I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 487 ผู้บัญชาการ!
“ลูกพี่ วางใจได้ ฉันบันทึกทุกอย่างไว้หมดแล้ว!” ทันใดนั้นเสี่ยวซื่อก็ส่งเสียงออกมา ทำให้หัวใจของหลิงหลานสะดุ้งโดยพลัน
สายตาของหลิงหลานเริ่มละออกจากเทือกเขา ขณะเดียวกันก็ตอบในใจว่า “เสี่ยวซื่อ อย่าเพิ่งกวนฉันนะ ฉันอยากรู้ว่า ฉันจะจำได้เท่าไหร่ในหนึ่งนาที”
เสี่ยวซื่อตระหนักได้ทันที และไม่ส่งเสียงออกมาอีก รอคอยอยู่เงียบๆ ไม่ว่าลูกพี่จะจำได้หรือไม่ ขอเพียงต้องการ เขาก็จะปรากฏตัวออกมาช่วยเหลือ
หนึ่งนาทีผ่านไป ภาพทั้งหมดบนหน้าจอหายไปแล้ว หลิงหลานหลับตาลงแล้วทบทวนสิ่งที่เพิ่งจดจำภายในหนึ่งนาทีเพื่อจำให้มั่น หลิงหลานตัดสินใจแล้วว่า ขอเพียงไม่ถึงสถานการณ์จนตรอก เธอจะอาศัยความสามารถของตัวมาแก้ไขให้ได้มากที่สุด เธออยากทดสอบสิ่งที่ตัวเองเรียนรู้มาในการต่อสู้ประจัญบาน
ผู้จัดที่รับผิดชอบดูแลการจับฉลากประกาศว่าพิธีจับฉลากจบลงแล้ว หลังจากนั้นก็บอกกฎบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ประจัญบาน ยกตัวอย่างเช่น แต่ละทีมต่างมีสิทธิ์จัดหาอาวุธและ ทรัพยากรห้าสิบล้านเครดิต สามารถทำการยื่นเรื่องได้ที่คลังอาวุธและทรัพยากร แน่นอนว่าเวลาในการยื่นเรื่องต้องก่อนบ่ายสองโมง หากเลยบ่ายสองโมงก็จะหมายความว่าสละสิทธิ์โดยอัตโนมัต ติ
และบ่ายสามโมงตรง สมาชิกทีมที่เข้าร่วมการต่อสู้ประจัญบานรวมถึงอาวุธและทรัพยากรที่ยื่นขอจะถูกส่งเข้าไปในแผนที่ของการต่อสู้ประจัญบานด้วยกันโดยใช้ยานลำเลียงขนส่ง
ทีมจำเป็นต้องค้นหาฐานที่มั่นของพวกเขาให้ถูกต้องก่อนเที่ยงคืน ถ้าเกิดไม่เจอก็จะสูญเสียคุณสมบัติทำการต่อสู้ประจัญบาน ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายแล้วยานลำเลียงจะพาพวกเขาไปที่ไหน ไม่ แน่เหมือนกันว่าบางทีอาจจะยังไม่ทันได้เจอฐานที่มั่นของตัวเอง ก็ต้องสู้กับโรงเรียนอื่นก่อนแล้ว
หลิงหลานกับเฉียวถิงจดสิ่งเหล่านี้ลงในอุปกรณ์สื่อสาร รอจนทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ออกจากห้องประชุมอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันโดยที่ไม่ได้พูดอะไรมาตลอดท ทาง นี่ทำให้ตัวแทนของบางโรงเรียนที่เฝ้าจับตามองพวกเขาเสีย เดิมทีพวกเขาอยากได้คำใบ้อะไรบางอย่างจากในบทสนทนาของพวกเขา ไม่นึกเลยว่าทั้งคู่จะระมัดระวังตัวขนาดนี้ ไม่พูดเลยสัก กประโยค
หลิงหลานกับเฉียวถิงนั่งโฮเวอร์คาร์กลับมายังเขตที่พักของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ทั้งสองคนไม่ได้พักผ่อน แต่ว่าตรงไปที่ห้องประชุมของเขตที่พักทันที เมื่อคืนหลิงหลานแจ้งบรรดา าสมาชิกทีมล่วงหน้าแล้วว่านัดรวมกันที่นี่เก้าโมงครึ่ง และตอนนี้ เวลาใกล้จะสิบโมงแล้ว เชื่อว่าทุกคนมาถึงกันหมดแล้ว
พอถึงหน้าประตู หลิงหลานก็ผ่อนฝีเท้าลง เบี่ยงตัวให้เฉียวถิงเดินเข้าไปก่อน หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องเรียกว่า ‘ลูกพี่เฉียว’ ดังมาจากด้านใน เธอถึงค่อยก้าวเท้าเดินเข้าไปใ ในห้องประชุม
“ลูกพี่!” นี่เป็นคนของหน่วยรบหลิงเทียน เมื่อเห็นหลิงหลานเข้ามาก็ลุกขึ้นยืนทันที แล้วร้องเรียกเป็นเสียงเดียวกัน
“หัวหน้ากลุ่มหลิง!” นี่เป็นตัวแทนของกลุ่มเล็กๆ เมื่อเห็นหลิงหลานเข้ามาก็แสดงความเคารพของตัวเองและลุกขึ้นมาต้อนรับเช่นกัน
เฉียวถิงที่เดินไปถึงข้างกายสมาชิกทีมเหลยถิงได้ยินเสียงเรียกขานที่ดังต่อเนื่องเหล่านี้ เขาก็มองหลิงหลานด้วยแววตาซับซ้อนอย่างยิ่ง หลิงหลานในเวลานี้ทำให้เขาอิจฉาอยู่บ้าง หลิงหลานกลายเป็นหัวหน้าในใจกลุ่มอำนาจเล็กๆ โดยไม่รู้ตัว ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะเขารู้ว่าหลิงหลานไม่มีอนาคตอะไรแล้วละก็ เกรงว่าเขาคงจะยิ่งกังวลเรื่องอีกฝ่ายเพราะเหตุนี้ จนไม่ แน่ว่าอาจจะกลายเป็นมารในใจเขา
เฉียวถิงปล่อยวางความความขมขื่นที่อยู่ในใจทีละนิด เขาลอบบอกกับตัวเองว่า จะให้หลิงหลานส่งผลกระทบต่อการก้าวหน้าในอนาคตของเขาอีกไม่ได้เด็ดขาด อนาคตของเขาอยู่ในกองทัพ ไม่ใช่อ อยู่ในโรงเรียนทหารเล็กๆ
หลิงหลานพยักหน้าน้อยๆ ให้กับตัวแทนกลุ่มอำนาจเล็กๆ เหล่านั้น จากนั้นเธอก็เห็นเซี่ยอี๋เลื่อนเก้าอี้ประธานตรงกลางสุดด้วยท่าทางราวข้ารับใช้มากๆ หลิงหลานมองไปทางหลี่หลานเ เฟิงที่นั่งอยู่ด้านข้าง หลี่หลานเฟิงพยักหน้าให้เธอเล็กน้อย ดูท่าการกระทำของเซี่ยอี๋จะเป็นสิ่งที่พวกเขาปรึกษาหารือกันดีแล้ว
หลิงหลานเดินตรงเข้าไปโดยไม่ลังเล แล้วทิ้งตัวนั่งลงไป เธอรู้ว่าที่นั่งนี้เป็นตัวแทนของผู้บัญชาการทีม ซึ่งเธอไม่มีทางปล่อยไปเด็ดขาด! แต่ว่าเดิมทีเธอก็ไม่เคยคิดจะปล่อยไปอยู่แ แล้ว เมื่อการต่อสู้ประจัญบานเปิดฉากขึ้น ทีมจะมีผู้บัญชาการได้เพียงคนเดียวเท่านั้น และหลิงหลานไม่ชอบฝากความหวังไว้ที่ตัวคนอื่น พอเทียบกันคนอื่นแล้ว เธอเชื่อตัวเองมากกว่า
เมื่อหลิงหลานนั่งลง เธอก็เอ่ยกับพวกสมาชิกทีมของเธอที่ยังคงยืนรอว่า “นั่งลง!”
นี่เป็นการกระทำที่ประกาศถึงสถานะและอำนาจในการควบคุมอย่างชัดเจน ทำให้แววตาของเฉียวถิงหดลงทันที หานอวี้เห็นดังนั้นก็ทำหน้าเย็นชา แววตามีความไม่พอใจพาดผ่าน และก็ทำให้ดวงหน น้ามู่เส่าอวี่ตะลึงค้าง บางทีพวกเขาไม่คาดคิดว่า หลิงหลานจะแสดงท่าทีวางอำนาจขนาดนี้ เดิมทีพวกเขาคิดว่าทุกคนจะทำการแข่งขันกันเองสักรอบหนึ่ง แล้วสุดท้ายเลือกคนที่ทุกคนพอใจออ อกมาเป็นผู้บัญชาการในฉากหน้าควบคู่ไปกับรองผู้บัญชาการที่มีอำนาจริงไม่กี่คนมาปฏิบัติการร่วมมือกันก็พอ
แต่พอเห็นท่าทางของหลิงหลานในตอนนี้เกรงว่าเขาคงอยากจะกุมอำนาจบัญชาการไว้เพียงคนเดียว และไม่อยากให้ปล่อยอำนาจให้คนอื่น นี่ทำให้ทีมเหลยถิง เทียนจีและอู๋จี๋ไม่พอใจอยู่บ้ าง ห้องประชุมเริ่มมีเสียงกระซิบกระซาบขึ้นมา ส่วนตัวแทนของกลุ่มอำนาจเล็กๆ กลับคงความเงียบไว้
หลิงหลานรู้ว่าจะต้องมีบางคนไม่ยอมรับการกุมอำนาจของเธอแน่นอน เธอเริ่มกวาดสายตาเย็นเยียบไปยังพวกสมาชิกทีมที่เผยแววตาไม่ยอมรับภายในห้องประชุม และปล่อยไอพลังของระดับเขตแดนข ของเธอออกมาอย่างเงียบๆ
เหล่าคนที่เดิมทีไม่พอใจกำลังวิพากษ์วิจารณ์ รู้สึกได้ถึงแรงกดดันไร้รูปท่ามกลางไอพลังและสายตากดดันอย่างหนักของหลิงหลาน พวกเขาก็ค่อยๆ เงียบเสียงลง ท้ายที่สุดทั่งทั้งห้องก็ เงียบงันเย็นเยียบ
หลิงหลานถึงค่อยเก็บสายตากลับมาอย่างเฉยชา เธอหันหน้าไปทางเฉียวถิงแล้วเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “รุ่นพี่เฉียวถ้าต้องการชนะในการต่อสู้ประจัญบานแบบทีม จะมีผู้บัญชาการหลายหัวไม่ได้ ฉันจะรับอำนาจสั่งการนี้อย่างกล้าหาญเอง”
ริมฝีปากของเฉียวถิงกระตุกไม่ได้ส่งเสียงออกมาสักคำ หลิงหลานบอกต้องการอำนาจสั่งการตรงทำให้เฉียวถิงไม่อาจปฏิเสธได้ เนื่องจากเดิมทีคนที่ได้สิทธิ์ออกมาเข้าร่วมการประลองก็คือก กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนของหลิงหลาน ถ้าหลิงหลานต้องการกุมอำนาจสั่งการ ความจริงแล้วก็เป็นเรื่องที่ถูกหลักทำนองคลองธรรม สมเหตุสมผล
แต่ในเฉียวถิงไม่ยอมรับ เห็นชัดๆ ว่าเขาเป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียนทหาร เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด ทำไมเขาถึงไม่ได้เป็นผู้บัญชาการล่ะ?
ผู้บัญชาการทีมของการต่อสู้ประจัญบานมีความสำคัญมาก เขาจะมีผลงานของทีมต่อสู้ประจัญบาน และสมาชิกทีมที่เข้าร่วมการประลองเขียนลงไปในไฟล์ เมื่อเข้าสู่กองทัพ เลื่อนยศทหาร สิ่งเหล่า านี้จะเป็นตัวอ้างอิง ขอเพียงมีความเป็นไปได้ ไม่มีใครยินดีทิ้งโอกาสนี้
รองหัวหน้าของหน่วยรบเฉียวถิงย่อมไม่อยากให้อำนาจสั่งการหลุดมือไป เขารู้ว่าหัวหน้าตัวเองเอ่ยปากไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงยืนตัวตรงและพูดว่า “หัวหน้ากลุ่มหลิง ฉันคิดว่า ทุกคนควรปรึ กษากันเรื่องผู้บัญชาการนี่สักหน่อยจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นถ้ามีคนไม่ยอมรับคำสั่งของผู้บัญชาการ แสร้งทำเป็นฟังแต่ความจริงฝ่าฝืนขึ้นมา นั่นจะแย่เอานะ”
หลิงหลานได้ยินคำกล่าวก็แค่หลุบเปลือกตาลง ไม่ได้เอ่ยปากตอบกลับ เธอวางนิ้วมือลงบนโต๊ะก่อนจะเริ่มเคาะขึ้นมา
ตึก! ตึก! ตึก!
เสียงเคาะโต๊ะดังกังวานเป็นพิเศษภายในห้องประชุมที่เงียบสงบ นำพาแรงกดดันให้รองหัวหน้าเหลยถิงอย่างมาก ดวงหน้าที่เดิมทีมีรอยยิ้มก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อขึ้นมาเพราะเหตุนี้
ขณะที่รองหัวหน้าทีมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี หลิงหลานพลันยกเปลือกตาขึ้นแล้วเอ่ยถามอย่างเย็นชาว่า “งั้นนายต้องการเสนอใคร?”
“ลูกพี่เฉียวของพวกเรา!” รองหัวหน้าเหลยถิงโพล่งออกมา เขาถูกบรรยากาศกดดันเมื่อสักครู่นี้จนใกล้จะทรุดแล้ว เมื่อได้ยินคำถามของหลิงหลานก็เอ่ยความคิดที่แท้จริงของตัวเองออกมา ทันที ทั้งที่ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะพูดอ้อมๆ
หลิงหลานปรายตามองเฉียวถิงแวบหนึ่งคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม นี่ทำให้เฉียวถิงอับอายอยู่บ้าง เขาไม่นึกเลยว่ารองหัวหน้าของเขาจะไร้ไหวพริบแล้วผลักเขาออกมาตรงๆ
รองหัวหน้าเหลยถิงเห็นว่าตัวเองพูดออกมาแล้ ก็ไม่ได้เก็บงำซ่อนไว้อีกต่อไป เขากล่าวว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยสักนิดว่าพลังรบลูกพี่เฉียวเราแข็งแกร่งที่สุดแน่นอน ไม่มีใครเหมาะสมในกา ารรับตำแหน่งผู้บัญชาการไปมากกว่าเขาแล้ว”
หลี่หลานเฟิงได้ยินคำพูดก็หัวเราะเบาๆ “พลังรบของผู้บัญชาการแข็งแกร่งที่สุดหรือไม่นั้นไม่สำคัญเลย สิ่งสำคัญคือวางกลยุทธ์ยังไงต่างหาก”
“ลูกพี่เฉียวนำพาพวกเราประลองหุ่นรบมาเยอะมาก ประสบการณ์มากมาย เหมาะสมที่จะรับตำแหน่งผู้บัญชาการมากกว่าคนที่ไม่มีประการณ์บางคนนะ” รองหัวหน้าเหลยถิงมองหลิงหลานอย่างโดยนัย
“ไม่มีประสบการณ์? ไม่มีประสบการณ์ก็สามารถทำให้ลูกพี่เฉียวแพ้มาแล้วครั้งหนึ่ง? ใช่หรือเปล่า ลูกพี่เฉียว?” เสียง พูดคำ ‘ลูกพี่เฉียว’ ของหลี่หลานเฟิงแฝงไปด้วยความสัพยอก เขาโยนคำถ ถามกลับไปหาเฉียวถิงอย่างชาญฉลาด ทำให้เฉียวถิง กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก เพราะว่าเขาติดกับหลิงหลานจนพ่ายแพ้จริงๆ
เขาที่โดนคำพูดของหลี่หลานเฟิงบีบก็ได้แต่เอ่ยปากว่า “เยี่ยนฉือ ไม่ต้องพูดแล้ว พวกเราฟังการจัดการของหัวหน้ากลุ่มหลิงก็พอ” เฉียวถิงจำเป็นต้องพูดแบบนี้ การพ่ายแพ้หลิงหลานเ เป็นเรื่องจริงที่เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และคำพูดประโยคนี้ก็บ่งบอกว่าเขาไม่มีวาสนากับตำแหน่งผู้บัญชาการของทีมแล้ว
เฉียวถิงทอดถอนใจ น่าเสียดาย คนที่เขาพามาไม่มีเสนาธิการเลยสักคน ไม่อย่างนั้นไม่มีทางโดนคำพูดของหลี่หลานเฟิงผูกมัดไว้ง่ายขนาดนี้หรอก ดังนั้นเขาเลยจำเป็นต้องยอมปล่อยตำแหน่งผ ผู้บัญชาการไปแต่โดยดี
พอเห็นเฉียวถิงถอยกลับไปพร้อมกับความพ่ายแพ้ แววตาของหานอวี้ก็ไหววูบ ขณะที่เขากำลังคิดจะพูด อยากแย่งชิงตำแหน่งผู้บัญชาการ รองหัวหน้าทีมของจางจิงอันก็ชิงพูดก่อนหนึ่งก้าวว่า “หัวหน้าจางของเราฝากให้ฉันนำคำพูดประโยคหนึ่งมา ทีมของเราจะสนับสนุนหัวหน้ากลุ่มหลิงเป็นผู้บัญชาการอย่างเต็มที่!”
สิ้นเสียงนี้ก็เหมือนกับพวกเขาปรึกษากันดีแล้วก็ไม่ปาน หัวหน้าทีมของกลุ่มอำนาจเล็กอื่นๆ ก็ทยอยกันเอ่ยปากบอกว่ายินดีสนับสนุนหลิงหลานเป็นผู้บัญชาการ เมื่อเห็นฉากนี้ เฉียว ถิงก็รู้แล้วว่าหลิงหลานตกลงร่วมกันกับคนเหล่านี้มานานแล้ว พวกเขาที่เตรียมตัวมาเต็มที่ไม่มีทางให้โอกาสพวกเขามาแตะตำแหน่งผู้บัญชาการแน่นอน
เขาแพ้อีกแล้ว! เฉียวถิงมองหลิงหลานแวบหนึ่งด้วยแววตาคลุมเครือ ถึงแม้การควบคุมหุ่นรบของหลิงหลานไปถึงทางตันแล้ว แต่อาศัยสมองที่วางแผนการไร้ช่องโหว่นี้ อนาคตย่อมกลายเป็นเสนา าธิการที่โดดเด่นคนหนึ่งเช่นกัน…
ทีนี้นอกจากเหลยถิงที่ก้มหน้าแล้ว มีเพียงกลุ่มหุ่นรบเทียนจีกับอู๋เท่านั้นที่ไม่ได้พูดอะไร ทุกคนทอดมองไปที่ตัวหานอวี้กับมู่เส่าอวี่พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
มู่เส่าอวี่เห็นแบบนั้นก็รู้ว่าโอกาสไปแล้ว ดังนั้นเลยประจบเอาใจหลิงหลาน เขาเอ่ยว่า “พูดตรงๆ พวกเราอาศัยหัวหน้ากลุ่มหลิงถึงเข้าร่วมศึกประลองหุ่นรบได้ ดังนั้นหัวหน้ากลุ่มห ลิงกลายเป็นผู้บัญชาการต่อสู้ประจัญบาน เทียนจีของพวกเราไม่คัดค้าน”
หลิงหลานได้ยินคำกล่าวก็เหลือบมองมู่เส่าอวี่แวบหนึ่ง มู่เส่าอวี่คนนี้รู้สึกรุกและรับ มิน่าล่ะถึงสามารถครองตำแหน่งกลุ่มอำนาจอันดับสองของโรงเรียนได้นาน นิสัยก็เปิดเผยยืดหยุ่น ไม่ทำให้คนรู้สึกรังเกียจ โดยรวมแล้วถือว่าไม่เลว แต่น่าเสียดายที่มีปัญหาด้านการคบหาคน รับพวกสวะเข้ามาในเทียนจีจนเกือบทำร้ายลั่วล่าง…เดิมทีหลิงหลานรอให้ศึกประลองหุ่นร รบผ่านไปแล้ว จะเลือกเทียนจีเป็นเป้าหมายลงมืออันดับหนึ่ง ตอนนี้ดูเหมือนว่าบางทีอู๋จี๋จะเหมาะมากกว่า
หลิงหลานไม่ได้ละทิ้งความคิดรวมโรงเรียนเป็นหนึ่งเดียว เธอคิดแค่ว่าจะจัดการเรื่องใหญ่นี้ต่อหลังจากศึกประลองหุ่นรบ