I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 273 ลั่วล่างอยู่ที่ไหน?
เซี่ยอี๋รีบตามเข้าไปและพูดว่า “เป็นแบบนี้…” เขาบอกภารกิจที่โรงเรียนทหารส่งมาให้กลุ่มนักเรียนใหม่ให้หลิงหลานฟัง “คนระดับสูงในโรงเรียนทหารถูกใจลั่วล่าง อยากให้ลั่วล่างรับผิดชอบนำทีมต้อนรับ ความหมายในคำพูดคือ ทางที่ดีคนที่ไปต้อนรับต้องเป็นคนสวยดูผอมบางเล็กน้อย”
มือของหลิงหลานที่หยิบผ้าขนหนูเพื่อเช็ดหน้าชะงักไป หลังจากนั้นก็เช็ดหน้าแรงๆ แล้วค่อยเอ่ยด้วยเสียงหัวเราะหยันว่า “สมองของคนระดับสูงกลุ่มนี้มีปัญหาแล้ว คนที่ผู้ทดสอบของกองพลเข้ามาและอยากเห็นคือผู้กล้าที่เชี่ยวชาญการรบ ไม่ใช่พวกที่มีดีแต่หน้าตา”
เซี่ยอี๋ผงกศีรษะติดต่อกัน “ใช่มะ? ตอนนั้นฉันกับอู่จย่งก็รู้สึกว่าไม่ควร แต่ยังไม่ทันที่พวกเราจะปฏิเสธ ความหมายในคำพูดของอาจารย์ก็บอกว่ากลุ่มนักเรียนใหม่ต้องทำภารกิจนี้”
“ปฏิเสธไม่ได้แล้ว?” หลิงหลานนิ่วหน้าถาม เธอไม่ชอบภารกิจนี้จริงๆ คาดว่าลั่วล่างก็คัดค้านภารกิจนี้อย่างมากเหมือนกัน
“ถ้าปฏิเสธได้ พวกเราก็ปฏิเสธไปนานแล้ว อาจารย์บอกว่าขอเพียงจำภารกิจนี้สำเร็จ โรงเรียนจะรับรองไม่ให้มีกลุ่มกลุ่มอำนาจอื่นมาก่อกวนเราอีกภายในหนึ่งปี” เซี่ยอี๋บอกผลประโยชน์ที่ทางโรงเรียนให้คำมั่นสัญญาออกมา แน่นอนว่านี่ก็เป็นการข่มขู่อย่างหนึ่งเหมือนกัน
“เหอะ ใช้สมบัติคนอื่นมาแสดงความใจกว้างของตัวเองน่ะสิ รู้อยู่แก่ใจว่าเหลยถิงจะช่วยพวกเราจัดการเรื่องทุกอย่างนี้ในช่วงเวลาสองปี รับปากแค่เรื่องนี้เนี่ยนะ วางแผนได้ดีจริงๆ” หลิงหลานกล่าวพลางแค่นเสียงเย็น โยนผ้าขนหนูเข้าไปในอ่างล้างหน้า แล้วก็เดินออกไปจากห้องน้ำ
เซี่ยอี๋รีบเข้ามาเอาผ้าขนหนูในอ่างล้างหน้าไปซักอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็บิดให้แห้งแขวนกลับไปที่เดิมพลางตอบกลับว่า “ใช่มะ แต่มีคำมั่นสัญญาของโรงเรียนทหารแล้ว กลุ่มอำนาจบางส่วนที่เคลื่อนไหวในที่ลับก็จะลดลงไปหน่อยเหมือนกันนะ” เหลยถิงแค่จัดการข้อพิพาทที่เปิดเผยโจ่งแจ้ง แต่ว่ากลุ่มนักเรียนใหม่ยังต้องจัดการข้อพิพาทในที่ลับเอาเองอยู่
ในครึ่งเดือนหลังจากการประลองเดิมพันมานี้ ไม่มีการก่อกวนที่เปิดเผยเลย แต่ว่าพวกสมาชิกกลุ่มแจ้งกลับมาว่าโดนนักเรียนบางคนหาเรื่องรังแกไม่มากก็น้อยในที่ลับ เพียงแต่นักเรียนเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับกลุ่มอำนาจใหญ่ต่างๆ อย่างเปิดเผยเลย เหมือนกับเป็นแค่ความแค้นส่วนตัว แต่อู่จย่งกับเซี่ยอี๋รู้ดีว่า เรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้น แค่จัดการเรื่องจุกจิกพวกนี้ก็ทำให้พวกเขารำคาญสุดขีด ดังนั้นคำสัญญาข้อนี้ของทางโรงเรียนทหารถือว่าน่าสนใจมากต่อกลุ่มนักเรียนใหม่
“ถ้าให้ความมั่นคงปลอดภัยแก่กลุ่มนักเรียนใหม่หนึ่งปี ให้พวกสมาชิกกลุ่มทำการประเมินสุดท้ายสำเร็จได้อย่างราบรื่น พวกเราก็ไม่ต้องกลัวตอนปีสองแล้ว” อู่จย่งกล่าวเสริม
บางทีการก่อกวนในที่ลับแบบนี้อาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบมากมายต่อพวกระดับสูงของกลุ่มนักเรียนใหม่ แต่ว่ามันยังมีพลังทำลายล้างต่อสมาชิกระดับล่างมาก ควรรู้เอาไว้ว่าปีหนึ่งมีการฝึกฝนความแข็งแกร่งของร่างกายเป็นหัวใจสำคัญซึ่งสำคัญต่อนักเรียนทุกคนมาก ถ้าหากไม่มีสภาพแวดล้อมที่มั่นคงปลอดภัยไปสำเร็จหลักสูตรความแข็งแกร่งของร่างกายละก็ มีความเป็นไปได้สูงว่ามันจะส่งผลกระทบต่อคะแนนประเมินสุดท้าย นี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้อู่จย่งกับเซี่ยอี๋ตกลงในท้ายที่สุด มีเรื่องบางอย่างที่พวกเขาจำเป็นต้องสู้เพื่ออนาคตของบรรดาสมาชิกกลุ่ม
หลิงหลานเดินไปที่โซฟาด้านหนึ่งแล้วนั่งลงไป เธอฟังคำพูดของเซี่ยอี๋ก็อดเคาะที่พักแขนของโซฟาไม่ได้ หลังจากที่เงียบไปเนิ่นนานก็ค่อยเอ่ยว่า “ดูท่า ต้องเอาเปรียบลั่วล่างแล้ว” คำพูดประโยคนี้ก็ประกาศคำตัดสินชีวิตลำบากยากเข็ญของวันเวลาในอนาคตช่วงหนึ่งของลั่วล่างแล้ว
เซี่ยอี๋ได้ยินคำกล่าวก็ทำหน้าโล่งอก เขาตามไปนั่งลงบนโซฟาที่ข้างๆ หลิงหลาน จากนั้นก็ถอนหายใจพูดว่า “ก็ได้แต่เอาเปรียบเขาแล้ว เพื่ออนาคตของกลุ่มนักเรียนใหม่เรา!” เขากล่าวจบก็เอ่ยอย่างประจบประแจงว่า “แน่นอนว่าเรื่องนี้ยังต้องให้ลูกพี่หลานออกหน้านะ ลั่วล่างเชื่อฟังนายมากที่สุดแล้ว”
หลิงหลานได้ยินคำกล่าวก็ส่งสายตาเย็นเยียบเข้าไปทันที ข่มขู่จนเซี่ยอี๋กลัวรีบก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาตรงๆ
อันที่จริงพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกแล้วถึงอยากให้ลูกพี่หลานออกหน้า ท่าทีของลั่วล่างดูเหมือนอ่อนโยนงดงามราวกับน้ำ แต่ความจริงแล้วเขากลับมีนิสัยดุเดือดเร่าร้อน แค่เรื่องนิดๆ หน่อยๆ ก็ไฟติดแล้ว ถ้าให้พวกเขาไปพูด เกรงว่าแค่พูดหัวข้อยังไม่ได้พูดเรื่องราวทั้งหมดให้กระจ่าง ลั่วล่างก็ล้มโต๊ะด้วยความโมโหแล้ว
แต่ลูกพี่หลานไม่เหมือนกัน ลั่วล่างเป็นคนที่เคารพนับถือเขามากที่สุด และก็เชื่อฟังคำพูดของลูกพี่หลานมากที่สุดด้วย ขอเพียงเขาพูด ต่อให้ในใจลั่วล่างไม่พอใจอีกแค่ไหนก็ยังเชื่อฟัง ทำภารกิจนี้สำเร็จโดยสมบูรณ์ นี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่อู่จย่งกับเซี่ยอี๋ให้หลิงหลานออกหน้า
ว่ากันตามตรง ไม่ว่าคนของทีมหลิงหลานหรือว่าคนของกลุ่มนักเรียนใหม่ต่างมีความเชื่อมั่นต่อหลิงหลานอย่างที่ไม่มีอะไรมาเทียบได้ พวกเขาคิดว่าขอเพียงมอบให้ถึงมือลูกพี่หลาน ไม่ว่าเรื่องยากลำบากอะไรก็ไม่ยากลำบากแล้ว…นี่เป็นความเชื่อมั่นอย่างไม่ลืมหูลืมตามากขนาดนั้นเลยนะ
หลิงหลานเห็นเซี่ยอี๋ทำสีหน้าไม่กล้าอีกต่อไปแล้วก็ค่อยเก็บสายตาของเธอกลับมา เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ” หลิงหลานไม่อยากให้พวกเขาติดนิสัยพึ่งพาเธอทุกเรื่อง สุดท้ายต้องมีสักวันที่พวกเขาแยกย้ายไปกันคนละทาง ต่อสู้ด้วยตัวเอง
เซี่ยอี๋ได้ยินคำพูดก็เผยใบหน้ายิ้มแย้มออกมาในที่สุด มีคำสัญญาของลูกพี่หลานแล้ว เรื่องนี้ก็มั่นใจได้เต็มร้อยแล้วว่าไม่มีวันพลาด เขาตัดสินใจแล้วว่าอีกเดี๋ยวจะไปแจ้งอู่จย่ง ให้เขาคัดเลือกนักเรียนใหม่บางคนที่ท่าทีรูปลักษณ์ภายนอกดูเลิศล้ำมาร่วมมือกับลั่วล่างทำภารกิจนี้ให้เรียบร้อย
ตอนนี้ในใจของหลิงหลานก็ครุ่นคิดว่าจะทำยังไงดีอยู่เหมือนกัน เธอไม่อยากเป็นลูกพี่จอมเผด็จการ ฝืนส่งภารกิจไปโดยที่ไม่สนใจความคิดของลูกน้อง เธออยากถามความเห็นของลั่วล่าง ถ้าเกิดลั่วล่างไม่เต็มใจ เธอก็ตัดสินใจออกหน้าทำภารกิจต้อนรับนี้ให้สำเร็จด้วยกันกับลั่วล่าง
หลิงหลานรู้ดีว่า ถ้าหากเธอออกหน้าต้อนรับเหมือนกันละก็ ลั่วล่างย่อมไม่ต่อต้านในใจอีกแน่นอน ตรงกันข้ามเขายังจะวิ่งตามเธอไปด้วยความกระตือรือร้น และหลิงหลานที่เป็นผู้หญิงก็ไม่รู้สึกว่าการรับภารกิจต้อนรับนี้จะทำให้เธอขายหน้าอะไร
สาเหตุที่หลิงหลานตัดสินใจแบบนี้เป็นเพราะเธอคิดว่าตัวเองสอดคล้องกับเงื่อนไขที่พวกระดับสูงของโรงเรียนทหารคัดเลือกคนต้อนรับมาก เธอที่รวมข้อดีของพ่อกับแม่ไว้ ตอนที่ส่องกระจกก็อดชื่นชมใบหน้าอันงดงามของตัวเองไม่ได้…
หลิงหลานดูดีจริงๆ นอกจากนี้รูปร่างก็ผอมบางไม่มีความรู้สึกของกล้ามเนื้อที่กำยำแข็งแกร่งเหมือนผู้ชายทั่วไป ดูแล้วสอดคล้องกับเงื่อนไขมากจริงๆ นั่นแหละ แต่เธอลืมเรื่องหน้าน้ำแข็งหมื่นปีไม่เปลี่ยนแปลงของตัวเองไปแล้ว รวมถึงสายตาที่ทำให้หนาวไปถึงกระดูก แค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ปล่อยกลิ่นอายทรงอำนาจอย่างไร้ที่สิ้นสุดออกมา เธอจะไปมีท่าทีอ่อนโยนงดงามอย่างที่พวกระดับสูงของโรงเรียนทหารเรียกร้องได้ยังไงกันเล่า
จำเป็นต้องพูดว่า ความจริงแล้วหลิงหลานน่าสงสารมาก เธอมีใบหน้างดงาม แต่ไม่มีกล้ามองเธอตรงๆ กลิ่นอายทรงอำนาจบนตัวก็กลบดวงหน้างดงามหาใครเทียมของเธอไปโดยสิ้นเชิง ทุกคนเห็นหลิงหลานแวบแรกก็คิดว่าหมอนี่เท่จัง แข็งแกร่งมาก ทรงอำนาจมาก! ไม่มีคำว่างดงาม สวย น่ารักมาเกี่ยวข้องเลยตลอดกาล…
หลิงหลานครุ่นคิดสักพักก็ตัดสินใจคุยกับลั่วล่างก่อน ดูว่าอีกฝ่ายคิดเห็นยังไง ดังนั้นก็เลยถามเซี่ยอี๋ว่า “ลั่วล่างล่ะ? ทำไมไม่กลับมาพร้อมนาย?”
เซี่ยอี๋ได้ยินคำกล่าวก็อึ้งไป “ลั่วล่างบอกฉันว่าเขาจะไปก่อน เขายังไม่กลับมาเลยเหรอ?” เขารีบลุกขึ้นมา วิ่งไปดูแคปซูลล็อกอินของลั่วล่าง ด้านในไม่มีคนอยู่จริงๆ จากนั้นขมวดขึ้นมาทันที “ไอ้หมอนี่ วิ่งไปไหนแล้วเนี่ย?”
หลิงหลานขมวดคิ้วขึ้นมาเช่นเดียวกัน ปกติลั่วล่างไม่มีทางวิ่งไปมั่วๆ หรือว่ามีธุระกะทันหัน? หลิงหลานเคาะที่พักแขนอีกครั้ง กล่าวว่า “นายเล่าสถานการณ์ที่ลั่วล่างจากนายไปในตอนสุดท้ายให้ฉันฟังอย่างละเอียดที”
เซี่ยอี๋หวนนึกอย่างจริงจังสักพัก หลังจากนั้นก็ตอบว่า “เดิมทีฉันให้ลั่วล่างรอฉัน เพราะว่าอาจารย์ประจำชั้นส่งคำพูดมาว่าให้ฉันไปที่ห้องพักครูของเขา เดิมทีลั่วล่างก็ตกลงแล้ว แต่ไม่นานเขาก็บอกว่ามีธุระต้องออกไปก่อน ฉันคิดแล้วคิดอีกก็ไม่รู้ว่าอาจารย์ประจำชั้นมาหาฉันมีเรื่องอะไร ไม่รู้ว่าจะต้องรั้งอยู่นานมากหรือเปล่า ดังนั้นฉันก็เลยตกลง หลังจากที่บอกลาเขา ฉันก็ไปหาอาจารย์ประจำชั้น ส่วนลั่วล่างก็ออกไปจากสนามฝึกฝนแล้ว”
“เดิมทีรับปากรอนาย ต่อมาก็พูดว่ามีธุระต้องออกไปก่อน…นี่หมายความว่าความคิดของลั่วล่างเกิดการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาสั้นๆ นี้” หลิงหลานเอ่ยวิเคราะห์
“อื้อ ไม่รู้ว่าลั่วล่างนึกได้ว่ามีธุระกะทันหัน หรือว่าในช่วงเวลาสั้นๆ นี้มีเรื่องอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาเปลี่ยนความคิดทันที” เซี่ยอี๋ใคร่ครวญอย่างยากลำบาก ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรขึ้นได้ เอ่ยด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยว่า “หรือว่าถูกหมอนั่นหลอกไปแล้ว?”
ดวงหน้าของหลิงหลานหนักอึ้งโดยพลัน “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
เซี่ยอี๋รีบเล่าเรื่องที่หลายวันมานี้มีรุ่นพี่ปีสูงคนหนึ่งคอยหาโอกาสเข้าใกล้ลั่วล่างตลอดออกมา ตนอนั้นเขารู้สึกว่าหมอนั่นดูทะแม่งๆ อยู่บ้าง ก็เลยออกหน้าขัดขวางเขา เพียงแต่อีกฝ่ายปกปิดเจตนามากเกินไป ส่วนเขาก็แค่คาดเดา ดังนั้นเลยไม่ได้พูดเรื่องนี้กับลั่วล่าง พูดถึงตรงนี้ เซี่ยอี๋ก็นึกเสียใจอย่างมาก เขาควรเตือนลั่วล่างให้ระวังตัวเร็วกว่านี้
“ลั่วล่างไม่ได้โง่ขนาดนั้น คนแปลกหน้าไม่มีทางหลอกพาเขาไปได้ตามใจชอบได้ จะต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้…” หลิงหลานไม่คิดว่าลั่วล่างจะถูกหลอกง่ายขนาดนั้น ต่อให้ลั่วล่างเป็นคนที่หน้าตาดูเฉลียดฉลาด แต่ว่าภายในกลับโง่เง่าจริงๆ แต่เขาก็ไม่ได้ขาดความสามารถในการตัดสินว่าอะไรถูกต้องที่ควรมีนะ
“นายอยู่ตรงนี้รอฉันสักพัก ฉันจะเข้าไปในเครือข่ายเสมือนจริง ดูว่าหาข้อมูลที่มีประโยชน์ได้หรือเปล่า” หลิงหลานตัดสินใจว่าจะพึ่งเสี่ยวซื่อ ดังนั้นเธอจึงเข้าไปนอนในแคปซูลล็อกอินเสมือนจริงอีกครั้ง เธอเตรียมตัวให้เสี่ยวซื่อใช้เครือข่ายเสมือนจริงตรวจสอบกล้องวงจรปิดต่างๆ ของโรงเรียนทหาร ดูว่าลั่วล่างไปที่ไหนกันแน่
เซี่ยอี่พยักหน้า นั่งลงบนโซฟา ต่อให้ร้อนใจอีกแค่ไหนก็ไม่ได้ส่งเสียงออกมา เขารู้ว่าหลิงหลานไปทำอะไรที่โลกเสมือนจริง ทีมพวกเขาต่างรู้ว่า ลูกพี่หลานน่าจะเป็นแฮคเกอร์ระดับสูงสุดยอดอีกด้วย บางทีเขาอาจจะเจอเบาะแสเล็กๆ ในโลกเสมือนจริงก็ได้
……
ในเวลานี้เอง ลั่วล่างที่คุมเชิงกับผู้คนมากมายไม่ได้คลายความระมัดระวังลงเพราะคำพูดของอีกฝ่าย เนื่องจากเขามีคำเตือนจากพลังจิตของหลิงหลาน เขาได้ยินคำพูดของชายหนุ่มชุดขาวก็เงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นถึงตอบว่า “ฉันอยากเชื่อคำพูดของนายมากเลยนะ แต่ว่าฉันทำไม่ได้ในสถานการณ์ตอนนี้ ถ้าคำพูดที่นายบอกมาคือความจริงก็ปลดล็อกโฮเวอร์คาร์ให้ฉันกลับไปก่อน”
ชายหนุ่มชุดขาวได้ยินคำกล่าวก็เอ่ยด้วยความหดหู่ใจว่า “ลั่วล่าง พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ได้จริงๆ เหรอ?”
ลั่วล่างได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะขึ้นมา การหัวเราะครั้งนี้ดูสวยมีเสน่ห์เป็นพิเศษ ทำให้แววตาของชายหนุ่มชุดขาวพลันดำทะมึน มืดมิดยากจะหยั่งถึง แต่เขาเสียกิริยาไปแค่พริบตาเท่านั้น ลั่วล่างที่ไม่ได้ครุ่นคิดอะไรมากมายมองข้ามมันไปอย่างไม่ต้องสงสัย
แล้วก็ได้ยินลั่วล่างเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้านายอยากเป็นเพื่อนกับฉันจริงๆ งั้นก็มาอย่างเปิดเผยสิ ฉันไม่มีทางปฏิเสธคนที่อยากเป็นเพื่อนกับฉันด้วยความจริงใจหรอกนะ”
ชายหนุ่มชุดขาวได้ยินคำกล่าวนี้ก็ยิ้มขึ้นมา ทั่วทั้งใบหน้าดูสดใสอย่างหาใดเปรียบ นี่ทำให้ความประทับใจของลั่วล่างที่มีต่อเขาเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ ความระแวดระวังของเขาก็ไม่ได้หายไป สายตาเย็นเยียบทะลวงใจของหลิงหลานทำให้เขาไม่กล้าผ่อนคลาย
“อื้อ งั้นฉันจะให้หย่งกวงปลดล็อกโฮเวอร์คาร์ พรุ่งนี้ฉันจะไปหานาย ดีไหม?” ชายหนุ่มชุดขาวยิ้มเจิดจ้า น้ำเสียงที่พูดก็จริงใจสุดขีด บางทีมันอาจจะจริงใจมากเกินไป ดูยังไงก็เห็นเป็นเขาแสดงความโง่เง่าออกมา
ลั่วล่างเอาแต่ยิ้มไม่พูดจา รอคอยอีกฝ่ายทำตามคำมั่นของตัวเองเท่านั้น