I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 449 ยอมแพ้เอง!
เฉียวถิงรู้สึกได้ถึงความโกรธเกรี้ยวในใจจ้าวจวิ้น เขารู้ว่านี่เป็นเพราะอะไร เรื่องลั่วล่างโดนแทะโลมตอนเริ่มต้นศึกการประลอง ขอเพียงสนใจย่อมไปถามไถ่ได้ แต่สิ่งที่เฉียวถิงคาดไม่ถึงคือ จ้าวจวิ้นเข้าร่วมหลิงเทียนแค่ไม่กี่เดือนสั้นๆ ก็ใส่ใจเพื่อนร่วมทีมของเขาแล้ว นี่ก็เป็นความสามารถอีกอย่างของหลิงหลานที่ไม่มีใครรู้ใช่หรือเปล่า?
เฉียวถิงปรายตามองจ้าวจวิ้นด้วยแววตาซับซ้อนแวบหนึ่ง ในใจรู้สึกสับสนขึ้นมา พูดไม่ถูกว่าเกิดความรู้สึกชื่นชมหรือว่าอิจฉาคับแค้นใจต่อหลิงหลานขึ้นมา…
เวลานี้เจี่ยงเส่าอวี่เลือกลูกบอลเล็กๆ มาหนึ่งลูกแล้ว เขาถือลูกบอลเล็กๆ ไว้ ไม่ได้จ้องมองอยู่นานก็หมุนกายเดินกลับไปยังตำแหน่งเดิมที่ตัวเองเคยยืน ยังไม่ทันเดินไปถึง กรรมการก็ประกาศคนที่ขึ้นไปเลือกบนเวทีคนที่สอง ซึ่งก็คือจ้าวจวิ้น!
จ้าวจวิ้นสูดลมหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่งแล้วก้าวเท้าขึ้นมา ขณะที่เฉียดผ่านตัวเจี่ยงเส่าอวี่ เขาก็ถลึงตามองเข้าไปด้วยสายตาอำมหิต เจี่ยงเส่าอวี่เห็นสายตาไม่เป็นมิตรของจ้าวจวิ้นก็บันดาลโทสะทันที เขาย่อมไม่ลืมว่า หมอนี่ก็อยู่ในเหตุการณ์ตอนที่เขาตกอยู่ในสภาพอับจน
ไออำมหิตสายหนึ่งพุ่งตรงเข้าที่หัวใจ เจี่ยงเส่าอวี่เกือบจะยับยั้งจิตสังหารที่ทะลักออกมาไม่อยู่…เขากำหมัดแน่น นิ้วมือแทบจะทิ่มเข้าไปในเนื้อ ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้เขาใจเย็นลง
เวลานี้จ้าวจวิ้นเก็บสายตากลับมาแล้ว เขาแค่นเสียงเย็นเดินผ่านเจี่ยงเส่าอวี่ไปตรงๆ ก่อนจะมาถึงด้านหน้าเวทีจากนั้นก็เลือกลูกบอลเล็กๆ ที่ตัวเองต้องการลูกนั้น เจี่ยงเส่าอวี่ค่อยๆ หันหน้าไปมองแผ่นหลังของจ้าวจวิ้น จิตสังหารพาดผ่านขึ้นในแววตาแวบหนึ่ง
เขาหวังว่าลูกบอลเล็กๆ ที่จ้าวจวิ้นเลือกจะมีหมายเลขเดียวกับลูกบอลเล็กๆ ที่เขาเลือก เขาดีใจมากที่สามารถต่อสู้กับอีกฝ่ายได้จากในสี่อันดับแรก ไม่เพียงเพราะความสามารถจ้าวจวิ้นอ่อนแอมากที่สุดจนแน่ใจว่าผ่านเข้ารอบได้ ขณะเดียวกัน เขาเองก็อยากจัดการคนที่น่ารังเกียจนี้ก่อนเหมือนกัน เก็บดอกเบี้ยที่เขาได้รับการสบประมาทในตอนนั้นสักเล็กน้อย
หลังจากที่จ้าวจวิ้นเลือกเสร็จแล้ว คนที่สามที่ขึ้นไปบนเวทีคือหลินเซียว และคนที่ออกไปทีหลังสุดก็ไม่ได้ผิดไปจากที่ทุกคนคาดการณ์ไว้ นั่นก็คือเฉียวถิง พอทั้งสี่คนเลือกกันหมดแล้ว กรรมการก็ให้พวกเขากดสวิตช์ไฟของลูกบอลเล็กๆ พร้อมกัน
ทันทีที่ทั้งสี่คนกดปุ่มลงไป ก็เห็นด้านบนของลูกบอลเล็กๆ แยกออกเป็นรูขนาดใหญ่ฉับพลัน ลำแสงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากด้านในรวมตัวกันเป็นหน้าจอเสมือนจริง บนหน้าจอเสมือนจริงทั้งสี่ด้านไม่ได้ว่างเปล่า หากแต่มีตัวเลขปรากฏอยู่ ผู้ชมในสนามมองแวบเดียวก็รู้ว่าใครจับคู่กับใครในการต่อสู้รอบสี่คนสุดท้าย
สีหน้าของเจี่ยงเส่าอวี่กลับทะมึนเล็กน้อยท่ามกลางเสียงร้องอุทานของทุกคน เขามองจ้าวจวิ้นที่ยืนเรียงแถวกับตัวเองอย่างบึ้งตึงแวบหนึ่ง หงุดหงิดที่อีกฝ่ายโชคดีไม่เลวหนีรอดไปได้
ขณะเดียวกัน เวลานี้จ้าวจวิ้นก็เศร้าเสียใจนิดหน่อยที่คู่ต่อสู้ของตัวเองไม่ใช่เจี่ยงเส่าอวี่ เขามองคู่ต่อสู้ของตัวเองแล้วก็ถอนหายใจเงียบๆ ถ้าเกิดเขาอยากสู้กับเจี่ยงเส่าอวี ก็ได้แต่หวังว่าเจี่ยงเส่าอวี่จะพ่ายแพ้ เนื่องจากคนที่ต่อสู้กับเขาคือศัตรูเก่าที่เขาคุ้นเคยจนไม่อาจคุ้นไปมากกว่านี้—เฉียวถิง! เขารู้ดีว่าตัวเองย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉียวถิงอย่างแน่นอน
ถูกต้อง ในรอบสี่คนสุดท้าย โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเข่นฆ่าปะทะกันเองขึ้นมาก่อน
ผู้ชมประหลาดใจและรู้สึกเสียดายต่อเรื่องนี้ ทว่าหลิงหลานที่ชมการประลองคิดว่าการจัดการแบบนี้สมเหตุสมผลอย่างยิ่งแล้ว ในหมู่สี่คน ความสามารถของจ้าวจวิ้นอ่อนด้อยพวกเขาหนึ่งระดับ ไม่ว่าใครในสามคนจะมาต่อสู้ด้วยก็แทบจะคว้าชัยชนะได้ทั้งนั้น และตอนนี้ คนที่แข็งแกร่งที่สุดมาสู้กับคนที่อ่อนแอที่สุด สองคนที่มีความสามารถใกล้เคียงกันต่อสู้ห้ำหั่นกันเช่นนี้ ก็จะไม่มีใครบ่นว่าตัวเองโชคไม่ดีแล้ว…ทุกคนล้วนอาศัยความสามารถที่แท้จริงมาตัดสิน ใครที่เหนือกว่าก็สามารถเดินไปได้ไกลกว่า
เนื่องจากหมายเลขบนลูกบอลเล็กๆ ที่จ้าวจวิ้นกับเฉียวถิงจับได้เป็นหมายเลขหนึ่ง ตามหลักเหตุผลแล้วพวกเขาต้องประลองก่อน ทั้งสี่คนมาที่ด้านหลังเวที เฉียวถิงกับจ้าวจวิ้นขึ้นไปบนหุ่นรบของตัวเอง หลังจากนั้นก็ขับหุ่นรบมาที่สนาม ประลอง
หุ่นรบของเฉียวถิงเป็นหุ่นรบไพ่ราชาโจมตีระยะไกล ซึ่งถูกผู้คนมากมายในสหพันธรัฐจดจำรูปลักษณ์ภายนอกของหุ่นรบไว้ขึ้นใจนานแล้ว เมื่อมันปรากฏตัวก็เรียกเสียงโห่ร้องอย่างคึกคักอย่างทั่วทั้งสนาม ทุกคนล้วนรู้ว่าเฉียวถิงจากโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเลื่อนขั้นเป็นไพ่ราชาได้สำเร็จตอนอยู่ปีสี่ กลายเป็นอัจฉริยะแห่งยุคคนที่สองที่เลื่อนขั้นเป็นไพ่ราชาตอนปีสี่ถัดจากนายพลหลิงเซียว แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเชี่ยวชาญหุ่นรบตัวไหนกันแน่ และตอนนี้คำตอบก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคนในที่สุด เมื่อเทียบกับหุ่นรบแบบผสมที่นายพลหลิงเซียวเลือกแล้ว ถึงแม้หุ่นรบที่เฉียวถิงเลือกจะแตกต่างกัน ทว่ามันก็ไม่สามารถขัดขวางความชื่นชอบและความคาดหวังของผู้คนที่มีต่อเขาได้เลย
ส่วนอีกทางด้านหนึ่ง จ้าวจวิ้นขับหุ่นรบระดับพิเศษของตัวเองขึ้นมาบนสนามประลองเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นเสียงเชียร์ของทุกคนส่งไปให้เฉียวถิง เขาก็ได้แต่ยิ้มด้วยความจนใจเท่านั้น ทว่าในตอนนี้เอง เขายิ่งเข้าใจถึงสาเหตุว่าทำไมหลิงหลานไม่เข้าร่วมการประลองหุ่นรบเดี่ยว แค่คนที่เลื่อนขั้นเป็นไพ่ราชาตอนปีสี่ก็ทำให้ผู้คนบ้าคลั่งกันขนาดนี้แล้ว ถ้าเกิดโลกรู้ข่าวว่ายังมีอีกคนที่ทำลายสถิติการเลื่อนขั้นของนายพลหลิงเซียว เลื่อนขั้นเป็นไพ่ราชาได้สำเร็จตั้งแต่อยู่ปีสอง นี่ย่อมสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสหพันธรัฐ หรือแม้กระทั่งโลกมนุษย์อย่างแน่นอน...
จ้าวจวิ้นคิดถึงตรงนี้ก็ตัวสั่นเทิ้มไม่ได้ ในใจนึกกลัวหวาดกลัวขึ้นมา ประเทศศัตรูย่อมส่งนักฆ่านับไม่ถ้วนเข้ามาหยุดยั้งเพื่อไม่ให้สหพันธรัฐมีอาวุธระดับสุดยอดเพิ่มขึ้นมาอีกคน และเกรงว่าทางสหพันธรัฐจะเรียกหลิงหลานเข้ากองทัพทันทีแล้วคุ้มครองอย่างเป็นความลับขึ้นมาเพื่อปกป้องความปลอดภัยของหลิงหลาน เวลานั้นหัวหน้าทีมของเขาไม่อาจมีอิสระอะไรได้แน่นอน มีเพียงหลังจากที่เขากลายเป็นอาวุธสุดยอดของประเทศคนใหม่แล้วเท่านั้นถึงอาจจะสามารถได้รับอิสระใหม่อีกครั้ง นี่ยังดีนะ ถ้าเกิดหัวหน้าไม่สามารถเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะได้ตลอดชีวิตละก็ ชั่วชีวิตของเขาจะไม่ถูกคุมขังไว้ในฐานที่มั่นสักแห่งไปจนกระทั่งตายเลยหรือไง? นี่เกรงว่าจะไม่ใช่บทสรุปที่หัวหน้าทีมต้องการ
จ้าวจวิ้นสั่นงันงกในใจ เขาจะต้องเก็บเรื่องที่หลิงหลานเลื่อนขั้นเป็นไพ่ราชาสำเร็จแล้วลงไปในก้นบึ้งของหัวใจ ไม่อาจเปิดเผยออกไปได้…
หลังจากที่กรรมการที่รับผิดชอบการประลองรอบนี้ได้รับคำตอบจากทั้งคู่ว่าเตรียมตัวเสร็จแล้ว ธงสีเขียวในมือขวาก็ชูขึ้นสูง เมื่อโบกสะบัดลงมา ก็ประกาศว่าการต่อสู้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
ทุกคนจ้องมองธงเขียวของกรรมการ ในที่สุดธงก็สะบัดลงมา ขณะที่เฉียวถิงกำลังคิดพุ่งเข้าไปโจมตี จ้าวจวิ้นที่อยู่ตรงข้ามก็กระทำสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน เขาบังคับหุ่นรบให้ชูมือสองข้างขึ้นมาที่ตำแหน่งศีรษะของหุ่นรบอย่างคล่องแคล่ว
ธงเขียวในมือขวากรรมการเพิ่งจะสะบัดลง พอเห็นการกระทำของจ้าวจวิ้น ธงแดงในมือซ้ายก็รีบชูขึ้นมาทันที ก่อนจะสะบัดขึ้นอย่างรุนแรง นี่ประกาศว่าการต่อสู้ระหว่างจ้าวจวิ้นกับเฉียวถิงจำเป็นต้องหยุดลงชั่วคราว
ที่แท้ท่วงท่าที่จ้าวจวิ้นทำนั้นคือ ท่วงท่าการยอมแพ้ที่กำหนดไว้ในการประลองหุ่นรบโดยเฉพาะ ในการต่อสู้ ถ้าเกิดมีใครทำท่านี้ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ กรรมการจะโบกธงสีแดงประกาศหยุดการแข่งขันชั่วคราว หลังจากนั้นก็จะสอบถามผู้ควบคุมหุ่นรบที่ทำท่านี้ว่าตั้งใจจะยอมแพ้เองใช่ไหม ถ้าเกิดไม่ใช่ ผู้ควบคุมหุ่นรบที่ทำท่านี้จะถูกหักคะแนน ซึ่งการหักคะแนนนี้ร้ายแรงมาก หักคะแนนรวมไปหนึ่งในสามทันที
การประลองหุ่นรบจะอาศัยวิธีการล้มคู่แข่งในการคว้าชัยชนะ แต่บางครั้งเนื่องจากความสามารถสูสีกันเลยอาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ชะงักงันเป็นเวลานาน ถ้าอยากตัดสินผลแพ้ชนะอย่างมีประสิทธิภาพภายในช่วงเวลาสั้นๆ ก็มีแต่ต่อสู้เดิมพันด้วยชีวิต ถึงแม้คำขวัญของศึกประลองหุ่นรบคือการต่อสู้อย่างแท้จริง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงการประลองภายในประเทศตัวเองเท่านั้น กองทัพสหพันธรัฐไม่อยากให้ผู้มีพรสวรรค์อันโดดเด่นของสหพันธรัฐโรยราลงที่นี่ จึงได้กำหนดวิธีการหักคะแนน นี้มาตัดสินผลแพ้ชนะในตอนสุดท้าย
นี่เป็นการหักคะแนนไม่ใช่กฎการประลอง หุ่นรบที่ขึ้นไปประลองทุกตัวจะมีคะแนนทั้งหมดหนึ่งร้อยคะแนน ถ้าเกิดถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีอย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะถูกหักคะแนนตามความเหมาะสม…ใครถูกหักจนเหลือศูนย์ก่อนก็จะพ่ายแพ้ กรรมการจะหยุดการประลอง และประกาศผลของการประลอง
ดังนั้นพอจ้าวจวิ้นทำท่านี้ออกมา ถึงแม้กรรมการจะตกตะลึง แต่เขายังคงโบกธงแดงในมือซ้ายอย่างฉับไว เมื่อเห็นกรรมการสะบัดธงแดงให้สัญญาณ เฉียวถิงพลันหยุดเคลื่อนไหวที่ต้องการจู่โจม แล้วรอคอยกรรมการจัดการต่อไป
กรรมการเชื่อมต่อช่องสื่อสารของจ้าวจวิ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ได้รับการยืนยันว่าจ้าวจวิ้นยอมแพ้เองจริงๆ เขาก็รีบประกาศผลการประลองครั้งนี้ทันที เมื่อจ้าวจวิ้นยอมแพ้เอง เฉียวถิงจึงเอาชนะได้โดยไม่ต้องต่อสู้และเข้าสู่รอบตัดสิน
หลังจากที่กลับมายังด้านหลังเวที เฉียวถิงขับหุ่นรบมายังบูสเตอร์ซีทที่หุ่นรบที่ JMC ระบุด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความฉุนเฉียว หลังจากที่ล็อกเซฟตี้ไว้แล้วถึงค่อยเดินออกมาจากห้องคนขับ ลงมาบนพื้นโดยอาศัยเชือกร่อนลง
อีกทางด้านหนึ่ง จ้าวจวิ้นก็ลงจากภายในห้องคนขับมายังพื้นด้วยเช่นกัน เฉียวถิงถอดหมวกนิรภัย ขมวดคิ้วรอจ้าวจวิ้นเข้ามา เมื่อจ้าวจวิ้นมาถึงข้างกาย ก็เอ่ยถามด้วยใบหน้าทะมึนว่า “ทำไมถึงไม่สู้?” ถึงแม้เขามีความมั่นใจในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม แต่การเอาชนะโดยไม่รบยังคงทำให้เฉียวถิงไม่สบอารมรณ์ ราวกับว่าตัวเองถูกยอมอ่อนข้อให้ก็ไม่ปาน
จ้าวจวิ้นได้ยินเสียงตำหนิของเฉียวถิงก็กลอกตาเงียบๆ ไม่นึกเลยว่าเฉียวถิงที่ภายนอกดูเหมือนวางอำนาจบาตรใหญ่ไร้เหตุผล ภายในจะเป็นคนเถรตรงขนาดนี้ การเอาชนะโดยไม่ได้สู้ทำให้เขารู้สึกอัปยศอดสู…เขาอดนึกถึงหัวหน้าทีมตัวเองไม่ได้ รูปแบบการกระทำที่สนใจเพียงผลลัพธ์โดยไม่ดูกระบวนการเช่นนั้น อืม ลูกพี่ของเขายังอนาคตสดใสมากกว่า ติดตามเขาเป็นเรื่องที่ถูกต้องจริงๆ ด้วย
เวลานี้จ้าวจวิ้นยิ่งนับถือเพื่อนสนิทตัวเอง สายตาเลือกหัวหน้าทีมเฉียบแหลมมาก เขาที่ไม่รู้ว่าหลี่หลานเฟิงมีความสัมพันธ์กับหลิงหลานมานานแล้วจึงโดนหลี่หลานเฟิงหลอกอีกครั้ง คิดว่าอีกฝ่ายให้เขาเข้าร่วมหลิงเทียนก็เพราะหวังดีต่อเขาจริงๆ…ถึงแม้ความจริงก็เป็นเช่นนี้ แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า หลี่หลานเฟิงยังคงมีความคิดเห็นแก่ตัว อยากเพิ่มความแข็งแกร่งของหน่วยรบให้กระต่ายของตัวเอง เพียงแต่การจัดการของเขาทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างได้ประโยชน์
สายตาข่มขู่ของเฉียวถิงทำให้จ้าวจวิ้นรู้ว่าจะไม่ตอบก็ไม่ได้ เขาเลยตอบกลับอย่างจนปัญญาว่า “รู้ดีว่าสู้นายไม่ได้ แล้วยังจะเปิดเผยไพ่ตายของตัวเองให้คนอื่นเห็นทำไม?” จ้าวจวิ้นยักไหล่ เวลานี้เขาเห็นเจี่ยงเส่าอวี่กับหลินเซียวกำลังเดินไปในช่องทางหลังเวทีเข้าสู่สนามประลองเพื่อทำการต่อสู้ จากนั้นก็เอ่ยต่อว่า “อันที่จริง ฉันอยากเก็บเซอร์ไพรส์เล็กๆ ให้หนึ่งในนี้นิดหน่อย เลยไม่อยากเปิดเผยออกมามากเกินไป”
“เจี่ยงเส่าอวี่?” คำอธิบายของจ้าวจวิ้นทำให้ความไม่พอใจของเฉียวถิงหายไป เขานึกถึงคำพูดที่จ้าวจวิ้นเอ่ยในตอนแรกถึงค่อยตระหนักขึ้นมาได้
“ใช่แล้ว ตอนนี้ ฉันหวังมากๆ เลยว่าหลินเซียวจากโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งจะเก่งสักหน่อย เอาชนะเจี่ยงเส่าอวี่ได้ ให้ฉันมีโอกาสได้ต่อสู้กับเขา” ดวงตาทั้งสองข้างของจ้าวจวิ้นหรี่ขึ้นมา เขาเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ในการเผชิญหน้ากับเจี่ยงเส่าอวี่ บางทีเขาอาจจะต้องการบอกกับพวกเพื่อนร่วมทีมว่า เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมแล้ว ดังนั้นเขาถึงไม่อาจยอมรับที่เพื่อนร่วมทีมของตัวเองโดนสบประมาทได้…
เวลานี้เอง อุปกรณ์สื่อสารบนข้อมือของจ้าวจวิ้นเริ่มสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรง เขายกมือขึ้นมามองดู ก่อนจะยิ้มทันที ที่แท้ก็เป็นข้อความจากหลี่หลานเฟิง
“มีธุระเหรอ?” เฉียวถิงเห็นแบบนั้นก็เอ่ยถาม
“ใช่ หัวหน้ากลุ่มมีธุระเรียกหาฉัน เฉียวถิง ฉันไปก่อนนะ” เมื่ออยู่ด้านนอก จ้าวจวิ้นจะเรียกหลิงหลานว่าหัวหน้ากลุ่มเสมอ