I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 426 โอกาสได้ร่วมมือกัน?
หลี่หลานเฟิงสายตาดีมาก มองเห็นคนพวกนั้นทำหน้าโกรธเคือง ท่าทีที่ดูเหมือนเคียดแค้นใจทำให้หลี่หลานเฟิงอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ “ดูท่าราชันสายฟ้าคงจะผ่านวันเวลาช่วงนี้ลำบากแล้วล่ะ ลูกน้องเริ่มมีเจตนาแอบแฝงกันแล้ว”
“อื้ม!” มุมปากของหลิงหลานยกขึ้นน้อยๆ เมื่อเห็นศัตรูของเธอเกิดปัญหา อารมณ์ย่อมดีมากอย่างไม่ต้องสงสัย ก็เลยตอบหลี่หลานเฟิงไปหนึ่งคำ
“นี่ก็คือผลจากการที่เมื่อก่อนเขาจองหองมากเกินไปจนไม่เหลือทางหนีทีไล่เอาไว้ ดังนั้นพอพลาดท่า พวกคนที่ไม่พอใจจากการโดนเขากดขี่ก่อนหน้านี้เลยระเบิดออกมาในที่สุด” หลี่หลานเฟิงยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่นอยู่บ้าง เขาเหลือบมองหลิงหลานคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “เดิมทีคิดว่าอยากเห็นราชันสายฟ้าโชคร้ายคงต้องรอไปอีกนาน ไม่นึกเลยว่าจะสมหวังเร็วขนาดนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดที่บ่งบอกความคิดของหลี่หลานเฟิง หลิงหลานก็ทอดมองเข้ามาอย่างเย็นชา กล่าวเหมือนตระหนักอะไรบางอย่างได้ว่า “ชีตาห์ นายเกลียดราชันสายฟ้าเหรอ?”
ดวงตาของหลี่หลานเฟิงหรี่ลง เขาเงียบไปหลายวินาทีถึงค่อยถอนหายใจเบาๆ เอ่ยว่า “ใช่ ฉันเกลียดเขา ลูกรักของสวรรค์แบบนี้ ไม่ว่าพรสวรรค์หรือว่าสุขภาพร่างกายล้วนยอดเยี่ยมจนน่าอิจฉาทั้งนั้น ต่อให้ฉันพยายามอีกแค่ไหนก็ไล่ตามอีกฝ่ายไม่ทัน…” พอกล่าวถึงตรงนี้ หลี่หลานเฟิงก็เหม่อลอยขึ้นมาเล็กน้อย เขาบอกแค่เหตุผลในฉากหน้าเท่านั้น ส่วนเหตุผลที่แท้จริง หลี่หลานเฟิงไม่รู้ว่าควรบอกอย่างไรดี เหตุผลที่ดูเหลวไหลสุดขีดนั้น กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่อาจเชื่อได้เลย…
ฟังออกถึงความไม่ยินยอมในน้ำเสียงของหลี่หลานเฟิง หลิงหลานนึกได้ว่าร่างกายของหลี่หลานเฟิงเพิ่งจะหลุดพ้นจากวิกฤติ ก่อนจะเข้าใจแจ่งแจ้มทันที เธอนึกถึงชาติที่แล้วของเธอ ทุกครั้งที่เห็นคนอื่นมีร่างกายที่แข็งแรงมีกำลังวังชา เธอก็อดอิจฉาไม่ได้ ถึงขนาดที่โทษเทวดาฟ้าดิน เจ็บแค้นว่าทำไมคนอื่นถึงมีร่างกายที่แข็งแรงได้ แต่เธอกลับได้แต่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยทุกวัน ต่อสู้กับยมทูต?
บางทีอาจเป็นเพราะหัวอกเดียวกัน หรือว่าบางทีอาจเป็นเพราะความเห็นอกเห็นใจ หลิงหลานรู้สึกว่าเธอสามารถเข้าใจความคิดที่ซับซ้อนของหลี่หลานเฟิงได้ ดังนั้นเธอจึงตบบ่าของหลี่หลานเฟิงอย่างปลอบโยน เอ่ยอย่างแน่วแน่ว่า “ฉันเชื่อว่า ผ่านไปอีกไม่กี่ปี นายไม่มีทางอ่อนแอกว่าอีกฝ่ายแน่นอน ถึงขนาดที่จะแข็งแกร่งกว่าเขาด้วย”
การกระทำรวมถึงความจริงจังและความหนักแน่นในคำพูดของหลิงหลานทำให้หัวใจของหลี่หลานเฟิงร้อนรุ่ม นี่ก็คือเพื่อนรู้ใจที่ในหนังสือบอกไว้สินะ คนที่เชื่อมั่นในตัวเขาอย่างไม่มีเหตุผล ยืนอยู่ข้างกายอย่างเด็ดเดี่ยวมั่นคง… หลี่หลานเฟิงรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างร้อนขึ้นมา เวลานี้ความหนาวเหน็บที่แผ่ออกมาจากร่างของหลิงหลานก็ทำให้หลี่หลานเฟิงรู้สึกเย็นสบายแล้ว
หลิงหลานปรายตามองหลี่หลานเฟิงด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ หูของอีกฝ่ายถึงแดงขึ้นมา เธอไตร่ตรองคำพูดเมื่อครู่ของตัวเองอย่างเงียบเชียบ หรือว่าอีกฝ่ายถูกเธอให้กำลังใจจนตื่นเต้นสะเทือนใจไปแล้ว?
ดูเหมือนว่าชีตาห์เป็นคนชอบฟังคำพูดน่าฟังให้กำลังใจ เรื่องนี้ต้องจำเอาไว้ บางทีอาจเป็นวิธีกระตุ้นชีตาห์ได้ในอนาคต หลิงหลานลูบคางพลางคิดเช่นนี้
หลี่หลานเฟิงยังคงควบคุมอารมณ์ตัวเองเก่งมาก ผ่านไปไม่นานก็ใจเย็นลง เขาเห็นหลิงหลานจ้องมองราชันสายฟ้า ลูบคางอย่างใคร่ครวญ ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา พอนึกถึงการเปลี่ยนแปลงของราชันสายฟ้า เขาจึงเอ่ยด้วยความเข้าใจว่า “กระต่าย นายจ้องราชันสายฟ้าเพราะว่าสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเขาเหมือนกันใช่ไหม?”
ราชันสายฟ้า? ขณะที่หลิงหลานกำลังวางแผนว่าจะลงมือทรมานหลี่หลานเฟิงอย่างอำมหิตสักระยะหนึ่งอย่างไรดีเพื่อให้เขาเพิ่มพื้นฐานสุขภาพร่างกายให้ได้มากที่สุดภายใต้การบีบคั้นของเธอ จู่ๆ ได้ยินคำถามของหลี่หลานเฟิง หัวใจพลันสะดุ้ง… แค็กๆ เอาแต่คิดทรมานเพื่อน ดูยังไงก็ไร้มนุษยธรรมอยู่นิดหน่อยนะ!
หลิงหลานกลัวว่าหลี่หลานเฟิงจะสังเกตเห็นความคิดชั่วร้ายของตัวเอง เธอเลยรีบเก็บความคิดทันที ตอบคำพูดของหลี่หลานเฟิงอย่างไหลลื่นว่า “อื้อ เทียบกับสามวันก่อน ดูแตกต่างนิดหน่อยจริงๆ”
ในเมื่อเปลี่ยนหัวข้อมาเป็นราชันสายฟ้า หลิงหลานก็ตั้งใจหวนนึกไปถึงเรื่องราวบางอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นตอนต่อสู้กับราชันสายฟ้า ความคิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนพลันแล่นวาบขึ้นมา แววตาของหลิงหลานส่องประกาย เอ่ยถามหลี่หลานเฟิงด้วยความจริงจังว่า “ชีตาห์ เอาอคติของนายออกไปก่อน แล้ววิเคราะห์ตามความเป็นจริง เฉียวถิง หมอนี่เป็นคนแบบไหน?”
หลี่หลานเฟิงได้ยินคำกล่าวก็ขมวดคิ้ว ในใจไม่อยากตอบคำถามข้อนี้มากนัก แต่ในเมื่อกระต่ายของเขาถามแล้ว ต่อให้เขาไม่ชอบใจอีกแค่ไหน ก็ต้องตอบด้วยความจริงจัง
“เมื่อก่อนเฉียวถิงเผด็จการบ้าอำนาจมาก เอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้ง ขาดความสามารถด้านการวางแผนโดยภาพรวมอยู่บ้าง ยึดถือแนวคิดผู้แข็งแกร่งเป็นที่เคารพ ความแข็งแกร่งตัดสินทุกอย่าง นับตั้งแต่ที่เขากลายเป็นหัวหน้ากลุ่มเหลยถิง โครงสร้างอำนาจของเหลยถิงถูกจัดตามความสามารถเป็นหลัก ควรพูดว่า นี่เป็นความยุติธรรมเท่าเทียมกันในความหมายหนึ่ง… แต่สำหรับกลุ่มที่ยอดเยี่ยมแล้ว ไม่ได้ดูแค่ความสามารถเท่านั้น” หลี่หลานเฟิงกล่าวถึงตรงนี้ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยต่อว่า “ดูจากความแข็งแกร่งของเหลยถิงเพียงอย่างเดียว พวกเขาคู่ควรกับการเป็นกลุ่มอำนาจอันดับหนึ่งในโรงเรียน แต่ในด้านการต่อสู้เป็นกลุ่มแล้ว ไม่ว่าเทียนจี กลุ่มอำนาจอันดับสอง หรือว่าอู๋จี๋ กลุ่มอำนาจอันดับสามที่ฉันเคยอยู่ก่อนหน้านี้ กำลังรบของทั้งสองกลุ่มดีกว่าเหลยถิงนิดหน่อย น่าเสียดายที่…”
“น่าเสียดายที่เทียนจีกับอู๋จี๋ขาดราชันสายฟ้า!” หลิงหลานเอ่ยต่อ
“ใช่ พวกเราไม่ได้แพ้ให้กับกลุ่มหุ่นรบเหลยถิง แต่ว่าแพ้ให้กับราชันสายฟ้าเฉียวถิง” หลี่หลานเฟิงพยักหน้าเอ่ยด้วยรอยยิ้มขื่น ความร่วมมือของกลุ่มสำคัญมากจริงๆ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าความแข็งแกร่งอย่างแท้จริงแล้ว ต่อให้กลุ่มแข็งแกร่งอีกแค่ไหนก็ได้แต่ก้มหัวยอมจำนน เฉียวถิงที่อยู่เหนือพวกเขาระดับหนึ่งตลอดกาลเป็นด่านที่กลุ่มอำนาจทั้งหมดไม่สามารถพิชิตได้ “ดังนั้น เขาถึงถูกเรียกว่าราชันสายฟ้า และไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นคนของเหลยถิง”
“ไม่ว่าราชันสายฟ้าอยู่กลุ่มไหน เขาก็จะถูกเรียกกว่าราชา ถ้าไม่ใช่ราชันสายฟ้า ก็เป็นราชันสวรรค์ ราชันแผ่นดิน” หลิงหลานยอมรับความสามารถของเฉียวถิง
“ถูกต้อง ต่อให้เป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมโดดเด่นทำให้คนแหงนหน้ามองแบบนี้ แต่น่าเสียดายที่เขาดันโชคร้าย” หลี่หลานเฟิงยิ้มขึ้นมา มองไปที่หลิงหลานอย่างมุ่งมั่นยากจะปกปิดความภาคภูมิใจ “ดันมาเจอนายเข้าซะได้ บางทีเขาอาจเป็นอัจฉริยะแห่งยุคที่ร้อยปียากจะเจอ แต่ฉันเชื่อว่า นายคือปีศาจอัจฉริยะแห่งยุคที่หมื่นปีจะเจอสักครั้ง”
บางทีสายตาของหลี่หลานเฟิงอาจจะร้อนแรงมากเกินไป หลิงหลานเลยรู้สึกอับอายจนเหงื่อตกเล็กน้อย อย่างไรเสีย ความสามารถของเธอเรียกได้ว่าได้มาจากการใช้สูตรโกง ตรงกันข้าม เฉียวถิงถึงจะเป็นตัวจริง โดนเพื่อนดีๆ ที่ไม่รู้ความจริงยกย่องขนาดนี้ เธอหน้าด้านไร้ยางอายเกินไปหรือเปล่า?
ความจริงพวกฉีหลงก็เคารพเลื่อมใสหลิงหลานมากเหมือนกัน แต่เนื่องจากพวกเขาเจอหลิงหลานที่อยู่ในระดับคุณป้าพิลึกตอนอายุยังน้อย หลิงหลานเลยรู้สึกว่าเธอโตกว่าเจ้าเด็กซนกลุ่มนี้มาก ถ้าเกิดจัดการพวกเขาไม่ได้ นั้นก็เรียกว่าน่าขายหน้าแล้ว ด้วยเหตุนี้การเลื่อมใสศรัทธาของพวกฉีหลงทำให้หลิงหลานสบายใจ แต่หลี่หลานเฟิงเป็นคนที่เข้าร่วมกลางทาง และท่าทีดูสุขุมหนักแน่นเป็นผู้ใหญ่มาก ทำให้หลิงหลานเกิดความรู้สึกว่าอายุเท่ากัน ดังนั้น การยกย่องของหลี่หลานเฟิงถึงทำให้หลิงหลานรับไม่ไหวอยู่บ้าง
หลี่หลานเฟิงไม่สังเกตเห็นความกระดากอายของหลิงหลานเลย นี่ต้องขอบคุณใบหน้าน้ำแข็งหมื่นปีไม่เปลี่ยนแปลงของหลิงหลานที่แทบจะมองการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทางสีหน้าไม่ออกเลย เขาเก็บสายตาอันร้อนแรงของตัวเองกลับมา กล่าวต่อว่า “แต่ว่า ถึงราชันสายฟ้าจะมีความสามารถเหนือชั้น ทว่าเขาก็มีข้อเสียอยู่ไม่น้อย นิสัยหยิ่งจองหอง คิดว่าตัวเองดีที่สุดในโลก ร่วมมือกับคนอื่นไม่ได้ บวกกับอาศัยความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้ง ใช้นโยบายที่กดขี่สูง ทำให้เขาสูญเสียการสนับสนุนจากสมาชิกทั่วไปไม่น้อย หลายปีก่อนผ่านไปอย่างราบรื่นก็เลยไม่เคยเกิดความขัดแย้งระหว่างเขากับลูกน้อง… แต่ว่าการพ่ายแพ้ในครั้งนี้ ความขัดแย้งที่เดิมทีซ่อนเร้นเอาไว้เลยระเบิดออกมาทั้งหมด…”
กล่าวถึงตรงนี้ สีหน้าของหลี่หลานเฟิงพลันเคร่งขรึมขึ้นมา “เมื่อตะกี้ฉันมองเฉียวถิง รู้สึกว่าสำหรับเขาแล้ว การพ่ายแพ้ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายทั้งหมดเลย เขาเหมือนกับได้เรียนรู้เรื่องการอดทนข่มกลั้นแล้ว…”
“ความรู้สึกของนายไวดีนะ…” หลิงหลานส่งสัญญาณให้หลี่หลานเฟิงมองออกไปนอกหน้าต่าง หลี่หลานเฟิงเห็นเฉียวถิงโดนลูกน้องยั่วยุ ทว่าเขาไม่ได้บันดาลโทสะ หรือว่าสะบัดแขนเสื้อจากไป หากแต่ฟังด้วยสีหน้าเยือกเย็น ถ้าหากไม่ใช่เพราะคิ้วของเขาขมวดแน่นละก็ แทบจะนึกว่าพวกเขาไม่ได้เกิดการขัดแย้งอะไรขึ้นเลย ดูท่าเฉียวถิงเรียนรู้เรื่องการอดทนแล้วจริงๆ
หลี่หลานเฟิงเห็นแบบนั้น คิ้วก็ขมวดเป็นปม “อย่างที่คิดไว้เลย เฉียวถิงเติบโตขึ้นอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะเติบโตไปถึงขั้นไหน มีศัตรูแบบนี้ เกรงว่าจะยุ่งยากนิดหน่อยแล้ว”
หลิงหลานได้ยินคำกล่าว มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย และเอ่ยว่า “แบบนี้น่าสนุกมากเลยไม่ใช่เหรอ? แรงกดดันที่เหมาะสมสามารถทำให้เราก้าวหน้าได้ เฉียวถิงคือคู่ต่อสู้ที่ดีคนหนึ่ง” บางทีความแข็งแกร่งของราชันสายฟ้าอาจจะทำให้พวกฉีหลงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงชีตาห์ตรงหน้าเธอ…หลี่หลานเฟิง
“แต่ว่าก่อนที่เฉียวถิงจะกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่ยุ่งยากของเรา บางทีอาจจะมีโอกาสได้ร่วมมือกันนะ” หลิงหลานกล่าวประโยคนี้จบก็เดินออกมาจากด้านหน้าหน้าต่างหนึ่งก้าว และกลับไปนั่งเบื้องหน้าโต๊ะทำงานของตัวเอง
ร่วมมือ? หลี่หลานเฟิงคำนวณในใจอย่างเร็วไว จับสังเกตความหมายลึกซึ้งในคำพูดของหลิงหลานได้ “นายว่า เฉียวถิงจะออกจากเหลยถิง แล้วอาจจะเข้าร่วมหลิงเทียนเหรอ?”
อารมณ์ของหลี่หลานเฟิงพลันเปลี่ยนเป็นย่ำแย่มาก สัมผัสถึงวิกฤติที่รุนแรงสายหนึ่งจู่โจมเข้าที่หัวใจ หรือว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้ว? ฉีหลงคนเดียวก็ทำให้เขากดดันมหาศาลแล้ว หากมีเฉียวถิงที่ยังแข็งแกร่งกว่าฉีหลงมาอีกคน เมื่อไหร่เขาถึงจะมีคุณสมบัติยืนอยู่ข้างกายกระต่ายของเขา กลายเป็นเพื่อนร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่หลิงหลานที่คอยพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันได้อย่างแท้จริงล่ะ?
หลิงหลานปรายตามองเข้ามาอย่างเย็นชา ทำให้หลี่หลานเฟิงตัวสั่นระริก บดขยี้ความคิดมั่วซั่วของเขาทันที “จะเป็นไปได้ยังไง ฉันแค่พูดว่ามีโอกาสร่วมมือกัน นายลืมไปแล้วหรือไง? อีกสามเดือนศึกประลองหุ่นรบครั้งใหญ่ระหว่างโรงเรียนทหารทั้งสหพันธรัฐก็จะเปิดฉากแล้ว ฉันไม่อยากเป็นที่สองต่อในรุ่นนี้หรอกนะ”
การประลองหุ่นรบทั้งสหพันธรัฐจะจัดตั้งขึ้นทุกๆ สามปี เนื่องจากกฎข้อบังคับและธรรมเนียมของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง กลุ่มที่เข้าร่วมการแข่งขันทุกครั้งล้วนเป็นสมาชิกจากกลุ่มอำนาจอันดับหนึ่งในปีนั้น นี่ก็เลยทำให้เกิดผลที่ว่า ถึงแม้โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งจะรวบรวมอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดจากทั่วทั้งสหพันธรัฐ ทว่าในการประลองหุ่นรบ เมื่อเทียบกับโรงเรียนทหารอื่นที่รวบรวมนักเรียนโดดเด่นที่สุดจากทั้งโรงเรียนมาออกรบแล้ว ความสามารถของแต่ละฝ่ายจึงเปลี่ยนเป็นพอฟัดพอเหวี่ยงกันเพราะสาเหตุนี้เอง จากข้อมูลที่หลิงหลานรู้มา โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งอยู่อันดับสองติดต่อกันมาเจ็ดปีแล้วในการประลองหุ่นรบ
“นายหมายความว่า…จะทำลายแนวทางดั้งเดิม และเลือกนักเรียนที่แข็งแกร่งที่สุดจากทุกภาควิชาของโรงเรียนเราไปประลอง?” คำพูดของหลิงหลานทำให้แววตาของหลี่หลานเฟิงสว่างไสวฉับพลัน ถ้าหากหลิงหลานดำเนินการสำเร็จจริงๆ ละก็ นี่ย่อมเป็นผลงานใหญ่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง
“ใช่แล้ว ในเมื่อเป็นตัวแทนของทั้งโรงเรียน ทำไมได้แต่ให้สมาชิกจากกลุ่มอำนาจเดียวออกไปประลองได้เท่านั้นล่ะ? นี่ไม่ยุติธรรมต่อพวกนักเรียนที่โดดเด่นจากกลุ่มอำนาจอื่นเลย พวกเขามีคุณสมบัติเฉิดฉายในศึกประลองหุ่นรบครั้งใหญ่นะ”
“เดิมทีพวกระดับสูงของโรงเรียนก็อยากให้เฉียวถิงคว้าอันดับหนึ่งในการแข่งขันประลองอยู่แล้ว ถ้าเกิดพวกเขารู้แผนการของนาย จะต้องเห็นด้วยมากๆ แน่” หลี่หลานเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฉันทำเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เพื่อพวกเขา แต่ว่าอยากให้คนทั้งสหพันธรัฐรู้ว่า นักเรียนทหารที่แข็งแกร่งที่สุดคือ นักเรียนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง” แววตาของหลิงหลานเผยร่องรอยความปรารถนาอันแรงกล้า ให้เธอเป็นคนทำลายกฎเกณฑ์ที่เธอไม่ชอบพวกนั้นเองเถอะ!
————————