I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 477 เมล็ดพันธุ์?
เวลานี้ หลิงเซียวที่นั่งอยู่บนแท่นประธานก็เจอบางสิ่งบางอย่างที่คุ้นเคยจากในวิธีการควบคุมของโจวเชาหลิง มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มคิดถึงออกมา ไม่นึกเลยว่าคู่แข่งที่เป็นปฏิปักษ์กับเขามาโดยตลอดคนนั้นก็มีทายาทเหมือนกัน และยิ่งไม่คาดคิดเลยว่า การแข่งขันของพวกเขาในตอนนั้นจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยี่สิบกว่าปีให้หลัง
ถึงแม้หลิงหลานกับโจวเชาหลิงจะไม่ได้ต่อสู้กันในความเป็นจริงเหมือนกับพวกเขา แต่หลิงหลานก็กลายเป็นหัวหน้าทีมของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเหมือนกับเขา ส่วนโจวเชาหลิงก็สืบทอดบทบาทของบิดา กลายเป็นหัวหน้าทีมของโรงเรียนทหารชายที่สาม ต่างฝ่ายต่างต่อสู้เพื่อเกียรติยศของโรงเรียนตัวเอง!
“ดูเหมือนว่าเพื่อนร่วมทีมของหลานเอ๋อร์จะลำบากนิดหน่อยแล้ว” หลิงเซียวลอบเอ่ย
หลิงเซียวรู้ดีว่า ต่อให้ผู้ควบคุมหุ่นรบใช้ทักษะระดับสูงที่แพรวพราวมากแค่ไหน ก็ให้แรงกดดันแก่คู่ต่อสู้ได้ไม่เท่ากับผู้ควบคุมหุ่นรบที่เคลื่อนไหวเรียบง่ายทุกท่าแต่ว่าแม่นยำจนไร้ที่ติ ไม่ว่าจะเป็นโจวหยวนชิงหรือว่าโจวเชาหลิงล้วนเป็นคนที่มีสไตล์การควบคุมเช่นนี้ ตอนนั้นโจวหยวนชิงก็นำปัญหายุ่งยากมาให้หลิงเซียวไม่น้อยจริงๆ จนกระทั่งถึงตอนนี้หลิงเซียวก็ยังไม่อยากต่อสู้กับโจวหยวนชิงอีก
อันที่จริงหลิงเซียวก็มีสไตล์การควบคุมประเภทนี้เหมือนกัน เพียงแต่โจวหยวนชิงเดินไปบนเส้นทางเรียบง่ายหมดจดใช้งานได้จริง ส่วนหลิงเซียวก็ค่อนไปทางสมบูรณ์แบบราวกับสายน้ำรินไหล หลิงหลานก็ได้รับอิทธิพลของหลิงเซียวเช่นกัน การควบคุมของเธอจึงโน้มเอียงไปทางสไตล์นี้
บนสนามประลอง การเคลื่อนไหวของจ้าวจวิ้นกับโจวเชาหลิงรวดเร็วมาก พวกเขาปะทะกันอีกห้าหกกระบวนท่าภายในระยะเวลาสั้นสุดขีด จ้าวจวิ้นยังคงนึกวิธีการมาพลิกสถานการณ์ที่เสียเปรียบของเขาไม่ออก
“น่ารำคาญจริง!” ไม่ใช่ว่าจ้าวจวิ้นไม่อยากเปลี่ยนกระบวนท่า แต่คู่ต่อสู้ไม่ให้โอกาสเขาเลย เขากำลังคิดจะเปลี่ยนการเคลื่อนไหว อีกฝ่ายก็พุ่งเข้ามา เขาที่ไม่อยากตกเป็นฝ่ายรับจึงไม่สามารถหลบหลีกได้ ต่อให้รู้อยู่แก่ใจว่าฝืนปะทะแล้วจะเกิดปัญหา แต่เขาก็ต้องกัดฟันต้านรับ
‘ติ๊ดๆๆ!’ ออปติคัลคอมพิวเตอร์ของหุ่นรบจ้าวจวิ้นส่งเสียงแจ้งเตือนอีกครั้ง “ข้อต่อแขนขวาเสียหายเพิ่มขึ้น 0.7%! ความเสียหายสะสม 5.6%!”
จาก 0.23% ในตอนแรก เมื่อเคลื่อนไหวมากขึ้น สภาพความเสียหายก็เพิ่มขึ้นด้วย คาดว่าเมื่อความเสียหายเลย 10% ระดับความเสียหายจะต้องเร็วยิ่งขึ้น เวลาของเขามีไม่มากแล้ว จ้าวจวิ้นรู้ดีว่า หากโดนฝ่ายตรงข้ามพัวพันต่อไป เขาจะต้องพ่ายแพ้แล้วจริงๆ
“ทำไงดี? ควรทำไงดีเนี่ย?” สมองของจ้าวจวิ้นสับสนวุ่นวาย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น การควบคุมหุ่นรบก็มั่นคงหนักแน่นทุกๆ ด้าน ถึงแม้ทักษะที่ใช้เป็นทักษะระดับสูงบางอย่าง แต่ว่าไม่มีทักษะระดับพิเศษหรือไพ่ราชาที่ทำให้ผู้คนตาพร่ารู้สึกอิจฉาเหมือนกับเฉียวถิงและหลินเซียว กระทั่งท่วงท่าของทักษะบางอย่างก็สู้เขาไม่ได้…แต่ว่าทักษะระดับสูงที่ไม่อยู่ในสายตาเหล่านี้ การควบคุมหุ่นรบที่ไม่อยู่ในสายตากลับสามารถทำลายหุ่นรบของเขาไปทีละนิด จนทำให้เขาตกสู่สภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก?
“ทำไมสถานการณ์นี้มันทำให้ฉันรู้สึกคุ้นนิดๆ นะ? จ้าวจวิ้น อย่าร้อนรน ค่อยๆ คิด นายยังเหลือเวลา!” จ้าวจวิ้นรู้สึกมาตลอดว่ามีอะไรบางอย่างพร้อมที่จะผุดขึ้นในสมองเขา แต่เนื่องจากความตึงเครียด ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คว้ามันมาไม่ได้…
‘เคล้ง!’ อาวุธกระทบกันอีกครั้ง บางทีจ้าวจวิ้นอาจจะคิดวอกแวกอยู่ ปฏิกิริยาตอบสนองจึงช้าไปเล็กน้อย ตำแหน่งการกระทบกันของอาวุธเย็นไม่ใช่ตำแหน่งที่เขาออกแรงมากที่สุด หลังจากที่ทั้งสองปะทะกันอย่างดุเดือด จ้าวจวิ้นก็ถูกดีดลอยออกไปไกลกว่ากระบวนท่าก่อนหน้านี้สองสามเมตร...
“จ้าวจวิ้น นายกำลังคิดอะไรอยู่?” เสียงเหอะที่ฟังดูเย็นชาระเบิดดังลั่นในสมองของจ้าวจวิ้น
หลิงเซียวที่เดิมทีนั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลายบนแท่นประธานพลันนั่งตัวตรงขึ้นมา ส่งพลังจิตสายหนึ่งออกไปในชั่วพริบตาแล้วเก็บกลับทันที เวลานี้แผ่นหลังของเขาชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็นๆ หลิงเซียวไม่คาดคิดว่าหลิงหลานจะใจกล้าขนาดนี้ ปล่อยการจู่โจมทางจิตไปที่เพื่อนร่วมทีมของตัวเองในศึกประลองหุ่นรบที่มียอดฝีมือนั่งจับตามองอยู่นับไม่ถ้วน…
โชคดีที่ทั่วทั้งสนามเหมือนจะมีแค่เขาเท่านั้นที่สัมผัสได้ และเขาก็รีบทำการเสริมพลังจิตของหลิงหลานตามไปติดๆ ต่อให้มีจับสังเกตได้ก็จะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นคนทำ…ถึงแม้นี่จะทำให้ภาพลักษณ์ของเขาด่างพร้อยไปบ้าง ถึงอย่างไรการกระทำนี้ก็ดูน่าสงสัยว่าเป็นการโกงอยู่ แต่เมื่อเทียบกับลูกสาวโดนจับได้แล้ว หลิงเซียวยินดีโดนติดป้ายฉาวโฉ่เช่นนี้
อย่างที่คิดไว้เลย ลูกสาวคือคนมาทวงหนี้! หลิงเซียวถอนหายใจแต่ก็ยินดียอมรับความยากลำบากนี้
หลานลั่วเฟิ่งที่นั่งอยู่ด้านข้างสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของหลิงเซียวเล็กน้อย เธอหันหน้าทอดมองด้วยสายตาสอบถาม หลิงเซียวเห็นแบบนั้นก็บีบมือของหลานลั่วเฟิ่งเบาๆ หลานลั่วเฟิ่งเข้าใจโดยปริยาย รู้ว่าไม่ใช่เวลาที่จะสอบถาม เธอเลยหันหน้ากลับไปด้วยรอยยิ้มละไม ก่อนจะดูการประลองในสนามต่อ
ทางด้านหลิงเซียวเก็บกวาดเรื่องราวให้หลิงหลานอย่างเฉียบขาด อีกทางด้านหนึ่ง หลังจากที่หลิงหลานส่งการจู่โจมทางจิตสายหนึ่งออกไปแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดขึ้นมา หลิงหลานแทบจะใช้พลังจิตถึงเก้าชั้นของเธอลงไปในการจู่โจมทางจิตสายนี้เพื่อที่จะฝ่าการป้องกันของห้องคนขับ
“จ้าวจวิ้น ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับตัวนายแล้ว!” หลิงหลานเอ่ยอย่างไร้เสียง
เนื่องจากจ้าวจวิ้นควบคุมพลาด ระยะที่ถูกดีดออกไปจึงเยอะกว่าคู่ต่อสู้มากนัก ต่อให้เป็นผู้ชมทั่วไปบางคนก็ดูออกถึงความผิดปกติของเขาในสถานการณ์นี้
“เมื่อกี้ฉันไม่ได้มองพลาดใช่ปะ จ้าวจวิ้นเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้ว?” ผู้ชมอดขยี้ตาไม่ได้ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลย จ้าวจวิ้นคือคนที่เคยตีเสมอกับผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาเจี่ยงเส่าอวี่เชียวนะ กระทั่งไพ่ราชาก็สามารถตีเสมอได้ แล้วทำไมถึงสู้ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษคนหนึ่งไม่ได้ล่ะ? หรือว่าผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษคนนี้แตกต่างออกไป?
ผู้ชมที่ร้อนใจบางส่วนรู้สึกมึนงงสับสนเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากนั้นก็รีบค้นดูข้อมูลของโจวเชาหลิง แล้วพบว่าเขาอยู่อันดับห้าของการประลองหุ่นรบเดียว และจัดอยู่หลังจ้าวจวิ้นแค่หนึ่งอันดับ…
คุณครับ คุณไม่เด่นสะดุดตาจืดจางมากแค่ไหนกันเนี่ย มีผลคะแนนอันดับห้าที่แสนยอดเยี่ยมแต่สามารถทำให้พวกเขามองข้ามได้? ผู้ชมเห็นข้อมูลพวกนี้ก็ทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ พวกเขาคิดไม่ถึงว่ายังมียอดฝีมือระดับสุดยอดแบบนี้ซ่อนตัวอยู่ใต้จมูกของตัวเอง ยังแข็งแกร่งกว่าจ้าวจวิ้นที่พวกเขาคิดว่าเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดเสียอีก
พวกเขายังพบข้อมูลของโจวเชาหลิงในการประลองหุ่นรบเดี่ยวอีก รู้ว่าเขาพ่ายแพ้ให้กับเฉียวถิงซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียนทหาร ดังนั้นเลยไม่มีวาสนาต่อการเข้าสู่สี่อันดับแรกในตอนสุดท้ายพวกเขาลอบทอดถอนใจที่อีกฝ่ายโชคร้ายมากเกินไป ถ้าเกิดจัดอยู่ในโซนที่ไม่มีผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาเหมือนกับจ้าวจวิ้น บางทีผลลัพธ์ในตอนสุดท้ายอาจจะไม่เหมือนเดิม จ้าวจวิ้นสามารถได้รับอันดับที่สามของการประลองเดี่ยวหรือไม่นั้นก็ยังไม่แน่นอน
ฉากที่จ้าวจวิ้นทำพลาดนี้ก็ทำให้บรรยากาศของทั้งสองโรงเรียนตรงด้านหลังเวทีไม่เหมือนเดิมเช่นกัน โรงเรียนทหารชายที่สามย่อมดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง ถ้าเกิดหัวหน้าทีมของพวกเขาเอาชนะจ้าวจวิ้นได้ขอเพียงเอาชนะหลิงหลานได้อีกคน พวกเขาก็สามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศแล้ว ใครบอกว่าโรงเรียนทหารชายที่สามเป็นเพียงของประดับ? ตราบใดที่ความสามารถโดยเฉลี่ยแข็งแกร่ง ต่อให้คู่ต่อสู้มีผู้ควบคุมไพ่ราชาแล้วเป็นอย่างไร ต่อให้คู่ต่อสู้มีอันดับหนึ่งของโรงเรียนทหารแล้วเป็นอย่างไร?
สมาชิกสามคนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเฝ้าจับตามองการต่อสู้ นอกจากหลิงหลานที่ยังคงเย็นชาดังเช่นเคยแล้ว สีหน้าของเฉียวถิงกับมู่เส่าอวี่เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมมากเพราะฉากนี้ มู่เส่าอวี่ยิ่งถูมือด้วยความกระวนกระวายใต เอ่ยถามเฉียวถิงอย่างไม่สบายใจนิดหน่อยว่า “จ้าวจวิ้นหมดหนทางแล้วจริงๆ ใช่ไหม?”
เฉียวถิงไม่ได้ตอบ ทว่าคิ้วสองข้างที่ขมวดแน่นยืนยันว่าเขาเองก็ไม่เห็นอนาคตของจ้าวจวิ้นในแง่ดี โจวเชาหลิงเป็นคนที่ระมัดระวังรอบคอบมาก คาดหวังให้เขาทำพลาดแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย…แต่อาศัยแค่ความสามารถของจ้าวจวิ้นอยากหลุดพ้นจากสภาวะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกนี้ เฉียวถิงคิดว่ายากมาก
เมื่อไม่ได้รับคำตอบของเฉียวถิง สายตามู่เส่าอวี่ก็อดทอดมองไปที่หลิงหลานเองไม่ได้ หวังว่าหลิงหลานจะให้ความมั่นใจแก่เขาได้นิดหน่อย ถึงอย่างไรตอนนี้จ้าวจวิ้นก็เป็นคนของหลิงเทียน มู่เส่าอวี่ที่อยากได้คำปลอบโยนไม่ได้สังเกตเลยว่าหลิงหลานหน้าซีดเผือดผิดปกติ และก็ทำให้หลิงหลานดูเย็นชามากยิ่งขึ้น
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของมู่เส่าอวี่ หลิงหลานที่เดิมทีหลับตาลงครึ่งหนึ่งก็ลืมตาขึ้นมา เธอเอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “จ้าวจวิ้นยังมีโอกาสอยู่!”
เธอทำสิ่งที่ควรทำไปแล้ว เมล็ดพันธุ์ก็ปลูกแล้ว จะงอกงามได้อย่างราบรื่นเพราะการประลองรอบนี้หรือไม่นั้น ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าจ้าวจวิ้นจะหยั่งรู้ได้บ้างหรือเปล่า
คำพูดของหลิงหลานทำให้มู่เส่าอวี่วางใจลง เขามองไปที่หน้าจอใหญ่อย่างจริงจังต่อ เวลานี้มู่เส่าอวี่ยังไม่สังเกตว่าทำไมหลิงหลานพูดประโยคเดียว เขาก็วางใจได้แล้ว เขายอมรับสถานะของหลิงหลานโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว และได้มอบความเชื่อมั่นของตัวเองให้กับอีกฝ่าย
……
เวลานี้ดวงตาของจ้าวจวิ้นพร่าเบลอเพราะเสียงเหอะที่เย็นชานั้น วินาทีถัดมาเขาก็มาถึงห้องประลองหุ่นรบที่ปิดสนิทแห่งหนึ่ง…
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” จ้าวจวิ้นตะลึงงัน “ฉันกำลังอยู่ในสนามประลองหุ่นรบไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่? อีกอย่าง เสียงเมื่อกี้เหมือนกับลูกพี่หลานเลย”
จ้าวจวิ้นเพิ่งจะนึกถึงลูกพี่หลาน ในห้องประลองก็ปรากฏหุ่นรบตัวหนึ่งที่เขารู้จักเป็นอย่างดี มันคือหุ่นรบไพ่ราชาต่อสู้ระยะประชิดที่หลิงหลานขับตัวนั้น
“ลูกพี่หลาน นายมาได้ยังไง? ทำไมนายใช้หุ่นรบไพ่ราชามาสู้ล่ะ ไม่ใช่บอกว่าอยากปกปิดให้มิดเหรอ?” จ้าวจวิ้นเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
เขาเห็นด้วยอย่างมากที่หลิงหลานเลือกปกปิดความสามารถไว้ เขาไม่อาจจินตนาการได้จริงๆ ว่า เมื่อโลกรู้ว่ามีคนที่สามารถทำลายสถิติของหลิงเซียวได้ เลื่อนขั้นเป็นไพ่ราชาตั้งแต่ปีสอง (นอกจากพวกเพื่อนๆ ตัวน้อยที่เติบโตมาด้วยกันแล้ว หลิงหลานประกาศต่อเพื่อนที่เข้าร่วมทีหลังว่าเธอเลื่อนขั้นเป็นไพ่ราชาตอนปีสอง) จะดึงดูดเสียงฮือฮาระดับไหน เขาถึงขนาดคาดเดาล่วงหน้าได้ว่า จะเกิดเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกับการจู่โจมโรงเรียนทหารทางอากาศขึ้นมาอีกครั้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนักฆ่าที่ประเทศต่างๆ ส่งมาเลย
น่าเสียดายที่หลิงหลานไม่ได้ตอบคำถามของจ้าวจวิ้น ตรงกันข้ามจู่ๆ เธอก็พุ่งเข้ามา ก่อนจะฟันใส่หนึ่งดาบ
จ้าวจวิ้นรีบขับหุ่นรบหลบทันที แต่เขาจะเร็วกว่าความเร็วของหลิงหลานได้อย่างไร ดาบฟันใส่ตัวหุ่นรบอย่างโหดเหี้ยม พละกำลังมหาศาลซัดหุ่นรบของเขาออกไปอย่างรุนแรง ก่อนจะกระแทกกับกำแพงที่แข็งแรงทนทานในห้องประลองอย่างหนักหน่วง แล้วเด้งกลับมากระแทกลงกับพื้นอีกครั้ง ทำให้จ้าวจวิ้นเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่าง หน้าอกยิ่งอึดอัดอยากจะอ้วกออกมา ในปากมีกลิ่นคาวเลือด ยากจะทนรับไหวอย่างมาก
ยังไม่ทันที่จ้าวจวิ้นจะคลานขึ้นมา สายลมหมุนวนก็จู่โจมเข้ามา หลิงหลานกวาดขาหมุนวนไปทางด้านข้าง แล้วเตะจ้าวจวิ้นจนลอยขึ้นมาอีกครั้ง…
“โจมตีต่อเนื่อง!” จ้าวจวิ้นลอยขึ้นมาจากพื้น หลิงหลานขับหุ่นรบตามหลังติดๆ อาวุธเย็นในมือโจมตีใส่หุ่นรบของจ้าวจวิ้นโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หนึ่ง สอง สาม สี่…”
แรงอันมหาศาลทำให้จ้าวจวิ้นกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำทันที จ้าวจวิ้นพยายามกดปุ่มติดต่ออย่างสุดชีวิต ตะโกนเสียงดังว่า “ลูกพี่หลาน ฉันเอง ฉันคือจ้าวจวิ้นไง!”
พละกำลังนี้ของลูกพี่หลานย่อมไม่ใช่รูปแบบการแลกเปลี่ยนความรู้ทั่วไป ทั้งหมดเป็นดาบจริงปืนจริง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะต้องตายคามือลูกพี่หลานแน่ๆ เลย เขายอมรับจุดจบนี้ไม่ได้หรอกนะ ตายอย่างไร้ค่าและอัปยศอดสูเกินไปแล้ว เขาไม่ยอม!
“จ้าวจวิ้น นายกำลังคิดอะไรอยู่? นายไม่รู้หรือไงว่า พอเข้าสู่สถานะต่อสู้แล้ว ไม่ว่าที่ไหนเมื่อไหร่ พวกเราก็คือศัตรูที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้!” เสียงเย็นเยียบของหลิงหลานดังขึ้นข้างหูของจ้าวจวิ้น เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร จ้าวจวิ้นรู้แล้วว่าเวลานี้ลูกพี่หลานพูดจริง!
————————