I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 441 แผนการของแต่ละคน!
ในที่สุดศึกประลองหุ่นรบระหว่างโรงเรียนทหารทั้งสหพันธรัฐก็เปิดม่านแล้ว อันดับแรกก็คือพิธีเปิดอย่างยิ่งใหญ่ในสนามกีฬาหลักซึ่งเริ่มตอนเก้าโมง พิธีเปิดนี้จะถ่ายทอดสดในเครือข่ายสมาพันธ์ดวงดาวทั้งหมด ไม่ว่ากองทัพหรือว่าดาวฉี่หมิงที่เป็นผู้จัดต่างให้ความสำคัญมาก
หลิงหลานตื่นตั้งแต่เช้า พอล้างหน้าแปรงฟันแล้ว เธอก็โคจรเคล็ดวิชาลมปราณบำรุงร่างกายเพื่ออุ่นบำรุงร่างกาย สองเดือนกว่าที่ผ่านมานี้ หลังจากที่เธอฝึกฝนหุ่นรบไพ่ราชาของจริงแล้วก็จะเกิดการบอบช้ำภายในทุกครั้ง ทว่าขอเพียงโคจรเคล็ดวิชาเคล็ดวิชาลมปราณบำรุงร่างกายก็สามารถเพิ่มความเร็วในการหายดีได้ ดังนั้นขอเพียงหลิงหลานตื่นและไม่มีเรื่องอะไรให้ทำ เธอก็จะโคจรเคล็ดวิชาลมปราณบำรุงร่างกายเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
ทว่าผ่านไปหนึ่งเดือน หลิงหลานค่อยพบความลับที่แท้จริงของเคล็ดวิชาลมปราณบำรุงร่างกาย นั่นก็คือในขั้นตอนให้ความอบอุ่นบำรุงร่างกายนั้น คุณสมบัติร่างกายของเธอค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น ถึงแม้ประสิทธิภาพน้อยนิดมาก ถ้าหากไม่ใช่เพราะหลิงหลานสังเกตเห็นว่าอาการบอบช้ำภายในทุกครั้งหลังจากที่ฝึกฝนหุ่นรบจริงเบาลงไปเรื่อยๆ บางทีเธออาจจะมองข้ามเรื่องนี้ไป ไม่อาจค้นพบความลับของเคล็ดวิชาลมปราณบำรุงร่างกายที่ซ่อนลึกนี้
นี่จึงทำให้หลิงหลานให้ความสำคัญกับเคล็ดวิชาลมปราณบำรุงร่างกายมากยิ่งขึ้น ไม่ได้โคจรเคล็ดวิชาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป ตราบใดที่มีเวลาว่าง เธอก็จะนั่งทำสักรอบหนึ่ง ความอดทนยืนหยัดจนถึงที่สุดของหลิงหลานทำให้ผลลัพธ์ยอดเยี่ยมมาก หลิงหลานรู้สึกว่าร่างกายของเธอทนทานมากขึ้นเรื่อยๆ ต้านทานแรงกดดันที่สะท้อนกลับมาจากการควบคุมหุ่นรบได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน แน่นอนว่าเธอไม่ลืมบอกการค้นพบนี้ให้หลี่หลานเฟิง ถึงอย่างไร หลี่หลานเฟิงต้องการการอุ่นบำรุงร่างกายจากเคล็ดวิชาลมปราณบำรุงร่างกายมากกว่าเธอ ขอเพียงหลี่หลานเฟิงยืนหยัดทำต่อไป พื้นฐานร่างกายที่เปราะบางจนเกือบจะพังทลายก็จะไม่เป็นปัญหาให้เขาต้องมากังวลอีกต่อไป
หลังจากที่โคจรหลายรอบแล้ว หลิงหลานเห็นว่าใกล้จะถึงเวลารวมตัวที่ทางผู้จัดแจ้งไว้ เธอก็ออกจากห้องของตัวเอง ค่อยๆ เดินมาที่จุดรวมตัว
จุดรวมตัวอยู่ที่จัตุรัสใหญ่ใจกลางเขตที่พัก หลิงหลานเพิ่งมาถึงริมจัตุรัสใหญ่ ก็เห็นว่ามีคนมากมายรวมตัวกันบนจัตุรัสใหญ่ หลิงหลานสำรวจดูไปเรื่อย แล้วพบว่านักเรียนทหารของทุกโรงเรียนต่างมาถึงกันหมดแล้ว นี่ทำให้เธอหาเขตรวมตัวของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งไม่เจอไปชั่วขณะ
แต่นี่ไม่ได้สร้างความลำบากให้หลิงหลานเลย เนื่องจากฉีหลงที่มาถึงสถานที่นานแล้ว เมื่อหลิงหลานมาถึง พรสวรรค์สัญชาตญาณสัตว์ป่าทำให้เขารู้สึกได้ถึงตำแหน่งของลูกพี่ เขารีบหันหน้า ชูมือขวาสูงๆ ร้องเรียกลูกพี่อย่างทรงพลัง ส่งสัญญาณว่าพวกเขาอยู่ทางนั้น
การทักทายเสียงดังลั่นของฉีหลงย่อมทำให้โรงเรียนหลายแห่งรอบๆ เขาตกใจ แต่หลังจากที่พวกเขามองหลิงหลานแวบหนึ่งก็ไม่กล้ามองอีก
หลิงหลานเดินตรงเข้าไปโดยไม่ลังเล คนมากมายรวมกลุ่มกันที่ข้างกายฉีหลงแล้ว พวกเขาต่างเป็นนักเรียนที่เข้าร่วมการแข่งขันจากโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง หลิงหลานกวาดมองรอบหนึ่ง ก่อนจะพบว่าไม่เพียงพวกเฉียวถิงที่มาแล้ว กระทั้งพวกเทียนจี โดฮาก็มากันหมดแล้วไม่มีขาดใครไปสักคน ตรงกันข้าม เนื่องจากเธอมาถึงในเวลากระชั้นชิดจึงกลายเป็นคนสุดท้ายที่มาถึง
ทว่าไม่มีใครบ่นว่าเลย ถึงขนาดมีคนไม่น้อยคิดว่า เดิมทีหลิงหลานควรเป็นคนสุดท้ายที่มาถึง เฉียวถิงชายตามองหลิงหลานด้วยแววตาซับซ้อน ลอบทอดถอนใจ ไม่นึกเลยว่าหลิงหลาน หัวหน้ากลุ่มหลิงเทียนจะมีฐานะในใจนักเรียนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งแล้วโดยที่เขาไม่รู้ตัว ง่ายดีอย่างไม่ต้องสงสัย เขาทุ่มเทอย่างยากลำบากมาสี่ปีถึงจะได้รับมา แต่อีกฝ่ายกลับได้มาง่ายๆ…เฉียวถิงเกิดความรู้สึกขมขื่นใจที่ฟ้าให้จิวยี่มาเกิดแล้ว ไฉนขงเบ้งต้องมาเกิดด้วย หลิงหลานคนนี้อาจจะเป็นคู่แข่งตลอดชีวิตของเขา
เมื่อหลิงหลานมาถึง อู่จย่งที่คอยประสานงานก็รีบรายงานให้หลิงหลานฟังว่า “ลูกพี่หลาน เมื่อตะกี้เจ้าหน้าที่แจ้งแล้วว่า โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งของพวกเราถูกจัดให้อยู่ในรถหมายเลข 397 ตอนนี้แค่รอให้นักเรียนทหารคนอื่นๆ ไปก่อน”
“397?” หลิงหลานประหลาดใจ “งั้นเราก็ปรากฏตัวในตอนท้ายสุดเลยนี่?” อย่าโทษที่หลิงหลานประหลาดใจ ถึงแม้โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งถูกจัดให้อยู่อันดับหนึ่งของสหพันธรัฐ แต่ในศึกประลองหุ่นรบกลับได้ที่สองติดต่อกันเจ็ดรอบแล้ว หลิงหลานเลยคิดว่าผลคะแนนแบบนี้น่าจะยังไม่ถึงตาพวกเขาปรากฏตัวเป็นกลุ่มสุดท้าย
“ใช่แล้ว ตอนที่ได้รับข้อความแจ้งเตือนเมื่อตะกี้ ฉันก็ไม่กล้าเชื่อเหมือนกัน ต่อมา ฉันคิดๆ ดูแล้ว…” อู่จย่งชายตามองไปยังเฉียวถิงที่อยู่ไม่ไกลแวบหนึ่ง เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “บางทีอาจเป็นเพราะเขา”
สมองของหลิงหลานแล่นวาบ รู้สึกว่าการคาดการณ์ของอู่จย่งถูกต้อง สาเหตุที่ครั้งนี้โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งสามารถปรากฏตัวเป็นกลุ่มสุดท้ายน่าเป็นเพราะเฉียวถิง เนื่องจากเขาเป็นคนที่สองที่เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมไพ่ราชาได้สำเร็จขณะอยู่ปีสี่ในโรงเรียนทหารถัดจากหลิงเซียว ไม่ว่าทางกองทัพหรือว่าทางดาวฉี่หมิงต่างคาดหวังต่อเฉียวถิงไว้สูง และก็ไม่กล้าฉีกหน้าเฉียวถิงในเวลานี้
ฉีหลงไม่สนใจปัญหาเรื่องปรากฏตัวท้ายสุดหรือไม่ เขาเอ่ยถามหลิงหลานเสียงเบาโดยที่แฝงร่องรอยความไม่ยินยอมเอาไว้ “ลูกพี่ จะให้เฉียวถิงเป็นหัวหน้านำทีมตอนพิธีเปิดจริงๆ เหรอ?” หัวหน้าทีมคือคนที่เดินนำหน้าชูธงโรงเรียนตอนพิธีเปิด นักเรียนทหารทุกคนต่างมองว่าเป็นตำแหน่งอันทรงเกียรติ นี่ก็คือสาเหตุที่ฉีหลงไม่เต็มใจ คนที่นำทีมในความเป็นจริงคือลูกพี่ของเขาชัดๆ ทำไมคนที่ได้ออกหน้ารับความสนใจจากผู้คนถึงเป็นเฉียวถิงล่ะ
“แบบนี้ดีมากเลยไม่ใช่หรือไง เขาคือกำลังรบอันดับหนึ่งของศึกประลองหุ่นรบในครั้งนี้ เขาแบกธงโรงเรียนก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว” หลิงหลานตอบอย่างไม่ใส่ใจ เทียบกับการออกหน้าออกตาแล้ว เธอหวังว่าให้ตัวเองไม่เป็นที่รู้จักมากกว่า เพศของเธอถูกกำหนดให้ไม่อาจเดินอยู่ท่ามกลางสายตาผู้คน
ฉีหลงยังคงรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง เนื่องจากในใจเขา ลูกพี่คือคนที่แข็งแกร่งที่สุด ถึงแม้เฉียวถิงเป็นผู้ควบคุมไพ่ราชา แต่ลูกพี่ของเขาก็เป็นผู้ควบคุมไพ่ราชาเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นอัจฉริยะระดับสุดยอดที่เลื่อนขั้นเป็นไพ่ราชาได้ในปีเดียวด้วย ไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างเฉียวถิงสามารถเทียบได้เลย แต่ฉีหลงก็รู้เหมือนกันว่าเรื่องที่ลูกพี่ของเขาตัดสินใจแล้ว ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อีก ก็เลยปิดปากเงียบด้วยความฉุนเฉียว
เมื่อถึงเก้าโมง จัตุรัสใหญ่ก็เริ่มวุ่นวายขึ้นมา รถบัสเหาะมาถึงจัตุรัสคันแล้วคันเล่า พานักเรียนไปทีละกลุ่ม ทุกอย่างดูเป็นระเบียบเป็นขั้นตอนภายใต้การจัดการของเจ้าหน้าที่ นักเรียนบนจัตุรัสใหญ่ลดลงไปเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่านไป พอถึงเวลาสิบโมงกว่า ในที่สุดก็ถึงตาโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งแล้ว และเวลานี้ก็มีเพียงพวกเธอบนจัตุรัสใหญ่เท่านั้น
เฉียวถิงมองหลิงหลานตามจิตใต้สำนึก หลิงหลานพยักหน้าเล็กน้อย เฉียวถิงพลันสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง ตะโกนเสียงดังว่า “พวกเราขึ้นรถ!” กล่าวจบ เขาก็ขึ้นไปบนรถบัสเหาะหมายเลข 397 เป็นคนแรก
โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งขึ้นไปบนรถบัสอย่างเป็นระเบียบตามอันดับหน่วยรบ และหน่วยรบที่ขึ้นรถบัสเป็นกลุ่มสุดท้ายคือทีมของหลิงหลาน เมื่อเซี่ยอี๋ที่เป็นคนสุดท้ายขึ้นไป รถบัสเหาะคันใหญ่หมายเลข 397 ก็แล่นออกจากจัตุรัสใหญ่ บินไปยังสนามกีฬาหลัก
เวลานี้เอง มุมหนึ่งของจัตุรัสใหญ่ มีชายวัยกลางคนกำลังยืนอยู่ตรงนั้นสามคน ซึ่งด้านหลังพวกเขายังตามด้วยคนอีกหลายคน กำลังมองโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเดินทางไป ชายที่อยู่ทางด้านซ้ายเอ่ยถามคนตรงกลางโดยที่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า “เหล่าโจว นายคิดว่าโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งคราวนี้เป็นยังไง?”
ชายตรงกลางแค่นเสียงเหอะเท่านั้น ไม่ได้ตอบกลับ ดวงตาของชายด้านซ้ายส่องประกาย เอ่ยยั่วยุอีกครั้งโดยไม่ยอมแพ้ว่า “ได้ยินว่า หัวหน้านำทีมของพวกนายคราวนี้พ่ายแพ้ในเงื้อมมืออีกฝ่าย แถมคนที่จัดการยังเป็นคนไร้ชื่อเสียงเรียงนามด้วยนี่ ดูท่าคราวนี้พวกนายอยากคว้าที่หนี่งน่าจะเสี่ยงอยู่หน่อยๆ แล้วนะ…”
การยินดีในความโชคร้ายของคนอื่นของอีกฝ่ายทำให้ชายตรงกลางอดทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เขาแค่นยิ้มเอ่ยเยาะหยันว่า “เหล่าอู๋ ได้ยินว่าศึกประลองหุ่นรบรอบนี้มีหัวหน้าทีมมากมายที่เป็นผู้ควบคุมไพ่ราชา พวกนายเตรียมพร้อมให้ดี อย่าร่วงจากอันดับสี่ลงไปต่ำกว่าอันดับสิบให้ขายหน้าโรงเรียนทหารชายของพวกเราล่ะ” เขาหันหน้ามองไปยังชายด้านขวาที่เอาแต่เงียบมาตลอด “ใช่ไหม เหล่าเฉา”
ชายด้านขวามีใบหน้าดูเป็นคนใจดี เขายิ้มตาหยีพลางกล่าวว่า “ได้ยินเหล่าโจวพูดแบบนี้แล้ว ฉันรู้สึกกดดันหนักมากเลยนะ” เขามองไปยังชายทางด้านซ้าย ถอนหายใจเอ่ยว่า “เหล่าอู๋ ดูเหมือนพวกเราต้องคอยสังเกตการณ์ช่วยเหลือกันและกันแล้ว เพื่อไม่ให้ขายหน้าตอนที่เวลามาถึง”
เสียงของเหล่าเฉาเพิ่งจะขาดหาย เหล่าโจวที่อยู่ตรงกลางก็มีสีหน้าดำทะมึน ส่วนเหล่าอู๋ที่อยู่ทางซ้ายก็หัวเราะขึ้นมา เหล่าเฉาช่วยเหลือเขาทั้งในที่ลับและที่แจ้ง เขาย่อมดีใจอยู่แล้ว
เหล่าโจวที่มีสีหน้าทะมึนแค่นหัวเราะขึ้นมา “เหล่าเฉา นายอย่าคำนึงอันนี้จนพลาดอันนั้นแทนล่ะ” น้ำเสียงของเขาแฝงความข่มขู่รางๆ หากไม่มีการร่วมมือจากโรงเรียนพวกเขา อยากคว้าอันดับดีๆ ได้ในครั้งนี้จะง่ายดายขนาดนั้นเชียวเหรอ?
ในการต่อสู้ประจัญบานตอนสุดท้ายของศึกประลองหุ่นรบรอบก่อนๆ พวกเขาสามโรงเรียนร่วมมือกันอย่างลับๆ เพื่อต้านทานโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งที่แข็งแกร่ง ร่วมมือช่วยกันกำจัดโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งให้ตกรอบ และปีนี้ก็ควรเป็นเหมือนเช่นเคย แต่ไม่นึกเลยว่า โรงเรียนสหศึกษาที่หนึ่งซึ่งอยู่อันดับสามและโรงเรียนทหารชายที่สามซึ่งอยู่อันดับสี่จะมีใจออกห่าง ปฏิเสธโรงเรียนของพวกเขาอยู่กลายๆ หรือเป็นเพราะว่าพวกเขาคว้าอันดับติดต่อกันสี่ครั้ง โดยที่ไม่แบ่งให้พวกเขา ดังนั้นพวกเขาเลยไม่พอใจแล้ว?
ที่แท้สามคนนี้มาจากสามในสี่ของโรงเรียนทหารที่แข็งแกร่งที่สุดนอกเหนือจากโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง เหล่าโจวที่อยู่ตรงกลางมาจากโรงเรียนทหารชายที่สองซึ่งคว้าอันดับหนึ่งในศึกประลองหุ่นรบติดต่อกันหลายรอบแล้ว เหล่าอู๋ทางด้านซ้ายมาจากโรงเรียนทหารชายที่สามซึ่งได้อันดับสี่ในรอบก่อน และเหล่าเฉาทางด้านขวามาจากโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งซึ่งได้อันดับสามในรอบก่อน ครั้งนี้พวกเขามาที่จัตุรัสใหญ่ด้วยกันก็เพราะอยากดูเหล่านักเรียนที่เข้าร่วมการประลองจากโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งในปีนี้
เหล่าเฉาคล้ายกับไม่ได้ยินการข่มขู่ของเหล่าโจว เขายังคงแย้มยิ้มไม่เปลี่ยนแปลง ตอบกลับอย่างนุ่มนวลว่า “จะเป็นไปได้ยังไง ไม่ว่าคู่แข่งจะแข็งแกร่งอีกแค่ไหน พวกเราก็ต้องพยายามให้มาก อย่าให้คนมากดหัวเราได้”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของเหล่าโจวค่อยดูดีขึ้นเล็กน้อย คำพูดของเหล่าเฉาดูอ่อนลงชัดเจน นึกอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่สั่งสอนบทเรียนสักหน่อย พวกเขาก็ไม่รู้จักทำตัวดีๆ
ส่วนเหล่าอู๋ได้ยินคำพูดนี้ก็เหลือบมองเหล่าเฉาที่สุภาพอ่อนโยนคนนั้นอย่างใคร่ครวญขึ้นมา
ทั้งสามคนเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็บอกลากันและกัน จากนั้นพวกเขาก็พาผู้ช่วยของตัวเองไปยังที่หมายของแต่ละคน
ทางด้านโรงเรียนทหารชายที่สอง ผู้ช่วยที่เดินตามหลังเหล่าโจวเอ่ยด้วยสีหน้ากังวลว่า “คณบดี โรงเรียนทหารชายที่สามกับโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งคิดอะไรกันแน่ครับ? หรือว่าพวกเขาไม่อยากร่วมมือแล้ว?”
เหล่าโจวตอบกลับด้วยรอยยิ้มหยันว่า “ไม่เป็นไร ให้พวกเขาใจเย็นก่อน การประลองช่วงแรกๆ ต้องอาศัยตัวเอง พวกเขาอยากคว้าผลคะแนนดีๆ มาคงไม่ง่ายขนาดนั้น ไว้รอคะแนนรวมในตอนสุดท้ายออกมา ต่อให้ไม่อยากร่วมมือ พวกเขาก็ต้องร่วมมือ ฉันไม่เชื่อว่า พวกเขาจะทิ้งตำแหน่งในตอนนี้ลง”
ผู้ช่วยถึงค่อยโล่งอก คณบดียังคงร้ายกาจ รู้จักการปล่อยสายเบ็ดยาวเพื่อตกปลาตัวใหญ่
ขณะเดียวกันทางด้านโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่ง พวกเขากำลังสนทนาเช่นเดียวกัน เพียงแต่เวลานี้เหล่าเฉาไม่มีรอยยิ้มแล้ว ผู้ช่วยของเขาก็ขุ่นเคืองมากเหมือนกัน “โรงเรียนทหารชายที่สองกล้าทำเรื่องแบบนี้ออกมา เขายังคิดว่าเราจะร่วมมือกับเขาอีกเหรอ?”
เหล่าเฉาแค่นยิ้มกล่าวว่า “คิดว่าโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งของเราทำจากข้าวเหนียวจริงๆ หรือไง ถึงได้กล้าลงมือกับนักเรียนหญิงของเรา ระยำจริงๆ” คนใจดีที่กำลังเดือดดาลอดสบถคำหยาบไม่ได้เช่นกัน “ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะคนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง อัจฉริยะของแผนกการนำร่องยานอวกาศพวกเราคงโดนทำลายไปแล้ว และพวกเขาดันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเนี่ยนะ รังแกกันเกินไปแล้วจริงๆ คราวนี้ต่อให้ผลคะแนนของพวกเราอยู่ล่างสุดก็ต้องลากโรงเรียนทหารชายที่สองลงจากบัลลังก์ให้ได้ ให้พวกเขารู้บารมีของโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งของเรา!”
————————–