I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 482 เดินเกมได้ดี! (1)
หมอนั่นบ้าไปแล้วหรือไง? ต่อสู้ระยะไกลกับลูกพี่ อย่างมากสุดก็คือโดนยิง หักคะแนนจนเหลือศูนย์เท่านั้น อย่างแย่ที่สุดก็คือกระสุนแรงเกินไปหน่อย หุ่นรบโดนทำลายโดยไม่ทันระวั ง แต่ว่าสำหรับผู้ควบคุมหุ่นรบที่อยู่ในห้องคนขับแล้ว ตราบใดที่ควบคุมได้เหมาะสม ทั้งหมดนี้ก็ไม่มีอันตรายใดๆ ทว่าการต่อสู้ระยะประชิดนั้น…
พอนึกถึงตอนที่ตัวเองโดนทารุณ ฉีหลงพลันตัวสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงหลายที กดภาพอันน่ากลัวในสมองทิ้งไปโดยไม่ลังเล เขาไม่อยากหวนนึกถึงอีกต่อไปแล้ว
คำพูดของฉีหลงทำให้หานจี้จวินมือสั่นระริก จับเมล็ดแตงโมไว้ไม่อยู่ ก่อนจะร่วงลงไป เวลานี้หานจี้จวินรู้สึกปวดฟันขึ้นมา ว่าไปแล้ว เขาเองก็ไม่อยากหวนนึกถึงเรื่องต่อสู้ระยะ ประชิดกับลูกพี่หลานเหมือนกัน โอเคไหม?
มองดูข้างๆ ทุกคนล้วนทำหน้าหวาดหวั่น ดูเหมือนว่าทุกคนก็หวนนึกถึงช่วงเวลาน่าสะพรึงกลัวอีกครั้งเพราะคำพูดของฉีหลง คนที่ทำตัวเกินเหตุมากที่สุดคือลั่วล่าง เขาเอาแขนสองข้างกอ อดร่างตัวเองไว้แล้วตัวสั่นเทาอย่างรุนแรง ดวงหน้าที่เดิมทีดูงดงาม เวลานี้ซีดเผือดไปแล้ว
นอกจากฉีหลงแล้ว ลั่วล่างเป็นคนที่โดนลูกพี่หลานทารุณอย่างโหดเหี้ยมมากที่สุด เพราะลูกพี่หลานไม่พอใจที่รูปลักษณ์ภายนอกของลั่วล่างดูบอบบางงดงาม มักอยากจะให้เขาแข็งแรงกำยำขึ นมา น่าเสียดายที่ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ ลูกพี่ยิ่งรังแกลั่วล่าง ลั่วล่างก็ยิ่งบอบบางสวยงามมากขึ้น แตกต่างจากฉีหลงอย่างสิ้นเชิงที่มีแนวโน้มว่าจะพัฒนาไปทางด้านป่าเถื่อนรุนแรง นี่ทำให้ลูกพี่หลานท้อแท้ใจและจนปัญญา คิดว่าตัวเองยังทารุณลั่วล่างไม่พอ ดังนั้นเธอเลยลงมือโหดเหี้ยมยิ่งขึ้น
“พวกนายว่า พวกเราต้องเตือนหน่วยแพทย์ให้เตรียมตัวตลอดเวลาไหม?” หลี่ซื่ออวี๋เอ่ยอย่างอ่อนระโหยโรยแรง นับตั้งแต่ที่เคยลิ้มรสประสบการณ์ต่อสู้ระยะประชิดกับหลิงหลาน หลี่ซื่อ อวี๋ก็ริเริ่มโครงการวิจัยยาด้านสงบใจทันที เพื่อป้องกันไม่ให้สักวันสมาชิกทีมถูกลูกพี่หลานทารุณรังแกจนเป็นบ้าไปแล้ว
“น่าจะไม่ต้องนะ ลูกพี่หลานต้องรู้จักบันยะบันยังสิ” ฉางซินหยวนที่เข้าร่วมทีมภายหลังยังคงกอดความหวังต่อหลิงหลานไว้ เอ่ยด้วยความไม่แน่ใจ
รู้จักบันยะบันยัง? ลูกพี่ของพวกเขามีเจ้าสิ่งนี้ด้วยเหรอ? พวกฉีหลงมองฟ้าพูดอะไรไม่ออก หวังให้ลูกพี่ยั้งมือ ไม่สู้ไปแจ้งหน่วยแพทย์ยังน่าไว้ใจมากกว่าอีก
ในสนามประลอง หลิงหลานกับเยี่ยเฟยหยางบินอยู่กลางอากาศไล่ตามกันอย่างรวดเร็วสุดขีด ความเร็วหุ่นรบของหลิงหลานไปถึงขีดจำกัดสูงสุดในการขับของผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษแล้ว น่ าเสียดายที่ยังไม่สามารถสลัดคู่ต่อสู้ออกไปได้ เห็นได้ว่าการควบคุมของเยี่ยเฟยหยางยอดเยี่ยมมาก สมกับที่เป็นยอดฝีมืออันดับสองของโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งจริงๆ
แน่นอนว่า ถ้าเกิดหลิงหลานดึงดันสลัดคู่ต่อสู้ออกไปก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ เพียงแต่ ถ้าทำแบบนี้ มันก็อาจจะเปิดเผยความสามารถในการควบคุมที่แท้จริงของเธอ หลิงหลานย่อมไม่ลืมผู้ค ควบคุมหุ่นรบระดับราชันที่เฝ้าจับตามองอยู่บนท้องฟ้า รวมถึงคณะกรรมการที่กำลังคอยจับตามองการประลองทั่วทุกด้านในเวลานี้ ทุกคนล้วนเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบชั้นยอดที่มากประสบการณ์ เธ ธอไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถปิดบังดวงตาของพวกเขาได้
“น่ารำคาญจริง!” หลิงหลานคิดอย่างหงุดหงิด เดิมทีเธออยากใช้การประลองหุ่นรบแบบกลุ่มมาฝึกฝนการควบคุมระยะไกลให้ดีๆ น่าเสียดายที่เห็นได้ชัดว่าเยี่ยเฟยหยางคนนี้อยากต่อสู้พัวพัน กับเธอในระยะประชิดจนถึงที่สุด…
ความจริงแล้วเธอชอบการต่อสู้ระยะประชิดมากกว่า แต่ก็เหมือนกับที่เธอพูดไว้เมื่อตะกี้ว่า น่ารำคาญ! เธอคุ้นชินกับการต่อสู้ระยะประชิดมากเกินไป กลัวว่าจะเล่นเลยเถิดโดยไม่ได้ตั้งใ ใจแล้วใช้ทักษะระดับสุดยอดที่ไม่ควรใช้ออกมา จนเผยระดับการควบคุมที่แท้จริงของเธอ พูดตามตรงคือ คนที่เคยเห็นมีเยอะมากเกินไปแล้ว ตอนที่สู้กับเฉียวถิงในเวลานั้นก็ปกปิดผู้อำนวยกา ารกับอาจารย์ถังอวี้ไม่ได้ ตอนนี้เธอจะต้องระมัดระวังมากขึ้นอีก จะให้คนจับได้อีกไม่ได้เด็ดขาด
หลิงหลานไม่ใช่คนดื้อดึงที่ตอนแรกตัดสินใจจะทำอะไรก็จะต้องทำอย่างนั้น ในเมื่อต่อสู้ระยะไกลไม่ได้ หลิงหลานย่อมไม่ฝืน แล้วเลือกการต่อสู้ระยะประชิดตามที่อีกฝ่ายปรารถนา
หลิงหลานตัดสินใจแล้วก็ขับหุ่นรบให้หมุนหนึ่งร้อยแปดสิบองศาทันที ขณะเดียวกันเครื่องยนต์ไอพ่นที่เดิมทีขับเคลื่อนการบินอย่างรวดเร็วสุดขีดก็กลับคืนเป็นศูนย์ และในชั่วพริบตาที่ หมุนตัวนั้น มือขวาก็ชักดาบแสงลงมาจากช่องตรงแผ่นหลัง ส่วนมือซ้ายก็หยิบปืนพกลำแสงกระบอกหนึ่งตรงช่องด้านหลังเอว
เดิมทีหลิงหลานเตรียมตัวโจมตีระยะไกลต่อ ดังนั้นอาวุธที่ติดตั้งบนตัวล้วนเป็นอาวุธโจมตีระยะไกลเป็นหลัก อาวุธที่สามารถต่อสู้ระยะประชิดได้ก็เป็นอาวุธติดตั้งตามมาตรฐานของหุ่น นรบแบบผสมสองชิ้นนี้
“หลิงหลานเปลี่ยนรูปแบบการรบเป็นครั้งแรก ดูเหมือนว่าคู่ต่อสู้จะกดดันเขาเยอะมาก ทำให้เขาจำเป็นต้องทิ้งการโจมตีระยะไกลที่ตัวเองเชี่ยวชาญ แล้วเลือกรูปแบบการต่อสู้ที่ฝ่ายตรงข้าม ต้องการ ดูเหมือนหลิงหลานจะตกเป็นฝ่ายรับแล้ว” ผู้ชมเห็นถึงตรงนี้ ก็ทอดถอนใจเล็กน้อย รู้สึกเป็นห่วงอนาคตหลิงหลานมาก และเพิ่มความไม่แน่ใจขึ้นมานิดหน่อยว่าโรงเรียนทหารชายที่หน นึ่งจะสามารถคว้าแชมป์ได้หรือเปล่า
การกระทำของหลิงหลานดึงดูดความสนใจของพวกฉีหลงเช่นกัน ฉีหลงถึงขนาดตะโกนเสียงดังว่า “ลูกพี่ เลือกต่อสู้ระยะประชิดแล้วจริงๆ”
“พวกนายว่าลูกพี่จะทุ่มสุดตัว ทารุณคู่ต่อสู้อย่างโหดเหี้ยมตั้งแต่แรกเลยไหม?” ฉีหลงเอ่ยถามด้วยใบหน้าสนุกสนาน
“ไม่มีทาง!” หานจี้จวินกับหลี่หลานเฟิงตอบกลับเป็นเสียงเดียวกันก่อนจะมองอีกฝ่ายที่คิดเหมือนกับตัวเอง ทั้งสองสบตาและยิ้มให้กัน
“ทำไมล่ะ? การต่อสู้ระยะประชิดของลูกพี่โหดมากเลยนะ” ฉีหลงไม่เชื่อ
หานจี้จวินไม่ได้เอ่ยปากอธิบายให้เพื่อนซี้ เขาทำท่าเชิญให้หลี่หลานเฟิง ดูท่าเขาอยากฟังการคาดการณ์ของหลี่หลานเฟิงก่อน หลี่หลานเฟิงไม่เกรงใจ ตอบกลับทันทีว่า “ลูกพี่หลานซ่อน ความสามารถมานานขนาดนั้น ไม่มีทางยอมหลุดเพราะการประลองรอบนี้หรอก” หลี่หลานเฟิงเข้าใจหลิงหลานดี ตอนที่ควรอดทน หลิงหลานสามารถอดทนได้มากกว่าใครๆ
“งั้นพวกเราก็กังวลไปเปล่าๆ เหรอ?” ฉีหลงเอ่ยด้วยใบหน้าเสียใจ
หลี่หลานเฟิงไม่ได้ตอบ หากแต่มองไปทางหานจี้จวิน บ่งบอกว่าให้หานจี้จวินมาตอบ หานจี้จวินก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาเอ่ยปากอธิบายว่า “ก็ไม่ใช่ว่ากังวลมากเกินไป พวกเราแค่บอกว่าลูกพี หลานไม่มีทางทุ่มสุดตัวทารุณคู่ต่อสู้ตั้งแต่แรก แต่ไม่ได้บอกว่าลูกพี่หลานจะไม่ทารุณคู่ต่อสู้สักหน่อย”
“หา?” สมองของฉีหลงแล่นวาบ เข้าใจทันที “พวกนายว่า ลูกพี่อาจจะทารุณคู่ต่อสู้ในตอนสุดท้าย แล้วคว้าชัยชนะเหรอ?”
“ใช่” หานจี้จวินพยักหน้าอย่างแน่วแน่
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเรามาเดิมพันกันว่าลูกพี่หลานจะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ภายในกี่กระบวนท่า” เซี่ยอี๋เอ่ยปากพลางยิ้มระรื่น
“เดิมพันยังไง?” ฉีหลงคล้ายกับสนใจเรื่องนี้มาก
“ภายในสิบกระบวนท่า สิบเท่า ภายในยี่สิบกระบวนท่า ห้าเท่า ภายในสามสิบกระบวนท่า สองเท่า ภายในห้าสิบกระบวนท่า หนึ่งเท่า!”
“ไม่มีหลังจากห้าสิบกระบวนท่าเหรอ?” ฉางซินหยวนเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ
ลั่วล่างได้ยินคำถามนี้ก็แค่นหัวเราะทันที “จากความสามารถของลูกพี่หลาน ต่อให้ปิดบังความสามารถยังไง ห้าสิบกระบวนท่าก็เป็นขีดจำกัดแล้ว!” เซี่ยอี๋พยักหน้าโดยพลัน พอเพียงเกี่ยวข้อ องกับปัญหาเรื่องพลังรบ สติปัญญาของลั่วล่างก็จะพุ่งทะยานขึ้นมา ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน
“ฉันเดิมพันสิบกระบวนท่า! หนึ่งหมื่นเครดิต!” ฉีหลงเอ่ยปากพูดทันที เร็วไวจนทำให้หานจี้จวินที่พยายามห้ามปรามเก็บมือด้วยความจนปัญญา พวกเขาพูดไปแล้วว่าไม่มีทางทารุณตั้งแต่แรก ทำไมเขายังกล้าเดิมพันสิบกระบวนท่าอีก เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางเป็นไปได้
หานจี้จวินเอ่ยถามอย่างกลุ้มใจมาก “นายมีเครดิตเยอะขนาดนั้นได้ยังไง?” นี่ต้องพ่ายแพ้อย่างน่าอเนจอนาถแล้ว อย่าเอาเงินค่าอาหารเดือนนี้มาเดิมพันสิ
ในหน่วยรบหลิงหลาน ทุกคนจะต้องมอบเครดิตจำนวนหนึ่งให้หลิงหลาน พวกฉีหลงชินกับการมอบเงินค่าขนมให้ทั้งหมดแล้ว หลิงหลานจะให้เสี่ยวซื่อจัดการเงินเหล่านี้ เงินส่วนหนึ่งก็ จะโอนให้หลินจงชิงเป็นทุนเสบียงพลาธิการของทีม และยังให้เงินค่าอาหารแต่ละคนเป็นพิเศษ เพิ่มโภชนาการของสมาชิกในทีม แน่นอนว่าหากมีอาวุธขนาดใหญ่ที่ต้องการซื้อหรือว่าของจำเป็นอื นๆ สามารถยื่นเรื่องให้หลินจงชิง ถ้าเกิดเงินไม่พอ ก็จะให้หลินจงชิงมายื่นเรื่องเพิ่มเงินกับหลิงหลานอีกที
พอเห็นเพื่อนสนิมสอบถาม ฉีหลงก็กระซิบข้างหูหานจี้จวินหนึ่งประโยค ดวงหน้าที่สุขุมแต่เดิมของหานจี้จวินเปลี่ยนไปทันที เขาชี้นิ้วใส่ฉีหลงเอ่ยด้วยความหวาดหวั่นว่า “นาย…”
พอเห็นเพื่อนสนิทตัวเองกำลังจะพูดความลับออกมา ฉีหลงก็ตาไวมือไวปิดปากของหานจี้จวินไว้ ปากก็ร้องเสียงเบาว่า “ชู่ อย่าพูดออกมาสิ!” ถ้าเกิดลูกพี่หลานรู้ว่าเขาเข้าร่วมการเดิ มพันที่อยู่รอบๆ เขาจะต้องมีจุดจบน่าอนาถแน่ๆ
แน่นอนว่า ฉีหลงไม่ได้ลงเดิมพันมั่วๆ เขาเลือกลงเดิมพันรอบของหลิงหลานเท่านั้น เขารู้ความสามารถของลูกพี่ตัวเอง ชนะการเดิมพันทุกรอบ ถึงแม้ว่าเดิมพันว่าชนะจะได้เงินน้อยกว่าเ เดิมพันว่ากี่กระบวนท่า แต่ก็รับประกันว่าชนะแน่ๆ ฉีหลงไม่เคยคิดมาก่อนว่าลูกพี่ตัวเองจะพ่ายแพ้
การเดิมพันของฉีหลงกระตุ้นความสนใจของสมาชิกคนอื่นๆ ในทีม ลั่วล่างเลือกยี่สิบกระบวนท่า อ้างอิงจากความเคยชินของลูกพี่ ให้สิบกระบวนท่าเป็นขีดจำกัด หลังจากนั้นค่อยจัดการคู่ต่อสู้ ในสิบกระบวนท่า ยี่สิบกระบวนท่าย่อมเป็นขีดจำกัดความอดทนของลูกพี่หลาน
ส่วนหลี่ซื่ออวี๋กับฉางซินหยวนเลือกภายในห้าสิบกระบวนท่า แต่ละคนลงเดิมพันสองพันเครดิต หลินจงชิงครุ่นคิดอย่างจริงจังแล้วเลือกสามสิบกระบวนท่าที่เขาคิดว่าค่อนข้างปลอดภัย ลงเด ดิมพันสองพันเช่นกัน มีเพียงหานจี้จวินกับหลี่หลานเฟิงที่ไม่ได้ลงเดิมพัน เซี่ยอี๋ย่อมไม่ปล่อยพวกเขาสองคนไป ตื๊อทั้งคู่ว่าจะต้องลงเดิมพัน พูดอย่างสวยงามว่าเป็นกิจกรรมของท ทีม พลาดไม่ได้เป็นอันขาด
หลี่หลานเฟิงกับหานจี้จวินสบตากันแวบหนึ่ง แล้วแทบจะเอ่ยปากพร้อมเพรียงกันว่า “สามสิบกระบวนท่า!” หานจี้จวินลงห้าพันเครดิต ส่วนหลี่หลานเฟิงลงแค่หนึ่งพันเครดิตเท่านั้น เป็ นคนที่ลงเดิมพันน้อยที่สุดในหมู่ทุกคน
หานจี้จวินได้ยินตัวเลขที่หลี่หลานเฟิงลงเดิมพัน ก็ทอดสายตามองไปทางหลี่หลานเฟิง ทั้งสองคนสบตายิ้มให้กันอย่างรู้ใจ จากนั้นก็เพ่งความสนใจไปในสนามอีกครั้ง