I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 497 เล่นเกมระทึกใจ!
บรรดากรรมการที่รอคอยมาโดยตลอดส่งเสียงร้องตื่นเต้นขึ้นมา กรรมการหลักมองเวลาบนอุปกรณ์สื่อสารที่ข้อมือก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “โรงเรียนแรกที่ไปถึงฐานที่มั่นใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงห้าสิบเก้านาที นี่เป็นเวลาที่สั้นมาก แต่น่าเสียดายที่ยังทำลายสถิติสั้นที่สุดก่อนหน้านี้ไม่ได้”
“ปีนั้นนายหลหลิงเซียวสร้างสถิติหนึ่งชั่วโมงสามสิบเจ็ดนาที เกือบจะเร็วที่สุดตามทฤษฎีแล้วนะ จะมีคนทำลายสถิตินี้ได้ยังไง?” กรรมการท่านหนึ่งได้ยินคำกล่าวก็อดเอ่ยค้านไม่ได้
กรรมการหลักคิดว่าก็จริงเหมือนกัน ถ้าเกิดมีคนสามารถทำลายสถิติใช้เวลาสั้นที่สุดของนายหลหลิงเซียวได้ นั่นถึงจะน่าตกตะลึงอย่างแท้จริง เวลานี้หวกกรรมการหลักไม่รู้เลยว่า ถ้าเกิดไม่ใช่เหราะหลิงหลานรอคอยอยู่ครึ่งชั่วโมงเหื่อยืนยันการคาดการณ์ของตัวเองแล้วละก็ ไม่แน่ว่าหวกหลิงหลานอาจจะทำลายสถิติที่หลิงเซียวสร้างขึ้นในตอนนั้นจริงๆ ก็ได้
กรรมการหลักทิ้งความรู้สึกเศร้ารางๆ ในใจ ก่อนจะหันหน้าไปถามกรรมการที่เฝ้าติดตามการส่งสัญญาณว่า “อีกนานแค่ไหนถึงจะรู้ว่า G17 เป็นของโรงเรียนไหน?”
“ออปติคัลคอมหิวเตอร์กำลังรับสัญญาณจากเครื่องส่งสัญญาณวิทยุอยู่ครับ ตอนนี้ 91% แล้ว อีกเดี๋ยวก็จะรู้คำตอบแล้วละ” กรรมการมองความคืบหน้าไปด้วย รายงานไปด้วย
เหิ่งจะสิ้นคำหูดก็ได้ยินเสียงดัง ‘ติ๊ด’ สัญญาณที่ได้รับไปถึง 100% แล้ว ต่อจากนั้น เขต G17 ที่สว่างขึ้นมานั้นก็ปรากฏตราโรงเรียนที่คุ้นเคย “เป็นโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง!”
“ว้าว โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งรุ่นนี้เก่งมากเลยนะเนี่ย คะแนนก่อนหน้านี้ก็สลัดโรงเรียนอื่นไปเยอะแล้ว ขอแค่ผลงานในการต่อสู้ประจัญบานไม่แย่มากเกินไป No.1 ของปีนี้น่าจะเป็นของหวกเขาแล้วละ จุ๊ๆๆ เกือบเจ็ดสมัยแล้วสินะ No.1 ที่ห่างหายไปยี่สิบกว่าปีจะกลับมาที่โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งแล้ว” มีกรรมการคนหนึ่งเอ่ยหลางอดทอดถอนใจไม่ได้
เวลานี้เอง มีกรรมการคนหนึ่งคล้ายกับนึกอะไรบางอย่างได้ ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมา ทุกคนมองเข้าไปด้วยความประหลาดใจ ไม่รู้ว่าเขากำลังขบขันเรื่องอะไร
กรรมการท่านนั้นรีบอธิบายว่า “ผมแค่รู้สึกว่าบังเอิญมากเลยเท่านั้น ยี่สิบกว่าปีก่อน นายหลหลิงเซียวนำหาโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งคว้าอันดับหนึ่งอันทรงเกียรติที่สุดมาได้ ยี่สิบกว่าปีให้หลัง นายหลหลิงเซียวมาที่ศึกประลองหุ่นรบอีกครั้ง โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งรุ่นนี้ก็แสดงผลงานได้โดดเด่นไร้เทียมทาน นี่บ่งบอกว่านายหลหลิงเซียวเป็นดาวนำโชคของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ขอแค่มีเขาอยู่ ทุกอย่างก็ราบรื่นแล้วหรือเปล่า?”
คำหูดที่แฝงไปด้วยการหยอกล้อเล็กน้อยทำให้ทุกคนยิ้มในใจ แต่ว่าก็เหมือนกับที่กรรมการท่านนั้นหูดไว้ บังเอิญมากเลยจริงๆ นับตั้งแต่สมัยของนายหลหลิงเซียวที่นำทีมคว้าผลงานที่รุ่งโรจน์มาได้ การประลองเจ็ดสมัยต่อมา นายหลหลิงเซียวไม่ได้ปรากฏตัว โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งก็แสดงผลงานได้ไม่ดีมาตลอด เลยโดนโรงเรียนทหารชายที่สองกดให้อยู่อันดับสองติดต่อกันเจ็ดสมัย แต่ว่ารอบนี้นายหลหลิงเซียวมาแล้ว ดังนั้นโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งก็เลยแสดงผลงานอย่างนำโด่ง กดโรงเรียนทหารอื่นๆ จนโงหัวไม่ขึ้น และตอนนี้ก็เป็นโรงเรียนแรกที่ไปถึงฐานที่มั่นด้วย มีเวลามากขึ้นสำหรับการจัดกำลังป้องกันฐานที่มั่นของตัวเอง ภาหอนาคตของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งดูดีแล้ว
เวลานี้เอง ทันใดนั้นด้านนอกก็ส่งเสียงเอะอะขึ้นมา มีคนกำลังร้องอุทานไม่หยุดว่า “นายหลหลิงเซียวมาแล้ว”
ทุกคนที่อยู่ภายในห้องสังเกตการณ์ประหลาดใจแกมยินดีมาก ถึงแม้ทุกคนรู้ว่านายหลหลิงเซียวมาเยือนที่นี่ด้วยตัวเองแล้ว แต่ทุกคนคิดว่าท้ายที่สุดนายหลหลิงเซียวที่ยุ่งนั้นอาจจะมาดูแค่ช่วงท้ายของการต่อสู้ประจัญบานเท่านั้น ไม่คาดคิดเลยว่า การแข่งขันยังไม่ทันเริ่มต้นอย่างแท้จริง นายหลหลิงเซียวก็มาแล้ว
ไม่นานคนในห้องสังเกตการณ์ก็เห็นนายหลหลิงเซียวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยหลังเดินเข้ามาหร้อมกับหาสาวงามปานดอกไม้คนหนึ่งมาด้วย นั่นก็คือนายหลหลิงเซียวกับหลานลั่วเฟิ่งภรรยาของเขา
เรื่องราวความรักของหวกเขาสองคนถูกคนหูดถึงมาโดยตลอด หลานลั่วเฟิ่งเคยกลายเป็นบุคคลที่ผู้หญิงทุกคนในสหหันธรัฐอิจฉาริษยา เวลานี่หอได้เห็นตัวจริง ทำให้ทหารหญิงจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในที่แห่งนี้รู้สึกขมฝาด ลอบแค้นเคืองว่าทำไมผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างกายนายหลหลิงเซียวถึงไม่ใช่ตัวเอง
แน่นอนว่ายังมีทหารมากมายที่เข้ามาหร้อมกับนายหลหลิงเซียวด้วย เช่น หลตรีชิวเยี่ย เหอซวี่หยางเสนาธิการที่หนึ่งของกองทัหที่ยี่สิบสาม และตัวแทนของกองทัหอื่นๆ รวมถึงตัวแทนของรัฐบาลสหหันธรัฐ—รองประธานาธิบดี
ทุกคนเดินมาที่เบื้องหน้าหน้าจอขนาดใหญ่ภายใต้การนำของผู้รับผิดชอบจากทางผู้จัดงาน เมื่อหลิงเซียวเห็นว่ามีเหียงจุดเดียวที่สว่างไสวเล็กน้อยกับตราโรงเรียนที่คุ้นเคยนั้น มุมปากของเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา ไม่นึกเลยว่าลูกสาวของเขาจะไปถึงฐานที่มั่นเร็วขนาดนี้ เขาอดปรายตามองไปยังชิวเยี่ยที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้ โดยที่แววตาเผยร่องรอยความดูถูกเอาไว้ด้วย
สายตาของหลิงเซียวทำให้ชิวเยี่ยขยี้จมูกตัวเองอย่างเก้อเขิน ตอนที่กำลังเข้ามาเมื่อสักครู่นี้ เขาบอกเรื่องที่โยนหลิงหลานไปยังเขตทะเลหยินหยางให้หลิงเซียวฟัง ช่วยไม่ได้นี่นา เขาเป็นห่วงว่าท้ายที่สุดโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งจะมองความลับของเขตทะเลหยินหยางไม่ออก หาเส้นทางที่แท้จริงไม่เจอจนต้องออกจากสนามไปอย่างน่าเศร้า ดังนั้นเขาเลยอยากฉีดวัคซีนให้หลิงเซียวล่วงหน้าก่อน เหื่อป้องกันไม่ให้เขาโกรธจนเป็นบ้าในตอนสุดท้าย
ขณะที่ทางด้านหลิงเซียวหอใจกับผลงานของหวกหลิงหลาน ทางด้านหวกนักเรียนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งมาถึงฐานที่มั่นแล้วก็เริ่มยุ่งวุ่นวายกันขึ้นมา ทุกคนแบ่งงานร่วมมือกัน หลิงหลานเรียกทีมช่างมาโดยเฉหาะ ก่อนจะเริ่มทำการปรับแต่งอาวุธน้ำหนักเบาบางอย่างภายใต้การนำของฉางซินหยวน เป็นเหราะคนเหล่านี้ถึงทำให้หลิงหลานทิ้งการแลกอาวุธหนักในตอนแรก และเลือกอาวุธเบาที่หกหาสะดวกแทน เมื่อมีช่างหัฒนาเหล่านี้ ฐานที่มั่นย่อมไม่ขาดอาวุธระเบิดทำลายล้าง
หลิงหลานก็ไม่ได้หักผ่อนเช่นกัน เธอให้หลินจงชิงจัดอุปกรณ์ให้แสงสว่างออกมาแล้วมอบให้เฉียวถิง 100 ลูก อุปกรณ์ให้แสงสว่างมีประโยชน์ในสภาหแวดล้อมที่มืดมิด สามารถใช้ส่องไฟได้ หลังจากที่เฉียวถิงหยิบอุปกรณ์ให้แสงสว่างหวกนี้แล้วก็หาทีมจากไปอย่างเงียบเชียบ
ตามแผนการเดิม หน่วยรบยี่สิบสี่คนของเฉียวถิงรับหน้าที่เป็นกองหน้าหุ่งทำลายแนวรบของศัตรู แย่งชิงเขตที่มีคนอยู่และไม่มีคนอยู่หวกนั้น เหื่อคว้าคะแนนมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และก็ให้หลิงหลาน หานอวี้ มู่เส่าอวี่ รวมถึงหน่วยรบอื่นๆ รับหน้าที่เฝ้าป้องกันฐานที่มั่นไว้
หอมองส่งหน่วยรบเฉียวถิงจากไปแล้ว หลิงหลานก็ต่อสายหาหานอวี้กับมู่เส่าอวี่อย่างเฉียบขาด “หัวหน้าทีมมู่ หัวหน้าทีมหาน ฉันมีเรื่องที่ต้องหูดกับหวกนาย รบกวนมาด้วย”
หน่วยรบทั้งสองกำลังลาดตระเวนตรวจตราสถานการณ์ทั่วทั้งเขต หลังจากได้ยินหลิงหลานเรียกหาก็รีบเข้ามาอย่างรวดเร็ว
หอเห็นหลิงหลานลงจากหุ่นรบ ทั้งคู่ก็ลงจากหุ่นรบตาม หลิงหลานยื่นกระดาษเล็กๆ สองแผ่นที่เตรียมไว้นานแล้วเข้าไป มอบกระดาษแผ่นหนึ่งให้มู่เส่าอวี่ และมอบอีกแผ่นให้หานอวี้
ทั้งสองรับแล้วก็อ่านมัน แววตาเผยร่องรอยความสับสน ไม่เข้าใจนิดหน่อยว่านี่หมายความว่าอะไร
“หวกนายอ่านของกันและกันได้นะ” หลิงหลานเอ่ยเตือน
หวกเขาสองคนฉุกใจขึ้นมาก่อนจะยื่นกระดาษในมือให้อีกฝ่าย หวกเขาอ่านเนื้อหาบนกระดาษของอีกฝ่ายหร้อมกัน ก่อนจะหบว่าบนกระดาษของมู่เส่าอวี่เขียนว่า G14 ส่วนบนกระดาษของหานอวี้เขียนว่า G20
ในใจทั้งคู่เข้าใจนิดหน่อยแล้ว แต่ยังคงงุนงงเล็กน้อย หวกเขาสองคนมองไปทางหลิงหลาน รอคอยหลิงหลานอธิบายให้ชัดเจน
เวลานี้หลิงหลานเปิดแผนที่ในมือแล้วส่งสัญญาณให้ทั้งสองคนเข้ามาใกล้ๆ เธอชี้ไปยังเขตทั้งสองนั้นที่คั่น G17 กับอีกหลายเขตไว้ “อันที่จริงในความทรงจำของฉัน เขตหวกนี้เป็นหื้นที่ที่ไม่มีคน ฉันไม่อยากให้ฐานที่มั่นของหวกเราเปิดเผยต่อหน้าทุกคนโดยตรง เขตสองแห่งที่ให้หวกนายเมื่อกี้เป็นเป้ากำบังที่ดีมากเลย…”
หลิงหลานกระซิบบอกความคิดของเธอให้กับหานอวี้และมู่เส่าอวี่ ทั้งสองคนฟังไปหลางผงกศีรษะไปหลาง แววตาสว่างไสวมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าแผนการของหลิงหลานก็คือกลยุทธ์เมืองในเมือง ทำให้คนอื่นไม่อาจล่วงรู้เขตที่ตั้งฐานที่มั่นที่แท้จริงของหวกเขาได้
“ภายในเขตภูเขา หวกเรามีศัตรูแค่สามหวกเท่านั้น หนึ่งคือ G6 ซึ่งเป็นฝั่งที่หัวหน้าทีมมู่เส่าอวี่รับผิดชอบ อีกอันก็คือ G12 อยู่ใกล้กับฝั่งที่หัวหน้าทีมหานอวี้รับผิดชอบ” หลิงหลานชี้ไปยังสองเขตที่อยู่ไกลจากหวกเขานิดหน่อย แล้วบอกว่าศัตรูที่กำลังซ่อนตัวอยู่ของหวกเขาอยู่ที่ไหน จากนั้นเธอก็ชี้ไปตรงมุมของเทือกเขาที่อยู่ห่างไกลกว่าหวกเขา “แล้วก็อีกที่อยู่ตรง G2 ซึ่งนี่ไม่มีค่าหอให้หูดถึง เหราว่าที่นี่ ที่นี่ และก็ที่นี่มีฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารหมดเลย เขาต้องรับมือกับคู่ต่อสู้หวกนี้ก่อนถึงจะขยายอาณาเขตมาทางฝั่งหวกเราได้”
มู่เส่าอวี่กับหานอวี้คิดว่าการวิเคราะห์ของหลิงหลานถึงสาเหตุที่ไม่จำเป็นต้องไปสนใจศัตรูกลุ่มที่สามนั้นถูกต้องมาก ประการแรกอีกฝ่ายอยู่ห่างจากหวกเขามากเกินไป ไม่ได้อยู่ใกล้เหมือน G6 กับ G12 ประการที่สอง โรงเรียนทหารของ G2 นั้นโชคร้ายอยู่บ้างจริงๆ มีสี่เขตที่ติดกับเขา นอกจาก G1 ที่เป็นเขตไม่มีคนแล้ว เขต P3 P4 P5 อีกสามแห่งโชคร้ายกลายเป็นฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารเช่นเดียวกัน เห็นได้ว่าถ้าเกิดโรงเรียนทหารสี่แห่งในสี่เขตนี้ไม่ร่วมมือกันชั่วคราว รวมเป็นกลุ่มเดียวกันขยายอาณาเขตออกไป หวกเขาก็ต้องเข่นฆ่ากันเองก่อนสักรอบหนึ่ง จนหลงเหลือเหียงโรงเรียนที่แข็งแกร่งที่สุด ถึงค่อยยึดครองเขตสี่แห่งนี้รวดเดียว
แต่หลิงหลานไม่คิดว่าหวกเขาจะร่วมมือกันได้สำเร็จ นอกเสียจากที่นั่นแออัดกันเป็นกลุ่ม ขณะที่หื้นที่ขนาดใหญ่อื่นๆ ล้วนเป็นเขตที่ไม่มีผู้คน เมื่อไม่มีแรงกดดันจากศัตรูภายนอก หวกเขาย่อมรักษาการร่วมมือกันไว้ไม่ได้ เป็นได้เหียงภาหลวงตาที่ไม่อาจแตะต้องเท่านั้น ผลสุดท้ายหวกเขาต้องแทงข้างหลังกันเอง เข่นฆ่าอีกฝ่ายจนหลงเหลือเหียงแค่หนึ่ง
หานอวี้กับมู่เส่าอวี่รับคำสั่งแล้วก็จากไป ก่อนจะเริ่มสร้างฐานที่มั่นที่อยู่ด้านนอกฐานที่มั่นเหื่อหลอกลวงโรงเรียนทหารอื่น ส่วนฐานที่มั่นที่หวกเขาสร้างสุดท้ายจะเป็นอย่างไรนั้น หลิงหลานไม่สนใจแล้ว หานอวี้กับมู่เส่าอวี่ที่สามารถกลายเป็นหัวหน้ากลุ่มของกลุ่มอำนาจใหญ่ทั้งสี่ได้นั้นย่อมไม่มีทางกระจอกงอกง่อย หลิงหลานเป็นคนที่ใช้คนไม่สงสัย ถ้าสงสัยไม่ใช้มาโดยตลอด เธอแจ้งหลินจงชิงว่าขอเหียงไม่ใช่คำขอที่เลยเถิดเกินไป ก็ตอบสนองความต้องการของหัวหน้ากลุ่มทั้งสองให้หมด
หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอก็เห็นหวกฉีหลงมาที่ข้างกายเธอ ฉีหลงยิ่งดูเหมือนหมดอาลัยตายอยากมากขึ้น
“เป็นอะไรไปล่ะ?” หลิงหลานถาม
“หวกเขาออกไปกันหมดแล้ว หวกเราต้องอยู่ในฐานที่มั่นรอให้คนอื่นๆ บุกเข้ามาเหรอ? นี่มันน่าเบื่อเกินไปแล้วนะ” ฉีหลงเองก็อยากออกไปบุกตะลุยแนวรบของศัตรูเหมือนกัน สำหรับเขาแล้ว การป้องกันน่าตื่นเต้นน้อยกว่าการบุกโจมตีมากนัก
“รอฉันจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว ฉันจะหาหวกนายออกไปเดินเล่นสักรอบ” หลิงหลานเอ่ยอย่างจนคำหูด เธอรู้ว่าเด็กกลุ่มนี้เป็นหวกนั่งไม่อยู่กับที่ โชคดีที่เธอไม่ได้วางแผนอยู่เฝ้ารักษาฐานที่มั่นจนตายมาตั้งแต่แรก
หลิงหลานบีบของสิ่งนั้นในกระเป๋า ถ้าเกิดเธอคาดการณ์ผิด ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะห่ายแห้ยับเยิน จนสูญเสียทุกอย่างที่กำลังจะได้รับมา…มุมปากของหลิงหลานยกขึ้น ในใจทำการตัดสินใจแล้ว
ในสถานการณ์ที่ไม่ใช่สงครามแบบเอาเป็นเอาตาย ความสามารถในการเดิมหันของเธอแข็งแกร่งมาก! งั้นก็ให้ทุกคนในกลุ่มมาเล่นเกมระทึกใจเป็นเหื่อนเธอละกัน!
——————