I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 420 การแก้แค้นของฉางซินหยวน!
“อยากจัดการเฉียวถิง เด็กคนนี้ดูไม่มีหวังหรอก” ความเร็วไล่ตามเฉียวถิงไม่ทัน ต่อให้พละกำลังแข็งแกร่งอีกสักแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ดวงหน้าผู้อำนวยการเผยความเสียใจเล็กน้อย ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีคนที่เลือกต่อสู้ระยะประชิด แต่ดันเป็นอัจฉริยะแค่เฉพาะทาง
ถังอวี้กลับทอดสายตาไปยังหลี่หลานเฟิงที่ชมการต่อสู้อยู่ด้านข้างเงียบๆ ด้วยความใจเย็น เทียบกับหลิงเทียนหมายเลขสองที่ปรากฏตัวขึ้นมาใหม่คนนี้ ถังอวี้ให้ความสำคัญกับหลิงเทียนหมายเลขสิบเอ็ดคนนี้มากกว่า ตราบใดที่คนผู้นี้ยังอยู่ ถังอวี้ไม่แน่ใจว่าหลิงเทียนหมายเลขสองจะไม่มีการคุกคามใดๆ ต่อเฉียวถิงเหมือนอย่างที่ผู้อำนวยการว่าไว้จริงๆ หรือเปล่า ความเยือกเย็นและความไร้ปรานีที่หลิงเทียนหมายเลขสิบเอ็ดแสดงออกมาในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ทำให้ถังอวี้อดเกิดความกังวลขึ้นในใจไม่ได้เหมือนกัน
ผู้อำนวยการสังเกตเห็นสายตาของถังอวี้เช่นเดียวกัน เขาเห็นแบบนั้นก็เคาะศีรษะทีหนึ่งด้วยความหงุดหงิด เอ่ยด้วยรอยยิ้มขื่นว่า “เอาเถอะ ฉันลืมหมอนี่ไปเลย ดูเหมือนฉันจะพูดเร็วเกินไป ขอเพียงข้างกายเจ้าหนูสัตว์ประหลาดนั่นยังมีเพื่อนร่วมทีมอยู่ ก็ยังพูดไม่ได้จริงๆ ว่าเจ้าหนูนั่นจะคุกคามเฉียวถิงไม่ได้”
หลังจากที่เฉียวถิงประมือกับฉีหลงสองสามกระบวนท่าอย่างอดทน เขาก็มองตื้นลึกหนาบางของฉีหลงออกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว เก่งด้านการต่อสู้ระยะประชิดมาก แต่ว่าเสียเปรียบด้านความเร็วของหุ่นรบ ถ้าเกิดหุ่นรบที่เจ้าเด็กตรงหน้านี้ขับคือหุ่นรบระดับพิเศษละก็ บางทีอาจจะเป็นอันตรายต่อเขาอย่างใหญ่หลวง ทว่าตอนนี้…เฉียวถิงไม่คิดว่าหลิงเทียนหมายเลขสองคนนี้จะมีโอกาสเข้าใกล้เขา ทำการระเบิดตัวเองได้สำเร็จเหมือนกับคนอื่นๆ ของหลิงเทียน
เฉียวถิงที่ตัดสินใจแล้วก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เมื่อเผชิญหน้ากับฉีหลงที่โจมตีเข้ามาอย่างรนหาที่ตายอีกครั้ง มุมปากของเฉียวถิงก็เผยรอยยิ้มเย็นเยียบ เพิ่มความเร็วนิ้วมือโดยพลัน จากนั้นก็เห็นว่าบนแผงควบคุม สองมือของเขาเหมือนมองไม่เห็นนิ้วมืออีกต่อไป ปรากฏเป็นเงาทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ ไม่ผิด เฉียวถิงเตรียมตัวสังหารหลิงเทียนหมายเลขสองที่โผล่ขึ้นมานี้ทันที ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงระเบิดความเร็วนิ้วมือสูงสุดของเขา มีดคลื่นแม่เหล็กในมือหุ่นรบร่ายรำเป็นกลุ่มก้อน…
เวลานี้ต่อให้เป็นคนที่ชมการต่อสู้ก็มองเห็นไม่ชัดเช่นกันว่า การโจมตีของเฉียวถิงตกลงไปจุดใดกันแน่ ขณะที่ทุกคนต่างคิดว่าหลิงเทียนหมายเลขสองยากจะหลีกหนีเภทภัยพ้น ก็มีเสียงกระทบกันดังเคร้งๆๆๆ ท่ามกลางเงาลางเรือน…
ไม่นึกเลยว่าฉีหลงที่ดูเหมือนเคลื่อนไหวเชื่องช้าจะสกัดกั้นการโจมตีเป็นชุดของเฉียวถิงนี้ได้หมด นี่ทำให้ทุกคนที่ชมการต่อสู้ไม่อาจทำความเข้าใจได้ว่า หลิงเทียนหมายเลขสองผู้นี้ใช้วิธีการอะไรมายืนยันตำแหน่งโจมตีที่แท้จริงของเฉียวถิงได้กันแน่
ทุกคนไม่รู้ว่าพรสวรรค์ของฉีหลงคือสัญชาตญาณสัตว์ป่า โดยปกติแล้วลางสังหรณ์ของสัตว์ป่าจะช่วยฉีหลงตัดสินตำแหน่งที่เป็นอันตรายอย่างแท้จริงได้ ต่อให้ดวงตาทั้งสองข้างของเขาไม่อาจตัดสินได้ ฉีหลงที่คุ้นชินกับลางสังหรณ์แบบนี้ของตัวเองแล้วจึงกวัดแกว่งดาบยักษ์ของตัวเองไปยังตำแหน่งพวกนั้นโดยไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย
“บัดซบ!” เฉียวถิงเห็นการโจมตีชุดนี้ถูกหลิงเทียนหมายเลขสองต้านรับได้โดยที่ไม่สามารถอธิบาย พบพานอุปสรรคซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้เฉียวถิงยากจะสะกดกลั้นไฟโทสะในใจได้อีก ไฟโทสะนี้ทำให้ความเร็วมือของเขาพุ่งทะยานขึ้นอีกครั้ง นิ้วมือที่เดิมทีเป็นเงาซ้อนทับกันเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่า
ฉีหลงพลันรู้สึกถึงวิกฤติแล่นวาบขึ้นในใจ เขาขับหุ่นรบให้หลบออกทันทีโดยไม่ใคร่ครวญเลยสักนิดเดียว เวลานี้เอง จุดอ่อนเรื่องความเร็วของหุ่นรบได้เผยออกมาอย่างเป็นทางการ ถึงแม้ปฏิกิริยาตอบสนองของฉีหลงเรียกได้ว่าฉับไว แต่ความเร็วของหุ่นรบที่อืดอาดยังคงทำให้เขาหลบเท้าของเฉียวถิงที่มาอย่างเหนือความคาดหมายนี้ไม่ได้หมด
เสียง ‘ตูม’ ดังสนั่น เฉียวถิงใช้ขาขวาที่หลงเหลืออยู่ของหุ่นรบตัวเองเตะใส่เอวฉีหลงอย่างโหดเหี้ยม เรี่ยวแรงมหาศาลซัดหุ่นรบของฉีหลงกระเด็นลอยออกไป เฉียวถิงกำลังคิดจะฉวยโอกาสไล่โจมตีต่อ ทันใดนั้นหัวใจของเขาสัมผัสได้ถึงวิกฤติสายหนึ่งอีกครั้ง หุ่นรบของเขาที่กำลังพุ่งไปข้างหน้าหยุดชะงักโดยพลัน ไม่เพียงแค่นั้น หุ่นรบของเฉียวถิงยังเอนไปด้านหลัง สองมือเงื้อมีดคลื่นแม่เหล็กขึ้นสูง ทำท่าไขว้กันออกมา
‘ตึง!’ เสียงหนักอึ้งดังขึ้นในอากาศ บรรดานักเรียนทหารที่ชมการต่อสู้ถึงขนาดยังมองเห็นรัศมีสั่นสะเทือนพลังงานที่ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักจำลองออกมาเพื่อการปะทะกันในครั้งนี้โดยเฉพาะ มีดคลื่นแม่เหล็กสี่เล่มกระทบกันอย่างรุนแรง ทำให้ทั้งพื้นที่เกิดสภาวะบิดเบือน…
ที่แท้หลี่หลานเฟิงที่คอยเฝ้าดูการต่อสู้มาตลอดก็ลงมือแล้วในที่สุด ขณะที่เฉียวถิงเพ่งสมาธิจัดการฉีหลง เขาก็จู่โจมอย่างเงียบเชียบราวกับนักฆ่าก็ไม่ปาน ถ้าหากเฉียวถิงไม่ใช่ผู้ควบคุมไพ่ราชา ไม่มีลางเตือนวิกฤติที่มีเฉพาะผู้ควบคุมไพ่ราชา ละก็ บางทีการลอบโจมตีของหลี่หลานเฟิงอาจจะประสบผลแล้วก็ได้
แม้การโจมตีของหลี่หลานเฟิงในครั้งนี้ถูกเฉียวถิงมองออก และล้มเหลวแล้ว แต่เพราะการลงมือของเขาถึงช่วยชีวิตฉีหลงได้เช่นกัน คนที่มีสายตาเฉียบแหลมต่างมองออกว่า ถ้าหากหลี่หลานเฟิงไม่ลงมือในยามนี้ละก็ ฉีหลงที่เสียสมดุลไปแล้วย่อมต้องเจอการไล่ล่าสังหารของเฉียวถิง ไม่มีโอกาสรอดแน่นอน
“หลิงเทียนหมายเลขสิบเอ็ดคนนี้ตัดสินใจได้แม่นยำมากจริงๆ” ถังอวี้เห็นแบบนั้นก็อดชื่นชมขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน ถึงแม้เขายังด้อยกว่าเฉียวถิงในด้านความแข็งแกร่งค่อนข้างมาก ถึงขนาดเทียบกับพวกนักเรียนเก่าบางคนในโรงเรียนทหารที่เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมระดับพิเศษนานแล้วไม่ได้ แต่การตัดสินใจที่แม่นยำนี้ทำให้เขากลายเป็นสมาชิกทีมเพียงคนเดียวในสนามประลองที่ต่อสู้พัวพันกับเฉียวถิงได้นานที่สุด ถึงขนาดที่กล่าวได้ว่า ลูกทีมของหลิงเทียนหลายคนก่อนหน้านี้สามารถระเบิดตัวเองทำร้ายเฉียวถิงได้ ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นเพราะเขาก่อกวนการตัดสินใจของเฉียวถิงได้สำเร็จ
“ผู้ควบคุมหุ่นรบประเภทมือสังหาร ไม่สิ น่าจะเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบประเภทนักกลยุทธ์ด้วย หน่วยรบมีคนแบบนี้อยู่ อัตราการรอดชีวิตในสนามรบก็จะเพิ่มขึ้นมากเลย” สีหน้าผู้อำนวยการดูเคร่งขรึมมาก ทว่าแววตายากจะปกปิดความตื่นเต้นยินดี เขาดีใจที่ลูกชายเพื่อนต่างวัยของเขาสามารถรับลูกทีมที่ยอดเยี่ยมแบบนี้มาได้
ควรรู้เอาไว้ หน่วยรบที่สมบูรณ์แบบ นอกจากหัวหน้าทีมที่มีความเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่แล้ว ยังต้องการบุคลากรประเภทต่างๆ ด้วย ความจริงแล้วปรมาจารย์หุ่นรบประเภทนักกลยุทธ์คือบุคลากรที่สำคัญเป็นอันดับสองของหน่วยรบ สำคัญมากกว่าหุ่นรบโจมตีหลักที่หน่วยรบทั่วไปให้ความสำคัญมากที่สุด น่าเสียดายที่หน่วยรบมากมายในปัจจุบันต่างมองข้ามเรื่องนี้ไป เสาะหาปรมาจารย์หุ่นรบที่แข็งแกร่งอย่างหน้ามืดตามัว แต่ไม่เข้าใจว่า หน่วยรบที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงไม่สนใจกำลังรบที่แข็งแกร่ง หากแต่เป็นคนในตำแหน่งต่างๆ ร่วมมือกันอย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
ขณะที่ถังอวี้กับผู้อำนวยการกำลังตกตะลึงกับผลงานโดดเด่นของทางฝั่งหลี่หลานเฟิงนั้น ผู้ชมการประลองกลับไม่ได้คิดเยอะแยะขนาดนั้น ถึงแม้พวกเขาชื่นชมหลี่หลานเฟิงที่จับจังหวะโจมตีได้แม่นยำมากเหมือนกัน แต่พวกเขาแค่คิดว่าหลี่หลานเฟิงสังเกตเห็นว่าฉีหลงอยู่ในอันตราย เลยลงมือจู่โจมในเวลานี้เพื่อช่วยเหลือคน บางทีหากพวกเขาอยู่บนสนามประลองก็อาจจะทำเรื่องนี้ได้เหมือนกัน
จำเป็นต้องพูดว่า สายตาของพวกนักเรียนด้อยกว่าผู้อำนวยการและอาจารย์ถังอวี้มากเกินไป เลยมองไม่ออกว่า การจับจังหวะลงมืออย่างแม่นยำนั้นไม่มีทางง่ายดายอย่างที่พวกนักเรียนคิดไว้ขนาดนั้น บวกกับการจู่โจมของหลี่หลานเฟิงมีการอำพรางในระดับหนึ่ง เห็นได้ว่าหลี่หลานเฟิงเตรียมตัวสำหรับทำการโจมตีนี้ไว้อย่างเต็มเปี่ยม ไม่ใช่การลงมืออย่างฉุกละหุกเพราะฉีหลงตกอยู่ในอันตราย
ทว่าอย่างไรเสีย เฉียวถิงก็คือเฉียวถิง ผู้ควบคุมไพ่ราชาแข็งแกร่งมากจริงๆ เขายังคงทำลายการโจมตีที่แทบจะเกือบสมบูรณ์แบบของหลี่หลานเฟิงได้
หลังจากหลี่หลานฟิงโจมตีล้มเหลว ทุกคนต่างคิดว่าเขาจะถอยหลังอย่างรวดเร็ว คอยรักษาระยะห่างกับเฉียวถิงไว้ช่วงหนึ่งเหมือนอย่างที่หลี่หลานเฟิงกระทำในตอนเริ่มต้นการต่อสู้
อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับคาดเดาพลาดอีกครั้ง คราวนี้หลี่หลานเฟิงไม่ได้เลือกถอยหลัง ตรงซี่โครงสองฝั่งของหุ่นรบเขาพลันยิงโซ่ออกมาสองเส้น บินไปหาต้นขาทั้งสองข้างของหุ่นรบเฉียวถิง
“โผล่มาแล้ว!” ฉางซินหยวนที่คอยเฝ้าดูการต่อสู้บนที่นั่งผู้ชมเห็นฉากนี้ ดวงหน้าก็เผยความยินดีออกมา กำหมัดตัวเองอย่างควบคุมไม่อยู่ แม้ว่าเขาไม่มีโอกาสขึ้นสนามประลองทำการต่อสู้กับเหลยถิงเนื่องจากระดับต่ำมากเกินไป แต่เพื่อจัดการราชันสายฟ้าเฉียวถิงที่บีบคั้นเขามานานสี่ปีจนแทบจะทำให้เขาลาออกจากโรงเรียนด้วยความคับแค้นใจ ไม่ใช่ว่าฉางซินหยวนไม่ได้ทำอะไรเลย
ตอนที่หลี่หลานเฟิงมาหาเขาในคืนก่อนทำศึก และบอกแบบร่างของเขาออกมา ฉางซินหยวนก็ไม่ปฏิเสธเลย พวกเขาสองคนศึกษาวิจัยกันทั้งคืน ในที่สุดก็ก็ออกแบบโซ่สองเส้นนี้ตรงซี่โครงสองข้างของหุ่นรบ โซ่สองเส้นไม่ใช่อาวุธโจมตีอะไร มันเป็นเพียงอุปกรณ์ล่าเหยื่อเท่านั้น ก็เหมือนกับบ่วงบาศจับม้า เป็นอุปกรณ์ที่สร้างออกมาเพื่อจับม้าป่า โซ่สองเส้นที่ฉางซินหยวนกับหลี่หลานเฟิงออกแบบนี้ก็ทำออกมาเพื่อจับหุ่นรบของเฉียวถิงไว้นี่เอง
ฉางซินหยวนรู้กลยุทธ์ลำดับสองที่หลิงหลานวางไว้ดี เขาเองก็คิดว่า หากอาศัยเพียงนักรบหุ่นรบชั้นสูงอย่างพวกเขาเหล่านี้ อยากจะได้รับชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ ก็มีเพียงกลยุทธ์นี้เท่านั้นที่มีโอกาส ทว่าอยากโจมตีหุ่นรบของเฉียวถิงอย่างรุนแรงมากที่สุดจำเป็นต้องประกบติดอีกฝ่ายเอาไว้แล้วค่อยระเบิดตัวเองถึงจะได้ แต่เฉียวถิงเป็นผู้ควบคุมไพ่ราชา เขาย่อมไม่มีทางมอบโอกาสเช่นนี้ให้ลูกทีมของหลิงเทียน บางทีตอนแรกอาจจะประสบผลเพราะการดูถูก แต่หลังจากที่เฉียวถิงได้รับความเสียหายแล้ว อยากจะประชิดตัวอีกย่อมเป็นไปไม่ได้เลย
ดังนั้นฉางซินหยวนกับหลี่หลานเฟิงถึงได้คิดวิธีการนี้ออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาข้อนี้ การปรับแต่งนี้อยู่บนตัวหุ่นรบของหลี่หลานเฟิงเท่านั้นเพื่อทำการจู่โจมอย่างเหนือความคาดหมาย อย่างไรเสียหุ่นรบของหลี่หลานเฟิงคือหุ่นรบระดับพิเศษ เมื่อประชิดตัวและระเบิดตัวเองสำเร็จ พลังทำลายต่อหุ่นรบของเฉียวถิงจึงมากที่สุดด้วย
และตอนนี้ ในที่สุดการออกแบบตลอดทั้งคืนถึงปรับแต่งได้สำเร็จนี้ก็ปรากฏขึ้นในสนามประลอง ทำให้อารมณ์ของฉางซินหยวนพลุ่งพล่าน เวลาเดียวกันความรู้สึกมากมายก็ประเดประดังเข้ามาด้วยเช่นกัน ถ้าหากไม่ใช่เพราะลูกพี่หลานชวนเข้าร่วมหน่วยรบหลิงเทียน เขาก็คงไม่มีทางได้ใช้การออกแบบของเขา ใช้การปรับแต่งของเขามาล้างแค้นเฉียวถิงได้สำเร็จ ฉางซินหยวนเคยคิดว่า การที่เขาอยากไปล้างแค้นเฉียวถิงนั้น แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
โซ่สองเส้นของหุ่นรบหลี่หลานเฟิงมาอย่างแปลกประหลาดและกะทันหันอยู่บ้าง ถึงอย่างไร หุ่นรบมาตรฐานไม่อาจมีของแบบนี้ได้ เฉียวถิงเลยมองข้ามเรื่องนี้ เมื่อเขาสังเกตเห็น โซ่ก็มัดสองขาของหุ่นรบเขาไว้ได้แล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ตรงส่วนหัวของโซ่มีตะขอเกี่ยวสองอัน หลังจากที่พันไว้ได้แล้วมันก็เกี่ยวต้นขาของเฉียวถิงอัตโนมัติดังปัก ล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนาแล้ว
เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว คนที่ชมการประลองยังมีอะไรไม่เข้าใจอีก “หลิงเทียนหมายเลขสิบเอ็ดจะระเบิดตัวเองแล้ว!” ผู้ชมในสนามแทบจะร้องด้วยความตกใจขึ้นมาพร้อมกัน ยามนี้กลยุทธ์ระเบิดตัวเองของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนแค่มองปราดเดียวก็รู้แล้ว คนที่ชมการประลองต่างไม่สงสัยเรื่องนี้เลย
“เชี่ย ไม่นึกเลยว่านายยังซ่อนท่านี้ไว้ด้วย” เวลานี้ฉีหลงบังคับหุ่นรบที่บินกลับหัวได้ในที่สุด เมื่อเขาเห็นการโจมตีที่อยู่เหนือความคาดหมายนี้ของหุ่นรบหลี่หลานเฟิงก็เข้าใจทันทีว่านี่คืออะไร เขาทิ้งดาบยักษ์ในมือด้วยความลิงโลดมาก จากนั้นก็กระโจนเข้าไปทั่วทั้งร่าง
โอกาสดีขนาดนี้ ถ้าเกิดเขาไม่พุ่งเข้าไประเบิดตัวเอง นั่นก็ทำผิดต่อลูกพี่ของเขาที่ฝึกสอนโหมดนรกให้เขาตลอดหลายปีที่ผ่านมามากเกินไปแล้ว ฉีหลงรู้ดีว่า โอกาสระเบิดตัวเองมาเพียงชั่วประเดี๋ยวเดียว เขาจะมัวลังเลไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
เฉียวถิงที่โดนหลี่หลานเฟิงรัดไว้อย่างแน่นหนาจนไม่อาจสลัดหลุดได้ชั่วขณะ เห็นฉีหลงที่อยู่ตรงหน้าพุ่งเข้ามากอดเขาไว้แน่นๆ เฉียวถิงก็ขุ่นแค้นใจอย่างยิ่งยวด ตะโกนดังๆ ว่า “ปล่อยฉันนะ!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เฉียวถิงรู้สึกได้ถึงความอัปยศอดสู เห็นได้ชัดว่าเขามีความสามารถกำจัดศัตรูตรงหน้าได้ทั้งหมด ทว่าเนื่องจากความเลินเล่อของเขาเลยติดกับของคู่ต่อสู้ ความคับแค้นใจที่ได้แต่สิ้นหวังรอความตายจู่โจมตรงเข้ามาที่อกจนแทบจะทำให้เขาสลบเหมือด