I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 481 ความลับของเป่ายิงฉุบ?
ถ้าเกิดโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งฮึดสู้คว้าชัยชนะในรอบที่สามนี้ไปได้ เช่นนั้นตำแหน่งแชมป์ก็เป็นของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งแล้ว ตรงกันข้าม…ถ้าเกิดรอบที่สามล้มเหลว ส่งผลกระทบต่ อขวัญกำลังใจของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ผลลัพธ์ในตอนสุดท้ายก็ยากจะคาดเดาแล้ว
โซนผู้ชมของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง พวกฉีหลงกำลังรอการประลองรอบที่สามเริ่มต้นขึ้น พอเห็นทุกคนเบื่อหน่ายกันอยู่บ้าง หลินจงชิงก็หยิบถุงใบหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าสะพายหลังของ งตัวเองแล้วยื่นให้เซี่ยอี๋ที่อยู่ข้างๆ
เซี่ยอี๋เปิดออก มันเป็นเมล็ดแตงโมสำหรับใช้ฆ่าเวลาในช่วงเวลาที่น่าเบื่อหน่ายนี้พอดี ไม่นานคนของหน่วยรบหลิงเทียนก็แบ่งไปมากกว่าครึ่ง หลินจงชิงยังไม่ลืมคนของกลุ่มอื่นๆ ก่ อนจะยื่นออกไปสามสี่ถุง
ผู้ชมแทะเมล็ดแตงโม เริ่มถกกันว่าคนจากโรงเรียนพวกเขาที่ขึ้นสนามเป็นคนต่อไปคือใคร
“ลูกพี่เคยบอกว่า พวกเขาเป่ายิงฉุบจัดลำดับทีมกัน วิธีการที่ใช้โชคเป็นหลักแบบนี้ คาดเดาไม่ได้จริงๆ” ลั่วล่างเอ่ยท่ามกลางการหารือ
มือของหลี่หลานเฟิงที่กำลังปอกเปลือกเมล็ดแตงโมหยุดชะงัก ‘นี่เป็นแค่โชคเท่านั้นจริงๆ เหรอ?’ มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มน้อยๆ ออกมา ถ้ากระต่ายทำเรื่องอะไร มันจะเรียบง่ายขนาดนี้จ จริงๆ เหรอ?
หานจี้จวินที่นั่งอยู่ด้านข้างสังเกตเห็นความผิดปกติของหลี่หลานเฟิง เขาเหลือบมองอีกฝ่ายแวบหนึ่งอย่างรวดเร็ว รู้ว่าหลี่หลานเฟิงเองก็สังเกตเห็นความลับในนั้นได้เหมือนกัน น นอกจากการจัดลำดับทีมแบบตายตัวในตอนแรกแล้ว ช่วงหลังดูเหมือนจัดลำดับโดยการเป่ายิงฉุบที่อาศัยโชคล้วนๆ แต่พอดูหลายรอบยังคงมีแบบแผนอยู่
เห็นได้ชัดว่าจ้าวจวิ้นกำลังอยู่ริมขอบของการเลื่อนขั้น การต่อสู้ติดต่อกันจึงมีประโยชน์ต่อเขา ดังนั้นจ้าวจวิ้นถึงได้ออกไปประลองในสามรอบแรกทุกครั้ง นี่เป็นการจับมือร่วมกันของ เฉียวถิงกับลูกพี่ตน
ความสามารถของหานอวี้อ่อนด้อยมากที่สุด ดังนั้นเลยค่อนข้างลดการออกไปประลองของเขา ความสามารถของมู่เส่าอวี่ไม่เลว ดังนั้นเลยมีโอกาสอยู่ในสามรอบแรกมากกว่าหานอวี้นิดหน่อย ดูจา ากการประลองทั่วไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศนี้โดยรวมแล้ว จ้าวจวิ้น หลิงหลานและเฉียวถิงเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง อัตราการออกไปประลองจึงมากที่สุด เห็นได้ว ว่า สิ่งที่เรียกว่าการเป่ายิงฉุบออกไปประลองย่อมไม่ใช่การได้มาโดยอาศัยโชคอย่างแท้จริง
เวลานี้หานจี้จวินนับถือหลี่หลานเฟิงในใจสุดขีด เขารู้มาว่าตั้งแต่เด็กๆ แล้วว่า ลูกพี่ตนไม่มีทางทำเรื่องที่เป็นเด็กๆ แบบนี้จะต้องความหมายลึกซึ้งอยู่ด้านในแน่นอน ดังนั้นเมื อลูกพี่บอกว่าจัดทีมตามการเป่ายิงฉุบ เขาก็ครุ่นคิดปัญหาเรื่องนี้มาโดยตลอดว่าทำไมลูกพี่หลานต้องทำแบบนี้
ทุกครั้งที่ลำดับทีมออกมา เขาจะพิจารณาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง ท้ายที่สุดก็วิเคราะห์บางอย่างออกมาได้ ไม่นึกเลยว่าหลี่หลานเฟิงที่เข้าร่วมกลางคันก็เข้าใจลูกพี่ดีเหมือนกับเขา…กา ารที่มีผลลัพธ์เช่นนี้ได้แสดงว่าเขาใส่ใจลูกพี่จริงๆ
เขา…หานจี้จวิ้นไม่มีทางเคลือบแคลงใจและขับไล่ไสส่งคนที่ดีต่อลูกพี่อย่างแท้จริง หานจี้จวินฉุกใจคิดขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยปากพูดว่า “รุ่นพี่หลี่หลานเฟิงต้องรู้อยู่แล้วว่าคนถัดไป ปที่ออกมาประลองคือใคร”
คำพูดของหานจี้จวินทำให้สายตาของทุกคนรวมไปที่ตัวของหลี่หลานเฟิงอย่างรวดเร็ว หลี่หลานเฟิงมือสั่นระริก หันหน้ามองไปทางหานจี้จวิน ดวงตาทั้งสองข้างของหานจี้จวินเปล่งประกา ายมาก ยิ่งขับเน้นให้นัยน์ตาดำแยกกับนัยน์ตาขาวชัดเจนมากขึ้น นี่ไม่ใช่ดวงตาที่วางแผนการ มันดูสงบเยือกเย็น…
หลี่หลานเฟิงเข้าใจความคิดของหานจี้จวินในพริบตา เขาอยากให้โอกาสตนแสดงความสามารถ เพิ่มสถานะในใจเพื่อนร่วมทีมให้สูงขึ้น พิสูจน์ว่าเขาสามารถเป็นเสนาธิการที่เหมาะสมได้
หลี่หลานเฟิงยิ้มละไม มีเพียงเขาที่รู้ว่าเขามีสีหน้าตื่นเต้นอยู่ภายใต้หน้ากาก เขาพยายามสงบสติอารมณ์ที่ตื่นเต้นของตัวเอง ไม่อาจเสียโอกาสที่หานจี้จวินมอบให้เขาได้ ก่อนจะตั้ง งสติ หลี่หลานเฟิงกำหมัดกระแอมไอ การแสดงออกนี้ทำให้ผู้คนที่รอคอยคำตอบกลอกตาใส่แรงๆ
หลี่หลานเฟิงไม่กล้าชักช้าอีก ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องล่วงเกินจนทุกคนโมโหแล้ว เขากล่าวว่า “รอบต่อไป ถ้าคาดเดาไม่ผิด คนที่ขึ้นไปประลองน่าจะเป็นลูกพี่หลาน!”
“ทำไมถึงเป็นลูกพี่ล่ะ?” เทียบกับคนอื่นที่เริ่มครุ่นคิดเงียบๆ ลั่วล่างกลับเอ่ยถามด้วยสีหน้ามึนงง
เซี่ยอี๋เห็นแบบนั้นก็อดกุมขมับยิ้มขื่นไม่ได้ เมื่อเทียบกับพวกบุคลิกที่ชาญฉลาดในร่างแล้ว ลั่วล่างที่เป็นร่างหลักกลับอ่อนหัดมากจริงๆ!
หลี่หลานเฟิงมองไปทางหานจี้จวิน เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องนี้ รุ่นน้องจี้จวินก็รู้ดีมากเหมือนกัน” ดีมาก็ดีกลับ หานจี้จวินให้โอกาสเขาแสดงความสามารถ เขาเองก็ต้องคืนโอกาสใ ให้หานจี้จวินเช่นกัน
หานจี้จวินย่อมเข้าใจเจตนาของหลี่หลานเฟิง และเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ ก่อนจะเริ่มอธิบายว่า “การประลองรอบนี้ พวกลูกพี่หลานน่าจะอยากแสดงอำนาจของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งออกมา คว้าแ แชมป์โดยการเอาชนะคู่ต่อสู้สามนัดรวด ดังนั้นคนที่ออกไปประลองต้องเป็นสามคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโรงเรียนทหารของเรา ในเมื่อจ้าวจวิ้นกับเฉียวถิงออกไปประลองกันหมดแล้ว งั้นรอบ ที่สามก็ต้องเป็นลูกพี่ของพวกเรา”
ลั่วล่างได้ยินคำกล่าวก็ยังคงงุนงงมาก “ไม่ใช่บอกว่าเป่ายิงฉุบตัดสินเหรอ? งั้นจะแน่ใจได้ยังไงว่าคนที่ออกไปประลองรอบที่สามคือลูกพี่? อีกสองคนที่เหลือก็มีความหวังเหมือนกันน นะ” กล่าวจบเขาก็พึมพำเสียงแผ่วเบาว่า “โชคไม่ใช่ของที่คาดการณ์ได้สักหน่อย”
เซี่ยอี๋ไม่อาจทนให้ลั่วล่างเป็นเด็กอ่อนหัดต่อไปได้แล้ว เขารีบกล่าวว่า “พวกเราอาจจะอาศัยโชค แต่ว่าจากความสามารถของลูกพี่ ไม่มีคำว่าโชค”
เวลานี้ลั่วล่างรู้แจ้งแล้ว จริงด้วย ปีศาจอัจฉริยะอย่างลูกพี่จะออกไปประลองหรือไม่นั้น ปัญหาไม่ใช่เรื่องโชค หากแต่อยู่ที่ว่าลูกพี่อยากออกไปประลองหรือเปล่า ยินดีออกไปประลองหรือ อเปล่า
เมื่อเห็นลั่วล่างเข้าใจแล้ว เซี่ยอี๋ก็ลอบปาดเหงื่อเย็นๆ ในที่สุดก็ไม่ได้ทำให้ทีมขายหน้าต่อ ไม่ได้ทำให้เขาขายหน้า…เอ่อ? เมื่อตะกี้ความคิดอะไรแล่นเข้ามามั่วซั่วนะ?
ทางโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งคาดเดาว่าคนที่ออกมาประลองรอบที่สามคือหลิงหลาน ไม่นานก็ถึงเวลาการประลองรอบที่สามแล้ว
จากนั้นก็เห็นบนหน้าจอใหญ่ปรากฏตัวอักษรขนาดใหญ่หลายตัวว่า “ชายที่หนึ่ง VS สหศึกษาที่หนึ่ง รอบที่สาม: หลิงหลาน VS เฟยหยาง!”
เมื่อเห็นอักษรขนาดใหญ่เหล่านี้ หลี่หลานเฟิงกับจ้าวจวิ้นก็สบตายิ้มให้กัน การคาดการณ์ของพวกเขาถูกต้องจริงๆ ด้วย
กลุ่มผู้ชมส่งเสียงโห่ร้อง พูดคุยกันอย่างคึกคักขึ้นมาเพราะการประกาศรายชื่อจับคู่รอบที่สาม
“เยี่ยเฟยหยาง ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษขั้นสุดยอดที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองของโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่ง ด้อยกว่าไพ่ราชาหลินเซียวนิดเดียวเท่านั้น ดูท่าโรงเรียนทหารสหศึกษาท ที่หนึ่งจะตัดสินใจได้ดีนะ!” นี่เป็นคนที่เห็นว่าโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งจะชนะ
“หลิงหลานน่าจะเป็นสมาชิกทีมโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสามรองจากเฉียวถิงกับจ้าวจวิ้นนะ การประลองรอบนี้ยังคงมีอะไรรออยู่” ผู้ชมไม่น้อยตั้งตารอดูเขามากๆ ๆ เนื่องจากผลงานที่ยอดเยี่ยมก่อนหน้านี้ของหลิงหลาน
“ถึงแม้การควบคุมพื้นฐานของหลิงหลานคนนั้นจะฝึกฝนมาอย่างสมบูรณ์แบบมาก แต่พอเช็คดูคู่ต่อสู่ก่อนหน้านี้ของเขา ทุกคนค่อนข้างอ่อนแออยู่นิดหน่อย คู่ต่อสู้ครั้งนี้ เกรงว่าเขาน่าจะ ะไม่ได้โชคดีแล้วละ!” ยังมีบางส่วนที่ไม่เห็นว่าหลิงหลานจะชนะ
ในโซนผู้ชมโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่ง ลั่วเฉาเห็นรายชื่อจับคู่การประลองบนหน้าจอใหญ่ แก้มพลันแดงก่ำ ดวงตาสองข้างฉ่ำรื้น ยากจะปกปิดความความรักใคร่บูชาในนั้นได้
หานซู่หย่าทำสีหน้าแปลกพิกล เมื่อได้ยินพวกรุ่นพี่ข้างๆ คิดว่ารอบนี้มีความหวังได้รับชัยชนะสูงมาก เธอสะกิดลั่วเฉาเบาๆ เอ่ยเสียงกระซิบว่า “เธอว่า รุ่นพี่เยี่ยจะเจอจุดจบน่าอ อนาถหรือเปล่า?”
ถึงแม้หานซู่หย่าไม่รู้แน่ชัดถึงความสามารถที่แท้จริงในการควบคุมหุ่นรบของหลิงหลาน คิดเหมือนกับทุกคนว่าเขาเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษ แต่ภาพลักษณ์ไร้พ่ายของหลิงหลานในใ ใจเธอตั้งแต่เด็กๆ สลักลึกมากเกินไป หานซู่หย่าคิดมาตลอดว่าลูกพี่หลานเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานในรุ่นเดียวกัน
ลั่วเฉาเหลือบมองพวกรุ่นพี่ที่อยู่ข้างกายอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง เมื่อพบว่าความสนใจของทุกคนไม่ได้อยู่ที่ตัวพวกเธอก็รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ความจริงแล้ว ลั่วเฉาคิดในใจว่า ต่อให้เป็นรุ่นพี่หลินเซียวขึ้นไปประลองเอง ลูกพี่หลานก็ไม่มีทางแพ้เหมือนกัน และตอนนี้คนที่ขึ้นไปประลองคือรุ่นพี่เยี่ย นั่นย่อมเป็นการส่งตัวเองไปเป็นเหยื่อให้ลูกพี่หลานแน่น นอน
ลั่วเฉาเริ่มรู้สึกสงสารรุ่นพี่เยี่ยที่ใจดีและเอาใจใส่พวกเธอตลอด หวังว่าลูกพี่หลานจะเห็นอีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ของพวกเธอไม่ทรมานจนน่าอนาถมากเกินไป!
ลั่วเฉาพลันรู้สึกผิดต่อโรงเรียนตัวเองรวมถึงพวกรุ่นพี่มากที่เธอมีความคิดแบบนี้ รู้สึกละอายใจเล็กน้อย ดวงหน้าที่เดิมทีแดงก่ำก็ยิ่งแดงมากขึ้น เธอเล่นนิ้วมือตัวเองโดยไม่รู้ตัว พอคิดว่าลูกพี่หลานที่เอาใจใส่เธอมาตั้งแต่เด็กๆ จะพ่ายแพ้ เธอยังยินดีเห็นรุ่นพี่ตัวเองแพ้มากกว่า!
ลั่วเฉากัดริมฝีปากล่าง ยังคงตัดสินใจเห็นแก่ตัว เธอ—แค่เชียร์ลูกพี่หลานเท่านั้น!
เวลานี้เอง หุ่นรบสองตัวขึ้นสู่สนามประลอง ซึ่งก็คือหลิงหลานกับเยี่ยเฟยหยางคู่ต่อสู้ของเธอ
หุ่นรบของเยี่ยเฟยหยางเหมือนกับของหลิงหลาน เป็นหุ่นรบแบบผสม! นับตั้งแต่ที่หลิงเซียวเลื่อนสู่ขั้นเทวะ ผู้ควบคุมหุ่นรบที่เลือกขับหุ่นรบแบบผสมก็เพิ่มมากขึ้นทันที ทำให้ห หุ่นรบแบบผสมที่ไม่ได้รับความสำคัญกลายมาเป็นหุ่นรบยอดนิยมของสหพันธรัฐทันที
กรรมการในสนามประลองแน่ใจแล้วว่าผู้เข้าประลองทั้งสองคนเตรียมพร้อมเสร็จแล้ว ธงเขียวในมือก็สะบัดลงอย่างเฉียบขาด การประลองเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
หลิงหลานไม่ได้เปลี่ยนวิธีการต่อสู้ของเธอ ยังคงเลือกการโจมตีระยะไกล เมื่อธงเขียวสะบัดลง หลิงหลานก็ดีดนิ้วมือสองครั้งถึงค่อยขับหุ่นรบบินขึ้นอย่างรวดเร็ว ในสายตาผู้ชมทั่ว วไป รู้สึกว่าหุ่นรบบินโฉบไปข้างหลังด้วยความว่องไวสุดขีดในเวลาเดียวกับที่ธงเขียวสะบัดลง
แต่ในสายตาของผู้ควบคุมหุ่นรบชั้นยอด หลิงหลานช้ากว่าธงเขียวที่สะบัดลงหลายมิลลิวินาที ไม่ได้ทำการควบคุมตอนที่ธงกดลงไปอย่างแท้จริง แบบนี้ดูท่าหลิงหลานขับหุ่นรบตอนที่ธงก กดลงในตอนนั้นคือความโชคดีจริงๆ ด้วย บรรดาผู้ควบคุมหุ่นรบชั้นยอดล้วนคาดการณ์เช่นนี้ออกมา มีเพียงหลิงเซียวเท่านั้นที่ยกยิ้มมุมปากมากขึ้นเรื่อยๆ
เยี่ยเฟยหยาง คู่ต่อสู้ของหลิงหลานก็ทำได้ยอดเยี่ยมเหมือนกัน เมื่อหลิงหลานเคลื่อนไหว เขาก็เคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน จังหวะการควบคุมแทบจะไม่ต่างจากหลิงหลานเลย เกือบจะทำการขับตอน นที่ธงกดลงไป นี่ทำให้แววตาของผู้ควบคุมหุ่นรบชั้นยอดบางคนเปล่งประกาบ ศึกประลองหุ่นรบรุ่นนี้ทีเมล็ดพันธุ์โดดเด่นไม่น้อยจริงๆ
เยี่ยเฟยหยางไม่ได้เลือกถอยหลังเหมือนกับหลิงหลาน หากแต่ไล่ตามหลังหลิงหลานติดๆ ไปทางเดียวกับเธอ ไม่ต้องสงสัยเลยสักนิดว่าเขาอยากต่อสู้ระยะประชิดกับหลิงหลาน
เยี่ยเฟยหยางเป็นคนที่เตรียมตัวพร้อมสรรพ นอกจากเฉียวถิงแล้ว เยี่ยเฟยหยางเคยศึกษาคลิปการประลองของผู้เข้าแข่งขันสี่คนที่เหลือ เนื่องจากสี่คนนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าจะกลายเป็นคู่ ต่อสู้ของเขา
ในหมู่สี่คนนี้ เขาให้ความสนใจหลิงหลานมากที่สุด เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบแบบผสมเหมือนกับเขา หลังจากที่ศึกษาอย่างจริงจัง เขาจำเป็นต้องยอมรับว่า การควบคุมระยะไกลขอ องหลิงหลานแทบจะไม่มีที่ติ เขาไม่มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้ในการต่อสู้ระยะไกล
ตอนที่กำหนดวิธีการต่อสู้ เยี่ยเฟยหยางตัดสินใจว่าจะทำการต่อสู้ประชิดตัวอย่างสุดความสามารถ ถึงแม้หุ่นรบแบบผสมต้องการความสามารถที่เก่งกาจทั้งด้านการควบคุมระยะไกลและระยะใกล้ แต่ค คนเรามักจะมีความชอบมากกว่า เหมือนกับหลินเซียวที่ขับหุ่นรบแบบผสมแต่ว่าค่อนข้างชอบการต่อสู้ระยะประชิด ส่วนการต่อสู้ระยะไกลค่อยข้างอ่อนด้อยเล็กน้อย และเขาก็เป็นเหมือนกับหลินเ เซียวที่ค่อนข้างเก่งด้านต่อสู้ระยะประชิดมากกว่าการต่อสู้ระยะไกลนิดหน่อย…ในเมื่อหลิงหลานเก่งด้านการโจมตีระยะไกลขนาดนี้ ถ้าเกิดเก่งด้านการต่อสู้ระยะประชิดมากกว่า เช่นนั้นไ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สอดคล้องกับสามัญสำนึกแล้ว เยี่ยเฟยหยางไม่เชื่อว่าหลิงหลานจะเป็นอัจฉริยะขนาดนั้น เยี่ยเฟยหยางที่เชื่อมั่นว่าหลิงหลานอ่อนด้านการต่อสู้ระยะประชิด เตรียมพร้อม มใช้จุดเด่นของตัวเอง หลีกเลียงจุดด้อย เขาไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสต่อสู้ระยะไกลเป็นอันขาด!
โซนผู้ชมของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ฉีหลงเห็นหุ่นรบสองตัว หนึ่งถอยหนี หนึ่งไล่ตามอยู่ในสนาม เขาก็เอาศอกสะกิดหานจี้จวินที่อยู่ข้างกายแรงๆ “จี้จวิน ฉันไม่ได้ดูผิดใช่มะ ะ คนของโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งเตรียมต่อสู้ระยะประชิดกับลูกพี่หลานเหรอ?”