I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 450 หลินเซียว VS เจี่ยงเส่าอวี่
หลังจากบอกลาเฉียวถิง จ้าวจวิ้นก็รีบเดินขึ้นไปบนทางเลื่อนของด้านหลังเวทีโดยเฉพาะ ซึ่งทางเลื่อนส่งจ้าวจวิ้นไปที่ทางออกโดยตรง เมื่อจ้าวจวิ้นไปถึงด้านนอกก็เห็นหลี่หลานเฟิงกำลังรอเขาด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ
“หลานเฟิง หัวหน้าเรียกหาฉันมีธุระอะไรเหรอ? ทำไมถึงให้ฉันออกมาจากด้านหลังเวทีด้วย ฉันยังอยากอยู่ตรงนั้นดูการแข่งของหลินเซียวกับเจี่ยวเส่าอวี่ให้จบนะ” หลี่หลานเฟิงยังไม่ทันได้เอ่ยปาก จ้าวจวิ้นก็ถามข้อสงสัยในตอนที่เขาเห็นข้อความออกมาทั้งหมด
มุมปากของหลี่หลานเฟิงปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “หัวหน้าจะให้นายนั่งการต่อสู้ด้วยกันข้างๆ เขาอาจจะมีคำพูดอยากพูดกับนายก็ได้” อันที่จริงหลี่หลานเฟิงคาดเดาได้อยู่บ้างว่าหลิงหลานเรียกจ้าวจวิ้นเข้าไปหาทำไม นี่เป็นโอกาสดีสำหรับจ้าวจวิ้นในการพัฒนาความสามารถ
หลี่หลานเฟิงรู้ความสามารถในการควบคุมของหลิงหลานดี จะสามารถสาธยายเรื่องไพ่ราชาสักคนจนหมดเปลือกได้อย่างไร? กอปรกับเขายังมีอาจารย์ระดับราชันอยู่อีกคน (หลี่หลานเฟิงยังไม่รู้สถานะตัวตนที่แท้จริงของหลิงหลาน) จ้าวจวิ้นได้รับการชี้แนะจากหลิงหลานย่อมสามารถเดินหนีจากเส้นทางอ้อมวกวนได้มากมาย
คำพูดของหลี่หลานเฟิงทำให้แววตาของจ้าวจวิ้นเปล่งประกาย เขาที่รู้จักหลี่หลานเฟิงดีย่อมคาดเดาบางอย่างได้จากในสีหน้าของเขา นี่ต้องมีเรื่องดีเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เขาตามหลังหลี่หลานเฟิงไปอย่างมีความสุขจนมาถึงเขตชมการประลองของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งโดยเฉพาะ พอเห็นจ้าวจวิ้นมาแล้ว หลิงหลานก็ส่งสัญญาณให้จ้าวจวิ้นนั่งลงที่ข้างกายเธอ
พอจ้าวจวิ้นนั่งลงก็เห็นสมาชิกกลุ่มมากมายที่อยู่รอบด้านกำลังจ้องมองเขาด้วยใบหน้าอิจฉา เขาก็งุนงงสับสน ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ในตอนนี้เอง เขาได้ยินหัวหน้าทีมที่อยู่ข้างกายเอ่ยปากเตือนว่า “รุ่นพี่จ้าว รบกวนดูในสนามให้ดีๆ ด้วย!”
เสียงนี้ทำให้หัวใจของจ้าวจวิ้นสะดุ้งขึ้น รู้สึกได้อย่างเลือนรางว่าแผ่นหลังหลั่งเหงื่อเย็นๆ ออกมา แน่นอนว่าก็มีสาเหตุจากการที่จ้าวจวิ้นกินปูนร้อนท้องด้วย เมื่อตะกี้เขาเสียสมาธิ ไม่ได้ดูการต่อสู้ในสนามประลองจริงๆ ไม่นึกเลยว่าจะโดนหัวหน้าทีมที่มีสายตาเฉียบคมจับได้
จ้าวจวิ้นรีบทอดสายตามองเข้าไปในสนาม บ่งบอกว่าเขาดูการประลองหุ่นรบระหว่างหลินเซียวกับเจี่ยงเส่าอวี่อย่างใจจดใจจ่อแล้ว ก่อนจะรู้สึกได้ว่าสายตาของหลิงหลาน หัวหน้าทีมตัวเองเบนออกไปแล้ว เขาถึงค่อยลอบปาดเหงื่อเย็นๆ บนหน้าผาก ถอนหายใจเงียบๆ มิน่าล่ะ พวกฉีหลงถึงบอกว่าไอพลังของลูกพี่หลานแข็งแกร่งมาก แค่มองอย่างเย็นชาก็ทำให้พวกเขาตัวสั่นงกๆ ได้แล้ว เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลย น่าขำที่ตอนแรกเขาได้ยินก็รู้สึกไม่เห็นด้วย ยังคิดว่าพวกฉีหลงพูดเกินจริงไปแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกฉีหลงพูดไม่ผิดเลย ไอพลังกับสายตาคมมีดของหัวหน้าทีมร้ายกาจจริงๆ คาดว่าเมื่อก่อนหัวหน้าทีมคงไว้หน้าเขานิดหน่อยเลยไม่ได้แสดงพลังที่แข็งแกร่งออกมา…จ้าวจวิ้นคิดถึงตรงนี้ก็น้ำตานองหน้าทันที ตอนนี้เขาถอนตัวออกไปยัง ทันหรือเปล่า?
หลิงหลานไม่รู้ว่า การเปลี่ยนไอพลังมาเป็นวิธีการใช้เสียงที่แสดงออกมาเป็นพิเศษเพื่อเตือนจ้าวจวิ้นให้ตั้งใจดูการประลองจะทำให้จ้าวจวิ้นตระหนักแบบนี้ขึ้นมา นี่ก็เป็นผลจากการที่หลิงหลานใช้พลังได้เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เทียบกับไอพลังที่เล็ดรอดออกไปก่อนหน้านี้ ไอพลังในตอนนี้ถูกเก็บงำไว้มาก เมื่อแสดงออกมา แรงกดดันจึงมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว ต่อให้เป็นจ้าวจวิ้นที่ตอนแรกคิดว่าแรงกดดันไม่ได้มากมายขนาดนั้น เวลานี้ก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันทรงพลังของหลิงหลานแล้วเหมือนกัน
เมื่อจดจ่อเข้าไป จ้าวจวิ้นก็ถูกการประลองหุ่นรบระหว่างหลินเซียวกับเจี่ยงเส่าอวี่ดึงดูดแล้ว
หุ่นรบไพ่ราชาของหลินเซียวเป็นหุ่นรบเปลี่ยนรูปประเภทปีก ซึ่งเป็นหุ่นรบประเภทปรับปรุงอย่างหนึ่งของหุ่นรบไพ่ราชารูปแบบผสมคงที่ แต่มันไม่เหมือนกับหุ่นรบประเภทคงที่มีความสมดุลระหว่างการโจมตีระยะไกลกับระยะใกล้ที่แน่นอน ทว่าความสามารถด้านการต่อสู้ของหุ่นรบโน้มเอียงไปทางการโจมตีระยะไกล เพียงแต่มันไม่เหมือนหุ่นรบโจมตีระยะไกลโดยเฉพาะ ซึ่งการต่อสู้ระยะประชิดคือจุดอ่อนของมัน ความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดของหุ่นรบตัวนี้แข็งแกร่งกว่ามากโดยไม่ต้องสงสัย ทว่าอ่อนด้อยกว่าหุ่นรบแบบผสมที่แท้จริงอยู่เล็กน้อย
ขณะเดียวกัน หุ่นรบของเจี่ยงเส่าอวี่กลับอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน หุ่นรบที่เขาขับคือหุ่นรบเดิมพันชีวิตรบประชิดตัวที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงสุด ถึงแม้ด้านระยะไกลจะอ่อนด้อย ทว่ามันกลับเป็นเจ้าแห่งการต่อสู้ประชิดตัว
หุ่นรบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงสองตัวนี้ก็ได้สร้างสถานการณ์คุมเชิงบนสนามประลองในเวลานี้ หลินเซียวระมัดระวังมาก เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามขับหุ่นรบต่อสู้ระยะประชิด เขาก็เว้นระยะห่างตั้งแต่แรก สองมือของหุ่นรบถือปืนลำแสงระยะไกลไว้หนึ่งกระบอก ใช้กระสุนที่ซัดสาดกดดันเจี่ยงเส่าอวี่ให้ตกเป็นเบี้ยล่าง ไม่อาจรุดหน้าขึ้นมาสักก้าว แช่แข็งข้อได้เปรียบของเขาไว้
สถานการณ์นี้ทำให้เจี่ยงเส่าอวี่ที่เตรียมตัวไม่มากพอรู้สึกหงุดหงิดใจมาก โอกาสผ่านไปในชั่วพริบตา เขาที่ตกเป็นฝ่ายรับอยากจะพลิกสถานการณ์เป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว ถ้าเกิดเขาอยากได้รับชัยชนะก็ต้องต่อสู้ประชิดตัวกับอีกฝ่าย ไม่เช่นนั้น เขาอาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ทนรับการโจมตีจนกระทั่งจบการประลองด้วยการกดดันจากการโจมตีระยะไกลของอีกฝ่าย ถึงแม้ตอนนี้เขาหลบได้สวยงามมาก ลำแสงโจมตีของหลินเซียวยังไม่ได้ทำให้เขาได้รับความเสียหาย แต่ฝ่ายตรงข้ามก็วางแผนการไว้เรียบร้อยแล้ว กดดันเขาจนไม่อาจขยับเขยื้อนด้วยรัศมีการยิงแบบวงกลมของลำแสงที่สมบูรณ์แบบ
เวลาผ่านไป บางทีเจี่ยงเส่าอวี่อาจใจร้อนทำการควบคุมผิดพลาด การเคลื่อนไหวหลบหลีกของหุ่นรบจึงอืดอาดไป ทำให้บางจุดของต้นขาหุ่นรบเขาถูกลำแสงยิงติดต่อกันสองนัด…ถ้าเกิดหลินเซียวโจมตีโดนอีกสองสามครั้ง ต้นขาของหุ่นรบข้างนั้นสามารถระเบิดได้ คะแนนของอีกฝ่ายย่อมถูกหักไปมากกว่าครึ่งอย่างแน่นอน และชัยชนะก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม
เมื่อเห็นโอกาสนี้ บรรดาผู้ชมพลันตื่นตัว เริ่มเครียดขึ้นมา พวกเขามองไปทางหลินเซียวจากโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่ง ลอบคาดเดากับตัวเองว่า อีกฝ่ายจะคว้าโอกาสนี้ไว้ได้หรือเปล่า?
หลินเซียวก็เห็นโอกาสนี้เหมือนกัน เขาใจกระตุก รีบข่มกลั้นความคิดกระเหี้ยนกระหือรือของตัวเองไว้ ยังคงรักษาความถี่ในการโจมตีลำแสงของตัวเอง ลำแสงที่ยิงออกไปก่อตัววงกลมที่สมบูรณ์แบบ ครอบคลุมทั่วทั้งร่างของหุ่นรบเจี่ยงเส่าอวี่ โดยที่ไม่ได้เน้นโจมตีตรงนั้น
โอกาสเลยผ่านไปในพริบตา หุ่นรบของเจี่ยงเส่าอวี่กลับมาหลบหลีกด้วยความเร็วดังเดิมอกครั้ง ผู้คนมากมายนึกเสียดายขึ้นมาทันที เวลานี้เอง จู่ๆ หลิงหลานก็เอ่ยปากถามว่า “รุ่นพี่จ้าว ถ้าเกิดนายเจอโอกาสนี้จะทำยังไง?”
เหล่าสมาชิกกลุ่มหลิงเทียนได้ยินคำถามของหลิงหลานก็เงี่ยหูขึ้นมาโดยพลัน ตั้งใจฟังคำตอบของจ้าวจวิ้น ในตอนที่จ้าวจวิ้นยังไม่ได้ขึ้นสนามประลอง พวกเขาได้ยินลูกพี่หลานให้หลี่หลานเฟิงไปเรียกจ้าวจวิ้นเข้ามาเพื่อศึกษาวิเคราะห์วิธีการต่อสู้ของผู้เข้าแข่งขันทั้งสองในการประลองนี้ และเพิ่มทำการเตรียมตัวต่อสู้ในวันพรุ่งนี้
พวกเขาย่อมไม่อยากปล่อยโอกาสเรียนรู้นี้ไป อย่างไรเสีย นั่นก็เป็นการต่อสู้ของผู้ควบคุมไพ่ราชาสองคน ขอเพียงสามารถศึกษาเรียนรู้จากพวกลูกพี่หลานได้สักเล็กน้อย พวกเขาก็ได้รับผลประโยชน์อย่างไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว
จ้าวจวิ้นครุ่นคิดอย่างจริงจังแล้วค่อยตอบกลับว่า “ฉันจะทำเหมือนหลินเซียว เลือกทิ้งมันไป!”
หลิงหลานได้ยินคำกล่าว มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย คำตอบของจ้าวจวิ้นทำให้เธอพอใจมาก เป็นเหมือนอย่างที่ชีตาห์พูดไว้จริงๆ จ้าวจวิ้นคนนี้ดูเหมือนหยาบกระด้าง เถรตรง ให้ความรู้สึกมุทะลุมาก ทว่าความจริงแล้วภายในใจกลับรอบคอบระมัดระวังสุดขีด ไม่ทำการตัดสินใจง่ายๆ
“จุดอ่อนนั้นโผล่ขึ้นมากะทันหันไปหน่อย ขอเพียงเป็นคนที่ใจเย็นก็จะไม่มีทางติดกับ” หลิงหลานเอ่ยการคาดการณ์ของเธอออกมา หลายคนที่โดนเจี่ยงเส่าอวี่หลอกค่อยตระหนักขึ้นมาได้ ที่แท้ช่องโหว่นั้นเป็นการหลอกล่อสินะ
“แต่ก็ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ว่าเป็นแผนซ้อนแผน…” จ้าวจวิ้นไม่ได้เห็นพ้องไปกับการตัดสินของหลิงหลาน ช่องโหว่โผล่ขึ้นมาอย่างปุบปับ ชวนให้น่าสงสัยมากจริงๆ แต่ถ้าเกิดทำพลาดขึ้นมาจริงๆ ฝ่ายตรงข้ามกลัวว่าคู่แข่งจะสังเกตเห็นก็เลยปล่อยไว้โดยไม่ปกปิดเลย? เขาส่ายหน้า เอ่ยต่อว่า “ยืนยันไม่ได้ จำเป็นต้องคอยดูต่อไปอีกสักระยะ”
“อื้อ ไม่ว่าจริงหรือเท็จ ปลอดภัยไว้หน่อย อดทนต่อไปอีกจะดีกว่า ดูจากสถานการณ์บนสนามประลอง เดิมทีความได้เปรียบก็อยู่ที่หลินเซียว ทิ้งโอกาสนี้ไปไม่ได้ทำให้หลินเซียวตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ดังนั้นเขาอดทนไม่บุ่มบ่ามเข้าไปก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ถ้าเกิดติดกับขึ้นมา ความได้เปรียบของเขาก็จะหายไปจนหมด เจี่ยงเส่าอวี่เดิมพันได้ แต่เขาจะเดิมพันไม่ได้” หลิงหลานไม่ได้ปฏิเสธการคาดการณ์ของจ้าวจวิ้น นี่ทำให้พวกสมาชิกกลุ่มหลิงเทียนฟังแล้วก็มึนงงสับสน จนถึงตอนนี้ยังมีบางคนไม่รู้ว่า โอกาสนั้นเป็นของจริงหรือว่าของปลอมกันแน่
เวลานี้ฉีหลงกำลังจ้องมองไปที่ในสนามอย่างใจจดใจจ่อ ใบหน้าของเขาไม่ได้ปรากฏความงุนงงอะไรเลย เนื่องจากสัญชาตญาณสัตว์ป่าของเขาไม่ได้ปรารถนาที่จะโจมตีอย่างแรงกล้า นี่แสดงให้เห็นว่า โอกาสนั้นไม่ได้น่าเชื่อถือนัก
หลี่หลานเฟิงกับหานจี้จวินทำหน้านิ่งเรียบ ในฐานะที่เป็นเสนาธิการ เดิมทีพวกเขาก็ขี้ระแวงอยู่แล้ว หากยังไม่แน่ใจหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ พวกเขาจะไม่ทำการตัดสินใจง่ายๆ แน่นอน พวกเขาจะเลือกมองข้ามเหมือนกับหลินเซียวที่อยู่ในสนาม รักษาความได้เปรียบนี้ต่อไป รอคอยโอกาสถัดไปที่ดีมากกว่านี้
ลั่วล่างกลับตรงกันข้ามกับพวกเขา สีหน้าเปลี่ยนไปหลากหลาย เดี๋ยวก็เยือกเย็น เดี๋ยวก็ตื่นเต้น สักพักก็ร้อนใจ แล้วก็ใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง คนของหน่วยรบหลิงหลานล้วนรู้ว่า หมอนี้น่าจะเปิดใช้พรสวรรค์ของตัวเอง สับเปลี่ยนบุคลิกต่างๆ ตามใจชอบเพื่อมาร่วมกันวินิจฉัยสถานการณ์บนสนามประลอง ขอเพียงลั่วล่างใช้พรสวรรค์นี้ให้ดีๆ ไม่เพียงพลังรบเพิ่มขึ้นแบบระเบิดในตอนต่อสู้ได้ ในเวลาปกติก็สามารถใช้ประโยชน์จากมุมมองที่แตกต่างกันของบุคลิกต่างๆ ได้ด้วย ไม่ได้เกิดการอคติและเปลี่ยนเป็นรอบคอบทุกด้านมากในการศึกษกลยุทธ์วิเคราะห์สถานการณ์ต่อสู้
พวกคนอื่นๆ ก็มีความคิดของตัวเองไม่มากก็น้อย การต่อสู้จริงระหว่างไพ่ราชาไม่ใช่สิ่งที่มองออกได้ง่ายดายขนาดนั้น คนที่มีโอกาสได้ดูมักจะได้รับบางสิ่งบางอย่างเสมอ
เจี่ยวเส่าอวี่เห็นว่าช่องโหว่เมื่อสักครู่นี้ไม่ได้ผล เขาก็อดสบถออกมาภายในห้องคนขับไม่ได้ หลังจากที่ระบายความโกรธแล้ว เจี่ยงเส่าอวี่ก็ใจเย็นลง รู้ว่าตัวเองเปิดเผยช่องโหว่นั้นโจ่งแจ้งไปหน่อย ขอเพียงเป็นคนที่ระมัดระวังรอบคอบย่อมไม่ลงมือง่ายๆ และหลินเซียวคนนี้ก็เป็นคนที่ระมัดระวังเสียด้วย…
เจี่ยงเส่าอวี่กลอกตา ในใจผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา เดิมทีมือขวาของเขาถือดาบแสงไว้หนึ่งเล่ม มือซ้ายก็เป็นปืนพกลำแสงที่มักจะติดตั้งไว้ในหุ่นรบต่อสู้ระยะประชิด ระยะการยิงของปืนพกลำแสงที่ปกติติดตั้งไว้ในหุ่นรบต่อสู้ประชิดตัวจะไม่ไกลเท่าระยะการยิงของปืนลำแสงของหุ่นรบโจมตีระยะไกล นี่เลยทำให้เจี่ยงเส่าอวี่ถูกกดดันทั่วทุกด้านเมื่อต่อสู้กับลำแสงของหลินเซียวเพราะปัญหาระยะการยิง
เจี่ยงเส่าอวี่รู้ว่าตัวเองไม่อาจตกเป็นฝ่ายรับต่อไปได้ ทันใดนั้นเขาก็เอียงตัว ปืนลำแสงในมือซ้ายยิงอย่างบ้าคลั่ง ในการโจมตีครั้งนี้ เขาไม่ได้มองหาแสวงหาความแม่นยำอีกต่อไป หากแต่แสวงหาความเร็ว ลำแสงสาดซัดออกมาติดต่อกันหนึ่งชุด ถึงแม้ว่ามีส่วนหนึ่งบินไปที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ส่วนใหญ่ไปลบล้างลำแสงที่หลินเซียวยิงมา นี่ทำให้เจี่ยงเส่าอวี่มีโอกาสหอบหายใจ สะบัดดาบแสงในมือขวาฉับพลันจนมันหลุดออกจากมือ
ดาบแสงตัดผ่านอากาศ บินไปทางหลินเซียวอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ
เดิมทีหุ่นรบของหลินเซียวก็โน้มเอียงไปทางระยะไกล ความเร็วของหุ่นรบเป็นประเภทที่รวดเร็วมากที่สุดในหมู่หุ่นรบไพ่ราชา เขาขับหุ่นรบหลบดาบแสงอย่างง่ายดาย ความถี่ในการโจมตีทั้งสองมือไม่ได้ขาดช่วงเลย
ดาบแสงเฉียดผ่านข้างตัวหุ่นรบของหลินเซียว ท้ายที่สุดก็กระแทกลงกับพื้นอย่างหนักหน่วงจนสาดฝุ่นละอองขึ้นมาเล็กน้อย ในขณะที่ทุกคนตกตะลึงกับการกระทำของเจี่ยงเส่าอวี่ นักเรียนที่ชมการประลองจำนวนไม่น้อยจากโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งพลันนั่งตัวตรง แววตาเปล่งประกายขึ้นมา รวมถึงหลิงหลานกับจ้าวจวิ้นด้วย พวกเขาต่างรู้ว่าการโต้กลับของเจี่ยงเส่าอวี่น่าจะมาแล้ว
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ เจี่ยงเส่าอวี่มีการเคลื่อนไหวใหม่ ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ทุกคนในสนามโห่ร้องขึ้นมา ที่แท้หลังจากที่เจี่ยงเส่าอวี่ทิ้งดาบแสงแล้ว เขาก็หยิบปืนลำแสงที่เตรียมไว้ใช้กระบอกหนึ่งจากในบูสเตอร์ซีทด้านหลัง การตอบโต้ที่เขาเลือกก็คือจุดอ่อนของเขา…การโจมตีระยะไกล!