียงอ้อคำหนึ่ง “มีอีเวนต์ฟาดรถน่ะ ฟาดได้หนึ่งคันได้รถฟรีหนึ่งคัน”
หยางซูตาเป็นประกาย “ท่านฟาดแล้ว?”
จางเย่ยิ้ม “ฉันกับเหล่าเหราฟาดกันไปคนละคันแล้ว”
หยางซูตื่นเต้น “งั้นฉันจะลองด้วย!”
เธอไม่ได้ทำเพื่อเงิน ยิ่งไม่ได้ต้องการรถด้วย แต่คิดว่านี่เป็นความท้าทาย ศิษย์น้องของจางเย่คนนี้ไม่เคยมีความคิดเรื่องอื่นๆ นอกจากเรื่องวิทยายุทธ์!
พอฝูงชนเห็นก็ขำจนแทบบ้า!
“เธอนี่เอง!”
“บอดี้การ์ดของจางเย่!”
“ใช่ๆๆ!”
“บอดี้การ์ดจางเย่มาแล้ว!”
“พรืด!”
“ต้องดุดันแบบนี้เลยเหรอ?”
“นัดชุมนุมยุทธภพเรอะ!”
พอได้ยินดังนั้น ผู้จัดการกับทีมงานก็สะพรึงไปแล้ว ชั่วขณะนั้นทุกคนต้องยอมแพ้!
อะไรนะ?
บอดี้การ์ด?
ถล่มย่าของลุงสามแกน่ะสิ!
จางเย่กับผู้จัดการส่วนตัวเขาเป็นแบบนี้ งั้นบอดี้การ์ดจะขนาดไหน!
แกจะฆ่าพวกเราให้สิ้นซากเลยเรอะ!
ทันใดนั้นผู้จัดการไม่รู้ว่าไปเค้นเรี่ยวแรงมาจากไหน รีบกระเสือกกระสนเข้ามาหยิบไมโครโฟน ก่อนประกาศลั่น “งานจบแล้วครับ! ขอประกาศว่าอีเวนต์ฟาดหนึ่งฟรีหนึ่งจบแล้วครับ! ไม่มีแล้ว! ไม่ฟาดแล้ว!”
ผู้ชมส่งเสียงหัวเราะและโห่ร้องทันที!
“บู่ว!”
“อี๋!”
“บู่วว!”
“ยอมแพ้แล้ว!”
“ฮ่าๆๆๆ!”
“ขำเป็นบ้าเลย!”
แต่หยางซูไม่พอใจนัก “แต่ฉันยังไม่ได้ฟาดเลยนะ!”
ผู้จัดการเหงื่อตก “ไม่มีแล้วครับ งานจบแล้ว!”
หยางซูไม่ค่อยยินยอม “ช้าไม่ได้ต้องการรถของพวกคุณสักหน่อย ฉันแค่อยากลองดูเท่านั้น!”
ผู้จัดการคนนั้นแทบร้องไห้แล้ว!
เจ๊!
เจ๊ที่รักคร้าบ!
คุณสามคนได้โปรดอย่าแกล้งพวกเราอีกได้ไหม!
จางเย่มองเขา “จบแล้วเหรอ?”
ผู้จัดการรีบว่า “ใช่ๆ จบแล้วครับ!”
จางเย่ชี้ไปที่รถคันก่อนหน้านี้ “งั้นที่หลานผมทำประตูรถคุณเสียล่ะ เราต้องจ่ายชดใช้เท่าไหร่?”
ผู้จัดการนั้นน้ำตานอง “ไม่ต้องชดใช้แล้วครับ ไม่ต้องแล้ว เรื่องนี้เป็นเพราะเราจัดการไม่ดีเอง จะไปว่าเด็กไม่ได้ ว่าไม่ได้!”
เหราอ้ายหมิ่นถลึงตาใส่ “งั้นเมื่อครู่คุณพูดอะไรกับหลานฉัน?”
ผู้จัดการนั้นรีบพูดกับเฉินเฉิน “ขอโทษนะ ขอโทษนะ เมื่อกี้อาใช้น้ำเสียงไม่ดีกับหนู ขอโทษนะ เห็นไหมว่างานเราจบแล้ว ไม่เหลืออะไรให้เล่นแล้ว อ้อ มีงานแสดงรถที่ห้างอยู่นะ ไม่ให้ผู้ปกครองพาหนูไปดูล่ะครับ?”
เฉินเฉินพูดเสียงเรียบ “ทางนั้นไม่เห็นน่าสนุกเลย”
เธอสนุก!
แต่พวกเราไม่สนุกด้วยเลยสักนิด!
พวกเราโดนคุณหนูอย่างเธอทำจนกลัวตัวสั่นแล้ว!
ผู้จัดการขอโทษขอโพย ขอร้องกระทั่งพวกเขายอมจากไป แต่ในใจรู้ดีว่าคลื่นลมเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น!
ฝูงชนเริ่มขยับแล้ว!
โทรศัพท์!
โพสต์เวยป๋อ!
ข่าวกระจายออกไปในทันที!
……
อีกด้านหนึ่ง
รถใหม่สองคันอยู่ตรงหน้า ล้วนเป็นรถกันกระสุนเจ็ดที่นั่ง
จางเย่หัวเราะ “ดูสิว่าเรื่องไปถึงไหน ออกมากินข้าวแท้ๆ กลับได้รถกลับไปสองคัน สตูดิโอเราอยากได้รถพอดีนี่นะ ไม่ต้องซื้อแล้ว เหล่าฮา เหล่าจั่ว เอารถไปคนละคันเถอะ ถือว่าให้พวกคุณสองคนได้รถประจำตำแหน่งก็แล้วกัน ไม่มีอะไรก็เอาไปใช้ที่บ้านได้”
ทว่าคนของสตูดิโอกลับยังคงตกตะลึงไม่หาย!
ฮาฉีฉีพูดขึ้นทันที “คุณทำได้ยังไงน่ะ?”
จางเย่ขำ “ผมบอกแล้วว่าผมกับเหล่าเหราความจริงเป็น ‘ยอดฝีมือในยุทธภพ’ พวกคุณเชื่อรึยัง?”
“อี๋!”
“แหยะ”
ทุกคนต่างเบ้ปากใส่
แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่เชื่อ และคิดว่าต้องมีเทคนิคหรือเคล็ดลับอะไรแน่นอน!
จางเย่โบกมืออย่างจนปัญญา “เอาล่ะ งั้นก็ไม่พูดแล้ว ไปๆ ขึ้นรถ”
แต่เมื่อขึ้นรถทุกคนก็ยังคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นต่อ
มีแค่หยางซูที่ยังยืนนิ่ง แล้วยืนหน้ารถ เคาะๆ ตรงกระจกรถด้วยสันหมัด
จางเย่ตระหนก “เธอคิดจะทำอะไร? นี่รถเหล่าฮากับเหล่าจั่วนะ เธออย่าคิดจะฟาดเชียวนะ” พูดจบเขาก็ยิ้ม “เอ้า หยุดมองได้แล้ว เธอฟาดไม่ไหวหรอก”
หยางซูไม่ยอมเชื่อ “ข้าทำไมจะฟาดไม่แตก?”
จางเย่หัวเราะ “นี่กระจกกันกระสุนนะ”
หยางซูยังคงดื้อดึง “แต่ข้าขอลองหน่อยสิ!”
ขณะนั้นเองเหราอ้ายหมิ่นก็พูดขึ้น “เธอฟาดไม่แตกหรอก”
พอหยางซูได้ยินดังนั้นก็ทั้งเคืองทั้งอับอาย ศิษย์พี่พูดอะไรก็ช่างเถอะ แต่ปรมาจารย์เหรากลับยังพูดแบบนั้นด้วย งั้นตัวเธอก็คงฟาดกระจกไม่แตกแน่ๆ พอคิดแล้วเธอก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไร แต่ก็ทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ตัวเธอยังห่างชั้นกับจางเย่และเหราอ้ายหมิ่นอีกมากนัก