I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 485 แขกผู้มีเกียรติที่มอบรางวัล! (1)
หลังจากที่หลิงหลานโจมตีต่อเนื่องห้าครั้ง กรรมการก็รีบโบกธงแดงบ่งบอกว่าสิ้นสุดการประลองทันที เขาได้รับผลการประลองที่ส่งมาจากคณะกรรมการแล้ว การโจมตีต่อเนื่องห้าครั้งของห ลิงหลานได้หักคะแนนของคู่ต่อสู้จนเหลือศูนย์ และได้รับชัยชนะไปอย่างไม่ต้องสงสัย
รอบที่สามก็พ่ายแพ้อีกครั้ง เมื่อผลลัพธ์นี้ปรากฏ ใบหน้าของบรรดานักเรียนจากโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งก็เต็มไปด้วยความหดหู่ผิดหวัง หลินเซียวหัวหน้าทีมที่แข็งแกร่งที่สุดของพวก กเขายังไม่ได้ออกไปประลองก็โดนคู่แข่งคว้าชัยชนะติดกันสามรอบแล้ว นี่ทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกว่ายังไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งความกล้าหาญออกมา
หลินเซียวเห็นแบบนั้นก็อดยิ้มขื่นไม่ได้ “ความจริงแล้ว การจัดทีมของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งมีเป้าหมายชัดเจนมาก คือให้สามคนที่แข็งแกร่งที่สุดคว้าชัยชนะในสามรอบแรก ทางฝั่งพ พวกเรายังรักษาธรรมเนียมเดิมไว้ พ่ายแพ้ก็ไม่ผิด”
หลินเซียวทอดถอนใจด้วยความชื่นชม คนที่สามารถทำแบบนี้ได้จะต้องมีความกล้ามากแค่ไหนนะ เขาไม่กล้า ดังนั้นถึงได้จัดทีมตามธรรมเนียมเดิม ทำให้อีกฝ่ายได้ประโยชน์ และทำให้เขาไม่มี โอกาสออกไปต่อสู้
ทางด้านโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง เมื่อเห็นหลิงหลานคว้าชัยชนะรอบนี้มาได้ในที่สุด มู่เส่าอวี่ก็โล่งใจทันที ถ้าเกิดหลิงหลานพ่ายแพ้รอบนี้ การประลองสองรอบหลัง อาศัยเขากับหา นอวี้คว้าชัยชนะยังเป็นเรื่องเสี่ยงจริงๆ ไม่ใช่เขาดูถูกตัวเองมากเกินไป แต่ผู้ควบคุมไพ่ราชาหลินเซียวของฝ่ายตรงข้ามมอบแรงกดดันมากเกินไปจริงๆ
แต่โชคของหลิงหลานไม่เลยจริงๆ! มู่เส่าอวี่ถอนหายใจเอ่ยว่า “ไม่นึกเลยว่าหลิงหลานจะคว้าฝ่ายตรงข้ามไว้ได้ในช่วงเวลาสำคัญ ทำให้เขามีโอกาสตัดสินผลแพ้ชนะในนัดเดียว โชคดีมากๆ ๆ!”
จ้าวจวิ้นได้ยินคำกล่าวก็เบ้ปาก นั่นเป็นโชคดีเหรอ? เขาเชื่อว่า นี่เป็นความตั้งใจของลูกพี่เขาอย่างแน่นอน
ไม่นึกเลยว่าลูกพี่หลานก็เป็นนักแสดงที่เก่งกาจเหมือนกัน แสดงเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบที่ถูกบีบคั้นได้เป็นธรรมชาติขนาดนี้ ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะเขาโดนหลิงหลานเคี่ยวกรำบ่อยๆ ละก็ เ เกรงว่าเขาเองก็คงโดนลูกพี่หลานหลอกเหมือนกัน แต่ลูกพี่หลานทำแบบนี้ก็อยู่เหนือความคาดหมายของเขา เดิมทีเขานึกว่าลูกพี่หลานจะทารุณคู่ต่อสู้สักยก ตอนนี้ดูท่าเขายังคิดเรียบ บง่ายมากเกินไป ดูถูกลูกพี่หลานจนได้ ลูกพี่หลานไม่ได้หุนหันพลันแล่นขนาดนั้น เขารู้ดีว่าทำอย่างไรถึงจะดีที่สุด
เฉียวถิงจ้องมองหลิงหลานในหน้าจอ ขมวดคิ้วแน่น แววตาเผยร่องรอยความสงสัยเล็กน้อย ความจริงแล้วเขามักจะรู้สึกว่าหลิงหลานไม่ได้ทำการต่อสู้ระยะประชิดอย่างเต็มที่ ภาพของตัวเองที โดนจัดการด้วยกระบวนท่าเดียวในชั่ววินาทีเมื่อตอนนั้น เขายังจดจำได้อย่างเด่นชัด…เวลานั้นไอพลังของหลิงหลานบีบคั้นผู้คนมาก ให้ความรู้สึกที่ไม่อาจต้านทานได้…หรือว่าตอน นนั้นหุ่นรบเสียหายมากเกินไปจริงๆ ถึงได้ต้านทานเอาไว้ไม่ได้?
เฉียวถิงหาคำตอบไม่ได้ไปชั่วขณะ ได้แต่วางข้อสงสัยนี้ไปที่ด้านหลังสมองก่อน บางทีหนึ่งปีให้หลัง ตอนที่เขาสู้กับหลิงหลานอีกครั้ง เขาอาจจะหาคำตอบที่แท้จริงได้
หลิงหลานได้รับชัยชนะก็หมายความว่าการประลองหุ่นรบแบบกลุ่มสิ้นสุดลงแล้ว แต่พวกหลิงหลานยังไม่สามารถออกจากสนามประลองได้ เพราะว่ายังมีพิธีมอบรางวัล ผู้เข้าประลองที่ได้สี่อ อันดับแรกจะได้ขึ้นเวที่เพื่อรับรางวัล
แต่ละทีมจะขึ้นไปรับรางวัล โดยที่จะมอบรางวัลให้อันดับที่สี่ก่อน จากนั้นก็เป็นอันดับสาม แล้วก็เป็นอันดับสอง ซึ่งให้รองประธานาธิบดีของสหพันธรัฐเป็นแขกผู้มีเกียรติที่จะมอบรางวั ล
สุดท้ายก็ถึงตาโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งซึ่งได้อันดับหนึ่งขึ้นไปบนเวที สมาชิกทีมห้าคนเรียงแถวเดินขึ้นไปบนเวทีมอบรางวัล พวกเขาเพิ่งจะยืนเสร็จ ผู้จัดงานก็ประกาศว่า แขกผู้มีเก กียรติที่จะมอบรางวัลให้พวกเขาคือนายพลหลิงเซียว
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทั่วทั้งสนามก็ส่งเสียงร้องฮือฮาขึ้นมา
พอหลิงหลานได้ยินว่าแขกผู้มีเกียรติที่จะมอบรางวัลให้พวกเธอคือหลิงเซียว หัวใจพลันเต้นตุบๆ เธอจำได้ว่าเดิมทีแขกผู้มีเกียรติที่จะมอบรางวัลในกำหนดการคือท่านรองประธานาธิบดี การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้เป็นเพราะหลิงเซียวเรียกร้องเองหรือเปล่า? หน้าผากหลิงหลานพลันขึ้นขีดดำเต็มไปหมด มีความเป็นไปจริงๆ ที่พ่อของเธอจะทำแบบนี้เพื่อแสดงตัวตนต่อหน น้าเธอเป็นครั้งคราว
จ้าวจวิ้นที่ยืนอยู่ข้างๆ หลิงหลานได้ยินข่าวนี้ก็ตื่นเต้นแล้ว “ลูกพี่หลาน ปะ ปะ เป็นนายพลหลิงเซียว…”
“ใจเย็นซะ! อย่าทำให้ฉันขายหน้า!” หลิงหลานลอบกลอกตา ปากก็เอ่ยตำหนิอย่างเย็นชา
พ่อของเธอไม่ได้มีหัวเพิ่มขึ้นมาซะหน่อย ต้องตื่นเต้นขนาดนี้เลยเหรอ? เนื่องจากหลิงหลานไม่อาจเข้าใจความรู้สึกที่ได้สัมผัสไอดอลในระยะใกล้เช่นนี้ จ้าวจวิ้นเลยถูกสั่งสอนอย่างน น่าสงสาร
เมื่อเห็นสายตาเยือกเย็นเฉยชาของลูกพี่หลาน จ้าวจวิ้นก็รู้สึกอับอายมาก คิดว่าเขาทำให้ลูกพี่ขายหน้าแล้วจริงๆ เขาหันหน้ามองไปยังสามคนที่อยู่อีกฝั่งโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะพบว ว่าหานอวี้กับมู่เส่าอวี่ไม่ได้ดีไปกว่าเขาเลย ใบหน้าแดงด้วยความตื่นเต้นแล้ว ถึงแม้เฉียวถิงพยายามรักษาความสงบเยือกเย็น แต่เขาก็กำหมัดสูดลมหายใจลึกๆ เป็นครั้งคราว บ่งบอกว่าเขา จิตใจไม่สงบมากๆ
ความอับอายของจ้าวจวิ้นหนีหายไปทันที แม่งเอ๊ย ที่แท้ไม่ใช่เขาที่ทำตัวขายหน้า แต่ลูกพี่หลานของเขาไม่ใช่มนุษย์แล้ว ดังนั้นถึงได้ไม่สนใจคนอย่างหลิงเซียว
ไม่นาน หลิงเซียวก็ก้าวเท้ายาวๆ เดินขึ้นมาอย่างรวดเร็วเฉียบขาด คนที่ติดตามข้างกายเขาคือเหอซวี่หยางเจ้าหน้าที่ฝ่ายเสนาธิการที่หนึ่งของเขา เจ้าหน้าที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใ ใกล้หลิงเซียวเพื่อรับรองความปลอดภัยของหลิงเซียว ได้แต่ยื่นถ้วยรางวัลให้เหอซวี่หยาง แล้วเหอซวี่หยางก็จะยื่นส่งไปถึงมือหลิงเซียว
หลิงเซียวดูหล่อเหลามาก และเป็นคนที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนติดมุมปากอยู่ตลอดเวลา ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายอบอุ่น ทำให้ความรู้สึกประหม่าของใครหลายคนหายไปเยอะมาก
หลิงเซียวเดินตรงมาแล้วยืนอยู่ตรงหน้าเฉียวถิงที่เป็นคนแรก เขาเพิ่งจะยืนนิ่ง เฉียวถืงที่ฝืนทำเป็นสงบเยือกเย็นทำความเคารพของนักเรียนทหาร หลิงเซียววันทยหัตถ์คืนด้วยรอยยิ้ม มละไม เขาหันตัวไปหยิบถ้วยรางวัลและประกาศนียบัตรที่เหอซวี่หยางส่งมา จากนั้นก็มอบให้เฉียวถิงอย่างระมัดระวัง ปากก็เอ่ยว่า “เฉียวถิง พยายามต่อไปละ! ฉันจะตั้งตารอเธอแสดงผลงานตอน นที่เข้ากองทัพ!”
“ครับ ท่านนายพล!” เฉียวถืงยืดอกตอบกลับทันที ในใจตื่นเต้นไม่หยุด ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะเขาถูกกำหนดให้เข้ากองทัพที่สามมาตั้งแต่แรกแล้วละก็ เขาอยากจะสมัครเข้ากองทัพที่ยี่สิบสาม กลา ายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนายพลหลิงเซียวจริงๆ
จากนั้นหลิงเซียวก็มอบรางวัลให้มู่เส่าอวี่ หานอวี้และจ้าวจวิ้น อีกทั้งยังให้กำลังใจคนละประโยค สุดท้ายก็มาถึงตาหลิงหลาน
หลิงหลานทำความเคารพของนักเรียนทหารให้กับหลิงเซียวคุณพ่อของตัวเองด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก หลิงเซียววันทยหัตถ์คืน เขายื่นถ้วยรางวัลและประกาศนียบัตรให้หลิงหลาน แล้วหลิงหลา านก็ยื่นมือไปรับอย่างเคารพนอบน้อม
ในตอนนี้เอง หลิงเซียวก็เอ่ยปากพูดยิ้มๆ ว่า “ลูก ทำได้ไม่เลวเลย พยายามต่อไปละ!”
ละ…ลูก!!!! หลิงเซียวยืนอยู่บนแท่นมอบรางวัล ประกาศความสัมพันธ์ของเขากับเธอโดยไม่สนใจพวกเฉียวถิงสี่คนเลย หลิงหลานเซ่อซ่าไปแล้ว
ท่าทางนิ่งอึ้งของหลิงหลานทำให้หลิงเซียวขบขัน หลิงเซียวยิ้มกว้างมากขึ้น ทันใดนั้นเขาก็ร้อง “อ๊ะ” แล้วกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “พ่อตื่นเต้นจนลืมไปเลยว่ารับปากลูกแล้วว่าจะ ะไม่พูดเรื่องนี้!” หลิงเซียวหันหน้ามองไปทางพวกเฉียวถิงสี่คนที่ตกใจอึ้งกิมกี่เพราะคำพูดประโยคนี้ จากนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มเจื่อนว่า “พวกเธอต้องช่วยปกปิดเป็นความลับด้วยนะ”
“ครับๆๆ…” ทั้งสี่คนพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว เฉียวถิงเป็นคนแรกที่ได้สติกลับมา เขาตอบกลับอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ครับ ท่านนายพล!”
กล่าวคำพูดประโยคนี้จบ เฉียวถิงก็เหลือบมองหลิงหลานแวบหนึ่ง แววตามีความตกตะลึงและก็แฝงไปด้วยร่องรอยการรู้แจ้ง หลิงหลานมีความสามารถแข็งแกร่งแบบนี้ได้ตั้งแต่อายุน้อยๆ ขนาดนี ที่แท้พ่อของเขาก็คือผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะหลิงเซียวนี่เอง เกรงว่าหลิงเซียวคงใช้วิธีการไม่น้อยเพื่อทำให้หลิงหลานแข็งแกร่ง
เวลานี้หลิงหลานรู้สึกปวดฟัน เธอจงใจปิดความลับ ไม่ได้บอกความลับแม้กระทั่งสมาชิกทีมหลายคนที่เข้าร่วมทีหลัง แต่ว่ามันโดนหลิงเซียวพ่อของเธอทำลายหมดแล้ว ทีนี้ต่อให้ภายนอกไม ม่บอกเรื่องที่หลิงเซียวเป็นพ่อของเธอ แต่ก็จะบอกข้อมูลในหมู่ระดับสูงของกลุ่มหุ่นรบใหญ่ต่างๆ จนกลายเป็นความลับกึ่งเปิดเผยของโรงเรียนทหาร
หลิงหลานโมโหจนขบกรามอย่างรุนแรงหลายที จากนั้นถึงค่อยเค้นคำพูดออกมาว่า “คุณพ่อครับ คุณลงไปได้แล้ว”
คำพูดขับไล่ไสส่งที่ไม่มีความเกรงใจเลยสักนิดเดียวนี้ทำให้เหอซวี่หยางที่ยืนอยู่ด้านข้างหัวเราะออกมา คุณชายหลานยังคงเหมือนเดิม ไม่ไว้หน้านายพลหลิงเซียวเลยสักนิดเดียว!
หลิงเซียวปรายตามองทีหนึ่ง เหอซวี่หยางก็เก็บสีหน้าทันที บ่งบอกว่าเมื่อตะกี้เขาไม่ได้หัวเราะเลย เมื่อหลิงเซียวหันหน้ากลับมามองหลิงหลานอีกครั้ง แววตาของหลิงเซียวก็แฝงไ ไปด้วยความน้อยอกน้อยใจนิดๆ เขาแค่อยากมีสถานะเป็นพ่อของหลิงหลานอย่างเปิดเผยเท่านั้นเอง อีกอย่าง ลูกสาวที่รัก เมื่อไหร่จะเรียกพ่อว่า ‘พ่อ’ สักที?
เมื่อเห็นหลิงเซียวยืนทำหน้าหนาอยู่เบื้องหน้าตัวเอง หน้าผากของหลิงหลานก็เต็มไปด้วยขีดดำ ‘พ่อเป็นนายพล เป็นนายพลนะ รักษามาดนายพลของพ่อหน่อยไม่ได้หรือไง ท่าทีน้อยอกน้อยใจ จแบบนี้คืออะไร? หนูไม่ใช่แม่ ไม่หลงกลลูกไม้นี้หรอกนะ!’
หลิงเซียวกับหลิงหลานสบตากัน ไม่มีใครยอมแพ้ หลิงเซียวยืนอยู่ข้างหลิงหลานมานานนิดหน่อยแล้ว ด้านล่างเวทีเริ่มพากันพูดคุย ไม่รู้ว่าด้านบนเวทีเกิดเรื่องอะไรขึ้น
หลิงหลานกัดฟันด้วยความโกรธเกรี้ยว พ่อของเธอเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว ข่มขู่เธอว่า ถ้าไม่เรียกก็จะไม่ลงไป…เธอเค้นคำพูดอีกครั้ง “พ่อครับ พ่อลงไปได้แล้ว”
หลิงเซียวยิ้มด้วยความพึงพอใจ แล้วค่อยพาเหอซวี่หยางไปจากเวทีมอบรางวัล หลิงหลานเดินลงจากเวทีมอบรางวัลทีละก้าวด้วยความเดือดดาลภายใต้การนำทางของเจ้าหน้าที่ แม่งเอ๊ย เธอจะต ต้องเอาคืนจากการขาดทุนครั้งนี้ให้ได้! หลิงหลานตัดสินใจแล้วว่า คืนนี้เธอจะไปหาหลานลั่วเฟิ่งแล้วร้องไห้ฟ้อง ทำให้หลิงเซียวรู้ว่าอาวุธสุดยอดอยู่ในมือของเธอมาตลอด
เทียนกับหลิงหลานที่อัดอั้นตันใจแล้ว จ้าวจวิ้นทำหน้าเพ้อฝัน ตอนเดินลงจากเวทีมือเท้าก็แทบจะไปพร้อมกัน หานอวี้กับมู่เส่าอวี่ก็เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง ชนกันเอง ท่าที่ น่าขบขันเช่นนี้ของพวกเขาทำให้ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างหัวเราะลั่นแต่ก็เข้าใจได้ ใครใช้ให้คนที่มอบรางวัลคือนายพลหลิงเซียวละ นั่นเป็นสุดยอดไอดอลของทุกคนในสหพันธรัฐเชียวนะ
“พวกนายว่า นายพลหลิงเซียวพูดอะไรกันแน่ ถึงทำให้พวกจ้าวจวิ้นทำท่าย่ำแย่ขนาดนั้น?” ภายในโซนผู้ชม ฉางซินหยวนที่ไม่คิดว่าจ้าวจวิ้นจะเกิดอาการผิดปกติเพราะแค่ได้เจอนายหลิ งเซียวเพียงอย่างเดียว เอ่ยถามด้วยความใคร่รู้อย่างมาก
หลายคนที่รู้ว่าหลิงเซียวคือพ่อของหลิงหลานมองหน้ากันเอง พวกเขาเดาว่านายพลหลิงเซียวอาจจะเปิดเผยข่าวนี้บนเวทีมอบรางวัล ดังนั้นถึงทำให้จ้าวจวิ้น หานอวี้ มู่เส่าอวี่แสด ดงท่าทีผิดปกติ ถึงแม้ว่าเฉียวถิงจะไม่มีข้อผิดพลาด แต่ก็ดูออกว่าใจเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเล็กน้อย คล้ายกับโดนเรื่องอะไรบางอย่างกระทบกระเทือนจิตใจ และสิ่งที่สามารถสะเทือนใจพวกเ เขาได้ นอกจากเรื่องนี้แล้ว พวกเขาก็คิดความเป็นไปได้อื่นไม่ออก
แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของลูกพี่หลาน ถ้าลูกพี่หลานไม่พูด พวกเขาก็ไม่สามารถบอกความลับนี้ให้กับอีกสามคนที่ยังไม่รู้เรื่องนี้ได้
หลี่หลานเฟิงเป็นคนที่ฉลาดปราดเปรื่องมาก เขาจับสังเกตการแลกเปลี่ยนสายตาของหลายคนได้ในพริบตา เขาครุ่นคิดสักพักแล้วก็ถามหานจี้จวินว่า “พูดไม่ได้เหรอ?”
หานจี้จวินเงียบไปครู่หนึ่ง ถึงค่อยกล่าวว่า “เรื่องของลูกพี่หลาน พวกเราพูดไม่ได้”
แววตาหลี่หลานเฟิงเปล่งประกาย คำพูดของหานจี้จวินให้คำใบ้เขาแล้วจริงๆ “นายพลหลิงเซียวกับลูกพี่หลานแซ่หลิงทั้งคู่ หลิงเซียวมีความสัมพันธ์กับลูกพี่หลานใช่หรือเปล่า?”