I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 240 เป้าหมายของเหลยถิง?
“ไม่น่านะ ตอนนี้ราชันสายฟ้ากำลังกักตนอยู่ เตรียมตัวทะลวงขีดจำกัดเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราขา เขาไม่น่ามีเวลาว่างมาจัดการเรื่องเล็กๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยอี๋พลันเอ่ยข้อมูลนี้แทรกขึ้นมา
ข่าวเรื่องราชันสายฟ้ากักตเพื่อจะเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชานี้แทบจะแพร่สะพัดไปทั่วทั้งโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ต่อให้นักเรียนใหม่อย่างพวกเขาก็รู้มานิดหน่อยเช่นกัน ถึงยังไงโรงเรียนทหารปรากฏอัจฉริยะระดับสุดยอดแบบนี้ออกมา ก็ต้องทุ่มกำลังป่าวประกาศบ้าง
หลิงหลานได้ยินข่าวนี้ก็ใจกระตุก รีบเอ่ยว่า “เดี๋ยวนะ ให้ฉันคิดก่อน บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสให้พวกเราได้พัฒนาก็ได้”
คำพูดของหลิงหลานทำให้หลายคนแววตาเปล่งประกาย พวกเขาฝืนข่มกลั้นความตื่นเต้นในใจ ไม่กล้าเอ่ยปากรบกวนการขบคิดของหลิงหลาน
ควรรู้เอาไว้ว่า ตอนนี้กลุ่มนักเรียนใหม่ดูเหมือนสบายดี มองไม่เห็นแรงกดดันที่กลุ่มอำนาจอื่นตั้งใจส่งมา แต่ความจริงแล้วกลุ่มอำนาจพวกนั้นก็เหมือนดาบที่ลอยอยู่เหนือหัวพวกเขา พวกเขาอยู่ในวิกฤติอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากพวกเขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กลุ่มอำนาจพวกนั้นจะลงมือกดดันพวกเขาอย่างหนัก จนสุดท้ายก็ทำให้พวกเขาถูกบีบจนจำเป็นต้องเข้าร่วมกลุ่มอำนาจพวกนั้น
ตลอดมานักเรียนของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือต่างเป็นกลุ่มนักเรียนที่มีพรสวรรค์ดีเยี่ยม ดังนั้นพวกเขาต่างก็เป็นคนที่ทระนงตนสุดขีด พวกเขาไม่ยอมเลือกสิ่งที่ฝืนใจตัวเองเพราะแรงกดดันจากภายนอก นี่ก็คือเหตุผลที่พวกเขาเป็นรวมหนึ่งเดียวกันอย่างรวดเร็วและตั้งกลุ่มนักเรียนใหม่ขึ้นมา
เดิมทีกลุ่มสถาบันศูนย์กลางลูกเสือเดิมที่มีจางจิงอันเป็นตัวแทนก็เป็นสถานที่คุ้มกันที่ดีเยี่ยมของพวกเขา แต่น่าเสียดายที่การต่อสู้ประจัญบานในตอนนั้นชั้นปีที่จางจิงอันเป็นตัวแทนได้พ่ายแพ้ในน้ำมือพวกเขา ด้วยเหตุนี้ พวกนักเรียนใหม่จึงไม่อยากให้คนที่พ่ายแพ้ในเงื้อมมือมาเป็นผู้นำพวกเขาเลย ท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่มองจางจิงอันในแง่ดีเลย นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่จางจิงอันตระเวนเที่ยวโน้มน้าวไม่สำเร็จ
แน่นอนว่าตัวตนของหลิงหลานก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่พวกเขาไม่อยากเข้าร่วมกลุ่มของจางจิงอัน ถ้าหากหลิงหลานไม่อยู่ คนมากมายคงจะเข้าร่วมกลุ่มของจางจิงอันชั่วคราวเพื่อให้ตัวเองมีความมั่นคงเนื่องจากแรงกดดันในโลกความจริง ทว่าหลิงหลานมาที่โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งแล้ว ในสายตาของนักเรียนใหม่ หลิงหลานที่นำพาพวกเขาคว้าชัยชนะในการต่อสู้ประจัญบานและชิงอำนาจควบคุมยานบินได้สำเร็จทำให้พวกเขาเชื่อใจได้มากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่กลุ่มนักเรียนใหม่ตั้งขึ้นมาได้อย่างราบรื่น
“จี้จวิน นายว่าการที่อีกฝ่ายยั่วยุโจ่งแจ้งขนาดนี้และไม่ปกปิดเลยสักนิดว่ามาจากกลุ่มอำนาจอะไร เป็นแค่การเชือดไก่ให้ลิงดูเท่านั้นจริงๆ หรือเปล่า?” หลิงหลานเริ่มสงสัยเป้าหมายในการมาของอีกฝ่ายแล้ว
ปกติแล้วพวกเขาจะต้องสร้างจุดที่ครอบคลุมการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องคุณธรรมด้วย ผลักความรับผิดชอบเรื่องก่อความขัดแย้งให้คู่ต่อสู้ สุดท้ายก็อาศัยชัยชนะที่เหนือกว่ายืนยันความสูงส่งของพวกเขาเพื่อสร้างอำนาจสยบที่มากยิ่งขึ้น เวลานั้นก็อาศัยแนวโน้มนี้ฉวยโอกาสรับนักเรียนใหม่ที่โดดเด่นบางคนได้ง่ายมากขึ้นแล้ว…
แต่การกระทำของเหลยถิงในคราวนี้เห็นได้ชัดว่าดูหุนหันอยู่บ้าง พวกเขาทำเพื่อกระตุ้นโทสะของพวกนักเรียนใหม่ใหม่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้อย่างชัดเจน วิธีการทั้งชั้นต่ำและป่าเถื่อน ต่อให้เอาชนะพวกเขาได้ เหลยถิงก็ต้องได้รับชื่อเสียงฉาวโฉ่จากการลำพองข่มเหงนักเรียนใหม่รังแกผู้น้อย ถึงขนาดที่ทำให้นักเรียนใหม่คนอื่นๆ เกิดความกังวลกลัวว่าจะถูกรังแกด้วย และส่งผลต่อประสิทธิภาพในการรับคนของพวกเขาแทน หลิงหลานคิดยังไงก็รู้สึกว่าไม่ค่อยถูกต้อง
“ถ้าไม่ใช่ แล้วเพราะอะไร? หรือว่าแค่อัดเพื่อกดดันให้พวกเราเข้าร่วมด้วยเฉยๆ เท่านั้น?” จี้จวินคิดไม่ออกว่ายังมีเป้าหมายอะไรอีก “ถึงแม้ว่าจำนวนคนของพวกเขาจะค่อนข้างเยอะ แต่เมื่อเทียบกับจำนวนนักเรียนใหม่ทั้งหมดแล้วก็ยังห่างกันมากเกินไป ควรรู้เอาไว้ว่ามีนักเรียนใหม่เข้ามาเรียนในโรงเรียนทหารเกือบเจ็ดพันคนทุกปี”
คำพูดของหานจี้จวินทำให้หลิงหลานพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ ทันใดนั้นเธอก็เอ่ยถามด้วยความจริงจังว่า “ถ้าเกิดพวกเขารู้ผลการประเมินของนักเรียนใหม่อย่างพวกเราล่ะ?”
ผลการประเมินของนักเรียนใหม่จะถูกเก็บไว้ในไฟล์ของนักเรียน และผลคะแนนนี้จะส่งผลต่อทรัพยากรด้านต่างๆ และคุณภาพของอาจารย์ที่โรงเรียนทหารมอบให้กับนักเรียนคนนั้นในตอนที่อบรมบ่มเพาะ ความจริงแล้ว ตอนนี้มันก็สะท้อนออกมาให้เห็นแล้ว นักเรียกลุ่มของพวกเขาได้เข้าไปในห้องเรียนที่ดีที่สุดในภาควิชาที่แต่ละคนเลือกเอาไว้ ได้รับอาจารย์ที่ดีที่สุดและทรัพยากรที่ดีที่สุดในการเรียนรู้และอบรมบ่มเพาะ
ก็เหมือนกับห้องเอควบคุมหุ่นรบของหลิงหลาน อาจารย์แต่ละท่านไม่เพียงเป็นบุคคลที่โดดเด่นที่สุดของสายนั้น อาจารย์สอนควบคุมหุ่นรบของจริงถึงขนาดก็เป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับปรมาจารย์หุ่นรบไพ่ราชาขึ้นไปทั้งนั้น ไม่เพียงแค่นั้น ตอนที่ทำการแบ่งหุ่นรบของจริง พวกเขามักจะได้รับหนึ่งในหุ่นรบที่ดีที่สุดของทางโรงเรียน แน่นอนว่าหุ่นรบจะดีถึงระดับไหนก็ยังต้องดูสภาพการเรียนรู้บังคับหุ่นรบเสมือนจริงในหลายปีที่ผ่านมาด้วย
หานจี้จวินได้ยินคำพูดก็เหมือนกับนึกอะไรออก สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย “หรือว่าฝ่ายตรงข้ามได้รับผลคะแนนการประเมินนักเรียนใหม่ของพวกเรา? มีแฮคเกอร์…” โรงเรียนทหารมีชั้นเรียนของแฮคเกอร์เฉพาะทาง ในกลุ่มอำนาจมีแฮคเกอร์อยู่ย่อมเป็นเรื่องปกติมาก
“โรงเรียนทหารไม่ทำการป้องกันไว้เลยหรือไง?” พอรู้ว่ามีแฮคเกอร์ในหมู่ในนักเรียน ข้อมูลการเรียนของนักเรียนใหม่ถูกเอาไปง่ายๆ ขนาดนี้ทำให้หานจี้จวินไม่พอใจอยู่บ้าง
“บางทีนี่ก็คือการทดสอบที่ทางโรงเรียนมอบให้นักเรียนแฮคเกอร์” หลิงหลานไม่รู้สึกแปลก การป้องกันอะไรต่างๆ ทำขึ้นเพื่อให้ถูกทำลาย เพียงแต่แตกต่างกันตรงที่ทำสำเร็จหรือเปล่า
คำพูดของหลิงหลานทำให้หานจี้จวินปล่อยวางลง นี่ก็มีความเป็นไปได้สูงเหมือนกัน หากต้องการให้แฮคเกอร์ทุ่มเทกำลังถอดรหัส จำต้องเป็นมีผลประโยชน์ที่มากพอ และข้อมูลการประเมินผลของนักเรียนใหม่ก็ดึงดูดแฮคเกอร์เหล่านี้ได้มากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงยังไงต่อให้แฮคเกอร์ไม่สนใจ องค์กรต่างๆ ที่พวกเขาอยู่ก็ต้องหวั่นไหว ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องทำ
“ดูจากแบบนี้แล้ว ข้อสงสัยของลูกพี่หลานถูกต้องแล้ว พวกเขาไม่ได้ทำเพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู ความจริงแล้วเป้าหมายที่แท้จริงของเขาก็คือพวกเรา ดูเหมือนว่าพวกเราจะหนีการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้แล้ว” คำเตือนของหลิงหลานทำให้หานจี้จวินเข้าใจแล้วเช่นกัน ในใจจึงอดรู้สึกระสับกระส่ายขึ้นมาไม่ได้
“เหลยถิงตั้งใจจะเอาชนะพวกเรา ดังนั้นต่อให้ราชันสายฟ้ากักตนอยู่ ขาดผู้นำนั่งบัญชาการคนนี้ไป พวกเขาก็ยังต้องการปราบและควบรวมพวกเราไว้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกเขากลัวว่ากลุ่มอื่นๆ จะรู้ข้อมูลนี้เหมือนกัน แล้วสุดท้ายจะสอดเท้าเข้ามา” หลิงหลานเข้าใจเป้าหมายของเหลยถิงโดยส่วนใหญ่แล้ว “ดูจากแบบนี้แล้ว กลุ่มอื่นๆ ยังไม่รู้ข้อมูลการประเมินผลของพวกเรา….”
ตอนนี้หลิงหลานสั่งเสี่ยวซื่อในห้วงจิตใจให้ไปที่ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโรงเรียนแล้วตรวจสอบดูหน่อยว่ามีคนเจาะการป้องกันแล้วชิงข้อมูลของพวกเขาไปหรือเปล่า
ไม่นานเสี่ยวซื่อก็ตอบว่า มีคนเข้าไปในคลังข้อมูลสำเร็จแล้วจริงๆ แล้วก็ดาวน์โหลดไฟล์ของพวกเขาไว้ นอกจากนี้ยังทิ้งการป้องกันไว้หนึ่งชั้น และมีแฮคเกอร์อีกหลายกลุ่มกำลังเจาะชั้นป้องกันนั้นอยู่ จากความคืบหน้าของพวกเขา คาดว่าจะทำสำเร็จได้รับข้อมูลของพวกเขาในอีกหนึ่งอาทิตย์ให้หลัง
ในเมื่อหลิงหลานรู้เรื่องนี้แล้ว เธอย่อมให้เสี่ยวซื่อเสริมการป้องกันข้อมูลของพวกเขาให้แข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง เธอไม่อยากให้ข้อมูลของพวกเขาถูกคนอื่นๆ เอาไปอีกหรอกนะ ยิ่งมีคนรู้มาก ยิ่งเป็นอันตรายต่อกลุ่มนักเรียนใหม่ เนื่องจากพวกเขาก็เหมือนกับเด็กทารกที่ถืออ่างสมบัติไว้ ไม่มีความสามารถมากพอที่จะปกป้องทรัพย์สินของตัวเอง ผลสุดท้ายก็ได้แต่ถูกผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ปล้นชิงไป…
เสี่ยวซื่อได้รับคำสั่งของหลิงหลานก็ไปจัดการให้ด้วยความร่าเริง แน่นอนว่าเขาตบอกน้อยๆ ของเขารับรองว่า ไม่มีใครในโลกนี้ช่วงชิงข้อมูลเหล่านี้ภายใต้การคุ้มครองของเขาได้ นอกเสียจากคนของโรงเรียนทหารที่มีสิทธิ์ดูข้อมูล
“อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเหลยถิงทำแบบนี้เพื่อเป้าหมายอะไร อันที่จริงสำหรับพวกเราแล้วการก่อกบฏครั้งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแย่ทั้งหมด” หลิงหลานจัดการแก้ไขอันตรายแอบแฝงนี้แล้ว ในใจก็โล่งอก ตอนนี้เธอแค่สนใจเรื่องรับมือกับเหลยถิงก็พอ ต่อให้เหลยถิงคือกลุ่มอำนาจอันดับหนึ่งของโรงเรียน แต่ว่าขอเพียงมีแค่กลุ่มอำนาจเดียว แรงกดดันก็น้อยลงมาก
ความคิดหนึ่งแล่นวาบขึ้นในหัวหานจี้จวิน เขารีบเอ่ยว่า “ถูกต้อง สำหรับพวกเราแล้วครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรจริงๆ”
ฉีหลงถูกคำพูดที่เต็มไปด้วยความลึกซึ้งของลูกพี่กับเพื่อนซี้ของเขาทำให้มึนงงไปหมด เขาอดไม่ไหวเอ่ยปากถามว่า “พวกนายพูดอะไรกันแน่? เรื่องดีเรื่องร้ายอะไร?”
หานจี้จวินไม่ตอบคำถามของฉีหลงอย่างหาได้ยาก หากแต่พูดกับหลิงหลานต่อว่า “กลุ่มอื่นๆ ของโรงเรียนทหารน่าจะรอดูบทสรุปที่เหลยถิงจัดการพวกเราก่อนเพราะว่ายังไม่รู้สถานการณ์ที่แน่ชัด”
“ถ้าหากพวกเราไม่สามารถต้านทานการโจมตีของเหลยถิงได้ ต่อให้พวกเราไม่อยากไปหาเหลยถิง ก็ต้านทานกลุ่มอำนาจอื่นไม่ไหวเหมือนกัน บทสรุปสุดท้ายของกลุ่มนักเรียนใหม่ของพวกเราต้องแตกแยกและถูกพวกเขาดูดกลืนเข้าไปแน่นอน” หลิงลหานพูดจุดจบสุดท้ายของกลุ่มนักเรียนใหม่พวกเขาออกมาอย่างเฉยชา “แต่ว่าถ้าหากพวกเราต้านทานครั้งนี้ได้ ถึงแม้ว่าต้องต่อกรกับเหลยถิง แต่ขอเพียงผลการประเมินนักเรียนใหม่ของพวกเราไม่โดนกลุ่มอื่นรู้เข้า พวกเขาไม่มีทางอยากไปสู้กับเหลยถิง ยั่วโมโหราชันสายฟ้า สอดมือกับเรื่องนี้แน่นอน ถึงยังไงนักเรียนใหม่ไม่ได้มีแค่พวกเรา พวกเขายินดีเห็นพวกเราสู้กับเหลยถิง ให้ราชันสายฟ้าไม่สนใจนักเรียนใหม่คนอื่นๆ พวกเขาก็จะได้รับคนได้สะดวกขึ้น”
“ถึงแม้ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่พวกเราจะพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถมากเมื่อการต่อกรกับเหลยถิง แต่นี่ก็เป็นโอกาสของพวกเราเช่นเดียวกัน เหลยถิงจะกลายเป็รคู่ต่อสู้ของพวกเราและก็สามารถกลายเป็นเครื่องรางป้องกันของพวกเราได้เหมือนกัน” หานจี้จวินเอ่ยตาม “แต่ว่าเราจะรับประกันได้ยังไงว่าข้อมูลของพวกเราจะไม่ถูกกลุ่มอื่นๆ ได้ไป?” หานจี้จวินเริ่มกลัดกลุ้ม
“ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ ฉันจะจัดการให้เรียบร้อยเอง” หลิงหลานตอบอย่างเฉียบขาด หานจี้จวินค่อยนึกขึ้นได้ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ลูกพี่หลานของพวกเขาจะเป็นแฮคเกอร์ที่ลึกล้ำยากจะหยั่งถึง ตอนที่อยู่ในยานบินก็ยืนยันเรื่องนี้แล้ว เขาพลันยื้มขึ้นมา
เวลานี้คนอื่นๆ ก็เข้าใจขึ้นมาแล้วเช่นกัน เซี่ยอี๋ยังคงถามว่า “นี่หมายความว่า ถึงแม้พวกเราจะดูเหมือนล่อแหลมอันตรายมาก แต่ความจริงแล้วสถานการณ์ไม่ได้ย่ำแย่เหมือนที่เห็นภายนอกใช่ไหม?”
หลิงหลานส่ายหน้ากล่าวว่า “ก็พูดแบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน พูดได้แค่ว่ามีโอกาสชนะหรือแพ้อยู่ครึ่งต่อครึ่ง”
หลิงหลานกล่าวจบก็หันหน้ามองไปที่หานจี้จวินแล้วสั่งว่า “จี้จวิน นายติดต่อพวกหัวหน้าของหลุ่มนักเรียนใหม่ คืนนี้ให้มารวมตัวกันในบ้านพักของพวกเรา ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็ต้องบอกให้พวกเขาฟัง”
“ได้เลย! ลูกพี่” หานจี้จวินตอบ แต่เขายังเอ่ยถามด้วยความกังวลนิดหน่อยว่า “ถ้าเกิดพวกเขากลัวหัวหดจะทำยังดี?” นี่ไม่เหมือนตอนที่ต่อสู้ประจัญบาน ความแข็งแกร่งและจำนวนคนของเหลยถิงเหนือกว่าพวกเขามากเกินไป และพวกเขาเพิ่งเข้ามาที่โรงเรียน ยังยืนได้ไม่มั่นคง เกรงว่าอาจจะมีนักเรียนมากมายวิตกกังวล
“บอกกับพวกเขาไปก่อน ถ้าไม่อยากทำก็ให้พวกเขาถอนตัวได้” หลิงหลานเอ่ยอย่างเฉยชา “เดิมทีฉันก็ไม่อยากให้พวกเขาลงมืออยู่แล้ว”
หานจี้จวินอึ้งไป หลังจากนั้นแววตาก็เปล่งประกายฉับพลัน “ลูกพี่ นายหมายความว่า…”
หลิงหลานไม่ตอบ หานจี้จวินก็ไม่ได้คาดหวังให้หลิงหลานตอบเช่นกัน เนื่องจากในใจเขามีคำตอบอยู่รางๆ แล้ว
เวลานี้เอง ในที่พักนักเรียนสักชั้นปีของโรงเรียนทหาร มีคนไม่น้อยกำลังมองคนที่นั่งอยู่บนที่นั่งหัวโต๊ะด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว หนึ่งในนั้นมีชายหนุ่มที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุดันเอ่ยถามด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “หลินจื้อตง นายทำบ้าอะไร? ถ้าเกิดหัวหน้าเฉียวรู้เรื่องที่นายทำ นายก็รอโดนหัวหน้าถลกหนักได้เลย”