I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 316 ทะเลพายุสนามแม่เหล็ก!
การออกจากดาวเป็นไปอย่างราบรื่นมาก เมื่อช่องสื่อสารสาธารณะได้รับการแจ้งเตือนของ JMC ร่วมกันของยานรบว่ากำลังเข้าสู่อวกาศ ผู้ควบคุมหุ่นรบทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก ว่ากันตามตรง พวกเขาเองก็กลัวว่า การปั่นป่วนของพลังงานในดาว X192 จะระเบิดก่อนในช่วงเวลาสุดท้าย ทำให้พวกเขากลายเป็นหนึ่งในซากกองของดวงดาว ต่อให้ไม่มีกำไร แต่สามารถรอดชีวิตกลับไปได้ก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน
แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะดีใจได้นานก็รู้สึกได้ว่าระบบของยานลำเลียงเริ่มเกิดการปั่นป่วน อุปกรณ์ให้ความสว่างที่เดิมทีส่องแสงอยู่ในยานลำเลียงเกิดปัญหา เริ่มส่องแสงกระพริบไม่หยุด
“เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ทำไมเราควบคุมระบบแสงสว่างไม่ได้แล้ว?” เจ้าหน้าที่ควบคุมในห้องควบคุมของยานลำเลียงที่รับผิดชอบด้านนี้โดยเฉพาะอุทานขึ้นมา
ยังไม่ทันที่เขาจะรายงานให้กัปตัน ก็ได้ยินเจ้าหน้าที่ควบคุมข้างๆ ที่รับผิดชอบระบบอื่นอุทานขึ้นมาเหมือนกันว่า “เรดาร์ด้านหน้าไม่ทำงาน แย่แล้ว ด้านซ้ายก็ไม่มีการตอบสนองด้วยเหมือนกัน…”
“ระบบกล้องวงจรปิดไม่เสถียร ขึ้นเป็นภาพซ่า….”
ภายในห้องควบคุมรายงานข่าวร้ายขึ้นมาทีละอัน กัปตันหลั่งเหงื่อเย็นๆ ไม่กล้าลังเลสักนิดเดียว เขารีบทำการติดต่อฉุกเฉินกับยานบัญชาการของกองยานรบ ถึงค่อยพบว่า ไม่ใช่ยานลำเลียงของพวกเขาที่เกิดปัญหา แต่ยานอวกาศทั้งหมดต่างเกิดปัญหานี้
อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับหาสาเหตุไม่พบไปชั่วขณะ ในขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ใครก็ไม่รู้สังเกตเห็นว่าดาว X193 ที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขานั้น แผนที่ดวงดาวของมันแตกต่างจากเดิม ดวงดาวที่เดิมทีมืดครึ้มปรากฏหมอกวงแหวนสีม่วงอ่อน
สถานการณ์ผิดปกตินี้ทำให้คนของกองบัญชาการของกองยานรบให้ความสำคัญขึ้นมา หลังจากที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญทำการศึกษาวิจัย พวกเขาพบว่าหมอกวงแหวนสีม่วงอ่อนก็คือทะเลพายุสนามแม่เหล็กซึ่งทำให้ทุกคนต่างหน้าถอดสี และทะเลพายุสนามแม่เหล็กนี้กำลังแผ่ขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็วสุดขีด
ทะเลพายุสนามแม่เหล็กเป็นสิ่งที่น่ากลัวสุดขีดในอวกาศ ทุกสิ่งทุกอย่างบนสถานที่ที่มันผ่านไปต่างถูกบดขยี้เป็นผุยผง ไม่เหลือร่องรอยเลยสักนิดเดียว สิ่งที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นคือ ทะเลพายุสนามแม่เหล็กไม่มั่นคง มันอาจจะระเบิดได้ทุกที่ทุกเวลา เวลานั้น ทะเลพายุสนามแม่เหล็กก็จะเปลี่ยนเป็นคลื่นพายุสนามแม่เหล็ก แผ่ขยายออกไปในพริบตา กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างในอวกาศรอบๆ จนหมด
เมื่อยานบัญชาการรู้ว่า X193 เกิดทะเลพายุสนามแม่เหล็กก็สั่งให้ยานอวกาศทั้งหมดแล่นไปข้างหน้าอย่างสุดกำลังโดยไม่ต้องไปสนใจอุปกรณ์อื่นๆ มุ่งมั่นที่จะหลุดออกจากขอบเขตรัศมีอันตรายของทะเลพายุสนามแม่เหล็กให้ได้ ต้องบอกว่าระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติสองชุดของยานอวกาศได้แสดงประสิทธิภาพของมันในเวลานี้จนถึงช่วงเวลาวิกฤติแล้ว เมื่อระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติไม่ทำงานแล้ว นี่ก็เป็นเวลาแสดงความสามารถในการสั่งการที่แท้จริงของกัปตันยานอวกาศแล้ว
หลิงหลานที่อยู่ในห้องลำเลียงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของยานอวกาศแล้ว สัมผัสถึงวิกฤติอย่างรุนแรงสายหนึ่งจู่โจมเข้าที่หัวใจโดยตรง หลิงหลานให้เสี่ยวซื่อเชื่อมต่อกับออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของยานอวกาศทันทีโดยไม่ใคร่ครวญเลยสักนิดเดียว จากนั้นค่อยรู้ว่าทะเลพายุสนามแม่เหล็กที่น่ากลัวกำลังก่อตัวขึ้นที่ดาว X193 ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา
ถึงแม้ว่ายานลำเลียงจะแล่นไปข้างหน้าอย่างสุดชีวิต พยายามหนีออกจากรัศมีของทะเลพายุสนามแม่เหล็ก แต่ความเร็วของยานลำเลียงด้อยกว่ายานรบลาดตระเวนที่คุ้มกันพวกมันอย่างชัดเจน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยานหลักบัญชาการที่นำอยู่ด้านหน้าสุดเลย
ความเข้าใจเกี่ยวกับทะเลพายุสนามแม่เหล็กของเสี่ยวซื่อสูงกว่าผู้เชี่ยวชาญของที่นี่อย่างเห็นได้ชัด เขาบอกหลิงหลานด้วยความร้อนใจว่า ถ้าเกิดเขาคาดการณ์ไม่ผิดละก็ อีกครึ่งชั่วโมงให้หลัง ทะเลพายุสนามแม่เหล็กก็จะระเบิดออกมา และความเร็วของยานลำเลียงไม่สามารถทำให้มันหลุดพ้นจากขอบเขตรัศมีคลื่นพายุสนามแม่เหล็กได้ในครึ่งชั่วโมง พูดอีกอย่างก็คือ พวกหลิงหลานที่อยู่ในยานลำเลียงจะต้องตายแน่นอน
เสี่ยวซื่อวิเคราะห์ว่า มีเพียงยานหลักบัญชาการที่อยู่ด้านหน้าสุดเท่านั้นที่มีความหวังหนีรอดไปได้มากที่สุด ต่อให้ยานรบลาดตระเวนจะเร็วกว่ายานลำเลียงนิดหน่อยก็ยากจะหลบหนีเภทภัยนี้เช่นกัน…แน่นอนว่า นี่ต้องให้ยานหลักบัญชาการเริ่มแล่นอย่างเต็มกำลังตั้งแต่ตอนนี้ถึงจะสามารถทำได้
ภายในยานหลักบัญชาการ ผู้บัญชาการได้รับคำสั่งล่าสุดจากออปติคัลคอมพิวเตอร์หลัก สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้สุดขีด หว่างคิ้วปรากฏโทสะอยู่รางๆ
ผู้ช่วยของเขาเห็นดังนั้นก็ถามว่า “ท่านนายพล เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ?”
“ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักให้พวกเรามุ่งหน้าด้วยความเร็วเต็มอัตรา ไม่ต้องสนใจยานอวกาศด้านหลัง” ผู้บัญชาการสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วค่อยตอบกลับเสียงทุ้มลึก
“เพราะอะไรครับ?” ผู้ช่วยผู้บัญชาการเอ่ยถามโดยพลันด้วยความตกใจ
“เพราะว่าอีกครึ่งชั่วโมงให้หลังทะเลพายุสนามแม่เหล็กจะระเบิดทั้งหมด นอกจากยานหลักของพวกเราที่มีโอกาสหนีรอดแล้ว ยานลำอื่นไม่มีความโอกาสอีกต่อไปแล้ว”
“งั้นพวกเราทำตามก็พอแล้วนี่ครับ บางทีนี่อาจจะเป็นแผนการที่ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักวางไว้แล้ว” แววตาของผู้ช่วยผู้บัญชาการเปล่งประกายฉับพลันก่อนจะหายไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“แต่ในยานลำเลียงมีผู้ควบคุมหุ่นรบหลายล้านเลยนะ นั่นก็คือชีวิตหลายล้านคน” ในฐานะที่เขาเป็นผู้บัญชาการ เขาทอดทิ้งทหารของตัวไม่ลง
“ท่านนายพล นี่เป็นโลกหุ่นรบนะครับ นอกจากนี้พวกเราก็มีภารกิจด้วย ต่อให้ต้องเสียสละชีวิตแบบนี้จริงๆ พวกเราก็ต้องใจแข็งทำแบบนี้เหมือนกัน” ผู้ช่วยผู้บัญชาการได้ยินคำกล่าวก็รีบเอ่ยเตือน
“อ้า…ดูฉันสิ ลืมไปหมดแล้ว” ผู้บัญชาการพลันตบหน้าผาก ยิ้มฝืดเฝื่อนขึ้นมา โลกหุ่นรบสมจริงมากเกินไป ทำให้เขาลืมไปแล้วว่าตัวเองอยู่ในโลกเสมือนจริงเท่านั้น
ผู้บัญชาการที่ไม่มีความกังวลใจแล้วก็ออกคำสั่งให้มุ่งหน้าด้วยความเร็วเต็มอัตราอย่างเด็ดขาด ก็เหมือนกับที่ผู้ช่วยผู้บัญชาการกล่าวมา ไม่ว่ายังไงเขาจำเป็นต้องทำภารกิจของตัวเองให้สำเร็จ ต่อให้มีการสละชีวิตไปบ้างก็ไม่เสียดาย ความยินดีเพียงอย่างเดียวของเขาก็คือที่นี่เป็นโลกเสมือนจริง เขาไม่ต้องรู้สึกผิดไปชั่วชีวิตเพราะเหตุนี้
……
“ลูกพี่ ท่าไม่ดีแล้ว ยานหลักบัญชาการมุ่งหน้าด้วยความเร็วเต็มอัตราแล้ว ดูเหมือนพวกเขาจะค้นพบเวลาที่ทะเลพายุสนามแม่เหล็กระเบิดออกแล้ว” เสี่ยวซื่อที่แบ่งร่างแทรกซึมเข้าไปในออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวผิดปกติของยานหลักก็เอ่ยเตือนหลิงหลานทันที
หลิงหลานได้ยินคำกล่าวก็นิ่วหน้า เธอรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะหลงกลแผนการของออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักแล้ว เธอยกแขนขวาของหุ่นรบขึ้นมาด้วยความโกรธเกรี้ยว ทำลายบูสเตอร์ซีทที่ตรึงแขนขวาไว้ ในขณะเดียวกันก็เชื่อมต่อช่องสื่อสารของทีม เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “พวกเราติดกับแล้ว น่าชิงชังจริงๆ”
“ลูกพี่ เกิดอะไรขึ้น?” คำพูดของหลิงหลานทำให้บรรดาลูกทีมใจกระตุก รีบสอบถามสาเหตุ
“การบุกเบิกพื้นที่คราวนี้คือข้ออ้าง เกรงว่าบนยานบัญชาการจะมีคนที่ถูกส่งไปตรวจสอบฐานที่มั่นของซวิ่นหลงจริงๆ ส่วนพวกเราก็เป็นเครื่องสังเวยให้พวกเขามีเหตุผลจัดการเข้าไปใกล้ฐานที่มั่นซวิ่นหลงโดยเฉพาะ” หลิงหลานยิ้มหยันพลางเอ่ยการคาดการณ์ของตัวเองออกมา ทุกคนได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าก็อดเปลี่ยนไปยกใหญ่ไม่ได้
“ภารกิจของพวกเรา…” หานจี้จวินคล้ายกับนึกอะไรบางอย่างได้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นย่ำแย่สุดขีด
“ก็เหมือนกับที่อีเซี่ยนพูดไว้ เกรงว่าจะเป็นข้ออ้างเหมือนกัน ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักไม่ได้คาดหวังว่าพวกเราจะทำสำเร็จเลย” หลี่หลานเฟิงเอ่ยต่อด้วยรอยยิ้มหยัน “เราเป็นแค่เบี้ยใช้แล้วทิ้งเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักวางหมากกระดานใหญ่ ให้พวกเราเป็นหมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกคนบนยานบัญชาการจะเป็นแบบนี้เหมือนกันหรือเปล่า”
“ใครเป็นหมากของใครก็ยังไม่แน่นะ” หลิงหลานกล่าวจบก็โบกแขนซ้ายทีหนึ่ง หักบูสเตอร์ซีทตรงแขนซ้าย
การกระทำอย่างป่าเถื่อนเช่นนี้ทำให้ผู้ควบคุมหุ่นรบในห้องเดียวกันที่ไม่รู้ความจริงปรายตามองมา มีผู้ควบคุมหุ่นรบหลายคนที่เห็นได้ชัดว่าดูเบื่อหน่ายมากทำตาเปล่งประกาย พวกเขากระทำการป่าเถื่อนแบบนี้ตามหลิงหลาน ทยอยกันทำลายบูสเตอร์ซีท อันที่จริงหลายวันที่ถูกล็อกติดอยู่ในห้อง พวกเขาต่างบ่นในใจ ในเมื่อมีคนนำแล้ว พวกเขาก็ทำตามด้วยความยินดี สามารถเคลื่อนไหวในห้องลำเลียงอย่างอิสระได้ก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน
“ทางรอดจำเป็นต้องสร้างด้วยตัวเอง พวกเราต้องรีบไปที่ยานบัญชาการก่อนที่ทะเลพายุสนามแม่เหล็กจะระเบิดทั้งหมด” หลิงหลานบอกแผนการของเธอออกมา และมีเพียงไปที่นั่นเท่านั้น พวกเขาถึงจะมีทางรอด เรื่องโชคดีคือ ความเร็วในการเดินทางระยะสั้นของหุ่นรบเหนือกว่าความเร็วของยานหลัก ขอเพียงไม่ได้อืดอาดนานมากเกินไป พวกเขายังมีโอกาสไล่ตามทัน
ส่วนเรื่องจะเข้าไปในยานหลักอย่างไร หลิงหลานไม่กังวลเลย เนื่องจากเสี่ยวซื่อที่ได้รับอำนาจควบคุมยานหลักมากแล้วสามารถเปิดใช้งานท่าปล่อยหุ่นรบอย่างไร้สุ้มไร้เสียง ทำให้พวกเขาเข้าไปในห้องหุ่นรบได้… แน่นอนว่าหลังจากที่เข้าไปแล้วจะถูกพบเจอไม่ได้เป็นอันขาด เวลานี้หลิงหลานไม่สนใจผลในตอนสุดท้ายแล้วเหมือนกัน
เมื่อได้ยินคำสั่งของหลิงหลาน สมาชิกทีมก็ทำลายบูสเตอร์ซีทโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย หลี่ซื่ออวี๋มองผู้ควบคุมหุ่นรบในห้องคราหนึ่งด้วยความสงสาร ถอนหายใจกล่าวว่า “คนพวกนี้ต้องตายอยู่ที่นี่ดูน่าสงสารเกินไปแล้ว จะเตือนพวกเขาไหม?”
“ถ้าเกิดอืดอาดยืดยาดนิดเดียว พวกเราก็จะกลายเป็นหนึ่งในพวกเขา ในตอนที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ก็อย่าใจอ่อนไปเรื่อยสิ” หลิงหลานติเตียนเสียงเย็นเยียบ เธอ…หลิงหลานไม่มีหัวใจของแม่พระ เธอต้องรับประกันชีวิตของพวกเพื่อนๆ เธอก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที
หลี่ซื่ออวี๋ยังคงใจอ่อนเล็กน้อย อันที่จริงหลิงหลานก็ชื่นชมหลี่ซื่ออวี๋อย่างยิ่งยวด เรื่องจากแพทย์ต้องการหัวใจที่อ่อนโยนแบบนี้ แต่แพทย์ทหารที่มีคุณภาพไม่เพียงต้องการหัวใจแบบนี้ พวกเขายังต้องมีความใจเย็นและเลือดเย็นอีกด้วย จำเป็นต้องเด็ดขาดในตอนที่ต้องเลือก ไม่อาจโลเลได้ หลิงหลานคิดว่าหลี่ซื่ออวี๋ยังทำเรื่องนี้ได้ไม่ดีพอ
คำพูดของหลิงหลานทำให้หลี่ซื่ออวี๋ใจกระตุก เขาไม่ได้ส่งเสียงออกมา เพียงแต่ตามติดอยู่ข้างกายหลิงหลานอย่างเงียบเชียบ เนื่องจากเขานึกถึงคำพูดที่อาจารย์ของเขาเคยเอ่ยกับเขาว่า แพทย์ทหารไม่เพียงเป็นแพทย์ เขายังเป็นทหารคนหนึ่ง อาจารย์เคยวิจารณ์เขาแบบนี้มาก่อน เขาทำหน้าที่แพทย์ได้สมบูรณ์แบบอย่างยิ่งยวด แต่ในฐานะทหารแล้วกลับยังขาดอยู่มาก ถ้าเกิดวันไหนเขาสามารถเข้าใจความหมายของทหารได้ละก็ เขาถึงจะสามารถกลายเป็นแพทย์ทหารได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตอนแรกเขาไม่เข้าใจมากๆ แต่คำพูดของหลิงหลานเมื่อสักครู่กลับทำให้เขาตระหนักบางอย่างได้รางๆ…
“พวกคุณทำลายบูสเตอร์ซีททำไม พวกคุณไม่อยากมีชีวิตแล้วสินะ การสั่นสะเทือนที่ไม่คาดฝันจากการบินด้วยความเร็วสูงจะทำให้พวกคุณได้รับบาดเจ็บนะ” JMC ในยานลำเลียงเห็นสถานการณ์ภายในห้องก็อดตะโกนในช่องสื่อสารสาธารณะขึ้นมาไม่ได้
หุ่นรบบางส่วนที่กำลังเตรียมตัวฝืนดึงบูสเตอร์ซีทจนหักได้ยินคำกล่าวก็หยุดการดิ้นรนทันที จริงด้วยสิ พวกเขาได้รับอิสระชั่วคราวแล้วเป็นอย่างไร ถ้าเกิดเจอการปั่นป่วนอะไรขึ้นมาแล้วไม่มีบูสเตอร์ซีท มีความเป็นไปได้สูงว่าพวกเขาจะถูกเหวี่ยงขึ้นมา กระแทกเข้ากับกำแพงยานอย่างรุนแรง ต่อให้มีห้องคนขับคุ้มกันก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่สู้อยู่ในบูสเตอร์ซีทอย่างเชื่อฟังแต่โดยดีเพื่อรับรองความปลอดภัย
ดังนั้นผู้ควบคุมหุ่นรบที่ยังอยู่ในบูสเตอร์ซีทจึงไม่ได้อิจฉาบรรดาผู้ควบคุมหุ่นรบที่เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเหล่านั้นอีกต่อไป ส่วนผู้ควบคุมหุ่นรบที่ดิ้นรนทำลายไปแล้วก็รู้สึกเสียใจภายหลังรางๆ อยู่บ้าง ถ้าเกิดเจอการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจริงๆ ละก็ มีความเป็นไปได้สูงว่าคนที่ทำลายบูสเตอร์ซีทอย่างพวกเขาจะถูกกระแทกจนบาดเจ็บจริงๆ เช่นนั้นก็ได้ไม่คุ้มเสียแล้ว
มีเพียงพวกหลิงหลานเก้าคนเท่านั้นที่ยังคงนิ่ง พวกเขาเบียดหุ่นรบที่ขวางทางด้านหน้าตัวเองมาตรงหน้าประตูห้องลำเลียง ใคร่ครวญว่าจะพังประตูห้องเร็วๆ อย่างไร
———————–