I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 446 เหล่าเพื่อนๆ ตัวน้อยของเธอ...
หลิงหลานลืมตาก็พบว่าภายในห้องประลองมืดสนิท และหลิงเซียว คุณพ่อของเธอก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนานแล้ว
หลิงหลานมองเวลาบนอุปกรณ์สื่อสารแวบหนึ่ง พบว่าเป็นเวลาตีหนึ่งของวันรุ่งขึ้น ไม่นึกเลยว่าครั้งนี้เธอใช้เวลาไปเกือบสิบสองชั่วโมงในการโคจรเคล็ดวิชาลมปราณบำรุงร่างกาย
หลิงหลานรีบใช้พลังจิตตรวจสอบร่างกายตัวเอง ก่อนจะพบว่าถึงแม้ใช้เวลานานมาก แต่ประสิทธิภาพก็ยอดเยี่ยมมาก บาดแผลนับไม่ถ้วนบนร่างที่เดิมทีดูน่ากลัว เวลานี้สมานกันหมดแล้ว ถึงขนาดที่รอยแผลเป็นบางอันเริ่มหลุดลอก ความเร็วในการสมานตัวนี้ยังดีกว่ายารักษาอยู่นิดหน่อย
ในใจหลิงหลานรู้สึกยินดีมาก นี่ประหยัดขั้นตอนที่เธอต้องไปหาหลี่ซื่ออวี๋เพื่อขอยาอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อเธอไปหาหลี่ซื่ออวี๋ก็หมายความว่าสมาชิกทุกคนในทีมจะต้องรู้เรื่อง ซึ่งหลิงหลานไม่อยากเห็นใบหน้ากังวลใจของพวกเขาเลย
ขณะที่กำลังดีใจ หลิงหลานก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดเข้มข้นพุ่งตรงมาที่จมูก ก่อนจะก้มหน้ามองดู ชุดเครื่องแบบนักเรียนดีเด่นสีขาวทั่วทั้งตัวของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงดำเพราะเปื้อนเลือดเต็มไปหมด กลิ่นคาวเลือดแผ่ออกมาจากชุดเครื่องแบบ หลิงหลานขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ ไม่มีกระจิตกระใจอยู่ที่นี่ต่อ เธอรีบเปิดประตูห้องประลองแล้วออกไปจากห้องประลองทันที
เวลานี้หลิงหลานแค่อยากกลับไปยังที่พักของตัวเองแล้วอาบน้ำให้สะอาดดีๆ สักรอบ
หลิงหลานใช้พลังห่อหุ้มกลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นนั้นเอาไว้เพราะกลัวว่าคนอื่นจะสังเกตเห็นความผิดปกติของเธอ ก่อนจะพุ่งกายผ่านคนคุ้มกันและเจ้าหน้าที่ที่เข้าเวรอย่างรวดเร็ว แป๊บเดียวก็มาถึงเขตของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง
อีกเดี๋ยวก็จะถึงห้องของตัวเองแล้ว ฝีเท้าของหลิงหลานชะงักลงฉับพลัน แววตาไหววูบ มุมปากยกขึ้นช้าๆ ก่อนจะสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ข่มกลั้นความตื่นเต้นที่มีอยู่เต็มอกลงไป แล้วค่อยก้าวเดินออกไปอย่างมั่นคง เธอเดินเลี้ยวโค้งก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังนั่งยองๆ บ้าง ยืนบ้าง นั่งบ้างรวมตัวกันอยู่หน้าประตูของเธอ หลิงหลานมองเห็นความกังวลและความเป็นห่วงบนใบหน้าของทุกคนได้ชัดเจน
นี่ก็คือเหล่าเพื่อนๆ ตัวน้อยของเธอ ห่วงใยเธออยู่ตลอดเวลา! ความอบอุ่นที่ปริ่มล้นแผ่ซ่านในใจหลิงหลาน กระบอกตาแดงขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่ ทว่าหลิงหลานที่เข้มแข็งก็กลับคืนเป็นปกติอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ยังคงเป็นลูกพี่หลานที่เย็นชาน่าเกรงขามในสายตาของทุกคน
หลี่หลานเฟิงกับฉีหลงแทบจะหันหน้ามาพร้อมกัน เนื่องจากหลี่หลานเฟิงมีพลังจิตที่เหนือกว่าใครๆ ทำให้เขาสัมผัสถึงความผิดปกติอยู่ห่างๆ ส่วนฉีหลงก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ทางนั้นเพราะสัญชาตญาณสัตว์ป่า
พวกเขาเห็นหลิงหลานที่ยืนอยู่ไกลๆ กำลังมองพวกเขาอยู่ ในใจก็ยินดีมาก แต่แล้วก็สังเกตเห็นว่าเสื้อตัวนอกของหลิงหลานถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยเลือด สีหน้าของพวกเขาจึงเปลี่ยนไปอย่างยิ่งยวดทันที ฉีหลงควบคุมตัวเองไม่อยู่ระเบิดพลังที่แข็งกร้าวออกมา ในใจเดือดดาลอย่างหาใดเปรียบ ใครหน้าไหนที่ทำร้ายลูกพี่ของเขา? เขาอยากฉีกมันเป็นชิ้นๆ ด้วยมือตัวเอง ฉีหลงที่กำลังโกรธเกรี้ยวไม่ได้คิดเลยว่า ขนาดลูกพี่หลานที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานยังได้รับบาดเจ็บ แล้วเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายได้อย่างไร?
ท่าทางผิดปกติของฉีหลงเรียกสติของทุกคน พวกเขามองไปทางฉีหลง แล้วพบว่าฉีหลงกำลังจ้องเขม็งไปยังสถานที่แห่งหนึ่งด้วยใบหน้าดุดันเต็มเปี่ยม ทุกคนสะดุ้งตกใจและหันไปตามสายตาของฉีหลง เมื่อเห็นหลิงหลานยืนอยู่ตรงนั้นด้วยชุดเปื้อนเลือดทั้งตัว สีหน้าของแต่ละคนก็เปลี่ยนไป
ยังไม่ทันอุทานด้วยความประหลาดใจออกมา หลิงหลานก็มาถึงข้างกายฉีหลงในพริบตา มือขวาของเธอกดบ่าของฉีหลงอย่างนุ่มนวล เอ่ยเสียงเบาว่า “วางใจได้ ฉันไม่เป็นไร”
น้ำเสียงราบเรียบของหลิงหลานทำให้หัวใจของฉีหลงผ่อนคลายลง ไอพลังที่เหี้ยมโหดสลายไปทันใด
หลี่หลานเฟิงไม่เชื่อคำพูดประโยคนี้ของหลิงหลานเลย หลิงหลานหลั่งเลือดไปเท่าไหร่กันแน่ถึงได้ย้อมชุดเครื่องแบบสีขาวจนเป็นสีแดง? และจะไม่เป็นไรจริงๆ ได้อย่างไร? เขาฉุดรั้งหลิงหลานที่กำลังจะเดินผ่านตัวเขาไว้ และเอ่ยว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หลิงหลานเหลือบมองมือที่ถูกหลี่หลานเฟิงคว้าเอาไว้แวบหนึ่ง และก็มองเห็นความห่วงใยที่ปกปิดไว้ไม่มิดในสายตาของหลี่หลานเฟิง ในใจรู้สึกอบอุ่น เธอกุมมือกลับ เอ่ยปลอบโยนว่า “แค่เกิดปัญหาเล็กน้อยตอนทะลวงขีดจำกัดเท่านั้น ตอนนี้จัดการได้แล้ว”
คำพูดของหลิงหลานทำให้ทุกคนเบิกตาโต ฉีหลงยิ่งพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ลูกพี่ นายทะลวงขีดจำกัดอีกแล้วเหรอ?” ฉีหลงรู้ว่าลูกพี่ตัวเองเลื่อนขั้นสู่ระดับเขตแดนสำเร็จแล้ว แต่ได้ยินว่าเขตแดนนี้ไม่มั่นคง ลูกพี่พูดแบบนี้ หมายความว่าเขตแดนของเขามั่นคงแล้วใช่หรือเปล่า?
หลิงหลานรู้ว่าฉีหลงถามถึงเรื่องอะไร คิดๆ ดูแล้วก็ถูก ดังนั้นเลยพยักหน้า ข่าวดีนี้ทำให้ทุกคนโห่ร้องขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ หลิงหลานยิ่งเก่งกาจ พวกเขาก็ยิ่งภาคภูมิใจ เพราะว่าหลิงหลานคือลูกพี่ของพวกเขา
เสียงดังเจี๊ยวจ๊าวทางฝั่งนี้ดึงดูดเจ้าหน้าที่ที่เข้าเวรอยู่ด้านนอก เขาเดินเข้ามาตะโกนเสียงดังว่า “ดึกขนาดนี้แล้ว เอะอะอะไรกัน?” เขาเห็นคนมากมายยืนอยู่ด้วยกัน ทันใดนั้นก็เครียดขึ้นมา “พวกเธอจะทำอะไร? ดึกขนาดนี้ ทำไมยังไม่พักผ่อน?”
หานจี้จวินเห็นดังนั้นก็เดินข้ามทุกคนออกมาตอบกลับว่า “พวกเราแค่กำลังศึกษากลยุทธ์เท่านั้นครับ เดี๋ยวจะกลับไปพักผ่อนแล้ว”
นี่จึงทำให้เจ้าหน้าที่วางใจ และเร่งทุกคนให้กลับไปยังห้องของตัวเอง หลิงหลานใช้พลังจิตบอกทุกคนว่า มีธุระอะไรค่อยว่ากันพรุ่งนี้ ทุกคนถึงแยกย้ายกันไป และหลิงหลานก็เปิดประตูห้องเดินเข้าไปทันทีในขณะที่เจ้าหน้าที่ยังไม่ทันเข้ามาใกล้
เธอไม่อยากให้เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นสภาพผิดปกติของเธอ ถึงแม้จะอธิบายได้ แต่มีเรื่องน้อยก็ทุกข์น้อย หลิงหลานไม่อยากเสียเวลาอธิบาย
วันต่อมา ทุกคนมาถึงห้องของหลิงหลาน ฟังหลิงหลานอธิบายเรื่องการทะลวงขีดจำกัดเวอร์ชั่นตัดต่อแล้วถึงค่อยวางใจลงอย่างสิ้นเชิง หลังจากนั้นทุกคนก็มุ่งหน้าไปยังหอประลอง วันนี้การประลองทักษะการต่อสู้มือเปล่ายังดำเนินต่อไป การประลองเฉพาะทางด้านอื่นๆ ก็เปิดม่านแล้วเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การประลองปรับแต่งซ่อมบำรุงหุ่นรบ การประลองปฐมพยาบาลของแพทย์ทหาร การประลองเส้นทางยานบิน...
ทุกการแข่งขันล้วนดึงดูดผู้ชมเข้าไปดูนับไม่ถ้วน และวันนี้หน่วยรบหลิงเทียนก็ต้องแยกย้ายกันไปปฏิบัติการ เนื่องจากการแข่งขันในวันนี้ มีสี่คนจากในหมู่สิบคนของหน่วยรบออกไปแข่งพร้อมกัน
นอกจากฉีหลงที่ประลองทักษะการต่อสู้มือเปล่าของเขาต่อแล้ว ยังมีการประลองปรับแต่งซ่อมบำรุงหุ่นรบที่ฉางซินหยวนออกไปแข่ง การประลองปฐมพยาบาลของแพทย์ทหารที่หลี่ซื่ออวี๋เข้าร่วม และการประลองเส้นทางยานบินของหานจี้จวิน
ถึงแม้การประลองปรับแต่งซ่อมบำรุงหุ่นรบจะเรียกว่า การปรับแต่งซ่อมบำรุงหุ่นรบ แต่ความจริงแล้วหลักๆ ยังคงเป็นการแข่งความสามารถด้านการซ่อมบำรุง ไม่ใช่ความสามารถด้านการปรับแต่ง มันต้องการให้ผู้เข้าประลองหาต้นตอการขัดข้องของหุ่นรบออกมาโดยเร็วที่สุด และวางแผนซ่อมบำรุง หลังจากนั้นก็ซ่อมแซมในระยะเวลาสั้นที่สุด แน่นอนว่าถ้าสามารถทำการปรับแต่ง เพิ่มสมรรถนะของหุ่นรบโดยอยู่บนพื้นฐานของการซ่อมบำรุง เช่นนั้นคะแนนที่ได้รับก็จะเพิ่มสูงขึ้นมาก
มีคนจากโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเข้าร่วมการประลองรอบนี้ทั้งหมดสามคน นอกจากฉางซินหยวนแล้ว สองคนที่เหลือ หนึ่งคือช่างพัฒนาในกลุ่มหุ่นรบเหลยถิง อีกคนคือช่างพัฒนาของเทียนจี แต่ในความคิดของหลิงหลาน ความสามารถของฉางซินหยวนเก่งมากที่สุดในหมู่ทั้งสามคน และก็มีโอกาสที่จะคว้าแชมป์มากที่สุดด้วย ช่างพัฒนาที่สามารถปรับแต่งหุ่นรบไพ่ราชาได้ หลิงหลานนึกความเป็นไปได้ที่ฉางซินหยวนจะพ่ายแพ้ไม่ออกเลย
การประลองปฐมพยาบาลของแพทย์ทหาร คนที่ออกไปแข่งคือหลี่ซื่ออวี๋ เนื่องจากแพทย์ทหารของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งไม่เข้าร่วมกลุ่มอำนาจใดๆ การประลองที่ผ่านมาหลายสมัยจึงไม่มีคนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเข้าประลองมาโดยตลอด เป็นรายการที่ถูกทิ้ง ทว่าครั้งนี้ หลี่ซื่ออวี๋ที่เข้าร่วมทีมหลิงหลานถูกหลิงหลานโยนออกมาเข้าร่วมรายการนี้อย่างไร้ความปรานี
หลังจากที่หลี่ซื่ออวี๋รู้เรื่องนี้ก็โกรธเคืองอย่างรุนแรง ลองคิดดูสิ นักเรียนดีเด่นของภาควิชาวิจัยแพทย์ทหารอย่างเขาเข้าร่วมการประลองปฐมพยาบาลที่แทบจะไม่มีเนื้อหาทักษะอะไร มันน่าขายหน้าเขาเกินไปแล้ว…แต่กลยุทธ์กดดันสูงของหลิงหลานทำให้หลี่ซื่ออวี๋ได้แต่กัดผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กทั้งน้ำตา ยอมรับอย่างโศกเศร้าเสียใจไม่ได้รับความเป็นธรรม
หลี่ซื่ออวี๋ที่ตัดสินใจเข้าแข่งขันย่อมไม่อาจให้อันดับหนึ่งของการแข่งขันนี้ตกไปอยู่ที่คนอื่นได้ ถ้าเกิดเขาพ่ายแพ้ ไม่ใช่ว่ายิ่งน่าขายหน้านักเรียนดีเด่นอย่างเขาเหรอ?
ส่วนการประลองเส้นทางยานบินที่หานจี้จวินเข้าร่วมเป็นหนึ่งในรายการที่ไม่มีความมั่นใจมากที่สุด นอกจากนี้น้องสาวลั่วเฉาของพวกเขาก็เป็นตัวแทนโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งเข้าร่วมรายการนี้ด้วย หานจี้จวินที่เฉลียวฉลาดไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคู่แข่งของลั่วเฉาได้ในรายการนี้ เด็กสาวขี้อายที่ปลุกพรสวรรค์ต้นหนคนนั้นเรียกได้ว่ามีสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยมากในรายการนี้
ส่วนหกคนที่เหลืออยู่ของหน่วยรบ หลิงหลานเตรียมตัวไปสนามประลองให้กำลังใจฉีหลง หลี่หลานเฟิงไม่อยากแยกจากหลิงหลานนิดหน่อย แต่ก็อยากเชียร์น้องชายของตัวเองด้วย เขาสับสนมาก แต่ท้ายที่สุดก็ยังเลือกไปทางฝั่งหลี่ซื่ออวี๋…จ้าวจวิ้นครุ่นคิดสักพักแล้วก็ไปทางฝั่งฉางซินหยวน ช่างพัฒนาที่สามารถปรับแต่งหุ่นรบไพ่ราชาได้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องเพิ่มความประทับใจดีๆ เข้าไว้เหมือนกัน
ขณะเดียวกันเซี่ยอี๋ หลินจงชิงกับลั่วล่างสามคนก็เลือกไปให้กำลังใจหานจี้จวิน แน่นอนว่าลั่วล่างอาจจะไปให้กำลังใจน้องสาวของตัวเองมากกว่า ส่วนเซี่ยอี๋…เป็นไปได้มากว่าอาจจะทำเพื่อน้องสาวของลั่วล่าง หรือไม่ก็เพื่อลั่วล่าง? มีเพียงหลินจงชิงเท่านั้นที่ไปให้กำลังใจหานจี้จวินด้วยใจจริง เขายังจดจำได้ว่า ตอนนั้นเขาสามารถติดตามอยู่ข้างกายลูกพี่ได้ หานจี้จวินเป็นคนที่ลงแรงอย่างมาก เขาซาบซึ้งใจ ดังนั้นเขาจึงมีความสัมพันธ์ดีกับหานจี้จวินมากที่สุดในหน่วยรบ