ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar - ตอนที่ 1451 : จางเย่คืนสู่สังเวียน!
หนึ่งวัน
สองวัน
สามวัน
ประเทศแถบเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ยังคงวิจารณ์อย่างล้นหลาม
โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่น ประชาชนเกือบทั้งหมดล้วนหลงไหลมึนเมา
“มันสนุกมาก!”
“เทศกาลอนิเมชัดๆ!”
“อนิเมดีๆ ขนกันออกมาหมดเลย!”
“ฉันก็ติดมาก!”
“อาจารย์ทั้งเจ็ดคนอย่างเทพเลย”
“รีบออกตอนใหม่เร็วเข้า!”
ในภูมิภาคเอเชียมีหลายคนที่ไม่เคยดูอนิเมมาก่อน ก็ถูกกระแสนี้ดึงเข้าไปอยู่ในกองทัพแฟนคลับอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
อนิเมทั้งเจ็ดเรื่องต่างผลัดกันรุกไล่ และทำลายสถิติของการ์ตูนญี่ปุ่นอยู่บ่อยครั้ง เดี๋ยวเรื่องนี้ขึ้นมา พักเดียวเรื่องนั้นก็ขึ้นมาแทน ไม่มีเรื่องอื่นอีก ตอนนี้ตลาดเอเชียทั้งหมดราวกับกลายเป็นสนามแข่งขันสำหรับอนิเมทั้งเจ็ดนี้เท่านั้น ไม่มีตัวเอกอื่นใดอีกแล้ว
ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
ตลอดจนประวัติศาสตร์ของวงการอนิเม
งานเลี้ยงเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
……
ที่สตูดิโอของจางเย่
เมื่อมาทำงานตอนเช้า ขวัญกำลังใจของทุกคนดีอย่างยิ่ง
“ผู้กำกับฮา อรุณสวัสดิ์”
“พี่จั่ว อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“ผลตอบรับเป็นยังไงบ้างแล้ว?”
“เล่มใหม่ของ ‘ดราก้อนบอล’ ทำลายสถิติอีกแล้ว”
“เยี่ยมเลย”
“เวอร์ชั่นอนิเมก็ด้วย เรตติ้งของ ‘โคนัน’ แซง ‘โดราเอมอน’ อีกครั้งแล้วค่ะ”
“ยังไงก็เป็นสถิติของพวกเราเองทั้งนั้น ฮ่าๆ”
“ใช่แล้ว สู้กันไปสู้กันมา ไม่มีใครรู้ว่าที่จริงแล้วเป็นผลงานของผู้กำกับจางทั้งหมด”
“ผู้กำกับจางวาดผลงานอะไรใหม่ไหม?
“ไม่รู้สิ หลายวันนี้ผู้กำกับจางไม่มีความเคลื่อนไหวเลย”
“เปิดประชุมทางวิดีโอเถอะ ถามเขาสักหน่อย”
“โอเค”
เมื่อทุกคนมาถึงพร้อมหน้าก็เข้าห้องประชุม
ฮาฉีฉีเปิดวิดีโอคอล และเชื่อมต่อกับผู้กำกับจาง
ตรู๊ดตรู๊ด การเชื่อมต่อวิดีโอสำเร็จแล้ว แต่เมื่อเห็นจางเย่ ทุกคนก็ต้องตกตะลึง อุทานออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า!
บนหน้าจอ จางเย่ดูเหมือนคนที่เพิ่งอพยพออกจากถ้ำผู้ลี้ภัย ผมไม่เป็นทรง หนวดเคราไม่โกน เสื้อผ้าก็เป็นชุดที่พวกเขาเห็นตั้งแต่ประชุมคอลกันครั้งก่อน สภาพเหมือนคนป่วย ตาปรือราวกับว่าจะล้มลงได้ทุกเมื่อ แค่ลมพัดมาเขาก็ปลิวได้แล้ว
เสี่ยวหวังร้องไอ้หยา
ฮาฉีฉีรีบร้อนถามเสียงดัง “ผู้กำกับจาง เกิดอะไรขึ้นคะ?”
จางจั่วก้ตกใจเช่นกัน “คุณเป็นอะไร? หรือว่าวาดการ์ตูนเรื่องใหม่อีกแล้ว?”
เสี่ยวหวังถาม “คุณวาดเพิ่มอีกกี่เรื่องคะ?”
ผลงานใหม่?
เพิ่มอีกกี่เรื่อง?
ฟังจบจางเย่ก็แทบจะกระอักเลือด!
จางเย่โมโห “ฉันจะวาดเรื่องใหม่ทำไมอีก ตอนนี้ก็ปาไปเจ็ดเรื่องแล้ว สัปดาห์นึงมีเจ็ดวัน เรื่องนึงต้องมีตอนใหม่สามตอน เฉลี่ยแล้วฉันต้องวาดวันละสามตอนเลยนะ ปกติลูกพี่ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ถึงจะวาดได้เยอะขนาดนี้ ตอนนี้วันนึงต้องวาดตอนใหม่สามตอน ฉันไม่ได้หลับมาสองวันแล้ว พวกเธอคิดว่าฉันเป็นไอรอนแมนหรือไง!”
หา?
คุณไม่ใช่ไอรอนแมนหรอกเหรอ?
แน่นอนว่าพวกเขาไม่กล้าถามออกไปจริงๆ
ฮาฉีฉีร้อนใจ “ไอ้หยา งั้นคุณรีบพักผ่อนเถอะค่ะ รีบไปพักผ่อนเลย”
จางจั่ว “ใช่ๆ ไม่ต้องวาดแล้ว”
จางเย่พูดอย่างไร้ชีวิตชีวา “ฉันโต้รุ่งจนวาดเสร็จหมดแล้ว ส่งไปให้ในอีเมลแล้ว พวกเธอไปดูเองนะ ไม่ไหวแล้ว ฉันต้องไปนอนสักหน่อย”
ฮาฉีฉี “ไปเถอะค่ะ คุณรีบไปเลย!”
หลังจากวางสาย
จางเย่กลับไปที่ห้องและล้มตัวนอนลง เขาไม่อยากขยับแม้แต่ปลายนิ้ว เจ้าหมอนี่กระตือรือร้นเกินไป เขาคิดจะสลับไปสลับมาระหว่างการ์ตูนทั้งเจ็ดเรื่องภายในครั้งเดียว สุดท้ายก็จบลงด้วยการเอาตัวเองเข้าแลก วันละสามตอนทุกวัน บางครั้งก็ต้องทำสี่ตอน ถึงจะเป็นจางเย่ก็รับไม่ไหว! ก่อนหน้านี้ตอนมองเห็นความสำเร็จที่สูงขึ้นๆ เขารู้สึกมีความสุขมาก ยังคุยโม้โอ้อวดกับคุณอู๋อยู่ทุกวัน แต่ตอนนี้เพียงแค่เห็นคำว่าการ์ตูนหมอนี่ก็ตัวสั่นแล้ว!
อดทนไปก่อน!
อดทนอีกนิดเดียว!
ชัยชนะอยู่ตรงหน้าแล้ว!
หนึ่งชั่วโมง
สามชั่วโมง
เขาผล็อยหลับไป ลืมตาตื่นอีกทีก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว
จางเย่สะลึมสะลือมองไปที่นาฬิกา จากนั้นก็กระเด้งตัวลุกนั่งบนเตียง “ไอ้หยา ยังไม่ได้ทำกับข้าวเลย” พูดจบก็รีบลุกจากเตียงลงไปชั้นล่าง
กลิ่นอาหารโชยมา
และยังมีกลิ่นหอมของข้าวที่หุงสุกแล้วลอยปะปนอยู่
จางเย่ตกใจ และรีบเร่งฝีเท้าลงไปชั้นล่างเร็วขึ้นกว่าเดิม
ชั้นล่าง สมาชิกในครอบครัวทั้งหมดต่างมากันครบ พ่อ แม่ หลี่ฉินฉิน อู๋ฉางเหอ ทางด้านห้องครัวกลับกลายเป็นว่าอู๋เจ๋อชิงกำลังทำอาหารอยู่
“พ่อ แม่”
“อ้าว เย่น้อยตื่นแล้ว”
“พวกแม่มาได้ยังไงครับ?”
“เจ๋อชิงโทรไปน่ะสิ”
จางเย่หันหน้าไป และพูดอย่างโมโห “อู๋ คุณทำอะไรเนี่ย”
อู๋เจ๋อชิงยิ้ม “ทำอาหารไง”
จางเย่บ่น “ใครให้คุณทำกัน! บอกแล้วนี่ว่าผมจะทำเอง!”
แม่พูด “แม่ก็พูดแล้ว แต่เธอจะทำเองให้ได้”
“อาหารมื้อนี้ต้องให้ฉันทำแล้วล่ะ” อู๋เจ๋อชิงหัวเราะ จากนั้นก็ขยับเท้าก่อนพูดว่า “ดูสิ เท้าฉันหายดีแล้ว หลายเดือนมานี้ฉันอยู่ว่างเกินไป ถ้ายังไม่ขยับอีกฉันคงจะเดินไม่ได้แล้วละ เย่น้อย รีบไปล้างมือเถอะ จะกินข้าวแล้วนะ”
จางเย่เดินเข้าไป และคุกเข่าลงจับเท้าเธอ “หายดีแล้วจริงเหรอ?”
อู๋เจ๋อชิงตอบกลับอย่างอ่อนโยน “อืม ดีขึ้นมากแล้วตั้งแต่สองวันก่อน”
อาหารพร้อมแล้ว
ทุกคนต่างนั่งล้อมวงกัน
ทันใดนั้นอู๋เจ๋อชิงก็ชูแก้วขึ้นมา เธอยิ้มและพูดว่า “ก่อนจะกินข้าว ฉันขอดื่มเพื่อขอบคุณสามีฉันก่อนหนึ่งแก้ว”
จางเย่หัวเราะ “ไอ้หยา ไม่ต้อง ไม่ต้องหรอก”
อู๋ฉางเหอกลับพูดว่า “ต้องขอบคุณ”
หลี่ฉินฉินก็ซาบซึ้ง “ช่วงหลายเดือนมานี้เย่น้อยลำบากมากจริงๆ งานก็โยนทิ้ง ที่ทำงานก็ไม่ไป คอยดูแลเจ๋อชิงอยู่ที่บ้านทุกวัน ไม่ง่ายเลยจริงๆ”
แม่หัวเราะ “ก็เมียของเขานี่ เขาต้องดูแลอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
พ่อ “แต่ก่อนมีแต่เจ๋อชิงที่ต้องคอยดูแลเขา ตอนนี้ก็สมควรให้เขาได้ทำบ้างแล้วล่ะ”
จางเย่หัวเราะฮาฮา “พ่อแม่ผมพูดถูก มันเป็นเรื่องที่ผมต้องทำอยู่แล้ว”
อาการบาดเจ็บกระดูกเส้นเอ็นจะไม่หายขาดหากไม่พักรักษาเป็นเวลาร้อยวัน แต่คุณอู๋กำลังตั้งครรภ์อยู่จึงไม่กล้ากินยา อาการบาดเจ็บจึงหายช้ากว่าปกติมาก ช่วงเวลาหลายเดือนมานี้วงการบันเทิงข้างนอกเปลี่ยนแปลงไปมาก มีหน้าใหม่ได้รับความนิยมในชั่วข้ามคืน และก็มีคนเก่าแก่ที่เรตติ้งตกฮวบฮาบ มีภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่เป็นกระแส แล้วก็มีดาราหนังชื่อดังที่พบกับความล้มเหลว เกิดเรื่องขึ้นมากมาย แต่จางเย่ไม่ได้สนใจ เขาตั้งอกตั้งใจอยู่บ้านดูแลภรรยาอย่างเต็มที่ นอกเหนือจากการออกไปซื้อของแล้ว เขาไม่เคยก้าวเท้าออกจากบ้านเลย คนอย่างจางเย่ที่เคยมีนิสัยอยู่ว่างไม่ได้สามารถทำถึงขนาดนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
เรียนรู้การทำอาหาร
การซักผ้า
งานบ้านมากมาย
หลายเดือนมานี้จางเย่เองก็เติบโตขึ้นไม่น้อย
อู๋เจ๋อชิงพูดขึ้น “วันพรุ่งนี้เธอกลับไปทำงานได้แล้วนะ”
จางเย่กะพริบตา “คุณดีขึ้นแล้วจริงๆ เหรอ?”
แม่กลอกตา “แกหวังว่าเจ๋อชิงจะไม่ดีขึ้นหรือไง?”
“เปล่า ผมแค่ถามเฉยๆ” จางเย่หมดคำพูด
ทุกคนต่างหัวเราะขำ
อู๋เจ๋อชิง “กินข้าวแล้วก็ไปนอนต่ออีกสักหน่อยเถอะ พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้จะได้มีแรงไปทำงาน ยังมีหลายเรื่องให้เธอจต้องไปจัดการนะ”
จางเย่ยิ้มออกมา “ได้เลย เชื่อฟังเมียจ๋าอยู่แล้ว”
หลังกินข้าวเสร็จ จางเย่ก็ขึ้นไปนอนต่อที่ชั้นบนเพื่อเติมพลัง
บอกลาวงการบันเทิงไปหลายเดือน ไม่รู้ว่าทุกคนคิดถึงฉันหรือเปล่า?
ฮ่าๆ ข้าหูฮั่นซานกลับมาอีกครั้งแล้ว!