I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 498 ที่ห้า?
ภายในห้องสังเกตการณ์ กรรมการรวมถึงเจ้าหน้าที่ด้านต่างๆ ล้วนจ้องมองหน้าจอขนาดใหญ่ ก่อนจะเห็นเขตที่เป็นตัวแทนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งแผ่ขยายออกไปทีละเล็กทีละน้อย…
“ไฟสว่างยี่สิบเขตแล้ว…เขต G14 ก็สว่างแล้วเหมือนกัน ดูท่าโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งจะแบ่งกำลังออกไปโจมตีซ้ายขวา ยึดครองเขตที่ไม่มีคนรอบๆ ทั้งหมด ขอบเขตอิทธิพลขยายไปถึงสิบเอ็ด เขตแล้ว” มีกรรมการกำลังจดบันทึกผลการรบของโรงเรียนทหาร แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ในตอนสุดท้าย หลังจากที่ไฟสว่างแล้วยังต้องรักษาไว้ให้ได้ภายในเจ็ดสิบสองชั่วโมงหลังจากที่การต่ อสู้ประจัญบานเริ่มต้นอย่างเป็นทางการด้วย
เวลานี้เอง หลิงเซียวกับคนอื่นๆ กลับเดินไปหาแผนที่ภูมิประเทศจำลองเสมือนจริงบนโต๊ะกลางห้องสังเกตการณ์ ภูเขาสูง แม่น้ำ ที่ราบและป่าไม้ล้วนย่อส่วนตามความเป็นจริงอยู่บนโต๊ะตัวน นี้
“โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเกือบจะยึดครองครึ่งหนึ่งของเทือกเขาแล้ว ควรพูดว่าพวกเขาจับฉลากได้ดี แทบไม่มีคู่ต่อสู้รอบๆ ฐานที่มั่นเลย เขตที่ใกล้พวกเขามากที่สุดมีแค่ G6 กับ G12 ที่ อยู่ทางซ้ายขวาเท่านั้น สิ่งที่ทำให้พวกเขายิ่งวางใจคือ ด้านหลังพวกเขาเป็นเขตทะเลหยินหยาง นี่เป็นแนวป้องกันทางธรรมชาติ คนที่สามารถเข้ามาที่นี่ได้ ตอนนี้นอกจากโรงเรียนทหารชาย ยที่หนึ่งแล้ว ก็ยังไม่มีโรงเรียนอื่นอีก นี่ทำให้แรงกดดันป้องกันทางด้านหลังของพวกเขาลดลงไปมาก” ตัวแทนจากกองทัพคนหนึ่งมองแบบจำลองเสมือนจริงแล้วก็เริ่มวิเคราะห์ความได้เปรียบขอ องโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง กล่าวจบ เขาก็เงยหน้ามองไปยังหลิงเซียวที่ยืนอยู่ด้านข้างมองภูมิประเทศอย่างตั้งอกตั้งใจ ก่อนจะเอ่ยโดยแฝงความยั่วยุว่า “นายพลหลิง ครั้งนี้รุ่นน้อง งของคุณโชคดีไม่เลวเลยจริงๆ นะครับ” สื่อความหมายว่าการที่โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งสามารถมีผลงานดีแบบนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะโชคล้วนๆ
แววตาของหลิงเซียวเคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย ไม่นานมุมปากก็เผยรอยยิ้มจางๆ พลางกล่าวว่า “ใช่ครับ ไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะโชคดีขนาดนี้เลยผ่านทะเลหยินหยางมาถึงฐานที่มั่นได้เป็นกลุ่ม มแรก”
เหอะ! ทะเลหยินหยางผ่านง่ายขนาดนั้นเชียวเหรอ? กล้าบอกว่าลูกสาวของเขาแค่โชคดีเท่านั้นเนี่ยนะ? ระยำ! นี่เป็นฝีมือที่แท้จริงแน่นอน!
คำพูดของหลิงเซียวแฝงไปด้วยการเหน็บแนมอย่างชัดเจน ทำให้สีหน้าของตัวแทนกองทัพคนนั้นแข็งทื่อโดยพลัน ท้ายที่สุดก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกระอักกระอ่วน อดพึมพำในใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ว่า ‘ไหนบอกว่าหลิงเซียวอารมณ์ดีเสมอไม่ใช่หรือไง? ทำไมครั้งนี้ถึงต่างออกไปจากเดิมล่ะ?’
เหอซวี่หยางได้ยินคำกล่าวก็เผยรอยยิ้มจางๆ ที่มุมปาก อย่างที่คิดไว้เลย คุณชายหลานเป็นเกล็ดย้อนของท่านนายพลจริงๆ ด้วย! ไม่ยอมให้ดูถูกง่ายๆ!
เมื่อรู้สึกได้ว่าหลิงเซียวไม่พอใจอยู่บ้าง ตัวแทนของทางผู้จัดศึกประลองหุ่นรบก็ปรายตามองตัวแทนกองทัพที่ไม่รู้จักหนักเบาคนนั้นด้วยสายตาเอือมระอา แม่งเอ๊ย ยังคิดว่านายพล ลหลิงเซียวเป็นพลตรีที่พวกนายโยกย้ายออกคำสั่งได้ตามใจชอบในตอนนั้นหรือไง? เขารีบยิ้มพลางเอ่ยไกล่เกลี่ยว่า “โชคก็เป็นความสามารถอย่างหนึ่งเหมือนกันนะครับ ใกล้จะสามชั่วโมงแล้ว ว คนที่ไปถึงฐานที่มั่นก็มีแค่โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเท่านั้น นี่เห็นได้ว่านักเรียนที่เข้าร่วมการประลองจากโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งรุ่นนี้เก่งกาจมาก ได้ยินว่า ในนั้นยังมี นักเรียนที่ถูกเรียกว่านายพลหลิงเซียวที่สองด้วย ชื่อ…เฉียวอะไรนะ?” เขาหันหน้ามองไปที่ผู้ช่วยซึ่งอยู่ข้างๆ ตัวเอง
ผู้ช่วยตอบสนองอย่างรวดเร็วมาก รีบเอ่ยต่อทันทีว่า “เฉียวถิง นักเรียนทหารที่เลื่อนขั้นเป็นไพ่ราชาตอนปีสี่ครับ”
ตัวแทนผู้จัดงานพยักหน้าติดต่อกัน “ใช่ๆๆ เขานี่แหละ พูดถึงเขา ผมก็นึกขึ้นได้ว่านายพลหลิงเป็นคนแรกที่สร้างสถิติเลื่อนขั้นเป็นไพ่ราชาตอนเปิดเรียนชั้นปีสี่นี่ครับ”
หลิงเซียวเอ่ยด้วยรอยยิ้มถ่อมตัวว่า “คุณล้อผมอยู่สินะ ผมรู้ว่าลับๆ แล้วมีนักเรียนที่เลื่อนขั้นเป็นไพ่ราชาตอนปีสี่อยู่ไม่น้อยเลย ตอนนี้คิดๆ ดูแล้ว ตอนนั้นผมยังอวดดีเป็น นเด็กๆ ไปหน่อย รู้จักเอาแต่อวดเบ่งอย่างเดียว”
‘เหอะๆ ถ้าเกิดให้พวกนายรู้ว่าลูกสาวฉันเลื่อนขั้นได้ตั้งแต่ปีหนึ่งละก็ จะตกใจจนกรามร่วงหรือเปล่า? แต่ฉันไม่มีทางบอกพวกนายหรอกนะ!’ ในใจหลิงเซียวรู้สึกภาคภูมิใจอย่างหาใด ดเปรียบ
ตัวแทนทางผู้จัดย่อมไม่เอาคำพูดของหลิงเซียวมาถือเป็นจริงเป็นจัง แล้วเอ่ยเยินยอต่อว่า “นายพลหลิงถ่อมตัวเกินไปแล้ว คนที่เลื่อนขั้นได้ตอนช่วงปลายปีสี่มีอยู่นิดหน่อยจริงๆ แต่ ว่าคนที่เลื่อนขั้นเป็นไพ่ราชาได้ตั้งแต่เริ่มเปิดเรียนตอนปีสี่ก็มีแค่นายพลหลิงคนเดียวเท่านั้น” กล่าวถึงตรงนี้ ตัวแทนทางผู้จัดก็ตบหน้าผากเบาๆ ด้วยท่าทางโอเวอร์แอ็คติ้ง “อ อ้อ ตอนนี้ยังมีเฉียวถิงด้วย ไม่งั้นจะบอกว่าเขาเป็นนายพลหลิงที่สองได้ยังไงเนอะ”
ตัวแทนทางผู้จัดคิดว่าหลิงเซียวเฝ้าจับตามองโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งขนาดนี้ อาจจะทำเพื่อเฉียวถิงที่ถูกเรียกขานว่าเป็นหลิงเซียวที่สองคนนี้ก็เป็นได้ เขาเลยกล่าวชมในคำพูด ด้วยเหมือนกัน เพราะอยากได้รับความนิยมชมชอบจากหลิงเซียว
หนึ่งในตัวแทนจากกองทัพที่สามที่ตามหลิงเซียวมาด้วยได้ยินคำกล่าว แววตาพลันเปล่งประกาย มีความดีอกดีใจพาดผ่าน หน้าที่ของเขาในการมาที่ศึกประลองหุ่นรบครั้งนี้ก็เพื่อเข้ามาดู ผลงานของเฉียวถิง เขาที่ถูกกำหนดให้เข้าสู่กองทัพที่สาม กลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจอมพลที่สาม ซึ่งท่านจอมพลให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด ถ้าเกิดเฉียวถิงกลายเป็นหลิงเซียวคนที่สองได ด้จริงๆ กลายเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะได้ในตอนสุดท้าย ความแข็งแกร่งของฝ่ายพวกเขาก็จะเหนือกว่าฝ่ายจอมพลที่สองได้ ถึงขนาดที่สามารถเทียบเคียงฝ่ายจอมพลที่หนึ่งได้ด้วย
สาเหตุที่จอมพลที่หนึ่งสามารถควบคุมกองทัพสหพันธรัฐได้สิบกว่าปี ไม่ใช่เป็นเพราะเขามีคนหนุ่มอนาคตไกลซึ่งเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะที่มีอนาคตไร้ขีดจำกัดอย่างหลิงเซียวเหรอ? ถ ถ้าหากไม่ใช่เพราะ ‘การเสียชีวิต’ ของหลิงเซียวในปีนั้นบังเอิญมากเกินไป ทำให้ฝ่ายของจอมพลที่หนึ่งคว้าโอกาสใช้คำวิพากษ์วิจารณ์ของมวลชนมากระตุ้นความโกรธแค้นของทหารและประชาชน จนท ทำให้ฝ่ายของพวกเขาทั้งสองจำเป็นต้องถอยเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกสงสัยและล้มเลิกการแข่งขันไป ฝ่ายของจอมพลที่หนึ่งก็คงไม่สามารถควบคุมกองทัพใหม่อีกครั้งจวบจนถึงปัจจุบันได้ง่ายขนาด นี้
ไม่ง่ายเลยกว่าจะรอให้อิทธิพล ‘การเสียชีวิต’ ของหลิงเซียวลดลงจนถึงจุดต่ำสุด ในตอนที่ตำแหน่งของจอมพลที่หนึ่งสั่นคลอน หลิงเซียวกลับ ‘ฟื้นคืนชีพ’ ด้วยความบังเอิญอีกครั้ง หลิง งเซียวที่โดนทุกคนล่วงรู้ระดับที่แท้จริง พอกลับมาแล้วทุกคนก็ออกมาเฉลิมฉลอง ทำให้ฝ่ายของจอมพลที่หนึ่งซึ่งตอนแรกมีอิทธิพลไม่มากกลับมาสู่จุดสูงสุด อีกฝ่ายนั่งตำแหน่งจอมพลที่หนึ งได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง…
ถ้าเกิดเฉียวถิงสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วเหมือนกับหลิงเซียว สามารถเลื่อนสู่ขั้นเทวะได้สำเร็จภายในหกปี ก็จะเป็นวันแห่งการเอาคืนของฝ่ายที่สามอย่างพวกเขา รอยยิ้มตรงมุมปาก ของตัวแทนจากกองทัพที่สามกว้างมากยิ่งขึ้น เขาคล้ายกับมองเห็นวันอันแสนรุ่งโรจน์ของพวกเขาในอนาคต
คำพูดของตัวแทนผู้จัดงานทำให้หลิงเซียวยิ้มแบบขอไปทีเท่านั้น เขารู้เรื่องของเฉียวถิงคนนี้เป็นเพราะลูกสาวของเขาอยากพาทีมมาเข้าร่วมศึกการประลองหุ่นรบ ลูกเดินทางไกลทำให้พ่อ ออดเป็นห่วงไม่ได้! หลิงเซียวย่อมอยากทำความเข้าใจเกี่ยวกับพวกสมาชิกที่อยู่ในทีมของหลิงหลาน ซึ่งเฉียวถิงถูกเจ้าหน้าที่ข่าวกรองจัดอยู่ในรายชื่อแรกเพราะความสามารถด้านต่างๆ แล ละพรสวรรค์โดดเด่นเหนือใคร หลิงเซียวเองก็สนใจเขามากเหมือนกัน แต่ก็จำกัดไว้เพียงแค่นี้เท่านั้น
เวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีเจ้าหน้าที่ในห้องสังเกตการณ์ตะโกนว่า “โรงเรียนที่สองโผล่มาแล้วครับ”
เพิ่งจะสิ้นคำพูด ก็มีอีกคนเอ่ยต่อว่า “มีที่สามแล้วเหมือนกัน…”
“ที่สี่ก็มี…”
“อ๊ะ สว่างขึ้นอีกเขตแล้ว ที่ห้า…”
บนหน้าจอขนาดใหญ่ มีหลายเขตสว่างขึ้นมาพร้อมกัน เดิมทีมีเพียงเขต G เท่านั้นที่มีสีสัน ส่วนพื้นที่อื่นๆ ของแผนที่ล้วนเป็นสีเทาสลัว จนในที่สุดก็ปรากฏเขตที่มีสีสันเต็มเปี่ยมไปด ด้วยชีวิตชีวาอีกหลายแห่งแล้ว
“ได้รับสัญญาณ 47 ของเขต P เรียบร้อยแล้ว เป็นโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่ง!” เขต P47 อยู่ในพื้นที่ราบค่อนไปทางตรงกลางของแผนที่ใหญ่ ตำแหน่งนี้นับว่าดีและก็นับว่าไม่ดี ข้อดีคือ ไม่ว่าจะหันไปยังทิศทางไหน โรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งล้วนสามารถเอาเขตพื้นที่ผืนใหญ่มาได้ และข้อเสียก็คือเรื่องนี้เหมือนกัน รอบด้านอาจจะมีศัตรูจ้องมองอย่างละโมบ บวกกับเป็ นพื้นที่ราบ ทำให้ไม่มีภูมิประเทศทางธรรมชาติอะไรให้พึ่งพาได้เลย ฐานที่มั่นตรงนี้จึงรักษาไว้ได้ยากมากที่สุดเช่นกัน
หากต้องการรักษาก็ต้องอาศัยจำนวนคนผลักดันถึงจะทำได้ เช่นนี้เอง ลูกทีมที่โรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งสามารถส่งออกไปบุกโจมตีได้จึงมีน้อยยิ่งกว่าน้อย กฎการแข่งขันให้พวกเขาจำเป็น นต้องรักษาฐานที่มั่นก่อนถึงค่อยพูดเรื่องอื่นได้ นี่ก็คือสาเหตุที่โรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งรีบร้อนอยากร่วมมือกับโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ต่อให้โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งไม่ช ช่วย ก็เป็นเรื่องดีเหมือนกันที่สามารถลดคู่แข่งที่แข็งแกร่งขนาดนี้ไปได้
“รับสัญญาณเขต Q9 เรียบร้อย เป็นโรงเรียนทหารชายที่สอง…” โรงเรียนทหารชายที่สองอยู่ในเขตเนินเขา ถ้าเกิดวางแผนได้เหมาะสม ก็เป็นพื้นที่ป้องกันง่ายและยากจะโจมตี ดีกว่าโรงเรียนท ทหารสหศึกษาที่หนึ่งมากอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่เขตเนินเขาอยู่ในมุมทิศตะวันตกเฉียงใต้ของแผนที่ใหญ่ หากต้องการจู่โจมเขตอื่น จำเป็นต้องฝ่าเขตเนินเขาของมุมทิศตะวันตกเฉียงใต้ออกมา ก็เ เหมือนกับที่พูดไว้เมื่อสักครู่นี้ ภูมิประเทศเนินเขาเป็นเขตที่ป้องกันง่ายยากจะโจมตี ดังนั้นโรงเรียนทหารชายที่สองอยากออกมาจากเขตพื้นที่เนินเขาก็จำเป็นต้องบุกตะลุยไปทีละเขต ถ ถ้าเกิดต้องการบุกมาที่เขตพื้นที่ใหญ่ก็จะยากลำบากกว่าโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งในเขต P มาก
“รับสัญญาณเขต S33 เรียบร้อย โรงเรียนทหารชายที่สาม” ฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่สามก็สว่างขึ้นมาตามหลังโรงเรียนทหารชายที่สองติดๆ จนแทบจะพร้อมเพรียงกัน ป่าไม่เพียงเป็นพื้นที ง่ายต่อการแอบซ่อนหุ่นรบ หากต้องการหาคู่ต่อสู้ที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าเป็นเรื่องยากลำบากมาก โรงเรียนทหารชายที่สามอยากจัดการคู่ต่อสู้รอบๆ ก็ไม่ได้ง่ายไปกว่าโรงเรียนทหารชายที่ส สองในเขต Q เลย
“เขต S9 ก็สว่างขึ้นแล้วเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเป็นโรงเรียนไหนคว้าที่ห้านี้ได้” กรรมการที่กำลังรับสัญญาณที่สว่างขึ้นมาของเขต S9 เอ่ยด้วยความสนอกสนใจ ตอนนี้โรงเรียนสี่อันดับแรก กดั้งเดิมจุดแสงสว่างสำเร็จหมดแล้ว นอกจากโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งที่นำโด่งแล้ว ช่วงเวลาจุดแสงสว่างของโรงเรียนอีกสามแห่งห่างกันไม่กี่วินาทีเท่านั้น นี่จะเป็นโรงเรียนสิบอันดับ แรกก่อนหน้านี้หรือเปล่า? หรือว่าจะเป็นม้ามืดที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงเรียนทหารมากมาย? พวกเขาสามารถตามโรงเรียนสามแห่งนั้นได้ติดๆ แทบจุดแสงสว่างได้พร้อมกัน ความสามารถนี้ไม่ด้อยไปกว่ าโรงเรียนทหารสามแห่งนั้นมากเท่าไหร่เลย…กรรมการจ้องมองเปอร์เซ็นต์การรับสัญญาณ อยากรู้โรงเรียนแห่งที่ห้าที่ทำให้ผู้คนตั้งตารอนี้โดยเร็วที่สุด
คนอื่นๆ ก็สนใจมากเช่นเดียวกันเพราะโรงเรียนที่ห้านี้เบียดเข้ามากับโรงเรียนทหารสามแห่งนั้น ควรรู้เอาไว้ว่าในหลายๆ สมัยที่ผ่านมา หกโรงเรียนที่เหลือในสิบสุดยอดนั้นห่างชั้น กับสี่อันดับแรกมากนัก ตอนที่โรงเรียนที่ห้าจุดแสงสว่างให้ฐานที่มั่นช้ากว่าสี่อันดับแรกไปกว่าครึ่งชั่วโมง ทว่าจู่ๆ รุ่นนี้กลับตามมากติดๆ ไม่ยอมปล่อย พวกเขาย่อมอยากรู้ให้แน น่ชัดว่าโรงเรียนไหนกันแน่ที่แข็งแกร่งขึ้นมาแล้ว
“ออกมาแล้วครับ เป็น…ทำไมเป็นโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งล่ะ!” กรรมการเห็นการรับข้อมูล 100% ก็ตื่นตัวขึ้นมา เขาเงยหน้ามองไป ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนไปอย่างยิ่งยวด
ที่แท้ในเขต S9 ที่สว่างไสว ตราโรงเรียนที่แสดงขึ้นบนหน้าจอขนาดใหญ่ก็คือ ตราของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง
เสียงร้องตกใจของเขาทำให้ห้องสังเกตการณ์เงียบลงไปทันที ทุกคนต่างมองเขต S9 ที่เป็นตัวแทนของอาณาเขตโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งอย่างตกตะลึง
แววตาของหลิงเซียวพลันไหววูบ เขารีบก้าวมาที่เขต S9 ที่จำลองบนโต๊ะ คิ้วขมวดขึ้นมาเล็กน้อย เขามองเขต S9 และก็มองเขต G ที่เชื่อมกันสำเร็จแล้ว ถึงค่อยกล่าวช้าๆ ว่า “โรงเรี ยนทหารชายที่หนึ่งไม่ได้แบ่งกำลังแค่ทางซ้ายขวาเพียงอย่างเดียว เวลาเดียวกันพวกเขาก็ส่งอีกทีมมาที่เขต S ด้วย”
“แบ่งกำลังเยอะขนาดนี้เลย?? ฐานที่มั่นยังจะเหลือคนได้อีกเท่าไหร่? หรือว่าพวกเขาไม่ต้องการฐานที่มั่นแล้ว” ตัวแทนกองทัพสักคนร้องอุทานขึ้นมา ทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ