I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 113 หุ่นรบกระต่าย?
บางทีหลิงหลานอาจจะถูกมิติการเรียนรู้ปรับเปลี่ยนให้มีนิสัยไปทางเด็กผู้ชายอยู่บ้าง ความสนใจที่มีต่อหุ่นรบก็เลยสูงเป็นประวัติการณ์ ไม่เพียงมองการควบคุมหุ่นรบพื้นฐานทั้งสามประเภททีละตัวแล้ว เธอยังมองรูปแบบของหุ่นรบพื้นฐานทั้งหมดจนน้ำลายแทบหก เธอพบว่าตัวเองชอบหุ่นรบแต่ละประเภทมาก ในใจแทบอยากจะครอบครองพวกมันทั้งหมดเลย
นายทหารรู้สึกได้ถึงความละโมบของหลิงหลาน เขาบอกหลิงหลานอย่างเด็ดขาดว่า ทหารใหม่ทุกคนสามารถเลือกหุ่นรบได้แค่หนึ่งประเภทเท่านั้นในตอนแรกสุด ถ้าหากต้องการครอบครองมากขึ้น จำเป็นต้องอาศัยคะแนนที่ตัวเองหาเพิ่มมาแลกหุ่นรบตัวใหม่…
คำพูดของนายทหารทำให้หลิงหลานใจเย็นลงทันที เธอเริ่มใคร่ครวญว่าท้ายที่สุดแล้วจะเลือกหุ่นรบประเภทไหนมาเป็นหุ่นรบเริ่มต้นของเธอ หลิงหลานกังวลใจอยู่บ้าง กลัวว่าตัวเองจะเลือกหุ่นรบผิดพลาด
อย่างไรก็ตาม หลิงหลานเป็นเด็กดีคนหนึ่ง เธอชอบถามคำถามมากที่สุด นี่เป็นนิสัยเคยชินที่ได้รับการปลูกฝังจากมิติการเรียนรู้ ดังนั้นเธอจึงเอ่ยปากสอบถามนายทหารว่า ในฐานะที่เธอเป็นมือใหม่ หุ่นรบอะไรที่เหมาะกับตอนแรกเริ่ม
ความจริงแล้วคนแรกที่หลิงหลานถามคือเสี่ยวซื่อ น่าเสียดายที่เสี่ยวซื่อเองก็ไม่รู้ว่าหุ่นรบสามประเภทตรงหน้านี้ ตัวไหนเหมาะกับเธอ ดีต่อเธอมากกว่า ระดับความรู้ของเขาที่มีต่อหุ่นรบในโลกใบนี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่าหลิงหลานเท่าไหร่เลย
หลิงหลานได้แต่ถอยและไปถามนายทหารซึ่งเป็นตัวเลือกที่สอง ไม่นึกเลยว่าหลิงหลานจะถามถูกคนแล้ว ระบบเกมจัดเตรียมแบบนี้ไว้จริงๆ เมื่อนายทหารได้ยินคำถามของหลิงหลานก็ตอบทันทีว่า “ การควบคุมที่ธรรมดาที่สุด เชี่ยวชาญได้ง่ายสุดเป็นของหุ่นรบรูปแบบสัตว์ป่า ฉันขอแนะนำให้เธอเริ่มฝึกจากหุ่นรบรูปแบบสัตว์ป่าก่อน”
ในเมื่อนายทหารที่คุ้นเคยกับหุ่นรบพูดแบบนี้ก็น่าจะไม่ผิด หลิงหลานเลือกรูปแบบสัตว์ป่าทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เธอเพิ่งจะส่งเสียงจบ นายทหารก็โบกมือทีหนึ่ง ทันใดนั้นเองวงล้อก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าหลิงหลาน
หลิงหลานมองไปบนวงล้อนี้ มันติดภาพหุ่นรบรูปแบบสัตว์ป่าเอาไว้นับไม่ถ้วน มีสิงโตเสือชีต้าร์ที่ดุร้าย และก็มีมดยักษ์ แมงมุมที่ดูน่าเกลียด แน่นอนว่าในนั้นยังมีเข็มเล่มใหญ่กำลังชี้ไปยังภาพหุ่นรบประเภทต่างๆ พวกนั้นด้วย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” หลิงหลานตะลึงงัน หลังจากนั้นก็ทำหน้า 囧 “หรือว่าการจะได้รับหุ่นรบก็ยังต้องใช้ดวงด้วยเหรอคะ?”
“หุ่นรบของมือใหม่คือของขวัญที่ระบบจะมอบให้ ดังนั้นมือใหม่จะไม่มีสิทธิเลือกหุ่นรบ ผลสุดท้ายการจะได้รับหุ่นรบนั้นต้องอาศัยการสุ่มหมุนวงล้อมาตัดสิน” นายทหารอธิบาย “โชคก็เป็นความสามารถอย่างหนึ่ง เธอต้องคาดหวังโชคของตัวเองไว้ให้มันนำหุ่นรบที่แข็งแกร่งและทรงพลังมาให้เธอ!”
เวลานี้รอยยิ้มของนายทหารในสายตาของหลิงหลานเห็นได้ชัดว่าดูเหมือนกับกำลังยินดีในความโชคร้ายของคนอื่นอย่างยิ่ง หลิงหลานไม่รู้ว่าตอนที่มือใหม่คนอื่นๆ เข้ามาที่นี่ครั้งแรกจะรู้สึกยังไง แต่ว่าตอนนี้หลิงหลานรู้สึกเข็ดฟันมาก อยากจะต่อยออกไปสักหมัด ทางที่ดีคือต่อยใบหน้ายิ้มแย้มของอีกฝ่ายให้กระเด็นไปเลย…
แน่นอนว่าหลิงหลานได้แต่คิดเท่านั้น ไม่สามารถกระทำออกมาได้ ถึงยังไงตอนนี้เธอยังต้องพึ่งอีกฝ่ายเพื่อจะเอาหุ่นรบของเธอ หลิงหลานหมุนวงล้อแรงๆ แล้วก็มองวงล้อหมุนอย่างบ้าคลั่ง หลังจากนั้นมันก็ลดความเร็วค่อยๆ ช้าลงไปตามกาลเวลา สุดท้ายมันก็ช้าลงเรื่อยๆ จนตอนที่มันกำลังจะหยุดอยู่บนหุ่นรบรูปแบบเสือดาว ทันใดนั้นมันก็เด้งไปที่อีกอัน
หลิงหลานยังไม่ทันมองดูชัดๆ ว่าเข็มชี้ไปที่หุ่นรบตัวไหนกันแน่ ก็มีเสียงปังดังขึ้นตรงหน้า ดอกไม้กระดาษหลากสีบินว่อนขึ้นมาทันที หลังจากนั้นกระต่ายยักษ์ตัวหนึ่งที่ดูน่ารักสุดๆ ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอฉับพลัน
หลิงหลานตัวแข็งทื่อ…กระต่าย? ทำไมถึงเป็นกระต่ายล่ะ? ต่อให้เป็นมดยักษ์หรือแมงมุมก็ยังดูทรงอำนาจมากกว่ากระต่ายเลย
หลิงหลานสงบสติอารมณ์ตัวเองได้ยากมาก หลิงหลานมองไปที่อาวุธในมือกระต่ายอีกครั้งแล้วก็พูดไม่ออกโดยสิ้นเชิง…แม่งเอ๊ย ระบบแม่มึงสิ แกมันไร้ยางอาย เอาแครอทมาติดตั้งเป็นอาวุธให้หุ่นรบกระต่ายเนี่ยนะ แกเห็นว่ากระต่ายตรงหน้าเป็นกระต่ายจริงๆ เรอะ!
เสี่ยวซื่อที่อยู่ในห้วงจิตใจกลับทำตาวาวทันที มันกุมหน้าบิดก้น ตะโกนเสียงดังลั่นว่า “ลูกพี่ หุ่นรบตัวนี้สวยงามน่ารักมาก ฉันชอบนะ” เมื่อนายทหารเห็นหุ่นรบกระต่ายโผล่ขึ้นมา รอยยิ้มบนใบหน้าก็กว้างมากขึ้น “ยินดีด้วยทหารใหม่ เธอได้รับหุ่นรบกระต่ายรุ่นล่าสุดของสหพันธรัฐเรา” เขากล่าวจบก็ยื่นมือออกมามอบวัตถุสีขาวที่คล้ายกับรีโมทคอนโทรลให้กับหลิงหลาน
หลิงหลานยื่นมือไปรับของชิ้นนั้น ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรก็รู้ว่านี่เป็นกุญแจติดเครื่องยนต์ของหุ่นรบกระต่าย เธอเอ่ยด้วยความกลุ้มใจว่า “ถ้าไม่พูดว่ายินดีด้วย ฉันคิดว่าฉันอาจจะดีใจขึ้นมาหน่อย”
นายทหารเหมือนกับสัมผัสอารมณ์บูดบึ้งของหลิงหลานไม่ได้ เขาทำหน้าเคร่งขรึมพลันสั่งการทันทีว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทหารใหม่ รีบเข้าไปในหุ่นยนต์ของเธอซะ เราจะทำการฝึกฝนการควบคุมขั้นพื้นฐาน”
“ค่ะ!” หลิงหลานรับคำสั่งทันที หลังจากนั้นเธอก็กดปุ่มอันหนึ่งบนกุญแจรีโมท ทันใดนั้นก็เห็นฝาประตูห้องควบคุมตรงส่วนท้องของหุ่นรบกระต่ายเปิดออก หลิงหลานทะยานตัวพุ่งขึ้นมา จากนั้นก็กระโดดติดต่อกันหลายทีก็เข้าไปในห้องควบคุมได้อย่างราบรื่น เธอเอนตัวนั่งลงไปก่อนจะกดปุ่มปิดฝาประตูห้อง ฝาประตูห้องควบคุมก็ปิดลง กระต่ายก็กลายเป็นกระต่ายตัวหนึ่งอีกครั้ง
เมื่อหลิงหลานเพิ่งจะทำทุกอย่างนี้เสร็จ นายทหารก็โบกมืออีกรอบ หุ่นรบกระต่ายที่บรรทุกหลิงหลานเอาไว้ก็หายไปจากจุดล็อกอินแห่งนี้ ก่อนจะเข้าไปยังห้องฝึกฝนการเคลื่อนไหวพื้นฐานอย่างเช่นกระโดดและวิ่งโดยเฉพาะ
เวลานี้เอง หลิงหลานถึงค่อยเลือกติดเครื่องยนต์หุ่นรบ แน่นอนว่าวิธีการติดเครื่องยนต์ที่เธอเลือกย่อมเป็นการติดเครื่องยนต์ตามปกติ หลังจากที่รอไปประมาณสามนาที หุ่นรบกระต่ายถึงค่อยติดเครื่องยนต์เสร็จโดยสมบูรณ์
ในขณะที่หลิงหลานคิดจะเปิดหน้าจอทั้งหมดนั้น เธอก็สังเกตเห็นตัวอักษรแถวหนึ่งปรากฏขึ้นบนหน้าจอหลักตรงหน้าเธอ “คำแนะนำการควบคุมพื้นฐานของหุ่นรบกระต่าย…”
หลิงหลานทำตามคำแนะนำพวกนี้ ในที่สุดเธอก็เข้าใจประโยชน์ของพวกปุ่มตรงหน้าเธอแล้ว เดิมทีเธอนึกว่าจะไม่มีคันบังคับเสียอีก แต่เธอก็พบว่าจริงๆ มันยังมีอยู่ เพียงแต่คันบังคับนั้นอยู่ตรงกลางของแผงปุ่มกด ตอนที่หลิงหลานมองการควบคุมนั้น เนื่องจากเธอถูกความเร็วมือพวกนั้นดึงดูดไปก็เลยไม่สังเกตเห็น อันที่จริงแล้วคันบังคับเป็นของที่ใช้บ่อยที่สุดในตอนที่นิ้วพวกนั้นสะบัดรัวไปมา
“ไม่นึกเลยว่าการควบคุมหุ่นรบจะซับซ้อนขนาดนี้ ก่อนหน้านี้เห็นหุ่นรบต่อสู้กันก็นึกว่าจะง่ายดายเหมือนกับการต่อสู้ด้วยร่างกายซะอีก ฉันดูถูกผู้ควบคุมหุ่นรบพวกนั้นมากเกินไปแล้ว” หลิงหลานได้แต่ทำความคุ้นเคยและทำความเข้าใจกับปุ่มกดเยอะแยะมากมาย จากนั้นก็รู้สึกปวดหัวอยู่บ้าง
“วางใจเถอะ ลูกพี่ ขอแค่พัฒนาออปติคัลคอมพิวเตอร์ของหุ่นรบ การควบคุมก็จะไม่ได้ซับซ้อนขนาดนี้แล้ว” เสี่ยวซื่อตรวจสอบออปติคัลคอมพิวเตอร์ของหุ่นรบด้วยความจริงจัง ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่ว่าจะพัฒนามันยังไงเพื่อให้ลูกพี่ประหยัดแรงขึ้นมาหน่อย
หลิงหลานกลับห้ามเสี่ยวซื่อไว้ “เสี่ยวซื่อ ไม่ต้องพัฒนาออปติคัลคอมพิวเตอร์ของหุ่นรบนะ”
เสี่ยวซื่อเอ่ยด้วยความไม่เข้าใจว่า “ทำไมล่ะ?”
“ฉันมาเรียนรู้นะ ดังนั้นฉันก็ต้องเรียนจากพื้นฐานเหมือนกับเด็กของที่นี่ อาจารย์ในมิติการเรียนรู้กับพ่อฉันก็เน้นย้ำเรื่องความสำคัญของพื้นฐานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันไม่สามารถกลัวความลำบากและมองข้ามมันไปได้” หลิงหลานอธิบาย “นอกจากนี้ ที่นี่คือโลกเสมือนจริง ไม่เพียงมีการควบคุมตรวจสอบของระบบแล้ว มันยังมีตัวอันตรายอย่างพวกกลายพันธุ์ทางจิตด้วย ใครจะไปรู้ว่าที่นี่มีคนตรวจดูอยู่หรือเปล่า ฉันไม่อยากให้นายเจออันตรายใดๆ นะ”
คำพูดห่วงใยของหลิงหลานทำให้เสี่ยวซื่อไม่สามารถต้านทานได้เลย เขาได้แต่พยักหน้าเชื่อฟัง รับปากว่าจะไม่ยื่นมือมาช่วยหลิงหลานอีก อย่างไรก็ตามอารมณ์ของเสี่ยวซื่อไม่ได้ดีมากนัก เพราะเขาพบว่าเรื่องที่เขาสามารถช่วยเหลือลูกพี่ของตนได้นั้นมีอยู่น้อยเกินไปจริงๆ
หลิงหลานเห็นแบบนี้ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อว่า “เสี่ยวซื่อ นายว่าหุ่นรบที่พ่อของเราเรียนรู้ในตอนแรกเป็นหุ่นรบประเภทไหนกัน? ถ้าเป็นประเภทสัตว์ป่า หุ่นรบที่เขาได้รับมาจะน่าตลกมากเหมือนกันใช่ไหม?” หลิงหลานยิ่งพูดก็ยิ่งอยากรู้
เสี่ยวซื่อถูกหลิงหลานดึงความสนใจไปตามที่คาดไว้จริงๆ เขาพบว่าตัวเองมีเรื่องที่ต้องทำอีกแล้ว เขาตื่นเต้นยินดีบอกให้หลิงหลานรอสักครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็วิ่งไปเก็บข้อมูลทุกอย่างของหลิงเซียวด้วยความกระตือรือร้น
ถึงแม้ว่าข้อมูลของหลิงเซียวจะเป็นระดับ S แต่เสี่ยวซื่อคือใคร เขาเป็นเทพเสมือนจริงนะ ขอเพียงเขาคิดจะทำก็ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดจะเก็บข้อมูลของหลิงเซียว ในมือก็เลยไม่มีข้อมูลอะไรเลย แต่ในเมื่อตอนนี้ลูกพี่สนใจพ่อของพวกเขาแล้ว ในฐานะที่เขาเป็นลูกน้อง เขาจะต้องตอบสนองความสงสัยใคร่รู้ของลูกพี่ให้ได้
เสี่ยวซื่อกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาเอ่ยด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “ลูกพี่ ลูกพี่ เธอรู้หรือเปล่าว่าพ่อของเราเป็นบุคคลระดับไหน ว้าว เขาร้ายกาจเกินไปแล้ว”
หลิงหลานถูกเสี่ยวซื่อจุดความสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง เธอครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “ยศทหารของพ่อคือพลตรี เขาเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษหรือไง?” หลิงหลานยังจำได้รางๆ ว่าเสี่ยวซื่อเคยพูดว่ามีหุ่นรบระดับพิเศษอยู่ ถ้าจะให้สัมพันธ์กันก็น่าจะเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษสินะ
เสี่ยวซื่อส่ายนิ้วพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจว่า “ไม่ใช่ ผู้ควบคุมหุ่นรบไม่ได้แบ่งแบบนี้” จากนั้นเสี่ยวซื่อก็บอกการแบ่งระดับของผู้ควบคุมหุ่นรบในโลกนี้ออกมาทีละอัน
“ผู้ควบคุมหุ่นรบหรือที่เรียกอีกชื่อว่าปรมาจารย์หุ่นรบ ดูจากชื่อเรียกก็มองออกว่าข้างในมีคำเรียกขานอยู่สองแบบ หนึ่งคือนักรบหุ่นรบ ขณะที่อีกชื่อคือปรมาจารย์หุ่นรบ ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูงลงไป (รวมไปถึงหุ่นรบระดับสูง) จะเรียกว่านักรบหุ่นรบ ส่วนผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษขึ้นไปก็จะถูกเรียกว่าปรมาจารย์หุ่นรบ”
“นักรบหุ่นรบก็แบ่งเป็นนักรบหุ่นรบฝึกหัด นักรบหุ่นรบชั้นต้น นักรบหุ่นรบชั้นกลาง นักรบหุ่นรบชั้นสูง หุ่นรบที่ตรงกับการควบคุมคือ หุ่นรบฝึกหัด หุ่นรบชั้นต้น หุ่นรบชั้นกลาง หุ่นรบชั้นสูง”
“ส่วนปรมาจารย์หุ่นรบก็แบ่งเป็นปรมาจารย์หุ่นรบระดับพิเศษ ปรมาจารย์หุ่นรบไพ่ราชา ปรมาจารย์หุ่นรบระดับราชัน ปรมาจารย์หุ่นรบขั้นเทวะ หุ่นรบที่ปรมาจารย์หุ่นรบระดับพิเศษกับปรมาจารย์หุ่นรบไพ่ราชาควบคุมคือหุ่นรบระดับพิเศษ เพียงแต่ว่าระดับการควบคุมของปรมาจารย์หุ่นรบไพ่ราชาจะสูงกว่าหนึ่งขั้น ส่วนหุ่นรบที่ปรมาจารย์หุ่นรบระดับราชันควบคุมคือหุ่นรบระดับราชัน ส่วนหุ่นรบที่ปรมาจารย์หุ่นรบขั้นเทวะควบคุมก็คือหุ่นรบขั้นเทวะ อาวุธสุดยอดของสหพันธรัฐอย่างไม่ต้องสงสัย”
“แต่ว่านี่เป็นเพียงการแบ่งชั้นภายในกองทัพเท่านั้น สำหรับประชาชนแล้วไม่ได้แบ่งละเอียดขนาดนั้น นักรบหุ่นรบกับปรมาจารย์หุ่นรบต่างถูกเรียกรวมๆ ว่าเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบ”
“โดยทั่วไปแล้ว จะไม่ให้ผู้ควบคุมระดับราชันขึ้นไปออกปฏิบัติการในสงคราม เพราะว่าปรมาจารย์หุ่นรบพวกนี้คือตัวตนที่สามารถตัดสินทิศทางของสงครามได้ ด้วยเหตุนี้เอง แต่ละประเทศจึงทำสัญญาตกลงกันว่าจะไม่มีการฝ่าฝืนข้อห้ามยกเว้นในกรณีพิเศษ”
“ส่วนผู้ควบคุมชั้นเทวะยิ่งเป็นตัวตนที่ทรงอำนาจคุกคาม การที่สหพันธรัฐครอบครองเขตแดนประเทศได้กว้างใหญ่ไพศาลขนาดนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะว่าผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะที่สหพันธรัฐครอบครองนั้นมีเยอะมากที่สุดในหมู่ประเทศรอบข้าง…”
“ลูกพี่ ตอนนี้เธอลองเดาดูสิว่าพ่อของเราเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับไหน?” คิ้วตาของเสี่ยวซื่อยิ้มจนกลายเป็นขีดเดียว เห็นได้ว่าเขาอารมณ์ดีอย่างไร้ขีดจำกัด
“เห็นนายดีใจขนาดนี้ พ่อของพวกเราน่าจะไม่ได้อยู่ระดับต่ำอะไร หรือว่าเขาไปถึงขั้นผู้ควบคุมไพ่ราชาแล้ว?” หลิงหลานนึกถึงพ่อในภารกิจมรดก ยังหนุ่มจนน่าตกใจ ถ้าเกิดไปถึงขั้นผู้ควบคุมไพ่ราชาได้จริงๆ เขาย่อมเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่นเหนือใครแน่นอน
“No No No ผิดแล้ว ผิดแล้ว” เสี่ยวซื่อจ้องมองหลิงหลานอย่างดูถูกแวบหนึ่ง ไม่พอใจหลิงหลานเล็กน้อยที่ดูแคลนพ่อของพวกเขามากเกินไปแล้ว….
………………………………….