ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar - ตอนที่ 1462 : จางเย่อยากทำการ์ตูนจีน!
- Home
- ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar
- ตอนที่ 1462 : จางเย่อยากทำการ์ตูนจีน!
ไม่กี่วันต่อมา
ทำเนียบเอเชียอัปเดตใหม่หลายครั้ง
ความนิยมของจางเย่เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ก็ยังอยู่ที่อันดับสี่ รายชื่อไม่ได้ขยับ ความนิยมก็เพิ่มช้าลงกว่าก่อนหน้านี้แล้ว จากมุมนี้เท่ากับว่าระดับความนิยมของจางเย่ในเอเชียก็ค่อนข้างนิ่งแล้ว จะขึ้นไปไม่ง่าย จะตกลงไปในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ไม่น่าเป็นไปได้เช่นกัน
……
ตอนเช้า
ที่สตูดิโอ
เมื่อส่งอู๋เจ๋อชิงไปที่ SARFT แล้วจางเย่ก็ไปทำงาน วันนี้เขากลับมาถึงเป็นคนแรก พนักงานคนอื่นๆ ยังไม่มา เขาว่างไม่มีอะไรทำก็เลยเดินเล่นไปเรื่อยๆ อยู่ในสตูดิโอ เห็นท้องของอู๋ใหญ่ขึ้นทุกวันแล้วความร้อนใจของเขาก็ยิ่งทวีมากขึ้น
ความนิยมล่ะ
จะไปเพิ่มความนิยมได้จากที่ไหนอีก
เขาไม่ลืมว่าตนเองต้องเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง จึงพลิกดูคำเชิญที่ส่งมาในช่วงนี้แล้ว
พรีเซนเตอร์?
ไม่รับ
วาไรตี้?
ช่วงนี้ไม่ทำแล้ว
เฮ้อ ไม่มีงานที่เหมาะสมเลยหรือไงนะ?
ตอนนั้นเองเขาก็พลันเห็นบางสิ่ง จางเย่นิ่งงันไปครู่หนึ่ง
เอ๋ นี่คือ?
ไม่นานทุกคนก็มาถึง
ทั้งหมดนั่งลงแล้วเริ่มเปิดประชุม พูดถึงกระบวนการทำงานในลำดับต่อไป
ฮาฉีฉีเอ่ยว่า “ผู้กำกับจาง ทำเนียนอัปเดตอีกแล้ว”
จางเย่ยิ้มๆ “ผมเห็นแล้ว”
ฮาฉีฉีตอบ “เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ฉันลองดูแล้วความจริงพวกเราอยู่ห่างจากดาราญี่ปุ่นลำดับที่สามคนนั้นไม่ไกลเท่าไหร่นัก”
จางจั่วเสริมว่า “ใช่ครับ ผมเองก็สังเกตแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเราขึ้นมาอยู่อันดับที่สี่ในชั่วข้ามคืน ทิ้งช่องว่างกับดาราเกาหลีอันดับห้าไว้ไม่น้อย ห่างจากอันดับสามไม่ไกลแล้ว ผมคิดว่าถ้าหากขยันขันแข็งอีกสักหน่อยละก็น่าจะก้าวข้ามเขาได้นะครับ?”
เสี่ยวหวังกระตุ้น “ใช่ค่ะ คว่ำเขาเลย”
เสี่ยวโจวเองก็บอก “เขี่ยเขาลงมา”
จางเย่ตอบ “แน่นอน เหลืออีกไม่กี่เดือนแล้ว พอลูกผมคลอดเมื่อไรก็จะหันมาใส่ใจทางนี้ไม่ได้แล้ว ดังนั้นต้องเร่งมือหน่อย ตอนนี้อยู่อันดับสี่ของระดับเอ ถ้าอย่างนั้นเป้าหมายลำดับต่อไปก็กำหนดให้ต่ำไว้สักหน่อยแล้วกัน ก้าวข้ามอันดับสามที่อยู่ใกล้มือได้ไปก่อนค่อยว่ากันอีกที”
ฝั่งหนึ่งคือลำดับที่สี่?
อีกฝั่งคือสามอันดับแรก?
สถานะช่างต่างกันจริงๆ!
แต่ว่าตอนนี้ก็ยังมีปัญหาอยู่
ฮาฉีฉีลูบหน้าผาก “คำสั่งแบนยังอยู่ ลูกเล่นที่ใช้ได้พวกเราก็ใช้ไปไม่น้อยแล้ว ตอนนี้วิธีเพิ่มความนิยมได้ก็เหลือไม่มาก กวาดความนิยมมาจากฝั่งญี่ปุ่นแล้ว แต่ในเกาหลีคงเข้าไปไม่ได้ในช่วงสั้นๆ ดังนั้นตลาดนอกประเทศอาจต้องพักก่อน ถหากอยากได้คะแนนนิยมมากๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ทำได้แค่หันกลับมาที่ตลาดในประเทศแล้วค่ะ”
จางเย่ยิ้ม “ที่ไหนก็ไม่ดีเหมือนบ้านตัวเองจริงๆ”
ฮาฉีฉีหัวเราะ “ใช่ค่ะ ประเทศบ้านเกิดเป็นที่พักพิงของพวกเราตลอดไป ไม่ว่าจะไปที่ไหนสุดท้ายก็ยังต้องกลับมา ที่นี่สิถึงจะเป็นเสาหลักของพวกเรา”
จางเย่พยักหน้า “พูดได้ดี”
จางจั่วเอ่ยว่า “งั้นสงครามครั้งต่อไปจะสู้ยังไงดีครับ?”
จางเย่มองดูทุกคน ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “งั้นก็กลับมาที่ประเทศบ้างเกิดสักหน่อยเป็นไง?”
กลับประเทศ?
กลับยังไง?
ทุกคนล้วนไม่เข้าใจ
นี่เป็นความคิดแบบกะทันหันของจางเย่ พูดแล้วเขาก็พลิกกองเอกสารบนโต๊ะ พอหาคำเชิญร่วมงานนั้นเจอ ก็ผลักไปข้างงหน้า
ทุกคนดูแล้วก็ตกตะลึงจนนิ่งงัน!
“หา?”
“นี่ใช่ที่บริษัททำแอนิเมชันส่งมาเมื่อไม่กี่วันก่อนหรือเปล่า?”
“คุณคิดจะทำอะไร?”
“นี่…ไม่จริงน่า?”
“คุณต้องการทำอนิเมจีน?”
“เรื่องนี้คุณต้องคิดให้ดีนะ ทำอนิเมในจีนยากมากนะ”
คุณพูดคำนึงฉันพูดคำนึง ทุกคนล้วนไม่ค่อยเห็นด้วย
จางเย่กลับเอ่ย “ยิ่งยากก็ยิ่งต้องทำ ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่ากลับประเทศบ้านเกิดได้ยังไง?”
ฮาฉีฉียิ้มขื่น “แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องความยากลำบากน่ะสิคะ แต่เป็นยากเกินไปต่างหาก”
จางจั่วเองก็ปาดเหงื่อ “กลับประเทศก็ได้ แต่พวกเราไม่สามารถทุ่มเข้าไปในวงการนั้นได้ วงการแอนิเมชันในประเทศเป็นหลุมลึก หลายปีมานี้มีคนถลำลงไปไม่น้อยเลยนะครับ”
จางเย่เอ่ย “ผมรู้”
วงการแอนิเมชันจีนของโลกนี้ก็เหมือนสระน้ำนิ่ง ไม่ต้องพูดถึงทิวทัศน์เลย กระทั่งฟองคลื่นสักนิดยังไม่มี มีบริษัททำอนิเมจำนวนไม่น้อยมองตลาดนี้ในแง่ดี แต่หลังจากทุ่มลงไประลอกแล้วระลอกเล่าก็ทยอยล้มหายตายจาก สุดท้ายบริษัททำแอนิเมชันในประเทศที่ยังอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้มีเพียงจำนวนหยิบมือ ทั้งยังไม่ทำกำไรอีก ทุกที่ล้วนดึงดันยืนหยัด ดิ้นรนต่อสู้อย่างยากลำบากอยู่ใต้แรงกดดันจากอนิเมและมังงะญี่ปุ่น ผ่านคืนวันไปอย่างยากลำบาก
ทำไมแอนิเมชันจีนถึงใช้ไม่ได้?
ไม่มีใครรู้!
พวกเขาคิดเหตุผลไม่ออก!
บางทีอาจเพราะเดินทางผิด?
บางทีอาจเพราะระดับของพวกเขาไม่สูงพอ?
บางทีอาจเพราะเส้นทางสายนี้เดิมทีก็เป็นทางตัน?
หลายปีก่อนหน้านี้ทุกคนล้วนมองธุรกิจนี้ในแง่ดี แต่กลับดำเนินไปอย่างยากลำบาก ใครก็คิดไม่ถึงว่าธุรกิจแอนิเมชันและการ์ตูนในจีนจะแห้งแล้งขนาดนี้!
จากมีความหวัง!
กลายเป็นผิดหวัง!
จนสิ้นหวัง!
บางคนรามือ บางคนจากไป
คนของวงการการ์ตูนและแอนิเมชันจีนผ่านประสบการณ์มามากมาย พวกเขาเคยเปี่ยมด้วยความฝัน เคยคิดว่าทั้งโลกเป็นของตนทว่าวันนี้กลับถูกโลกละทิ้งเป็นคนแรก ต้นทุน ตลาด ไม่ดีพอจนทุกคนหลีกเลี่ยงด้วยความกลัว ประสบการณ์เช่นนี้สามารถใช้คำว่าโศกเศร้ามาอธิบายได้หรือ?
คำเชิญร่วมงานฉบับที่ถูกจางเย่วางไว้บนโต๊ะวันนี้เป็นของบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่ง บริษัททำการ์ตูนและแอนิเมชันในประเทศเดิมทีก็ไม่มีบริษัทใหญ่อยู่แล้ว ถ้าจะให้ดีควรพูดว่าทีมทำการ์ตูนและอนิเมชั่นในประเทศส่งจดหมายเชิญมาจะดีกว่า บนจดหมายเชิญเขียนว่า คนของทีมทำอนิเมชั่นมาขอคำชี้แนะปัญหาสามข้อจากจางเย่ด้วยใจจริง :
ข้อหนึ่ง ตลาดแอนิเมชันและการ์ตูนของจีนมีทางออกหรือไม่?
ข้อสอง ทางออกของพวกเราอยู่ที่ไหน?
ข้อสาม ถ้าหากมี อยากขอเชิญคุณมาช่วยเหลือพวกเราด้วย
นี่เป็นเป็นจดหมายเชิญร่วมงานที่ไม่ประณีต ไร้ศิลปะการเขียนและธรรมดาที่สุดที่จางเย่เคยเห็นมา ดังนั้นหลังจากถูกส่งแฟ็กซ์มาเลยไปไม่ถึงมือของหัวหน้าอย่างฮาฉีฉีกับจางจั่ว และโดนลูกน้องเก็บเข้าตำหนักเย็น โยนไว้ด้านข้าง แต่เผอิญจางเย่ที่ว่างจนไม่มีอะไรทำนึกอยากพลิกคำเชิญร่วมงานในช่วงนี้ขึ้นมาไปเจอเข้า ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกประทับใจ ดังนั้นเมื่อฮาฉีฉีกับจางจั่วยกเรื่องกลับมาทำตลาดในประเทศมาพูด จางเยุ่ึงคิดถึงจดหมายนี้เป็นอย่างแรก
ตกลงแล้วทางออกของแอนิเมชันและการ์ตูนในประเทศอยู่ที่ไหน?
คำถามนี้เกรงว่าไม่ว่าใครบนโลกก็ไม่สามารถตอบได้ แต่จางเย่รู้สึกว่าบางทีเขาอาจทำได้ ไม่ใช่เพราะเขามีความสามารถ แต่ว่าในโลกเดิมของเขา มีกระดูกและศพของคนในวงการการ์ตูนและแอนิเมชันจำนวนนับไม่ถ้วนกองสุมดุจภูเขาเพื่อเปิดทางย้อมโลหิตสายหนึ่งเอาไว้
บางทีนี่อาจเป็นหน้าที่ของจางเย่?
เขาอาจมีพันธะหน้าที่ผูกพันอยู่
ฮาฉีฉีถาม “คุณแน่ใจแล้วนะคะ?”
จางเย่ร้องอืม “ตัดสินใจแล้ว”
จางจั่ว “คุณแน่ใจแล้ว?”
จางเย่ถ่อมตัวอย่างหาได้ยาก “มาลองดูกันเถอะ”
ฮาฉีฉียิ้มขื่น “ก็ได้ค่ะ งั้นก็ลองสู้ดูสักตั้ง!”
หวนกลับสู่ประเทศ
เพิ่มความนิยม
แล้วยังสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีได้ด้วย
ยิงธนูดอกเดียวได้นกสามตัว ทำไมจะไม่ทำล่ะ?
ด้วยเหตุนี้จางเย่จึงหยิบปากกาขึ้นมา แล้วตอบจดหมายกลับไป