I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 419 มือเปล่าฝ่าคมดาบ!
มีเพียงถังอวี้คนเดียวเท่านั้นที่เห็นแบบนี้แล้วอดร้องว่า ‘ดี’ ขึ้นมาไม่ได้ “ตัดสินใจถูกแล้ว”
ดูจากผลงานของหลิงเทียนหมายเลขสิบเอ็ดก่อนหน้านี้ ความสามารถของเขาเห็นได้ชัดมากว่าเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษที่เชี่ยวชาญการโจมตีระยะไกล ถึงแม้เฉียวถิงสามารถอาศัยการโจมตีระยะไกลที่ยอดเยี่ยมกว่าอีกฝ่ายมาล้มฝ่ายตรงข้ามได้ แต่เขาจะต้องตกสู่ศึกยืดเยื้อโดยไม่ต้องสงสัย เสียเวลาอย่างมาก ทว่าสถานการณ์ของเฉียวถิงในตอนนี้ ไม่ว่าสภาพหุ่นรบหรือว่าด้านจิตใจของเขาต่างไม่ยอมให้ถูกลากเข้าไปในศึกยืดเยื้ออีกต่อไปแล้ว มีเพียงเอาชนะฝ่ายตรงข้ามให้เร็วที่สุดเท่านั้นถึงจะช่วงชิงเวลาพักรบ ฟื้นฟูให้กลับคืนสู่สภาพดีที่สุดโดยเร็วเพื่อมารับมือกับสมาชิกหลิงเทียนสองคนสุดท้ายที่ยังไม่ปรากฏตัว
ถังอวี้เชื่อว่าตัวเฉียวถิงเองก็รู้ดีว่า ในหมู่สองคนที่เหลืออยู่ หนึ่งในนั้นคือหัวหน้ากลุ่มหุ่นรบหลิงเทียน หนึ่งในผู้ควบคุมระดับพิเศษสามคนของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียน ในเมื่อเขาสามารถกลายเป็นหัวหน้ากลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนได้ ความสามารถของคนผู้นี้ย่อมไม่อาจดูแคลนได้ ถ้าหากเฉียวถิงไม่สามารถใช้สภาพที่สมบูรณ์ที่สุดมารับมืออีกฝ่ายได้ละก็ อยากจะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามย่อมไม่ง่ายดายขนาดนั้น
แน่นอนว่า ถังอวี้ร้องว่า ‘ดี’ เพราะเฉียวถิงเลือกต่อสู้ระยะประชิดนั้น ไม่ได้มีแค่เหตุผลข้อนี้ ถังอวี้เข้าใจนักเรียนที่เขาภาคภูมิใจดี ถึงแม้เฉียวถิงเลือกหุ่นรบไพ่ราชาโจมตีระยะไกล แต่ความจริงแล้วความสามารถในการต่อสู้ประชิดตัวของเขานั้นแข็งแกร่งสุดขีด ถึงขนาดที่เหนือกว่าปรมาจารย์หุ่นรบต่อสู้ประชิดตัวทั่วไปบางคนเสียอีก พูดได้ว่า เฉียวถิงเป็นคนที่มีความสามารถรอบด้านทั้งต่อสู้ระยะไกลและต่อสู้ระยะใกล้ เพราะฉะนั้นใช้การต่อสู้ระยะประชิดมาจัดการหลิงเทียนหมายเลขสิบเอ็ดนั้น สำหรับเฉียวถิงแล้ว เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
พูดตามความจริง ถังอวี้เองก็ไม่เชื่อว่า ในโรงเรียนทหารยังมีปรมาจารย์หุ่นรบที่เชี่ยวชาญการรบทั้งระยะไกลและระยะใกล้เหมือนกับเฉียวถิงอีก ยกตัวอย่างเช่น หลิงเทียนหมายเลขสิบเอ็ดคนนี้
เฉียวถิงเปลี่ยนวิธีการโจมตีกะทันหันทำให้หลี่หลานเฟิงรับมือไม่ทันอยู่บ้าง การโจมตีนี้มาอย่างฉับพลันมากโดยไม่ต้องสงสัย เพียงพริบตาเดียว ดาบแสงก็โผล่ขึ้นก่อนจะพุ่งโจมตีเข้ามาตรงหน้า หลี่หลานเฟิงหลบไม่ทัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชักดาบแสงออกมาจากด้านหลังเพื่อทำการสกัดกั้นเลย เขาเกิดความคิดแล่นวาบ เหวี่ยงปืนลำแสงในมือขวาออกไปอย่างเฉียบขาด รับดาบแสงที่จู่โจมเข้ามานั้น
‘ปัง! ฉัวะ!’ ปืนลำแสงปะทะกับดาบแสง ส่งเสียงเบาๆ จากนั้นพลังงานอันทรงพลังของดาบแสงก็ผ่ากลางดาบแสงทันที ปืนลำแสงที่ไม่มีโล่แสงป้องกันย่อมไม่สามารถต้านทานการโจมตีของดาบแสงได้ มันจึงขาดเป็นสองท่อนตามเสียงทันที
ถึงแม้หลี่หลานเฟิงสูญเสียปืนลำแสงไปหนึ่งกระบอก แต่เขาก็แก้ปัญหาเรื่องการโจมตีถึงตายที่มาอย่างกะทันหันของเฉียวถิงได้สำเร็จ หลี่หลานเฟิงฉวยโอกาสขณะที่การโหมโจมตีของเฉียวถิงอยู่ช่วงท้ายโดยที่ยังไม่มีกระบวนท่าใหม่เกิดขึ้นมา คว้าช่องว่างนี้ขับหุ่นรบพุ่งถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว เว้นระยะห่างกับเฉียวถิงช่วงหนึ่งอย่างฉับไว เวลาเดียวกัน เขาก็ชักดาบแสงออกมาจากด้านหลัง ไม่ได้เป็นหลี่หลานเฟิงที่มือเปล่าไร้อาวุธคนนั้นอีกต่อไป
“ประสาทตอบรับของหลิงเทียนหมายเลขสิบเอ็ดคนนี้ยอดเยี่ยมมาก” ผู้อำนวยการเห็นแบบนั้น แววตาก็ส่องประกายเจิดจ้า ประสาทตอบรับนี้เพียงพอที่จะยืนยันได้ว่าหลิงเทียนหมายเลขสิบเอ็ดคนนี้คือหน่ออ่อนที่ดีในการต่อสู้ประชิดตัว…
หลังจากที่ผู้อำนวยการดีใจแล้ว เขาก็หดหู่ใจอย่างยากจะปกปิดไว้ หน่ออ่อนด้านการต่อสู้ประชิดตัวที่ดีขนาดนี้กลับ เลือกโจมตีระยะไกลกันหมดเลย เช่น หลิงเทียนหมายเลขสิบเอ็ดคนนี้ และฉีหลง….นักเรียนในปัจจุบันต่างเลือกหุ่นรบประเภทความเร็วหรือว่าประเภทโจมตีระยะไกลเพื่อรับรองความปลอดภัยของตัวเองกันทั้งนั้น ตรงกันข้าม หุ่นรบเดิมพันชีวิตรบประชิดตัวที่มีความสามารถด้านการโจมตีแข็งแกร่งที่สุดนั้นกลับถูกคนเลือกน้อยลงไปเรื่อยๆ
“ไม่นึกเลยว่า ไม่ได้มีอัจฉริยะแค่คนเดียว…” สีหน้าของถังอวี้เวลานี้ดูยากจะเข้าใจ พูดตามความจริง เขาไม่อยากเห็นเฉียวถิง นักเรียนที่เขาภาคภูมิใจอบรมสั่งสอนออกมาอย่างยากลำบากพ่ายแพ้ในการแข่งขัน แต่ผลงานของลูกทีมหลายคนของหลิงเทียนกลับทำให้เขาเปลี่ยนความคิดใหม่ ทุกคนต่างมีจุดเด่นของตัวเอง ทำให้เขาเจอแรงกระตุ้นแล้วอดใจไม่ไหว ถึงขนาดที่ยังเกิดความคิดรับศิษย์สืบทอดที่แท้จริง ด้วยเหตุนี้เขาเองก็ไม่อยากเห็นพวกเขาพ่ายแพ้กลับไปเหมือนกัน
“แค็ก!” สุดท้ายถังอวี้ได้แต่ถอนหายใจ เขาที่รู้สึกกระอักกระอ่วนไปทุกด้านจึงทำได้เพียงบังคับตัวเองให้กลายเป็นผู้ชมที่อยู่ตรงกลาง รอคอยผลลัพธ์เกิดขึ้นมาอย่างเงียบๆ เท่านั้น
เฉียวถิงเห็นการโจมตีที่ตัวเองสร้างมาอย่างยากลำบากพลาดเป้า ในใจก็ฉุนเฉียว เขาที่ไม่อยากพลาดโอกาสจึงไล่ตามหลี่หลานเฟิงไปติดๆ ก่อนจะตวัดดาบอย่างเดือดดาลอีกครั้ง
หลี่หลานเฟิงกุมดาบแสงเข้าไปรับการโจมตีโดยไม่ลังเลใจเลยสักนิดเดียว จากนั้นก็ได้ยินเสียงเคร้งๆๆ เสียงดาบแสงกระทบกันอย่างรุนแรงดังขึ้นในสนามต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วน ผู้ชมการประลองเห็นเพียงแสงสีขาวร่ายรำ แทบจะมองเงาดาบของดาบแสงไม่ออกเลย เห็นได้ว่าความเร็วในการโจมตีของทั้งคู่ไปถึงระดับขีดสุด รวดเร็วจนทำให้ผู้คนมองเห็นไม่ชัดเจนแล้ว
‘เคร้ง!’ เสียงหนึ่งดังก้อง จากนั้นก็เห็นดาบแสงเล่มหนึ่งที่ไม่เหลือพลังงานแล้วถูกซัดกระเด็นออกไป เนื่องจากความเร็วโจมตีของทั้งสองไวมากเกินไป ผู้ชมการประลองยามนี้ไม่รู้เลยว่า ดาบแสงของใครหลุดมือไปกันแน่…
แน่นอนว่าคนมากมายโน้มเอียงไปทางหลี่หลานเฟิง อย่างไรเสีย เฉียวถิงคือผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชา ต่อให้หุ่นรบถูกทำลายอีกสักแค่ไหน ก็ไม่มีทางเกิดเหตุการณ์ดาบแสงถูกซัดกระเด็นหลุดมือเด็ดขาด
ดวงตาของผู้ชมยังคงเฉียบแหลม คนที่โดนซัดจนดาบกระเด็นคือหลี่หลานเฟิงจริงๆ เมื่อเผชิญหน้ากับหลี่หลานเฟิงที่มือเปล่า เฉียวถิงตวัดดาบแสงในมือท่ามกลางเสียงหัวเราะหยัน ดาบนี้มาอย่างดุดันกว่าก่อนหน้าเสียอีก ชัดเจนมากว่า เฉียวถิงไม่คิดจะปล่อยให้หลี่หลานเฟิงรอดชีวิตต่อไปเลย
หลี่หลานเฟิงที่ไม่มีอุปกรณ์สกัดกั้นแล้วเห็นว่าตัวเองกำลังโดนดาบแสงของเฉียวถิงแทงใส่อย่างไร้ความปรานี ในช่วงเวลาวิกฤตินี้ หุ่นรบของหลี่หลานเฟิงพลันจมลงไปทั้งตัว หุ่นรบชูแขนสองข้าง ฝ่ามือประกบกันฉับพลัน
ดาบแสงถูกฝ่ามือสองข้างของหุ่นรบรับไว้ทันที ตำแหน่งที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกันเริ่มปล่อยประกายไฟฟ้าพราวพร่าง และนี่ก็ทำให้เฉียวถิงกับหลี่หลานเฟิงชะงักงันตรงกลางอากาศ
“มือเปล่าฝ่าคมดาบ!” บรรดานักเรียนที่ชมการต่อสู้เห็นแบบนี้ก็ร่วมกันร้องอุทาน กระทั่งพวกอาจารย์ที่ชมการประลองก็อดผุดลุกขึ้นมาด้วยความตกใจไม่ได้ กระบวนท่านี้จัดอยู่ในหมวดทักษะเฉพาะตัว เป็นกระบวนท่าที่ผู้ควบคุมหุ่นรบทั่วไปไม่อาจช่ำชองได้
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง? ต่อให้เป็นเฉียวถิงก็เชี่ยวชาญท่านี้ไม่ได้” ถังอวี้ตะลึงงันเช่นเดียวกัน ‘มือเปล่าฝ่าคมดาบ’ หนึ่งในกระบวนท่าพิเศษอันน่าภาคภูมิใจของเขา น่าเสียดายที่เฉียวถิง นักเรียนที่เขาภาคภูมิใจมากที่สุดในตอนนี้ไม่สามารถเรียนรู้กระบวนท่านี้ได้เหมือนกัน เนื่องจากกระบวนท่านี้ไม่เพียงต้องการเงื่อนไขด้านพรสวรรค์ในการควบคุมหุ่นรบสูงมากๆ แล้ว เวลาเดียวกันก็ต้องชำนาญการควบคุมหุ่นรบพื้นฐานอย่างสมบูรณ์แบบด้วย แต่ผู้ควบคุมทั่วไปไม่ชอบเสียเวลากับการควบคุมพื้นฐาน กระทั่งเฉียวถิงเองก็แค่ฝึกฝนการควบคุมพื้นฐานจนถึงขั้นยอดเยี่ยมเท่านั้นแล้วก็เลิก นี่จึงทำให้ถังอวี้ไม่สามารถถ่ายทอดกระบวนท่านี้ได้ ไม่นึกเลยว่าเขากลับได้เห็นบนตัวของหลิงเทียนหมายเลขสิบเอ็ดคนนี้
“หลิงเทียนหมายเลขสิบเอ็ด ชื่อนามสกุล: หลี่หลานเฟิง ชนชั้น: ลูกหลานตระกูลชั้นสูง อายุ: 20 ทักษะการต่อสู้มือเปล่า: พลังปราณขั้นต้น ระดับการควบคุมหุ่นรบ: ระดับพิเศษ ผลคะแนนการเลื่อนขั้นจากระดับสูงไประดับพิเศษ: ล้ำเลิศ” ถังอวี้ที่ตื่นเต้นรีบค้นดูข้อมูลของหมายเลขสิบเอ็ดทันที ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายอยู่ปีเดียวกับเฉียวถิง
“ไม่นึกเลยว่าผมพลาดนักเรียนที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ไปได้” ถังอวี้เอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าใจ
“ควรพูดว่า โรงเรียนทหารของเราซ่องสุมพยัคฆ์มังกรต่างหาก ถึงได้มีเมล็ดพันธุ์ชั้นเลิศแบบนี้มากมาย” ผู้อำนวยการเห็นแบบนั้นก็เอ่ยปลอบใจ
คำพูดของผู้อำนวยการทำให้อารมณ์ของถังอวี้ดีขึ้น เขานึกถึงนักเรียนที่เขารับมาใหม่หกคน ถึงแม้หลินจงชิงไม่ได้เป็นนักเรียนของเขาอย่างเป็นทางการ แต่ในใจของถังอวี้ อีกฝ่ายคือลูกศิษย์ของเขาแล้ว เชื่อว่าพวกเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าหมายเลขสิบเอ็ดคนนี้เลย
ในกลางอากาศ เฉียวถิงกับหลี่หลานเฟิงต่างชะงักงัน และเวลานี้เอง เฉียวถิงพลันรู้สึกว่าหัวใจเต้นกระหน่ำรัว สัมผัสถึงวิกฤติสายหนึ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจู่โจมเข้าที่หัวใจ
หรือว่าหลี่หลานเฟิงก็จะระเบิดตัวเองเหมือนกัน? เฉียวถิงไม่อาจยืนยันแหล่งที่มาของวิกฤติได้ ขณะที่กำลังลังเลว่าจะทิ้งดาบแสงในมือแล้วทำการหลบออกดีหรือไม่นั้น…
“อ้า! ด้านล่าง!” คนในสนามมองไม่เห็น แต่ผู้ชมเห็นชัดเจน บรรดานักเรียนทหารที่ชมการประลองซึ่งเลือกมุมมองพระเจ้านั้นต่างมองเห็นว่าวิกฤติที่มาถึงเฉียวถิงอย่างแท้จริงนั้นอยู่ที่ใด
ที่แท้ ตรงบริเวณที่ถูกฝุ่นทรายปกคลุมด้านล่างนั้น หุ่นรบตัวหนึ่งที่แอบลอบเข้ามาพลันทะยานขึ้นฟ้า เงื้ออาวุธเย็นที่ส่องประกายแสงเย็นเยียบขึ้นสูง แทงใส่หุ่นรบของเฉียวถิงที่ติดชะงักงันอยู่กับหลี่หลานเฟิงกลางอากาศอย่างโหดเหี้ยมสุดขีด
โชคดีที่เฉียวถิงอยู่บนฟ้าสูงมากพอ ในช่วงเวลาสุดท้าย เฉียวถิงมองเห็นตำแหน่งที่แท้จริงของวิกฤติได้ในที่สุด การโจมตีอย่างฉับพลันนี้ทำให้ทุกคนหวาดหวั่น และก็ทำให้เฉียวถิงตกใจจนหลั่งเหงื่อเย็นๆ ไปทั่วร่าง
เฉียวถิงตัดสินใจทิ้งดาบแสงในมืออย่างเฉียบขาด ขับหุ่นรบฝืนเคลื่อนที่เป็นแนวขนานออกไปหนึ่งเมตร และระยะห่างหนึ่งเมตรนี้ทำให้เขาหลบวิกฤติถูกระเบิดดอกเบญจมาศพ้น ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ ดาบยักษ์เล่มนั้นก็แฉลบผ่านหุ่นรบของเขาอย่างอำมหิต สาดประกายไฟขึ้นมานับไม่ถ้วน ส่องประกายพราวพร่างบนดวงตาของทุกคน
รอยถลอกหนึ่งที่ลึกประมาณสองนิ้วปรากฏขึ้นบนเกราะด้านนอกหุ่นรบของเฉียวถิง ถ้าหากไม่ใช่เพราะเหล็กกล้าบนตัวหุ่นรบไพ่ราชาหนามากพอละก็ ร่องรอยความเสียหายนี้อาจจะทำลายร่างของหุ่นรบโดยตรงแล้ว
เฉียวถิงโชคดีหลบวิกฤติครั้งนี้พ้น และในหมู่สมาชิกทีมหลิงเทียนที่เหลือเพียงสามคนในสนามรบก็โผล่ขึ้นมาอีกคนแล้ว นอกจากหลิงหลาน หัวหน้ากลุ่มหลิงเทียนที่ยังไม่ปรากฏตัวแล้ว คนอื่นๆ ล้วนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเฉียวถิงกันหมดแล้ว
“ยังดีที่ฉันไม่ถือว่ามาสาย” ฉีหลงโจมตีสำเร็จแล้วก็หลบไปด้านข้าง หุ่นรบลอยอยู่กลางอากาศ บนไหล่แบกดาบยักษ์เล่มนั้นเอาไว้ เอ่ยกับหลี่หลานเฟิงอย่างสบายๆ
“ช้าอีกนิด ฉันก็ทนไม่ไหวแล้ว” หลี่หลานเฟิงดีใจที่ฉีหลงมาทันเวลา ถ้าหากช้ากว่านี้อีกนิดเดียว เขาก็ต้านทานเฉียวถิงไม่อยู่แล้ว ผู้ควบคุมไพ่ราชาไม่ใช่คนที่ระดับอย่างเขาสามารถต้านทานได้จริงๆ ด้วย
“ขอโทษที ความเร็วของหุ่นรบไม่ได้เรื่อง ฉันรีบมาอย่างสุดกำลังแล้วนะ” ฉีหลงกระดากใจอยู่บ้าง เขายกดาบยักษ์ในมือขึ้นมาทันใดเพื่อชดเชยความผิดพลาด กล่าวว่า “จากนี้ คอยดูฉันได้เลย”
สิ้นคำพูดก็เห็นฉีหลงกวัดแกว่งดาบยักษ์ทีหนึ่ง และขับหุ่นรบพุ่งไปหาเฉียวถิงอย่างอำมหิต
เทียบกับหลี่หลานเฟิงแล้ว ความเร็วของฉีหลงนั้นเรียกว่า ความเร็วเต่าคลานจริงๆ เฉียวถิงเผยสีหน้าดูแคลนออกมา ก่อนจะพุ่งหลบไปเล็กน้อย จากนั้นก็ชักอาวุธสำรองออกมา มีดคลื่นแม่เหล็กสองเล่ม เล็งไปยังฉีหลงที่ผ่านเขาไปครึ่งตัวแล้วโจมตี
เสียง ‘ปัง’ ดังสนั่น มีดคลื่นแม่เหล็กซัดใส่ดาบยักษ์ของฉีหลงทันที…ไม่สิ ควรพูดว่า ถูกดาบยักษ์ของฉีหลงสกัดไว้ ถึงแม้มีดคลื่นแม่เหล็กจะมีพลังทำลายแข็งแกร่งสุดขีด แต่เมื่อต่อกรกับอาวุธเย็นขนาดยักษ์ของฉีหลงกลับไม่ปรากฏอานุภาพใดๆ ออกมา สิ่งเดียวที่พวกมันมอบให้ดาบยักษ์เป็นที่ระลึกเล็กน้อยคือ บนตัวดาบยักษ์ปรากฏร่องตื้นๆ นิดหน่อย คาดว่าตอนที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน พลังงานของมีดคลื่นแม่เหล็กสร้างความเสียหายให้กับผิวของดาบขนาดยักษ์เล็กน้อย
“คุณสมบัติร่างกายของเด็กคนนี้อยู่ในระดับสัตว์ประหลาดแน่ๆ” ฉีหลงแค่ตวัดดาบยักษ์สองที ผู้อำนวยการมองแวบเดียวก็ดูคุณสมบัติร่างกายของฉีหลงออกแล้ว
“ครับ เด็กคนนี้คือสัตว์ประหลาดอัจฉริยะด้านการต่อสู้ประชิดตัว น่าเสียดายที่เพื่อเพิ่มพละกำลังแล้ว ความเร็วของหุ่นรบเลยด้อยไปนิดหน่อย” ถังอวี้เองก็มองจุดอ่อนของหุ่นรบฉีหลงออกเช่นกัน