ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar - บทที่ 1485 : ‘คอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย’ (ท้าย)
- Home
- ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar
- บทที่ 1485 : ‘คอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย’ (ท้าย)
วันต่อมา
ตอนเช้า จางเย่กำลังจะโทรศัพท์
เขาโทรไปหาวงเกิร์ลกรุ๊ปสปริงการ์เด็น
เสี่ยวตงรับสาย “อาจารย์จาง คิดเพลงได้แล้วเหรอคะ? ยังเป็นเฮฟวี่เมทัลอยู่ไหม?”
จางเย่กลับพูดว่า “พี่สาวตง พอดีมีเรื่องนิดหน่อย ขอโทษนะ คอนเสิร์ตนี้คงจะไม่ได้เชิญพวกคุณแล้ว”
“หา?” เสี่ยวตงมึนงง “งั้นคุณเชิญใครเหรอ?”
จางเย่ยิ้มขื่น “ไม่ได้เชิญใคร ผมไม่มีแขกรับเชิญแล้ว”
เสี่ยวตง “ทำไมเหรอคะ? เกิดอะไรขึ้น?”
จางเย่ “คุณอย่าถามอีกเลย”
เอมี่คว้าโทรศัพท์ไป “เชี่ย พวกเราเตรียมพร้อมหมดแล้ว คุณเพิ่งจะมาบอกว่าไม่ต้องร้องแล้วเนี่ยนะ? ท่านปู่จาง คุณเชื่อถือได้หรือไม่ได้กัน?”
จางเย่หัวเราะแห้ง “เป็นเพราะผมเอง ผมผิดเอง”
เอมี่ตะโกน “คุณจะทิ้งพวกเราไว้กลางทางเหรอ?”
จางเย่ “รอบหน้าผมจะชดเชยให้พวกคุณ”
เอมี่ “ไม่ต้องแล้ว!”
ตรู๊ด ตรู๊ด
สายถูกตัดไปแล้ว
จางเย่รู้ว่าพวกเธอโกรธมากแน่ เขาถอนหายใจ ขอโทษนะ พวกคุณต่างกับผม พวกคุณยังต้องเติบโตในเอเชียไปเรื่อยๆ ต้องอยู่บนเวทีที่สูงขึ้น ผมจะทำร้ายพวกคุณไม่ได้ ตอนนี้ผมไม่สามารถดึงรั้งพวกคุณไว้ เพราะนั่นจะเป็นการทำให้พวกคุณเดือดร้อน
……
ช่วงสาย
จางเย่มาหาน้องสาวคนคนโตที่บ้าน
ป้าใหญ่ไปทำงานแล้ว มีแค่ลุงใหญ่กับน้องสาวคนโตอยู่บ้าน
ลุงใหญ่ประหลาดใจ “อ้าว เย่น้อยมาได้ยังไง?”
เฉาตานมาต้อนรับด้วยความยินดี “พี่ชาย? รีบเข้ามาเร็วเข้า”
จางเย่หัวเราะ “ผ่านมาพอดีเลยแวะมาน่ะครับ ลุงใหญ่ ไม่ต้องชงชาแล้ว ลุงรีบไปทำงานเถอะ ผมมีเรื่องจะคุยกับตานตานหน่อยครับ”
ลุงใหญ่ “ได้ งั้นพวกเธอคุยกันเถอะ”
พวกเขาไปที่ห้องนอนของเฉาตาน
จางเย่ถาม “คลิปสั้นถ่ายไปถึงไหนแล้ว?”
เฉาตานหัวเราะเยาะตนเองเล็กน้อย “ช่วงหลายเดือนนี้หนูก็ฝึกซ้อมตลอด อัดไว้หลายตอน แต่ไม่มีตอนไหนน่าพอใจเลย หนูรู้สึกว่าหนูยังขาดประสบการณ์ ถ่ายออกมาในแบบที่พี่บอกไม่ได้สักที”
จางเย่ครุ่นคิด “ไม่จำเป็นต้องทำตามแบบที่พี่บอก เธอก็มีสไตล์ของตัวเอง และมีบางสิ่งที่เป็นของเฉพาะตัว มา ให้พี่ดูที่เธออัดไว้หน่อย”
ดูไปหลายตอน
จางเย่ก็ชี้ให้เห็นปัญหาหลายอย่าง
เฉาตานรีบจดบันทึกลงสมุดเล่มเล็ก เธอตั้งใจมาก
ตลอดเช้านี้จางเย่ช่วยน้องสาวหาวิธี จากนั้นเขาก็เขียนคำโฆษณาของซอส PAPI และคลิปตลกๆ ในโลกเดิมของเขาออกมามากมาย เขาแทบจะไม่หยุด ใช้เวลาเขียนถึงสองชั่วโมงเต็ม ราวกับจะส่งต่อทุกอย่างที่อยู่ในสมองให้เฉาตานในคราวเดียว
เฉาตานอึ้งไป “พี่ชาย เป็นอะไรหรือเปล่า?”
จางเย่หัวเราะ “พี่สบายดี”
เฉาตาน “คอนเสิร์ตของพี่ยุ่งมาก ทั่วเอเชียต่างให้ความสนใจ เรื่องเล็กน้อยของหนูจะทำเมื่อไรก็ได้ หนูกลัวว่าจะรบกวนเวลาของพี่”
จางเย่ยิ้ม “ที่นั่นไม่มีปัญหาหรอก พี่เขียนให้เธอเสร็จก่อน เธอลองอัดดูอีกรอบ ถ้าพี่พอใจเมื่อไรถึงจะไป ไม่งั้นพี่ไม่วางใจแน่ๆ”
เฉาตานตอบทันที “ได้ค่ะ”
……
เวลาเที่ยงวัน
จางเย่กลับไปที่สตูดิโอ แต่เมื่อถึงหน้าประตูแล้วเขากลับชะงัก ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็หันกลับและลงไปชั้นล่าง เดินไปที่ห้องของหยางซู
เคาะประตู
ประตูเปิดออก
หยางซูสวมชุดฝึก ดูเหมือนกำลังฝึกซ้อมอยู่
จางเย่ยิ้ม “เธอนี่ขยันจริงๆ”
หยางซูปวดใจ “ศิษย์พี่ ข้าไม่เหมือนท่านที่ไม่เคยฝึกแต่ก็เป็นกังฟู ข้ายังเป็นนกโง่หัดบิน ต้องฝึกฝนอีกเยอะๆ”
จางเย่หัวเราะแห้ง “สถานการณ์ของเราไม่เหมือนกัน นี่กินข้าวหรือยัง?”
หยางซูตอบด้วยความเคารพ “เพิ่งกินเมื่อกี้ขอรับ”
จางเย่ถาม “ช่วงนี้ฝึกเป็นยังไงบ้าง?”
พอเอ่ยถึงเรื่องนี้หยางซูก็ดวงตาเปล่งประกาย “คืบหน้าบ้างเล็กน้อย ศิษย์พี่ ข้าอยากสู้กับท่านสักสองสามกระบวนท่า”
จางเย่ยิ้ม “สู้สองสามกระบวนท่าเอาไว้ก่อน รอโอกาสหน้าเถอะ แต่ถ้าให้ฉันสอนเธอสักสองสามกระบวนท่า ฉันโอเค”
“ท่านเคยสอนแล้วไม่ใช่หรือ?” หยางซูตะลึง
จางเย่หัวเราะ “ยังมีอีกหลายกระบวนท่าที่ยังไม่ได้สอน”
หยางซูตกตะลึงตาค้าง “ท่านแอบซ่อนมันไว้เหรอ?”
จางเย่กระแอม “อย่าพูดอะไรไม่น่าฟังสิ อะไรเรียกแอบซ่อนกัน เมื่อก่อนทักษะเธอยังไม่พอ สอนไปก็ไม่มีประโยชน์ โลภมากลาภหายน่ะรู้จักไหม?” พูดจบก็มองสำรวจเธอ “แม้ว่าตอนนี้ยังขาดอีกนิดหน่อย แต่ยังไงก็สอนไปก่อนแล้วกัน ต่อไปเธอค่อยๆ เรียนรู้เอาล่ะ”
บ่ายวันนั้น จางเย่อยู่สอนไทเก็กให้หยางซู
ในที่สุด หยางซูก็ทำสำเร็จ เธอถามอย่างตื่นเต้น “ศิษย์พี่ เป็นยังไงบ้าง?”
จางเย่หัวเราะ “เลียบแบบได้เหมือนบ้างแล้ว ไม่เลว”
หยางซูร่าเริงมาก “ขอบคุณศิษย์พี่!”
จางเย่ทอดถอนใจ “เธอมีความสามารถมากกว่าฉัน ขยันกว่าฉัน ไม่แปลกใจเลยที่เจ๊เหรายอมเปลี่ยนกฎเพื่อรับเธอไปอยู่ใต้อาณัติ ไทเก็กอยู่ในมือเธอจะต้องเจริญรุ่งเรืองแน่นอน ฉันไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว” หยุดครู่หนึ่ง เขาก็หยิบการ์ดออกมาจากกระเป๋า “เธออยากเปิดโรงฝึกของตัวเองมากไม่ใช่เหรอ? เธอจิตใจบริสุทธิ์เกินไป เมื่อก่อนฉันไม่วางใจเลยเลี่ยงมาตลอด แต่ดูเหมือนตอนนี้จะถึงเวลาแล้ว ในการ์ดใบนี้มีเงินอยู่แปดล้านหยวน น่าจะพอให้หาสถานที่สักแห่งในปักกิ่งเปิดโรงเรียนสอนวิทยายุทธ์ เธอไปลองดูนะ”
โรงเรียนสอนวิทยายุทธ์?
ในที่สุดก็เปิดโรงเรียนสอนวิทยายุทธ์ได้แล้ว?
หยางชูตื่นเต้นจนแทบจะหลั่งน้ำตา “ศิษย์พี่ ท่านเป็นแบบนี้ข้าไม่ชินเลย”
จางเย่ยิ้มออกมา “เธอใจดีเกินไป ต่อไปถ้าฉันไม่อยู่มีเรื่องอะไรให้ไปหาเจ๊เหรา เจ๊แกต้องช่วยแน่ เจ๊เหราเป็นคนร้ายกาจมาก เธอเองก็ต้องเรียนรู้ไว้นะ”
หยางซู “…รับทราบขอรับ”
……
ชั้นบน
ที่สตูดิโอ
พอจางเย่กลับเข้ามาท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว
ทุกคนยังไม่เลิกงาน
จางเย่เห็นดังนั้นก็เรียกทุกคนมา และประกาศว่า “ทุกคนหยุดพักกันก่อน ขอผมพูดอะไรหน่อย หลายปีนี้พวกคุณขึ้นเหนือล่องใต้ติดตามผมมาตลอด ผมรู้ว่ามันยากลำบากมากและไม่ง่ายเลย ทุกคนต้องอยู่ภายใต้ความกดดัน และพลอยถูกคนโกรธแค้นไปพร้อมกับผม อีกไม่กี่วันผมก็จะพักจากวงการในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว ทุกคนก็ต้องหยุดพักยาวๆ บ้าง อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องมานั่งทำงานทุกวันแล้ว”
ฮาฉีฉีหัวเราะ “จะได้ยังไงกันคะ คุณแค่หยุดพัก ไม่ได้ออกจากวงการเสียหน่อย ก็แค่กลับบ้านไปเลี้ยงลูกเองไม่ใช่เหรอ? ถึงไม่มีเวลาทำรายการวาไรตี้ แต่ยังมีเวลาสำหรับการเขียนนิยาย วาดการ์ตูน ทะเลาะวิวาท และทำกิจกรรมเพื่อการกุศลอยู่ พวกเรายังต้องนั่งกำกับอยู่ตรงนี้นะคะ”
จางจั่วขำ “ใช่ครับ ก็แค่เรื่องหนึ่งปีครึ่งปี ในช่วงเวลานี้เราต้องมั่นใจว่าจะรักษาคะแนนนิยมไว้ให้ได้ รอสักปีครึ่งคุณยุ่งกับทางนั้นเสร็จแล้ว พวกเรายังต้องออกเดินทางกันอีกครั้งนะ”
จางเย่พูด “ยังไงก็เถอะ จ่ายโบนัสก่อนเลยแล้วกัน”
“ว้าว!”
“ยังมีโบนัสอีกเหรอคะ?”
“ยังไม่ถึงตรุษจีนเลยนะ”
จางเย่ “ช่วงตรุษจีนเราจะยุ่งกันมาก ผมกลัวไม่มีเวลาเลยจ่ายล่วงหน้าตอนนี้เลย”
แต่เมื่อทุกคนเห็นจำนวนโบนัสก็ต้องช็อก
“เชี่ย!”
“ผู้กำกับจาง นี่มันเยอะเกินไปไหมคะ?”
“ทำไมให้เยอะขนาดนี้ครับ?”
“สวรรค์! นี่กะจะให้สร้างตัวเลยเหรอคะ?”
“ผู้กำกับจางจงเจริญ!”
ทุกคนต่างพากันเฮ!
ฮาฉีฉีตกใจ “นี่มันเยอะเกินไปแล้วนะคะ”
แม้แต่มนุษย์เงินเดือนอย่างฮาฉีฉีกับจางจั่วยังรู้สึกว่าโบนัสนี่มันเกินจริงไปหน่อย
จางเย่ยิ้ม “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคนคิดมากเรื่องโบนัสเยอะ อันที่จริงทุกคนบอกว่าเป็นพนักงานของผม แต่ผมก็ทำเหมือนทุกคนเป็นเพื่อน เป็นผู้ถือหุ้น เงินจำนวนนี้ถือเป็นเงินปันผลของหลายปีที่ผ่านมา อย่าบ่นว่าน้อยไปก็พอแล้ว”
เสี่ยวหวังหัวเราะคิกคัก แล้วพูดหยอก “ทำไมฉันรู้สึกว่าฉากนี้เหมือนกำลังคัดสินค้าไม่ดีออกอย่างนั้นแหละค่ะ”
ฮาฉีฉีเหลือบมองเธอ “เด็กโง่ พูดเหลวไหล เราอยู่ในช่วงที่เจิดจรัสและยอดเยี่ยมที่สุด จะคัดทิ้งอะไรกันล่ะ”
เสี่ยวหวังหัวเราะ “ล้อเล่นเองค่า”
จางเย่มองทุกคน พิจารณาใบหน้าของแต่ละคนแล้วพูดขึ้น “ก่อนหน้านี้ใช้ชื่อ ‘ปักกิ่งของเย่’ ใช่ไหม? จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าชื่อคอนเสิร์ตไม่เหมาะเท่าไร สถานที่กว้างใหญ่อย่างสนามกีฬาโอลิมปิก ชื่อนี้ยังไม่โดดเด่นพอ เราเปลี่ยนใหม่เถอะ”
ฮาฉีฉีตะลึง “เปลี่ยนเป็นอะไรคะ?”
จางเย่มองไปนอกหน้าต่าง “ใช้ชื่อว่า ‘คอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย’ ก็แล้วกัน”
เสี่ยวหวังปรบมือ “เยี่ยมเลยค่ะ ชื่อนี้มีลูกเล่น!”
ถงฟู่ “ใช่ คุณต้องออกจากวงการบันเทิงสักพัก จะเรียก ‘สุดท้าย’ ก็ไม่ผิด ชื่อนี้ฟังดูน่าสนใจดีด้วย”
จางจั่ว “โอเค เปลี่ยนตอนนี้ยังทัน”
แต่ไม่มีใครรู้ว่าคำว่า ‘สุดท้าย’ หนึ่งคำนี้หมายความว่าอย่างไร
Comments for chapter "บทที่ 1485 : ‘คอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย’ (ท้าย)"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
มะแวว
คนจะเข้าซังเตขำไม่ออกเลยงานนี้ น้ำตาไหลแน่ๆ
Jajacopz
หดหู่จัดๆ555
nyn9
หืมมีหน่วงอีก
dada
จบคอนเสริต์ ประกาศลาวงการ ผ่านไปเดือนกว่าทำหนังแอคชั่นอีกใช่ไหม ตาเย่ขี้จุ๊