I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 415 ลูกทีมที่ช้าที่สุด!
“อ้า!” ทันใดนั้นนักเรียนที่ชมการต่อสู้ก็ร้องอุทานขึ้นมา เนื่องจากด้านหลังเฉียวถิงปรากฏหุ่นรบอีกสามตัว หลิงเทียนหมายเลขสาม หลิงเทียนหมายเลขหก และหลิงเทียนหมายเลขเจ็ด ซึ่งก็คืออู่จย่ง เซี่ยอี๋กับหลินจงชิงนั่นเอง! หลังจากพวกเขาที่ได้รับคำสั่งของหลิงหลานให้มารวมกลุ่มกันแล้ว ก็รีบมายังพิกัดของฝั่งเฉียวถิงอย่างสุดชีวิต ดำเนินแผนการที่พวกเขาวางไว้ตั้งแต่แรกที่ต่อสู้ ใช้กลยุทธ์หมายเลขสอง หรือก็คือกลยุทธ์ที่ถูกพวกเขาตั้งชื่อว่า ‘จับกลุ่มเฮโล’ ลากเฉียวถิงให้ลงจากม้า
เนื่องจากพวกเขาอยู่ไกลจากเฉียวถิงเล็กน้อย ถึงแม้พวกเขาเปิดใช้งานเครื่องยนต์ไอพ่นทั้งหมดของหุ่นรบ รีบแล่นมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็กลายเป็นแค่คนกลุ่มที่สามที่มาถึงเท่านั้น
และเวลานี้ หลังจากการออกไปจากสนามของจ้าวจวิ้น ลั่วล่างและหลี่อิงเจี๋ยสามคน หน่วยรบหลิงเทียนจึงเหลือเพียงแค่หกคนแล้ว
ขณะเดียวกันในอีกทางด้านหนึ่ง หุ่นรบตัวหนึ่งที่กำลังวิ่งตะบึงเข้ามาด้วยความเร่งรีบเห็นว่าพวกเพื่อนร่วมทีมที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างไปถึงตำแหน่งที่ลูกพี่หลานแจ้งแล้ว ในใจก็รู้สึกงุ่นง่านอย่างยิ่งยวด “เชี่ย พวกเขาไปถึงกันหมดแล้ว ฉันกลายเป็นคนสุดท้ายเนี่ยนะ!”
เขาก็คือหลิงเทียนหมายเลขสอง ฉีหลงนี่เอง เดิมทีตำแหน่งของเขายังอยู่ใกล้กว่าพวกหลินจงชิงนิดหน่อย แต่เขาที่ชอบการต่อสู้ประชิดตัวให้ฉางซินหยวนทำการปรับแต่งบางส่วนเพื่อเพิ่มพลังในการต่อสู้ระยะประชิดของหุ่นรบ สละความเร็วส่วนหนึ่งของหุ่นรบทิ้งไป ก็เป็นเพราะสาเหตุนี้นี่เองที่ทำให้เขาหล่นลงมารั้งท้าย กลายเป็นลูกทีมเพียงคนเดียวที่ยังไปไม่ถึง
“ยังอยู่ห่างจากจุดหมายปลายทางอีกสามกิโลเมตร จากความเร็วของหุ่นรบเราน่าจะไปถึงได้ในอีกสามนาที” ฉีหลงเทียบจุดหมายที่ลูกพี่ส่งมาล่าสุดอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าอีกเดี๋ยวก็จะไปถึงแล้ว เขาโล่งใจปาดเหงื่อบนหน้าผาก ขับหุ่นรบมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางต่อ
ทว่าเดินทางไปได้ไม่นานเท่าไหร่ ออปติคัลคอมพิวเตอร์ของหุ่นรบพลันส่งเสียงแจ้งเตือนว่า มีวัตถุบินได้ที่ไม่อาจระบุอยู่ห่างออกไปสามพันเมตรบนเรดาร์ เมื่อเห็นทิศทางที่วัตถุบินได้ที่ไม่อาจระบุปรากฏตัวออกมา ฉีหลงก็อดสบถด่าความโชคร้ายไม่ได้ ที่แท้หุ่นรบตัวนั้นอยู่ค่อนไปทางด้านหลังเขา ถ้าหากความเร็วของเขาไวกว่านี้อีกนิดละก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเฉียดผ่านตัวอีกฝ่ายไปแล้ว
ความรู้สึกแรกของฉีหลงคิดว่านี่ต้องเป็นหุ่นรบของเหลยถิงอย่างแน่นอน พอซูมภาพเข้าไปดูก็เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้ หุ่นรบตัวนั้นพบเห็นฉีหลงแล้วก็เร่งความเร็วพุ่งมาหาเขาราวกับดื่มยากระตุ้นเข้าไปก็ไม่ปาน นี่ทำให้เขาไม่อาจเลือกหลบหลีกได้แล้ว ฉีหลงเห็นดังนั้นก็อยากสบถเงียบๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ “เชี่ย ฉันแม่งซวยจริงๆ!”
ฉีหลงไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลูกทีมเหลยถิง หากแต่อยากรีบไปหาเฉียวถิงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อาศัยพลังที่แข็งแกร่งที่สุดทำการล้อมปราบเฉียวถิง ดำเนินแผนการลำดับสองที่ลูกพี่ตนเองวางไว้ให้สำเร็จ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากเสียเวลาต่อสู้กับลูกทีมของเหลยถิง เพียงแต่ในเมื่อพบว่าหลีกหนีไม่ได้แล้ว ถึงแม้ในใจฉีหลงหงุดหงิดอยู่บ้าง แต่เขาก็ชักอาวุธของตัวเองออกมา ทำการเตรียมตัวต่อสู้ให้เรียบร้อยด้วยความเอาจริงเอาจัง
อันที่จริงสาเหตุที่หุ่นรบฝ่ายตรงข้ามตัวนั้นตื่นเต้นที่ได้เห็นฉีหลงขนาดนี้ก็มีเหตุผลอยู่ในระดับหนึ่ง ความจริงเขาเจอกองรบหุ่นรบของอู่จย่ง หลินจงชิงและเซี่ยอี๋ที่ตั้งขึ้นมาสามคนก่อน แต่เขาที่ฉลาดปราดเปรื่องรู้ว่าตัวเองไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของกองรบหุ่นรบอย่างแน่นอน จึงเลือกหลบหนีโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว จริงๆ แล้วเมื่อเขาตัดสินใจแบบนี้ เขาก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะสามารถหนีจากการโอบล้อมโจมตีของฝ่ายตรงข้ามได้พ้น แต่นึกไม่ถึงเลยว่า อีกฝ่ายเหมือนกับไม่สังเกตเห็นเขา ไม่คิดจะไล่สังหารเขาเลย หากแต่รีบร้อนแล่นมุ่งหน้าไปตามทิศทางเดิม
นี่ทำให้หุ่นรบของเหลยถิงตัวนี้ปีติยินดีแล้วก็อดสงสัยใคร่รู้นิดหน่อยไม่ได้เช่นกัน ไม่รู้ว่าหุ่นรบของหลิงเทียนสามตัวนั้นตั้งใจจะทำอะไร ขณะที่เขาลังเลว่าจะลอบตามไปดีหรือไม่ ไม่นึกว่าจะพบหุ่นรบอีกตัวในอีกทิศทางหนึ่ง และหุ่นรบตัวนี้ยังเป็นของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนด้วย ซึ่งทิศทางที่มุ่งหน้าไปนั้นเหมือนกับหุ่นรบสามตัวที่อยู่ด้านหน้า
เขาไม่กล้าต่อสู้กับหุ่นรบสามตัว ทว่าสู้กับหุ่นรบตัวเดียว และเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูงเหมือนกัน ลูกทีมของเหลยถิงคิดว่าชัยชนะอยู่ในกำมือตัวเอง เขาคิดว่าบางทีเขาอาจจะหาคำตอบที่เขาต้องการจากหุ่นรบของหลิงเทียนที่อยู่เพียงลำพังตัวนี้ได้
ไม่ช้าหุ่นรบสองตัวก็ประจันหน้ากัน ฉีหลงไม่เหมือนกับฝ่ายตรงข้ามที่มือข้างหนึ่งมีปืนลำแสง และมืออีกข้างถือดาบแสง เขาเพียงแต่แบกดาบยักษ์ที่ทำจากเหล็กกล้าไว้หนึ่งเล่มเท่านั้น เนื่องจากอาวุธหนักมาก หุ่นรบของฉีหลงจึงดูงุ่มง่ามมาก ความเร็วนั้นย่อมเทียบลูกทีมของเหลยถิงไม่ได้
ฉีหลงไม่สนใจเรื่องความเร็วของหุ่นรบตัวเองลดลงนี้เลย เขาที่เลื่อมใสศรัทธาหลิงหลานเองก็ชอบใช้อาวุธเย็นขนาดยักษ์ที่ทำจากเหล็กกล้าต่อสู้เหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงเป็นลูกทีมคนเดียวในหน่วยรบหลิงเทียนที่เลือกใช้อาวุธเย็นในการต่อสู้เหมือนกับหลิงหลาน เขาที่ได้รับสืบทอดมาจากหลิงหลานก็มีฝีมือในการใช้อาวุธเย็นที่เก่งกาจมากเช่นเดียวกัน
เมื่อเห็นอาวุธที่คนของหลิงเทียนใช้คืออาวุธเย็นขนาดมหึมา นอกจากนี้ความเร็วของหุ่นรบยังอืดอาดชักช้ามากอีกด้วย ลูกทีมของเหลยถิงเห็นแบบนั้น ในใจก็เกิดความรู้สึกดูถูกดูแคลนขึ้นมานิดหน่อยอย่างเลี่ยงไม่ได้
ถึงแม้อาวุธเย็นขนาดยักษ์จะมีพลังทำลายต่อหุ่นรบเยอะกว่าอาวุธร้อนมาก ทว่าเนื่องจากน้ำหนักมากและขนาดที่มหึมาของมันทำให้หุ่นรบไม่สามารถทำการโจมตีด้วยความเร็วสูงได้ ถ้าหากเป็นหุ่นรบต่อสู้ระยะประชิดที่มีความเร็วเชื่องช้าเหมือนกันอาจจะมีผลที่น่าทึ่งได้ แต่เมื่อต่อกรกับหุ่นรบประเภทความเร็วแบบนั้นกลับแทบไม่มีผลอะไรเลย เพราะนี่จะทำให้คู่ต่อสู้หลบหลีกได้ง่ายขึ้นมาก
อีกทั้งลูกทีมคนนี้ของเหลยถิง เขาเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบประเภทความเร็ว เขาที่อาศัยความเร็วเป็นพลังพื้นฐาน หุ่นรบต่อสู้ระยะประชิดที่อืดอาดงุ่มง่ามย่อมไม่มีทางโจมตีโดนเขา นี่ก็คือเหตุผลที่เขาดูเบาฉีหลง เวลาเดียวกันก็ดีใจที่ได้เจอหุ่นรบที่ตนเองข่มได้ ชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้เป็นของเขาแล้ว
ลูกทีมเหลยถิงที่มีความมั่นใจชักดาบแสงและปืนลำแสงออกมาระหว่างที่กำลังวิ่งตะบึง ขณะที่ฉีหลงเข้าสู่ระยะโจมตีของปืนลำแสงตัวเอง เขาก็เหนี่ยวไกปืนโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว สาดพลังงานลำแสงของปืนลำแสงในมือออกมาอย่างบ้าคลั่ง ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามไม่ถนัดด้านความเร็ว ใช้ลำแสงที่เหมือนกับพายุฝนโหมกระหน่ำโจมตีก็น่าจะยิงโดนอีกฝ่ายได้ ขอเพียงเผาผลาญโล่แสงของอีกฝ่ายจนหมด เขาก็สามารถคว้าชัยชนะในการต่อสู้นี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องรอเข้าประชิดตัว
หลังจากที่กระหน่ำยิงไปแล้วหนึ่งรอบ ไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามโชคดีมากเกินไป หรือว่าการยิงของเขาเกิดข้อผิดพลาดหรือเปล่า คนของเหลยถิงตื่นตะลึงเมื่อพบว่าการยิงโจมตีระยะไกลของเขาไม่ได้นำความเสียหายอะไรมาให้ฝ่ายตรงข้ามเลย…
“เชี่ย ทำไมวันนี้มือของเราทื่อขนาดนี้นะ?” ลูกทีมของเหลยถิงหงุดหงิดใจ ไม่ได้ขบคิดให้ละเอียด นึกแค่ว่ามือตัวเองแย่ เสียมาตรฐานเดิมไป เขาเห็นปืนลำแสงไม่ได้แสดงประสิทธิภาพที่ควรมี บวกกับพวกเขาทั้งคู่กำลังจะเข้าสู่ขอบเขตการต่อสู้ระยะประชิดแล้ว เขาก็แขวนปืนลำแสงกลับไปยังที่เดิม จากนั้นก็ตั้งสมาธิบังคับดาบแสงพุ่งเข้าไปหาฉีหลง
“เห มาได้พอดีเลย” เวลานี้ฉีหลงกำลังขัดเคืองใจที่ความเร็วหุ่นรบของตัวเองไม่เพียงพอ เขากังวลว่าฝ่ายตรงข้ามจะเอาแต่เลือกโจมตีระยะไกล รักษาระยะห่างกับเขาไว้ตลอด เช่นนั้นคาดการณ์ได้เลยว่า เขาจะตกอยู่ในสภาพชะงักงันกับอีกฝ่าย การต่อสู้นี้จะเปลี่ยนเป็นศึกยืดเยื้อ ดูว่าพลังงานของใครจะใช้หมดก่อนกัน และเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ฉีหลงไม่อยากให้เกิดขึ้นแน่นอน
ฉีหลงกังวลสับสนในใจ แต่พอพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำเหมือนอย่างเขาคิดไว้ หากแต่บุกโจมตีเข้ามาเอง ฉีหลงดีอกดีใจมาก ฉีหลงเชื่อว่าเมื่อเข้าสู่การต่อสู้ประชิดตัว เขาย่อมจัดการฝ่ายตรงข้ามได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที
ความเร็วของดาบแสงที่ลูกทีมเหลยถิงโจมตีมาฉับไวยิ่ง ดาบแสงน้ำหนักเบาทำให้อีกฝ่ายแทงออกมาอย่างรวดเร็วหลายครั้งในหนึ่งวินาที คนที่ชมการประลองเห็นเพียงหุ่นรบของหลิงเทียนถูกปกคลุมด้วยรัศมีของดาบแสง…
ทุกคนต่างไม่เชื่อว่าหุ่นรบอืดอาดของหลิงเทียนตัวนี้จะหลบการโจมตีของดาบแสงที่มากมายขนาดนี้ได้หมด พวกเขาต่างคิดว่าเขาจะต้องโดนฟันหลายดาบแน่นอน กระทั่งลูกทีมของเหลยถิงที่เป็นคนโจมตีก็คิดแบบนี้เหมือนกัน เมื่อดาบแสงของเขาแทงโดนอีกฝ่ายก็จะผลาญพลังงานโล่แสงของฝ่ายตรงข้ามได้ เมื่อพลังงานโล่แสงของฝ่ายตรงข้ามถูกผลาญจนหมดเกลี้ยง วินาทีถัดมาก็จะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายจนตกรอบไปได้
ทว่าเหตุการณ์ต่อมากลับอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน ในชั่ววินาทีนั้น ดาบยักษ์เหล็กกล้าที่เดิมทีคิดว่าน้ำหนักมหาศาลจนส่งผลกระทบต่อความเร็วโจมตีของอีกฝ่ายปรากฏเป็นเงาทับซ้อน ก่อนจะได้ยินเสียงกระทบกันเคร้งๆๆ อย่างรุนแรง…
เสียงนี้ทำให้ในใจของลูกทีมเหลยถิงรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง นี่ไม่ใช่เสียงที่มาจากการเผลาผลาญพลังงานโล่แสง หากแต่เป็นเสียงที่เกิดจากของแข็งปะทะกับของแข็ง ขณะที่เขากำลังคิดจะถอนตัวหลบหนี อยากจะดูให้แน่ใจว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…ดาบยักษ์ที่เดิมทีเป็นเงาทับซ้อนกันพลันหายไปจากเบื้องหน้าเขาโดยสิ้นเชิง!
สัมผัสถึงวิกฤติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนผุดวาบขึ้นในใจลูกทีมของเหลยถิง เขาขับหุ่นรบให้ถอยหลังไปอย่างรวดเร็วสุดขีดด้วยความตื่นตระหนก แต่มันช้าไปเสียแล้ว เขารู้สึกได้เพียงรัศมีเย็นเยียบส่องแสงแลบตรงหน้า จากนั้นก็รู้สึกว่าหุ่นรบตัวเองถูกแรงมหาศาลสายหนึ่งอัดใส่ พละกำลังอันแข็งแกร่งทำให้เขาไม่สามารถควบคุมหุ่นรบของตัวเองได้ และถอยร่นกลับไปอย่างควบคุมไม่อยู่ ไม่เพียงเท่านั้น พลังมหาศาลได้สร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างมากด้วย แรงสั่นสะเทือนนี้ทรงพลังมากจนทำให้อุปกรณ์ลดทอนแรงสั่นสะเทือนที่ติดตั้งในห้องคนขับของเขาใช้การไม่ได้แล้ว เขารู้สึกได้เพียงหน้าอกของตัวเองเจ็บปวดแสนสาหัส กระอักเลือดพรวดออกมาคำหนึ่ง…
ยังไม่ทันที่ความเจ็บปวดของเขาจะผ่อนคลายลง พลังอันรุนแรงอีกสายหนึ่งโจมตีใส่หุ่นรบของเขาฉับพลัน และครั้งนี้มันก็ซัดใส่ห้องคนขับของเขาโดยตรง พละกำลังที่น่าสะพรึงกลัวทำให้การป้องกันของห้องคนขับที่เดิมทีได้รับความเสียหายอยู่แล้วลดลงจนถึงจุดต่ำสุด เขาที่นั่งอยู่ด้านในรู้สึกได้เพียงทั่วทั้งร่างถูกภูเขาลูกใหญ่กดทับไว้ เบื้องหน้าของเขาพลันมืดสนิท เมื่อเขาได้สติกลับมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในจุดล็อกอินของโลกเสมือนจริงแล้ว เขารีบอ่านข้อความแจ้งเตือนของออปติคัลคอมพิวเตอร์หลัก ก่อนจะพบว่าเมื่อหลายสิบวินาทีก่อน ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักประกาศว่าเขาพ่ายแพ้เสียชีวิต และถูกขับออกจากโลกหุ่นรบ ได้แต่รอให้บทลงโทษที่เสียชีวิตผ่านพ้นไปถึงจะสามารถยื่นคำขอหุ่นรบฝึกหัดตัวใหม่และเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
“คุณสมบัติร่างกายของอีกฝ่ายต้องอยู่ในระดับสัตว์ประหลาดแน่ๆ” ลูกทีมของเหลยถิงยิ้มขื่น ถึงแม้ดูเหมือนว่าต่างฝ่ายต่างกำลังขับหุ่นรบต่อสู้ แต่ความจริงแล้วท่วงท่าที่หุ่นรบใช้ออกมาสะท้อนกลับไปที่ตัวผู้ควบคุมหุ่นรบ การที่อีกฝ่ายสามารถใช้อาวุธเย็นขนาดยักษ์ที่น่ากลัวแบบนี้ และต้านทานแรงสะท้อนกลับของพลังพวกนี้ได้ คุณสมบัติร่างกายนั้นจะต้องเป็นอยู่ในระดับปีศาจอัจฉริยะอย่างยิ่งแน่นอน...
ฉีหลงที่จัดการคู่ต่อสู้เสร็จแล้วก็ห้อยดาบยักษ์เหล็กกล้ากลับไปที่ด้านหลังหุ่นรบตัวเองด้วยความพึงพอใจ หลังจากนั้นเขาก็ใช้ความเร็วที่เขาดูถูกอย่างมากมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางต่อโดยไม่มีการอืดอาดชักช้าใดๆ เลย ตั้งแต่เริ่มต้นเตรียมตัวจนสิ้นสุดการต่อสู้ครั้งนี้เสียเวลาของเขาไปสามนาที ถ้าเกิดเขาไม่ได้เจออีกฝ่าย เวลานี้เขาน่าจะไปถึงจุดหมายแล้ว…
ถึงแม้ฉีหลงได้รับชัยชนะ แต่เขาไม่ได้ดีใจมากนัก เขากลัวมากๆ ว่าตอนที่เขาไปถึง การต่อสู้จะสิ้นสุดลงแล้ว ไม่ว่าเฉียวถิงถูกพวกเพื่อนร่วมทีมกำจัด หรือว่าพวกเพื่อนร่วมทีมถูกเฉียวถิงกำจัดล้วนทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์สุดขีด
——————————-