I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 432 เด็กสาวสองคน!
ดาวฉี่หมิงเป็นดาวระดับสามดวงหนึ่งที่มีทรัพยากรขาดแคลนมาก เดิมทีดาวฉี่หมิงไม่ได้ถูกเรียกว่าดาวฉี่หมิง หากแต่ถูกเรียกว่าดาวกุ่ย (ดาวประหลาด) เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศบนดาวทำให้ผู้คนไม่อาจวิเคราะห์ได้ อากาศเปลี่ยนแปลงอย่างแปลกประหลาดสุดขีด ถึงขนาดทำให้คุณได้เผชิญการหมุนเวียนของสี่ฤดูในหนึ่งวัน
ทว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่แปลกประหลาดเช่นนี้กลับทำให้สภาพร่างกายของคนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ที่นี่แข็งแกร่งทนทาน หลังจากที่นักวิทยาศาสตร์ศึกษาวิจัยก็พบว่าสภาพอากาศที่พิสดารของดาวฉี่หมิงมีสนามแม่เหล็กประหลาดอย่างหนึ่งแฝงอยู่ สนามแม่เหล็กชนิดนี้จะเพิ่มความแข็งแกร่งทางด้านสภาพร่างกายของคนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่โดยผ่านการซึมซับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมเข้าไปโดยไม่รู้ตัว
การค้นพบนี้ทำให้ยอดฝีมือด้านการต่อสู้มือเปล่ามากมายของสหพันธรัฐสงสัยใคร่รู่มาก พากันเข้ามารับประสบการณ์ด้วยตัวเอง หลังจากที่ใช้ชีวิตไปสักระยะหนึ่ง พวกเขาก็พบว่ามีประสิทธิภาพอยู่บ้างจริงๆ โดยเฉพาะคนที่เจอจุดคอขวด สามารถสัมผัสได้ถึงโอกาสทะลวงขีดจำกัดภายใต้ผลกระทบของสนามแม่เหล็ก เมื่อการอนุมานนี้ได้รับการพิสูจน์ยืนยัน ยอดฝีมือด้านการต่อสู้มือเปล่าที่เจอจุดคอขวดไม่น้อยต่างเจาะจงพักอาศัยอยู่ระยะหนึ่ง ค้นหาโอกาสในการทะลวงขีดจำกัด หลายสิบปีต่อมา มียอดฝีมือด้านการต่อสู้มือเปล่าไม่น้อยทะลวงขีดจำกัดของพวกเขาได้แล้วจริงๆ นี่ทำให้ยอดฝีมือด้านการต่อสู้มือเปล่าเหล่านี้พากันเอ่ยปากอย่างมีความสุขบอกว่าที่นี่คือ ดินแดนแห่งการรู้แจ้ง[1]ของพวกเขา… นานวันเข้า ดาวดวงนี้ก็ถูกเรียกว่า ดาวฉี่หมิง
ทว่าเนื่องจากดาวฉี่หมิงมีสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงหลากหลาย ทรัพยากรขาดแคลน นอกจากยอดฝีมือด้านการต่อสู้มือเปล่าที่ตามหาโอกาสทะลวงขีดจำกัดแล้ว มันก็ไม่ได้ดึงดูดผู้อื่นอีก ด้วยเหตุนี้เอง ดาวฉี่หมิงจึงสงบเงียบมากมาโดยตลอด ทว่าความสงบเงียบนี้จะถูกทำลายทุกๆ สามปี เนื่องจากศึกประลองหุ่นรบครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างโรงเรียนทหารทั้งสหพันธรัฐถูกจัดขึ้นบนดาวฉี่หมิง และปีนี้ก็เป็นศึกประลองหุ่นรบครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างโรงเรียนทหารทั้งสหพันธรัฐรอบที่สองร้อยเจ็ดสิบเก้าซึ่งจัดตั้งขึ้นบนดาวฉี่หมิง
หนึ่งเดือนกว่าๆ ก่อนหน้านี้ ทุกคนในสหพันธรัฐแทบจะยุ่งเรื่องเดียวกันหมด นั่นก็คือแย่งชิงตั๋วชมศึกประลองหุ่นรบครั้งใหญ่ ความต้องการมากทว่าของน้อย ถ้าเกิดลงมือช้าก็ได้แต่อยู่ในบ้านดูถ่ายทอดสดแล้ว แต่ขอเพียงเป็นคนที่มีปัจจัยก็ไม่มีใครอยากทิ้งโอกาสได้เห็นอนาคตของสหพันธรัฐกับตาตัวเองเช่นนี้ นี่จึงทำให้ตั๋วเข้าชมที่มีอยู่อย่างจำกัดไม่กี่ใบในตลาดมืดราคาพุ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ถึงขนาดที่ทะลุราคาสูงสุดในประวัติศาสตร์ สิ่งที่ทำให้ทุกคนเสาะหาขนาดนี้เป็นเพราะ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีนักเรียนทหารที่ถูกขนานนามว่าหลิงเซียวคนที่สองปรากฏตัวขึ้นในรอบนี้… ทุกคนต่างอยากเห็นฉากการเติบโตของผู้ควบคุมขั้นเทวะในอนาคตด้วยตาตัวเอง
ใกล้ถึงเวลาเปิดการประลองเข้าไปทุกที และดาวฉี่หมิงก็ยิ่งมีชีวิตชีวามากขึ้นเรื่อยๆ เวลานี้รอบๆ บริเวณสนามแข่งขันเปลี่ยนเป็นตลาดคึกคักแล้ว สินค้าท้องถิ่นของดาวต่างๆ ที่ควรมีต่างมีอยู่ที่นี่ทั้งหมด พวกพ่อค้าเฉลียวฉลาดมาก คิดจะใช้ประโยชน์จากศึกประลองหุ่นรบนี้หากำไรก้อนใหญ่
ยังเหลือเวลาหนึ่งวันก่อนเริ่มการประลอง โดยพื้นฐานแล้ว เวลานี้นักเรียนที่เข้าร่วมการแข่งขันจากโรงเรียนทหารทั้งหมดต่างมาถึงดาวฉี่หมิงกันหมดแล้ว เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนของวันนี้ ท่าอวกาศของดาวฉี่หมิงจะปิดอย่างเป็นทางการ ช่วงเวลาครึ่งเดือนนับจากนี้ไป ท่าอวกาศจะไม่เปิดให้ยานบินใดๆ นอกเสียจากเป็นปฏิบัติการทางทหารจากคำสั่งสูงสุด สาเหตุที่ทำแบบนี้ก็เพื่อปกป้องเหล่านักเรียนที่เข้าร่วมการแข่งขัน อย่างไรเสีย การแข่งขันนี้ได้รวบรวมนักเรียนทหารที่โดดเด่นที่สุดจากทั้งสหพันธรัฐ ซึ่งทางสหพันธรัฐไม่อาจสูญเสียพวกเขาได้
……
ในเขตที่พักแบบปิดของนักเรียนที่เข้าร่วมการประลอง เด็กสาวสองคนมาถึงห้องโถงลงทะเบียน คนหนึ่งดูสวยบอบบางน่าทะนุถนอม ส่วนอีกคนดูงดงามแข็งแกร่งองอาจ หนึ่งแข็งแกร่ง หนึ่งเปราะบาง บุคลิกดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ทั้ง สองกลับเข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาด
เด็กสาวสองคนที่มีบุคลิกแตกต่างกันทว่าทำให้พวกเธอยิ่งสะดุดตามากกว่าเดิมนี้พลันดึงดูดความสนใจของนักเรียนที่เข้าร่วมการประลองจากโรงเรียนทหารบางแห่งที่เวลานี้กำลังทำการลงทะเบียนในห้องโถง…
“ว้าว ไม่นึกเลยว่าจะได้เห็นของชั้นเลิศแบบนี้ในศึกประลองหุ่นรบด้วย” ชายหนุ่มที่ดูเจ้าชู้คนหนึ่งเห็นเด็กสาวงดงามสองคนนั้น ดวงตาก็สว่างไสวขึ้นมาฉับพลัน ไม่อาจปกปิดความหิวกระหายของเขาได้เลยแม้แต่น้อย “ยังสวยกว่าดาวโรงเรียนสถาบันศิลปะที่อยู่ข้างๆ อยู่หน่อยๆ นะเนี่ย”
“ดูจากเครื่องแบบแล้ว น่าจะเป็นนักเรียนของโรงเรียนทหารสหศึกษาสหพันธรัฐ” เพื่อนที่อยู่ข้างๆ คนผู้นั้นรู้จักเครื่องแบบของโรงเรียนทหารต่างๆ เป็นอย่างดี คาดเดาได้ทันทีว่าเด็กสาวทั้งสองคนมาจากโรงเรียนไหน
“โรงเรียนทหารสหศึกษา?” ชายหนุ่มที่ดูเจ้าชู้ลูบคาง เอ่ยอย่างใคร่ครวญว่า “นอกจากโรงเรียนทหารชายหลักสามแห่งของเราแล้ว ก็มีโรงเรียนทหารสหศึกษาที่มีค่าพอให้มองอยู่บ้าง…อาลี่ นายไปตรวจดูหน่อยสิว่า หัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญอันดับหนึ่งของโรงเรียนทหารสหศึกษาในครั้งนี้คือใคร ทางที่ดีเอาข้อมูลของเขาแบบละเอียดเลยนะ… บางทีพวกเราอาจจะมีโอกาสได้ลิ้มลองรสชาติสาวๆ จากโรงเรียนทหารสหศึกษาก็ได้” กล่าวจบ ชายหนุ่มที่ดูเจ้าชู้ก็ยิ้มร้ายขึ้นมา เขาใช้วิธีการแบบนี้ได้มาหลายครั้งแล้ว
……
เด็กสาวสองคนเห็นนักเรียนจากบางโรงเรียนกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ตรงจุดลงทะเบียน เด็กสาวที่งดงามบอบบางดึงมือเด็กสาวที่ดูองอาจข้างกายด้วยความขัดเขิน สื่อความหมายว่าให้รอก่อน
เด็กสาวที่ดูองอาจเห็นแบบนั้นก็อดกลอกตาไม่ได้ ทว่าหยุดฝีเท้าอย่างเชื่อฟัง รอคอยคนเหล่านั้นออกไปจากห้องโถง เด็กสาวที่ดูองอาจถึงค่อยจูงมือน้อยๆ ของเด็กสาวที่ดูงดงามบอบบางมาที่จุดลงทะเบียน เอ่ยถามเจ้าหน้าที่ตรงหน้าว่า “พี่ชาย รบกวนคุณสักเรื่องได้ไหมคะ?”
เด็กสาวทั้งสองดูสะดุดตามากเหลือเกินจริงๆ เจ้าหน้าที่เองก็สนใจเช่นกัน เมื่อเห็นเด็กสาวที่ดูองอาจพูดกับเขา ก็เอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นยินดีทันทีว่า “เรื่องอะไรครับ ขอเพียงเป็นเรื่องที่ผมช่วยได้ก็รีบพูดมาเถอะ”
เด็กสาวที่ดูองอาจสะกิดเด็กสาวที่ดูสวยบอบบาง สื่อว่าให้เธอเป็นคนพูด ใบหน้าของเด็กสาวที่ดูสวยบอบบางพลันแดงฉาน เธอก้มหน้างุด ท่าทีเขินอายบ่งบอกว่าไม่มีความคิดที่จะพูดอย่างแน่นอน เด็กสาวที่ดูองอาจเห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจด้วยความเอือมระอา เธอพยายามฝึกฝนเพื่อนสนิทให้พูดคุยกับคนภายนอก แต่น่าเสียดายที่ผ่านไปปีกว่าก็ยังไม่มีประสิทธิภาพเลยสักนิดเดียว เธอที่จนปัญญาได้แต่เอ่ยปากพูดว่า “พี่ชาย ฉันอยากรู้ว่า โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งมาถึงแล้วหรือยังคะ”
เจ้าหน้าที่ได้ยินคำกล่าวก็ส่ายหน้าทันทีพลางพูดว่า “ยังเลย”
“ยัง? พี่ชาย คุณจำผิดหรือเปล่า ไม่งั้นเช็คข้อมูลอีกทีแล้วค่อยตอบได้ไหมคะ?” เด็กสาวที่ดูองอาจได้ยินคำกล่าวก็ผิดหวังอย่างหาใดเปรียบ เธอเอ่ยถามต่ออย่างไม่ตัดใจ ท่าทีไม่เกรงใจทำให้เด็กสาวที่ดูสวยบอบบางซึ่งเดิมทีหน้าแดงอยู่แล้วก็ยิ่งแดงมากขึ้น เธอดึงเพื่อนสนิทที่ดูองอาจอย่างสุดกำลัง บ่งบอกว่าให้เพื่อนสนิทใจเย็น และไม่ลืมยิ้มขอโทษให้กับเจ้าหน้าที่ด้วย
เดิมทีการซักถามของเด็กสาวที่ดูองอาจทำให้เจ้าหน้าที่โมโหเล็กน้อย แต่พอเห็นรอยยิ้มของเด็กสาวที่สวยบอบบาง หัวใจก็อ่อนยวบ เขาอดเอ่ยปากอธิบายไม่ได้ว่า “ฉันคอยจับตาดูโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งมาตลอด เพราะเล่ากันว่านักเรียนทหารที่เป็นหลิงเซียวคนที่สองนั้นก็คือคนที่มาจากโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ดังนั้นฉันไม่มีทางจำผิดเด็ดขาด แต่พวกเธอไม่ต้องเป็นห่วง ยังเหลือเวลาจนกว่าท่าอวกาศปิดอีกแปดชั่วโมง นักเรียนที่เข้าร่วมการประลองของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งน่าจะอยู่ระหว่างทางแหละ พวกเขาน่าจะมาได้ทันเวลา”
“ขอบคุณค่ะ!” เด็กสาวที่ดูองอาจเผยรอยยิ้มซาบซึ้งใจ ก่อนจะเอ่ยขอโทษเสียงอ่อน ทำให้เจ้าหน้าที่อารมณ์ดีขึ้น เขาครุ่นคิดสักพักก็เอ่ยแนะนำว่า “ไม่งั้น พวกเธอจะทิ้งข้อความไหม ไว้พอฉันเจอนักเรียนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งแล้ว จะได้ส่งข้อความของพวกเธอให้?”
เด็กสาวที่ดูองอาจได้ยินคำกล่าวก็รีบพยักหน้าร้องว่า ‘ได้’ ทันที เธอกล่าวว่า “คุณบอกพวกเขาว่า ลั่วเฉากับหานซู่หย่ามาแล้ว ให้พวกเขารีบมาหาพวกเราเร็วๆ หน่อย” ถ้าหากไม่ใช่เพราะเมื่อเข้าสู่ดาวฉี่หมิงแล้ว อุปกรณ์สื่อสารของพวกเขาถูกล็อกไว้ ไม่อาจติดต่อกับภายนอกได้ละก็ พวกเธอคงไม่ใช้วิธีการโง่เง่าแบบนี้มาหาพวกลูกพี่หลานหรอก
เจ้าหน้าที่กล่าวเอ่ยแย้มยิ้มว่า “เข้าใจแล้ว พวกเธอทิ้งโน้ตไว้ไม่ดีกว่าเหรอ”
หานซู่หย่ากับลั่วเฉายิ้มแย้มสบตากันเอง ท้ายที่สุดลั่วเฉาก็หยิบกระดาษกับปากกาขึ้นมาอย่างเขินอาย ทิ้งคำพูดไว้แล้วค่อยบอกลาเจ้าหน้าที่ รอคอยการมาถึงของพวกลูกพี่หลานอย่างอดทน
————————–
[1] ฉี่หมิง หมายถึง รู้แจ้ง