ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar - ตอนที่ 1435 : ไม่เคยมีดาราคนไหนสร้างชื่อแบบนี้มาก่อน!
- Home
- ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar
- ตอนที่ 1435 : ไม่เคยมีดาราคนไหนสร้างชื่อแบบนี้มาก่อน!
เวลาเที่ยง
เก็บกระเป๋า
ยกกระเป๋าออกมา
จางเย่ลงลิฟต์มาชั้นล่าง พอเดินออกไปก็รู้ว่าพนักงานของทางโรงแรมล้วนหันมองเขาขณะเดินไปที่ฟรอนต์ เอาเอกสารออกมา
จางเย่ “คืนห้องครับ”
เธอรับไปทันที
แค่ชั่ววินาที
เธอก็ยื่นพาสปอร์ตคืนให้เขา
แล้วพูดอย่างรวดเร็ว “เสร็จแล้วค่ะ!”
จางเย่ “ไวขนาดนั้นเลย?”
พนักงานคนนั้นปาดเหงื่อ “ค่ะ ใช่ค่ะ”
จางเย่พยักหน้าก่อนจะหมุนตัวจากไป
พนักงานทั้งหลายต่างมองตามเขาเป็นตาเดียว
แต่จางเย่กลับหันมาพูด “ได้ล่ะ ไม่ต้องส่งแล้ว”
พนักงาน “หือ?”
จางเย่ “กลับกันไปเถอะ”
ใครส่งแกกัน!
แกเอาตาที่ไหนมามองว่าพวกเราส่ง?
พอจางเย่ออกจากโรงแรม เขาก็ยืนอยู่ริมฟุตบาท ยืดเหยียดตัวก่อนเปิดกระเป๋าเอาหน้ากากและแว่นกันแดดออกมาสวม เวลาที่ต้องเปิดเผยตัวตนเขาก็เปิดเผย แต่ตอนนี้เรื่องของโรงแรมอาซาคุสะจัดการเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาปกปิดตัวตนอีกครั้ง เขาข้ามถนนไปยังโรงแรมฝั่งตรงข้าม
ขึ้นไปชั้นบน
เขาเคาะประตู
เสี่ยวหวังเดินมาเปิด
ก่อนจะตะลึง “ผู้กำกับจาง?”
เสี่ยวโจววิ่งออกมา “อ๊ะ ผู้กำกับจางกลับมาแล้ว! โอเครีเปล่าคะ?”
จางเย่ยิ้ม “จะเกิดอะไรขึ้นได้ยังไงกัน?”
เสี่ยวซุนพูดลั่น “อาจารย์จาง ยอดเยี่ยมมากเลยครับ!”
เสี่ยวหวัง “ใช่ แก้ไขเรื่องราวได้แล้วด้วย!”
จางเย่หัวเราะ “เอาล่ะๆ เรื่องก็จัดการเสร็จแล้ว งั้นพวกเราทำงานต่อเถอะ ฉันไม่ได้มาญี่ปุ่นเพราะคนพวกนั้นอย่างเดียวสักหน่อย ก็แค่เรื่องเล็กๆ เอง”
ฮาฉีฉีหัวเราะ “ตอนนี้กำลังจัดการเรื่องการ์ตูนค่ะ”
“เอาล่ะ หาห้องให้ผมหน่อยสิ” จางเย่ว่า
เสี่ยวหวังพูดอย่างอารมณ์ดี “ค่ะ ฉันจะไปจัดการต่อเอง!”
เสี่ยวหวังเอาพาสปอร์ตของจางเย่ ลงไปชั้นล่างโดยไม่คิดอะไร
แค่ห้าหกนาทีให้หลัง เสี่ยวหวังก็กลับมาพร้อมสีหน้าจนปัญญา ด้านหลังเธอคือเหล่าผู้จัดการของโรงแรมผู้มีสีหน้าสะพรึง
ผู้จัดการหญิง “อาจารย์จางคะ เราไม่มีห้องเหลือแล้ว ไม่มีแล้วจริงๆ ค่ะ”
เสี่ยวโจว “เป็นไปไม่ได้ ก็เห็นยังว่างอยู่เลยไม่ใช่เหรอคะ?”
ผู้จัดการชายปาดเหงื่อ “ไม่มีแล้วจริงๆ ครับ ไม่เหลือเลย คุณไปหาที่พักที่อื่นได้ไหมครับ ได้โปรดเถอะนะครับ? ขอขอบคุณล่วงหน้าเลยครับ ถ้ายังไง พวกเราจะจ่ายค่าโรงแรมให้เอง ให้เราจ่ายเถอะครับ!”
ทุกคนต่างมีสีหน้าหวาดหวั่นพรั่นพรึงอย่างมาก
……
ตอนบ่าย
พวกเขาย้ายโรงแรม
เมื่อพนักงานต้อนรับได้รับพาสปอร์ตของพวกเขาก็ตะลึงไป!
“อ๊ะ จางเย่!”
“เปิดห้องหน่อยค่ะ”
“ไม่มีห้องแล้วค่ะ เต็มหมดแล้ว!”
“พวกคุณเพิ่งให้แขกชุดอื่นเช็กอินไปเมื่อกี้นี่?”
“ไม่มีห้องแล้วจริงๆ!”
“ห้องธรรมดาก็ไม่เป็นไรนะคะ”
“ห้องธรรมดาก็เต็มแล้วเหมือนกันค่ะ!”
……
เปลี่ยนอีกโรงแรม
ฟรอนต์ก็แสดงสีหน้าเช่นเดียวกับก่อนหน้า โทรหาผู้จัดการโรงแรมในทันที
เมื่อผู้จัดการทราบเรื่องก็แทบฉี่ราด “อย่ารับ! อย่ารับเด็ดขาด! บอกไปว่าโรงแรมเราเต็มแล้ว ถ้าไม่ได้ก็หยุดรับลูกค้าเลย! ไม่ต้องรับจองจากใครอีกแล้ว!”
โรงแรมวุ่นวายมาก!
ทุกคนต่างกลัวจนต้องการหยุดทำการค้าแล้ว!
……
สุดท้ายเป็นโรงแรมที่มีเจ้าของเป็นคนจีนที่ยอมรับการเข้าพักของจางเย่ แม้โรงแรมจะไม่ใหญ่โตและอยู่นอกเมืองไปหน่อย แต่บรรยากาศก็ดีมากๆ
เจ้าของโรงแรมเป็นชายร่างอ้วนที่ดูอบอุ่นเป็นกันเอง
ฮาฉีฉียิ้ม “ในที่สุดก็มีที่พักสักที”
เถ้าแก่อ้วนหัวเราะลั่น “พวกคุณวางใจเถอะ พักให้สบาย ผมไม่คิดเงินเลย อยากพักนานแค่ไหนก็เอาเลย ทำตามสบายได้เหมือนอยู่บ้านเลยนะ!”
จางเย่ “ไม่ได้ ยังไงเราก็ต้องจ่ายครับ”
เถ้าแก่อ้วนกลับว่า “ถ้าเปิดคนอื่นผมคิดเงิน แต่กับคุณผมไม่คิด ถ้าจ่ายคือคุณดูถูกผม ถ้าอยากจ่ายงั้นผมก็ไม่ต้อนรับแล้ว ฮ่าๆ ผมรับรองว่าไม่มีโรงแรมอื่นในโตเกียวที่ยอมรับจองคุณอีก พวกนั้นน่ะแตกตื่นไปกันหมด หลังทางโรงแรมอาซาคุสะแถลงจบไปไม่นาน ผมก็ได้ข่าวว่าโรงแรมในโตเกียวแห่งอื่นๆ ก็เริ่มใช้มาตรการรับแขกเข้าพักอย่างเข้มงวด ถ้าเป็นห้องที่จองจากจีนหรือทางองค์กรกาชาด ผู้จัดการต้องลงมาดูแลด้วยตนเอง เพราะพวกมันกลัวคุณไง กลัวว่าคุณจะไปพักที่นั่น พวกนั้นเห็นคุณเป็นระเบิดเวลาไปหมดแล้ว”
เสี่ยวหวังเสี่ยวโจวไม่พูดอะไร เอาแต่หัวเราะ
ระเบิดเวลา?
ฝีปากระดับจางเย่น่ะ ยิ่งกว่าระเบิดเวลาเสียอีก!
ในที่สุดทุกคนก็จัดการตัวเองจนเรียบร้อย
หลังจางเย่กลับเข้าห้องก็ชาร์จโทรศัพท์ กว่าจะรู้ตัวว่าเขามีสายที่ไม่ได้รับจำนวนมาก ขณะที่กำลังจะโทรกลับก็มีสายเข้ามาแล้ว
“ครับแม่”
“ทำไมฉันติดต่อแกไม่ได้ตั้งนานล่ะ?”
“อ้อ ผมเพิ่งได้ชาร์จมือถือน่ะ”
“เจ็บตัวรึเปล่า?”
“เปล่าครับ สบายดี”
“ไอ้เด็กคนนี้! แกนี่มันหาแต่เรื่อง ฉันน่าจะรู้แต่แรกแล้วว่าแกไปต่างประเทศต้องไม่มีเรื่องดีแน่!”
“ฮ่าๆๆ อู๋ล่ะครับ?”
“สบายดี ฉันไปทำกับข้าวให้เจ๋อชิงทุกวัน”
“ลำบากแม่หน่อยนะครับ อีกสองวันผมจะกลับบ้านแล้ว”
“กลับมาไวๆ ล่ะ”
จางเสีย
เหยาเจี้ยนไฉ
เฉินกวง
ฉีเหม่ยหลัน
มีสายจากเพื่อนๆ และญาติพี่น้องโทรเข้ามาไม่ขาดสาย
จางเย่รับสายทั้งหมด
พอตกเย็นทุกคนก็เข้ามาประชุมในห้อง
ฮาฉีฉี “ผู้กำกับจางคะ ถ้าครั้งหน้าจะทำอะไร อย่างน้อยก็บอกเราล่วงหน้าให้เราเตรียมใจกันก่อนได้ไหมคะ คุณรู้ไหมว่าช่วงหลายวันที่โรงแรมที่คุณพักโดนคนบุกล้อมพวกเราต้องหวาดหวั่นขนาดไหน? พวกเราหลับยังไม่ลงด้วยซ้ำ”
ทว่าจางเย่กลับปัดตก “ไม่เห็นจะมีอะไรเลย”
เสี่ยวโจวหัวเราะขื่นๆ “กับคุณไม่มีอะไร แต่กับเราเนี่ยถือว่ามีอะไรนะคะ ออกมาทำงานกับคุณนี่แทบจะทำฉันหัวใจหยุดเต้นอยู่แล้ว ผู้กำกับจาง ครั้งหน้าอย่าเอาฉันออกมาด้วยเลยนะคะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว” เธอเว้นช่วง ก่อนถอนหายใจ “แต่เราก็ได้ประโยชน์จากงานนี้เหมือนกัน พอผ่านเหตุการณ์นี้ไป ฉันก็คิดว่าต่อให้เจอเรื่องใหญ่ๆ อะไรอีกในอนาคตก็ไม่กลัวแล้ว เป็นการฝึกฝนที่ดีค่ะ”
เสี่ยวหวังหัวเราะคิก “ใช่ๆ ทำงานกับอาจารย์จางนี่ได้เปิดหูเปิดตามากเลยนะ”
เสี่ยวซุนถาม “ระดับในทำเนียบระดับเอเชียของเราเพิ่มขึ้นอีกแล้วรึเปล่าครับ?”
ฮาฉีฉีดูนาฬิกา “เดี๋ยวเราก็จะได้รู้แล้วล่ะ”
แต่จางเย่กลับไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย ช่วงหลายวันนี้เขาไม่ได้ดูอันดับสักครั้ง “ขึ้นมาอีกแล้วเหรอ?”
ฮาฉีฉียิ้ม “หลังขึ้นมาถึงกลางทำเนียบระดับเอ ตำแหน่งของคุณก็ไม่ขยับเลย แต่หลายวันนี้ก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง ยังไงซะเรื่องที่โรงแรมอาซาคุสะก็เป็นข่าวใหญ่ มีใครในทวีปนี้ไม่รู้บ้าง พอมีข่าวแบบนี้ชื่อเสียงก็ต้องเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน ดูในเน็ตก็รู้ วันนี้ทั้งวัน นอกจากที่จีนแล้ว หลายประเทศรวมทั้งเกาหลีญี่ปุ่นก็พูดถึงแต่คุณ แถมยังวิเคราะห์กันด้วย คราวนี้แม้แต่ทางเกาหลีก็ชมเชยคุณ หวังว่าคราวนี้จะมีเรื่องให้เซอร์ไพรส์นะคะ”
จางเย่ “เอาล่ะ งั้นก็รอดูแล้วกัน”
หนึ่งชั่วโมง
สองชั่วโมง
ทุกคนนั่งคุยกันและดื่มชาไปพลาง
ขณะเดียวกัน คนในวงการทั้งจีนญี่ปุ่นเกาหลีและที่อื่นๆ เองก็รอดูการอัปเดตของทำเนียบเช่นกัน ทุกคนต่างสงสัยในอันดับของจางเย่
พอถึงเวลาอัปเดต
ทุกคนก็ได้เห็น
หนึ่งอันดับ!
สองอันดับ!
จางเย่ไต่ทำเนียบขึ้นไปอีกสองอันดับแล้ว!
……
ประเทศจีน
“เชี่ย!”
“รีบดูทำเนียบเอเชียเร็ว!”
“ขึ้นอีกแล้ว! ค่าชื่อเสียงจางเย่ขึ้นอีกแล้วเหรอ!”
“หือ?”
“ชื่อเสียงขึ้นแบบนี้ก็ได้เหรอ?”
“จางแหยสุดยอดมาก!”
……
ประเทศญี่ปุ่น
“อะไรนะ?”
“ทำไมชื่อเสียงของหมอนั่นขึ้นมาอีกแล้วล่ะ?”
“ไอ้นักเลงนั่น! ทำไมยิ่งด่าชื่อเสียงมันยิ่งเพิ่มได้!”
“ใครจะไปรู้แม่งกัน! น่าโมโหจริงๆ!”
“ด่าดาราญี่ปุ่นเราเยอะขนาดนี้ แต่ชื่อเสียงมันยังเพิ่มได้อีก?”
……
ประเทศเกาหลี
“ขึ้นมาสองอันดับเลยเหรอ?”
“หมอนี่เข้าใกล้จุดสุดยอดของเอเชียอีกแล้ว?”
“ไม่หรอกมั้ง?”
“ยังจะมีอะไรน่าหยันมากกว่านี้อีก!”
“นั่นสิ ฉันไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย!”
“ทำไมคราวนี้ค่าชื่อเสียงเขาถึงเพิ่มขึ้นมากนักนะ!”
……
สองอันดับอาจจะไม่มากนักถ้าเป็นในทำเนียบระดับ C หรือต่อให้เป็น B ก็ยังพอรับได้ แต่พอเป็นระดับ A นั้นก็แตกต่างแล้ว เพราะทุกตำแหน่งที่เปลี่ยนแปลงในลิสต์นั้น ต้องใช้ค่าชื่อเสียงมหาศาล นั่นคือแค่หนึ่งอันดับเท่านั้น แต่ถ้าเป็นสองอันดับ ก็ต้องยิ่งมากกว่านั้นขึ้นไปอีก!
คนจำนวนมากล้วนตาค้าง!
หลายคนงุนงง!
ทำแบบนี้ก็ได้เรอะ?
นี่ก็เป็นวิธีขึ้นสู่การเป็นสตาร์คิงของเอเชียได้ด้วย?
ในประวัติศาสตร์ ไม่เคยมีดาราคนไหนมีชื่อเสียงขึ้นมาได้แบบนี้มาก่อน!